Photobucket

Iced Tea ที่ Nepal - ตอนที่ 1

ถ้าชื่อเรื่องคือบทสรุปของใจความสำคัญทั้งหมดของเนื้อเรื่อง
บันทึกการเดินทางของแต่ละคนที่ไปเนปาลก็น่าจะมีชื่อแตกต่างกันตามสิ่งที่แต่ละคนประทับใจมากที่สุด
สำหรับเรามีสิ่งที่ประทับใจอยู่สองอย่างหลักๆจากประเทศนี้ - ชา และ อากาศเย็นๆ
เลยเป็นที่มาของชื่อ "Iced Tea ที่ Nepal"
ที่นึกย้อนกลับไปทีไรก็ทำให้นึกถึงประสบการณ์โหด มัน ฮา
จากทริป backpacking และ trekking ครั้งแรกในชีวิต
ทริปที่เดินขึ้นบันไดมากที่สุด
ทริปที่ห่างบ้านนานที่สุด
ทริปที่ได้พูดภาษาอังกฤษมากที่สุด
และแน่นอน..เป็นทริปที่ประทับใจมากที่สุดสำหรับการเดินทางในปี 2555

ถ้าพร้อมแล้ว..ก็ไปจิบชาเย็นรสชาติหวานมันเคล้ากลิ่นเครื่องเทศจากดินแดนหิมาลัยกันดีกว่าค่ะ


01 รูปแรกที่ถ่ายที่เนปาลที่ย่าน Thamel, Kathmandu - เด็กนักเรียนกำลังเดินกลับบ้านตอนบ่าย
ตอนแรกนึกว่าเป็นแก็งค์โดดเรียน แต่เห็นเดินกันมาเป็นสายหลายระดับชั้นเลยทำให้รู้ว่านักเรียนที่นี่เลิกเรียนเร็วดีแท้

แผนการเดินทางของเรากับลูกพี่ลูกน้องคือการไป trekking เส้นทาง Poon Hill Trek 5 วัน เที่ยวใน Kathmandu เมืองหลวงของเนปาลอีก 3 วัน และมีวันเดินทางระหว่างเมือง Kathmandu กับ Pokhara อีก 2 วัน
รวมแล้วต้องจากที่นอนนุ่มๆที่กรุงเทพทั้งหมด 10 วัน
โดยเลือกฤกษ์สะดวกที่หยุดงานได้ทั้งคู่ คือระหว่างวันที่ 3-13 พฤษภาคม
ซื้อแพ็คเกจจากเมืองไทยซึ่งรวมค่าเกสเฮ้าส์, บริการรับส่งสนามบิน, ค่ารถบัสระหว่างเมือง, ค่าอาหารระหว่าง trekking
ส่วนที่ต้องจ่ายเองก็เป็นพวกค่าอาหารในเมือง Kathmandu/Pokhara, ค่าบริการลูกหาบ, ทิปให้คุณไกด์และค่าเช่าอุปกรณ์ trekking

แผนการเดินทางโดยรวมก็ตามข้างล่างนี่เลย

วันที่ 1: กรุงเทพ - Kathmandu
เดินเล่นในเมืองหลวงของเนปาล เข้าพักย่าน Thamel ถิ่นของแบ็คแพ็คเกอร์

วันที่ 2: Kathmandu - Pokhara
นั่งรถบัส 8 ชั่วโมง แล้วไปเดินยืดเส้นยืดสายริมทะเลสาบ Phewa แบบสบายๆ

วันที่ 3: Pokhara - Nayapul - Tikhedunga
เริ่มต้นการเดิน trekking แล้วหยุดพักผ่อนท่ามกลางภูเขาสีเขียว (เดินเท้าทั้งหมด 3 ชั่วโมง)

วันที่ 4: Tikhedunga - Ghorepani
วันวัดใจที่ต้องขึ้นบันไดหินกว่า 3,500 ขั้นติดต่อกัน แล้วต้องเดินขึ้นเขาอีกหลายชั่วโมง ก่อนจะหยุดพักผ่อนที่หมู่บ้านสีน้ำเงินใต้ปีก Poon Hill Viewpoint (เดินเท้าทั้งหมด 8-9 ชั่วโมง)

วันที่ 5: Ghorepani - Poon Hill - Tadapni
วันไฮไลท์ที่จะได้เดินขึ้น Poon Hill เดินลงตามเส้นทางป่าอุดมสมบูรณ์ แล้วพักผ่อนที่หมู่บ้านเล็กๆกับวิวที่ยิ่งใหญ่ของยอดเขา Machhapuchhre (เดินเท้าทั้งหมด 6-7 ชั่วโมง)

วันที่ 6: Tadapani - Ghandruk
วันเดินลงเขาที่ทำให้ความภูมิใจของเรามีมากขึ้น วันนี้หยุดพักผ่อนท่ามกลางหุบเขาและสายน้ำ (เดินเท้าทั้งหมด 5 ชั่วโมง)

วันที่ 7: Ghandruk - Nayapul - Pokhara
ได้เวลากลับเข้าเมือง มีเวลาทั้งบ่ายให้นวดเท้าที่ระบมจากการเดินทางหนัก (เดินเท้าทั้งหมด 4 ชั่วโมง)

วันที่ 8: Pokhara - Kathmandu
เดินทางกลับเมืองหลวงด้วยเครื่องบินลำเล็กซึ่งทำให้หัวใจเต้นเร็วถี่ตอนแลนดิ้ง เดินเล่นใน Kathmandu ในบรรยากาศที่ร้านค้าปิดเพราะหนีขบวนประท้วง

วันที่ 9: Kathmandu Self-Sightseeing
เดินเที่ยวเองอีก 1 วันเพราะสหภาพแรงงานยังไม่หยุดประท้วง ไปได้แต่ที่ที่สองเท้าจะก้าวไปถึง เพราะถ้านั่งรถ มีสิทธิ์โดนทุบกระจกได้จ้า

วันที่ 10: Kathmandu Temple Tour
ทำสถิติชะโงกทัวร์ด้วยการไปวัดลิง (Swayambhunath Temple) + เมืองบักตะปูร์ (ฺBhaktapur) + เมืองปาตัน (Patan) + สถูปโพธะนาถ (Bodhanadh) ตั้งแต่ตี 5 ถึงสิบโมงครึ่ง ก่อนจะรีบไปสนามบิน


การเดินทางครั้งนี้ยังเป็นบทเรียนที่ดีสำหรับเรา ให้เตรียมเงินสำรองเผื่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน
โดยเฉพาะถ้าเดินทางไปประเทศที่ไม่มีตู้ ATM หรือระบบจ่ายผ่านบัตร credit
เพราะตอนที่เราไปคาบเกี่ยวกับวันดีเดย์ที่สหภาพแรงงานนัดประท้วงเพื่อเรียกร้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทำให้ไม่มีรถบัสวิ่งจากเมือง Pokhara กลับไป Kathmandu
จนต้องจ่ายเงินสดซื้อตั๋วเครื่องบินภายในประเทศ ราคาประมาณ 2,800 บาท/คน
เพื่อให้เรามีเวลาพอเที่ยววัดใน Kathmandu และบินกลับเมืองไทยได้ตามแผนการเดินทางเดิม
ถ้าไม่มีเงินสำรอง เห็นทีต้องนอนตีพุงที่เมือง Pokhara แบบเหงาๆ เพิ่มอีก 2 วัน

อากาศช่วงที่เราเดินทางเป็นช่วงเข้าฤดูฝน มีฝนตกและเมฆเยอะบ้างบางวัน
ใครจะไปเนปาลเพื่อการถ่ายรูปให้ฟ้าใสกิ๊กแต่ไม่อยากหนาวเหมือนถูกแช่แข็ง
แนะนำให้ไปช่วงเข้าฤดูหนาวประมาณเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน
หรือหลังฤดูหนาวประมาณเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน
เวลาเห็นรูปทีไรก็ยังเศร้าใจนิดๆที่เราเห็นเทือกเขาหิมาลัยได้ไม่เต็มเพราะมีเมฆเยอะ

03 บ้านเมืองย่าน Thamel

สายการบินที่เราใช้บริการก็คือการบินไทย ซึ่ง Fly Smooth as Silk อย่างที่เค้าเคลมไว้
เท่าที่ลองดูในเว็บไซต์ของการบินไทย
ตารางบิน Bangkok - Kathmandu มีเวลาเดียวคือ 10.25 - 12.25 น.
(ขออนุญาตพิมพ์ Kathmandu แทนภาษาไทยนะค่ะ สะกดยากพอสมควรเลย)
ส่วนตารางบิน Kathmandu - Bangkok ก็มีไฟล์ทเดียวต่อวันเช่นกัน คือ 13.30 - 18.15 น.
เรียกว่าไม่ต้องวุ่นวายเรื่องเลือกไฟล์ท เลือกเวลา เลือกราคาค่ะ

ไปถึงสนามบินตรีภูวันซึ่งเป็นสนามบินนานาชาติของเนปาล ก็อะเมซิ่งกับระบบสายพานเลย
ที่นี่ยังเป็นระบบ manual ควบคุมโดย man จริงๆ เพราะยังต้องให้พนักงานหนุ่มร่างกายแข็งแรง
ขนกระเป๋าจากท้องเครื่องบินมาแจกจ่ายให้ผู้โดยสารแบบถึงเนื้อถึงตัว ส่งให้มือต่อมือ
รับกระเป๋าเสร็จ ก็เจอพนักงานจากเกสเฮ้าส์มารับเราไปเช็คอิน เล่าแผนการเดินทางให้ฟังแบบคร่าวๆอีกรอบ
พร้อมกับคำว่า No Problem และ Yeah เสียงไม้จัตวา ที่พรั่งพรูออกมาเกือบจะทุกท้ายประโยค
นอกจากนี้ก็ได้เจอคุณไกด์ ซึ่งเราต้องฝากชีวิตการเดินทางไกลกับเค้าเป็นเวลา 5 วัน

04 ป้ายโฆษณาแบบ limited edition ไม่ต้องพึ่งไฟฟ้าด้วยนะ

คุณไกด์พาไปแลกเงินกับร้านที่เค้าเคลมว่าเรตดีเพราะรู้จักกัน (จำพิกัดไม่ได้ ตอนนั้นยังงงกับสถานที่อยู่)
เสร็จสรรพก็ให้คุณไกด์แนะนำร้านอุปกรณ์กันหนาวหน่อย
เพราะลูกพี่ลูกน้องอยากได้กางเกงและเสื้อกันหนาวเพิ่มเติม

ส่วนเรา ตอนแรกว่าจะไม่ซื้ออะไรเพิ่มเติมแล้ว แต่เห็นถุงมือยี่ห้อ Columbia (จริงหรือปลอมมิอาจทราบได้)
ดีไซน์สวย แถมราคาไม่แพงมากประมาณ 400 Rs = 140 บาท ก็เลยตัดสินใจซื้อ
ไฮไลท์อยู่ตรงตอนจ่ายเงิน คือเราจ่ายแบงค์ 1,000 Rs ไป 4 ใบ แทนที่จะเป็นแบงค์ 100 Rs 4 ใบ
เจ้าของร้านก็แอบเนียน ไม่ได้แสดงพิรุธอะไร
จนคุณไกด์หันมาถามเราว่า เค้าบอกว่าถุงมือราคาเท่าไหร่ เราก็บอกไปว่า 400 รูปี
คุณไกด์เลยหันไปหาเจ้าของร้าน พูดเป็นภาษาเนปาลีรัวๆ
แล้วเอามือเอื้อมไปหยิบแบงค์ 4 ใบที่กำลังจะเข้าลิ้นชักอยู่แล้วมาให้เรา
คุณไกด์ชี้ให้เห็นว่า แบงค์ที่เราเพิ่งจ่ายไปมันเท่ากับ 1,000 Rs นะ ดูให้ดีๆก่อนจ่ายเงินนะครับ
เราก็ตาโต พร้อมส่งสายตาพิคาดไปหาเจ้าของร้านทันที

เจ้าของร้านก็ยกสองแขนประหนึ่งโมเม้นท์ที่โจรถูกตำรวจจับแป๊ะ
พร้อมพูดว่า "ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมก็ไม่เห็นเหมือนกัน"
น่าเชื่อม๊ากมาก คนเราจับแบงค์ใช้แบงค์กันทุกวัน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะแยกไม่ออก
คิดเปรียบเทียบว่าคนไทยเห็นแบงค์สีแดงกับแบงค์สีเทา ก็แยกได้ทันทีอยู่แล้ว
เราก็ไม่อยากเอาความเพราะเรื่องก็ลงเอยด้วยดี
คุณไกด์ก็มาหลังไมค์หลังออกจากร้านว่า เค้าแค่สงสัยว่าทำไมถุงมือราคาแพงมหาโหด
เลยถามเราให้แน่ใจ ไม่นึกว่าเจ้าของร้านจะตุกติก รับเงินเกินแล้วไม่บอกลูกค้า

จากเหตุการณ์นี้ทำให้เราประทับใจคุณไกด์มาก
อ้อ ! ลืมบอกไปว่า คุณไกด์ชื่อ Dharma Pd. Lamichhane เราเรียกสั้นๆว่า "ดาม่า"
ถ้าไม่มี "ดาม่า" ชีวิตเราในเนปาลคงจะ "ดราม่า" มากกว่านี้แน่ๆ



05 สีแดงๆที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงไฟจากรถ หรือ สาวชาวเนปาลสะบัดสาหรี่ผ่านกล้องเราไปกันแน่
ตอนแรกว่าจะลบภาพนี้ทิ้งแล้ว แต่ชอบใจท่าโพสของคุณลุงร้านข้าวสารกับสีแดงอาร์ตๆแบบไม่ได้ตั้งใจ

06 รถสามล้อมีบริการนักท่องเที่ยวอยู่ทั่วพื้นที่ย่าน Thamel 
สังเกตว่าบางบ้านเอาน้ำมาราดพื้นเพื่อไม่ให้ฝุ่นคลุ้งตลบเวลารถแล่นแผ่นนั้นเอง

07 มาที่นี่ต้องทำใจเรื่องฝุ่นค่ะ ใครแพ้ฝุ่นควรพกผ้าปิดจมูกมาด้วยเลย 
สำหรับเราไม่ได้รำคาญมาก แต่เป็นกังวลกล้องมากกว่า ชนิดที่ว่ากลับที่พักจะเช็ดกล้องก่อนล้างหน้าตัวเอง :P

ออกจากร้าน 4,000 Rs ของเรา ก็แยกกันกับคุณไกด์ที่ขอกลับบ้านไปนอนเอาแรง
ส่วนเรากับลูกพี่ลูกน้องก็เดินตะลุยย่านทาเมลกันต่อ
เพราะลูกพี่ลูกน้องมีภารกิจหาของฝากกลับเมืองไทยเป็นเดิมพัน (ช็อปกันตั้งแต่วันแรกเลยทีเดียว)

พูดถึงย่าน Thamel กันซักนิด
หลายคนนิยามว่าเป็นแฝดพี่ที่จัดจ้านกว่าถนนข้าวสารบ้านเราหลายเท่านัก
จะว่าเป็นแฝดก็ยังไม่ค่อยเหมาะ เพราะ Thamel สลับซับซ้อนกว่ามาก
มีตรอกซอกซอยทะลุนู้นนี่ ตื่นตาตื่นใจว่าถนนเส้นตรงอย่างข้าวสาร


08 ของฝากสีสันจัดจ้าน


เราเดินตามลูกพี่ลูกน้องซึ่งเลือกเสื้อผ้ากันหนาว จนเห็นร้านหนังสือชื่อ The Pilgrims ก็ตัดสินใจเข้าไปดู
อาจจะเพราะสถานที่ของร้านหนังสือที่อยู่ในดินแดนแห่งการเดินทาง บวกกับบรรยากาศแบบอินดี้ฮิปปี้
ทำให้รู้สึกว่าชื่อร้านหนังสือแห่งนี้มีเสน่ห์มากมาย
เคยอ่านจากอินเตอร์เน็ตว่าหนังสือภาษาอังกฤษ โดยเฉพาะหนังสือ Lonely Planet
ที่ขายในเนปาลราคาถูกกว่าเมืองไทยหลายบาทอยู่ เพราะไม่มีภาษีหนังสือภาษาต่างประเทศ

... ไม่รอช้าคว้ามาด่วน 1 เล่ม

09 ถั่วมั้ยจ๊ะนายจ๋า แอบอินเตอร์นิดๆด้วยป๊อปคอร์น

นอกจากหนังสือก็ลองซื้อถั่วข้างทางมากินดู
ถั่วรสชาติธรรมชาติมากๆ ..แปลไทยเป็นไทยว่า "รสชาติธรรมดามากๆ"
ตลกตรงที่เราเห็นตั้งแต่ซื้อแล้วว่าเค้าห่อใส่หนังสือพิมพ์มาให้
กินคำสองคำก็พอล่ะ ส่วนลูกพี่ลูกน้องคว้าไปหลายคำก่อนจะสังเกตเห็นลายขาวดำ
เป็นอันว่ากินไปได้แค่ครึ่งเดียวก็ขอทิ้งดีกว่า

หมดจากถั่วหนังสือพิมพ์ ก็หาอาหารเย็นกินกันแบบจริงจังพร้อมเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต
ซื้อขนมนมเนยติดกระเป๋าสำหรับการเดินทางไกล
เท่าที่เห็นมีซุปเปอร์มาร์เก็ตอยู่ร้านเดียวทั้งย่าน ขายตั้งแต่ของกินยันผ้าขนหนู (ซึ่งแน่นอนว่าเปื้อนฝุ่นจนดำแล้ว)
ของใช้ก็มีหลากหลายอย่าง ตั้งแต่แชมพู สบู่ ไปจนถึงครีมบำรุงผิว เรียกว่าของใช้พื้นฐานที่นี่มีหมด
นอกจากของกินของใช้ เราขอซื้ออาหารเช้าด้วยเลย
เป็นเบเกอร์รี่หน้าตาดีจากร้านบรรยากาศอบอุ่นเพราะคนแน่นร้านชนิดต้องรอซื่้อด้านนอก

10 เบเกอร์รี่หน้าตาอินเตอร์ 


กินข้าวก็แล้ว ซื้อของใช้ก็แล้ว ก็ได้เวลาเดินกลับที่พักซักที
เวลาสองทุ่มครึ่งโดยประมาณ ร้านค้าย่านทาเมลก็พากันปิด มีแสงไฟข้างทางประปราย
ที่เห็นจะสว่างหน่อยคงเป็นร้านอาหารกึ่งผับที่ยังเปิดอยู่
ฝนตกปรอยๆ ยิ่งทำให้อากาศที่หนาวอยู่แล้วยิ่งหนาวขึ้นไปอีก
แต่สิ่งที่ทำให้เราหนาวใจกว่าคือ

...เราสองคนหลงทาง...

ถึงแม้ว่าจะเป็นเวลาสั้นๆที่เราสองคนเดินวกไปวนมาท่ามกลางแสงสลัว
แต่เพราะบรรยากาศบวกกับความเงียบ ก็นึกกลัวอยู่ไม่น้อย
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาก็บางตาลงทุกที
จนเดินดุ่มๆไปเจอซุปเปอร์มาร์เก็ตอันเป็นแหล่งรวมพลรวมเสบียง
เลยรีบคว้าแผนที่มาดูใหม่ พร้อมคลำทางกลับที่พักโดยสวัสดิภาพ

กลับถึงที่พักก็เช็ดถูกล้องอันเป็นที่รักซึ่งตอนนี้มีฝุ่นจับจนเห็นได้ชัด
ต่อด้วยจัดกระเป๋าให้เรียบร้อยเพื่อที่จะทิ้งสัมภาระบางส่วนไว้ที่นี่
และเอาเฉพาะสัมภาระจำเป็นสำหรับ 5 วันของการเดิน trekking ติดตัวไป
อาบน้ำ โปะมอยเจอร์ไรเซอร์ ทาอายครีม นี่ถ้าพกมาส์กมาด้วยก็คงจะโปะไปด้วยแล้ว
เพราะ ณ จุดนั้นรู้สึกโดนทั้งแดดทั้งฝุ่น กลัวหน้าแห้งแล้วลอกมาก
และแน่นอนกินวิตามินซี วิตามินบีบำรุงร่างกาย ก่อนล้มตัวลงนอน

คืนนี้ไม่ต้องพึ่งแอร์ แค่ลมหนาวเบาๆจากหิมาลัยก็ทำให้หลับสบายแล้ว :)




Create Date : 17 กุมภาพันธ์ 2556
Last Update : 17 กุมภาพันธ์ 2556 21:44:41 น. 3 comments
Counter : 1719 Pageviews.

 
นี่เป็นเส้นทางในฝันของเราเลยค่ะ การไปtrekkingที่เนปาล

อยากไปให้ได้สักครั้งนึงในชีวิต:)


โดย: แฟนlinKinPark วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:23:11:38 น.  

 
เส้นทางในฝันเหมือนกัน
เขียนสนุกดีค่ะ รูปก็สวย ไว้จะมาตามต่อ


โดย: จิตหลอน วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:19:03:22 น.  

 
สวัสดีค่ะ
มาทักทายคะ อ่านการเดินทางของคุณแล้ว เขียนได้น่ารักมากคะ
อ่านแล้วก้แอบอิจฉา ที่คุณมีเพื่อนเดินทางไปด้วย
ตั๊กไปคนเดียว เหงามากค่ะ ไม่กล้าไปไหนตอนกลางคืนด้วยคะ เสียดายมากๆ
ไม่งั้นคงได้ลั๊นล๊า บ้าบิ่นกว่านี้ แงๆ T^T

ปล. ภาพสวยมากคะ ชอบๆ


โดย: Nepster วันที่: 11 มีนาคม 2556 เวลา:16:07:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Backlit.Iconic
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ค้นพบว่าการถ่ายรูปและการเดินทางทำให้ชีวิตมีสีสันมากขึ้น เป็นงานอดิเรกที่ไม่เคยเบื่อ ชอบแวะเวียนไปชิมอาหารและขนมจากร้านบรรยากาศดีๆ ชอบงานสถาปัตยกรรมและการอ่านหนังสือ :)

ข้อความและภาพถ่ายทุกรูปในบล็อคนี้ขอสงวนลิขสิทธิ์ค่ะ ห้ามเผยแพร่ ดัดแปลง ลงในสื่ออื่นๆโดยไม่รับอนุญาต หากต้องการนำรูปหรือข้อความไปเผยแพร่หรือใช้ในทางพาณิชย์ กรุณาติดต่อเจ้าของบล็อคที่ backlit.iconic@gmail.com หรือทางกล่องข้อความนะค่ะ

รับชมบล็อค wordpress ได้ที่ http://backliticonic.wordpress.com ค่ะ
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Backlit.Iconic's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.