คนเรา... เลือกเกิดไม่ได้... แต่เลือกที่จะเป็นได้...
Group Blog
 
All Blogs
 
บทที่ 1 โอกาส

มีพระราชาอยู่เมืองหนึ่ง
ปกครองราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุข สงบมาโดยตลอด
เมื่อบ้านเมืองสงบสุข พระราชาก็รู้สึกเบื่อๆ ที่ไม่มีอะไรทำ
พระราชามีราชธิดาแสนสวย ร่ำลือไปทั่วแคว้นแดนต่างๆ
องค์ชายน้อยใหญ่ ต่างก็หมายปองราชธิดาองค์นี้กันทั้งนั้น

พระราชาเอง ก็อยากได้องค์ชายที่มีความสามารถที่สุด
ถึงแม้ยังไม่ถึงเวลาที่จะทรงให้อภิเสกก็ตาม
พระราชาก็ให้อำมาตรส่งเทียบเชิญไปยังเมืองต่างๆ
เพื่อนเชิญองค์ชายน้อยใหญ่ ให้มาร่วมพบปะกัน
พระราชาเองก็หวังที่จะใช้ช่วงเวลานั้น หมายตาองค์ชายไว้

หลังจากองค์ชายจากเมืองน้อยใหญ่ มาพร้อมเพรียงกันหมดทุกพระองค์แล้ว...
พระราชาก็ทรงประกาศว่า วันพรุ่งนี้จะออกประพาสป่า
และให้องค์ชายทุกพระองค์ทรงติดตามไปด้วย
เหล่าองค์ชายต่างตื่นเต้นเป็นการใหญ่
เพราะเดาใจพระราชาไว้ว่า คงจะต้องให้มีการแข่งขันอะไรบางอย่าง อย่างแน่นอน...

ณ ป่าเขาลำเนาไพรห่างไกลเมืองฝั่งตะวันออก
ขบวนประพาสป่าของพระราชากับเหล่าองค์ชายทั้งหลาย
ก็เคลื่อนขบวนมาถึงบึงใหญ่แห่งหนึ่ง
ด้วยความตกใจจากขบวนของพระราชา
ทำให้ฝูงห่านในบึง ต่างส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายเป็นการใหญ่...
พระราชาได้ยินเสียงห่านดังแบบนั้น
ก็เกิดความคิดที่จะลองภูมิเหล่าองค์ชายทั้งหลาย...
จึงทรงถามออกมาว่า...

"ใครตอบได้บ้างว่า เหตุใดห่านจึงร้องเสียงดังกว่า เป็ดไก่หลายเท่านัก"

เหล่าองค์ชายทั้งหลาย ต่างยกมือกันเพื่อขอตอบคำถาม
เพื่อทำคะแนนให้ตนเอง เพราะพระราชธิดาเองก็ทรงกำลังตั้งใจฟังคำตอบอยู่เช่นกัน...
พระราชาทรงชี้ไปที่องค์ชายที่อยู่ด้านหน้าสุด...
องค์ชายรีบตอบด้วยความมั่นใจในทันทีว่า

"เพราะห่านมันมีคอยาวกว่า เป็ดและไก่พะยะค่ะ จึงทำให้มันส่งเสียงได้ดังกว่า"...

พระราชาพยักหน้าเห็นด้วย พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า

"มีท่านใด มีความเห็นแตกต่างจากคำตอบนี้บ้างไหม"

ทุกคนต่างส่ายหน้า เพื่อแสดงว่าต่างก็คิดเช่นเดียวกับองค์ชายองค์ที่ตอบนั้น...

ขณะเดียวกันนั้นเอง ทหารก็ควบคุมตัวหนุ่มน้อยชาวนาคนหนึ่งเข้ามาพอดี
พระราชาจึงถามทหารไปว่า เกิดอะไรขึ้น
ทหารรายงานว่า เห็นชายคนนี้มายืนทำลับๆ ล่อๆ อยู่ตรงต้นไม้ต้นโน้น
กระหม่อมเกรงจะมาทำมิดีมิร้าย จึงนำตัวมาให้ท่านสอบสวนพะยะค่ะ

พระราชาจึงถามชายหนุ่มไปว่า

"เจ้าเป็นใคร มาจากไหน และมาทำอะไรที่นี่"

หนุ่มน้อยชาวนาตอบด้วยเสียงตะกุกตะกักว่า

"ข้าพเจ้าเป็นชาวนาบ้านนอก หากินอยู่บริเวณนี้ทุกวัน
วันนี้เห็นมีคนมากมาย ก็เลยเข้ามาดูขอรับ"

พระราชายังไม่เชื่อเลยทีเดียวนัก จึงทรงสั่งให้ควบคุมตัวเอาไว้ก่อน...
ก่อนที่ทหารจะพาตัวออกไป พระราชาทรงนึกสนุก
อยากรู้ว่าชาวนาบ้านนอก จะมีปัญญาตอบคำถามเหมือนเหล่าองค์ชายได้หรือไม่...
ก็เลยทรงถามออกมาว่า...

"เดี๋ยวก่อน ไหนเจ้าลองตอบคำถามข้าสิว่า
ทำไม ห่าน จึงส่งเสียงดังกว่าเป็ดและไก่หลายเท่านัก"


พระราชาทรงถามหนุ่มน้อยชาวนาว่า

"เดี๋ยวก่อน ไหนเจ้าลองตอบคำถามข้าสิว่า
ทำไม ห่าน จึงส่งเสียงดังกว่าเป็ดและไก่หลายเท่านัก"

ชาวนาตอบคำถามด้วยความสัตย์ซื่อว่า

"มันเป็นธรรมชาติพระเจ้าค่า"

เหล่าองค์ชายทั้งหลายได้ยินคำตอบแบบกำปั้นทุบดินของชาวนาก็พากันหัวเราะกันยกใหญ่...
พร้องทั้งนึกสมเพศชาวนาที่หามีปัญญาไม่

พระราชาจึงตรัสว่า...

"เจ้าคงไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงเพราะมันจำเป็นต้องใช้สติปัญญา
ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ก็ได้ว่า องค์ชายทุกพระองค์
ทรงให้เหตุผลว่า เป็นเพราะคอห่านยาวกว่าคอสัตว์อื่นๆ
จึงทำให้ส่งเสียงได้ดังกว่า..."

หนุ่มน้อยชาวนาได้ฟังพระราชาตรัสก็ทรงตอบกลับไปว่า

"มันเป็นธรรมชาติจริงๆ พระเจ้าค่ะ"

พระราชาได้ฟังดังนั้น ก็ยังคงคิดว่า ชาวนาคงโง่ถึงขนาดฟังเหตุผลแล้วก็ยังไม่เข้าใจ...
แต่ก็ทรงเปิดโอกาสให้ชาวนา ทรงตรัสถามว่า

"ทำไมเจ้าจึงคิดว่ามันเป็นธรรมชาติล่ะ"

ชาวนาจึงตอบกลับไปว่า

"ท่านพระราชาทรงเคยได้ยินอึ่งอ่างร้องไหมพระเจ้าค่ะ
อึ่งอ่าง มันมีคอสั้นเพียงนิดเดียว แต่ทำไม
มันจึงสามารถส่งเสียงร้องได้ดังกว่าสัตว์อื่นๆ ล่ะพระเจ้าค่ะ"

พระราชาได้ฟังดังนั้น ก็ถึงกับอึ้งกิมกี่ไปเลย
เหล่าองค์ชายทั้งหลายต่างก็เสียหน้าไปตามๆ กัน


พระราชาจึงหันเห สถานการณ์เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องที่ผ่านมา
บังเอิญหันไปเห็นป่าไผ่ ซึ่งมีหน่อไม้มากมายที่โผล่พ้นดินขึ้นมา
พระองค์ก็เลยตรัสถามออกไปว่า

"ใครรู้บ้างว่า ทำไม หน่อไม้จึงงอกดันดินที่แข็งๆ ขึ้นมาได้"

เหล่าองค์ชายทั้งหลาย ต่างก็แย่งกันยกมือเพื่อตอบคำถามทำคะแนนกัน...
พระราชาทรงชี้มือไปที่องค์ชายองค์หนึ่ง

องค์ชายองค์นั้น รีบตอบอย่างมั่นอกมั่นใจเต็มที่ว่า

"เพราะหน่อไม้มันมีปลายแหลม
มันจึงสามารถดันดินแข็งๆ โผล่ขึ้นมาได้พะยะค่ะ"

พระราชาได้ฟังคำตอบก็พยักหน้าชื่นชมในความหลักแหลมขององค์ชายองค์นี้..

"มีใครคิดเห็นเป็นอย่างอื่นไหม..."
พระราชาตรัสถาม

เงียบกริบ... เพราะองค์ชายทุกองค์ ทรงคิดแบบนี้ทั้งสิ้น


ด้วยความรู้สึกอยากเอาชนะหนุ่มน้อยชาวนา
พระราชาจึงตรัสถามไปว่า

"แล้วเจ้าล่ะ เจ้าชาวนา มีคำตอบเป็นอย่างอื่นไหม"

"มันเป็นธรรมชาติ พะยะค่ะ"
หนุ่มน้อยชาวนาตอบ

เล่นเอาทุกคนเงียบคิดกันยกใหญ่เลยคราวนี้
ต่างกับคราวก่อนที่ได้ยินคำตอบนี้แล้วพากันหัวเราะเยาะ
ธรรมชาติอีกแล้ว เราจะหน้าแตกอีกไหมนี่...


พระราชาจึงตรัสถามออกไปว่า

"ทำไมล่ะ เจ้ามีเหตุผลอย่างไรหรือ?"

องค์หญิงซึ่งนั่งฟังนิ่งๆ อยู่เนิ่นนาน
ให้ความสนใจหนุ่มน้อยชาวนามากยิ่งขึ้น
ทรงใจจดใจจ่อรอฟังคำตอบจากเขาอย่างตั้งใจ

เป็นครั้งแรกที่ไอ้หนุ่มลูกทุ่งได้เห็นพระพักตร์ของพระราชธิดาชัดๆ...
หัวใจของเขาเต้นแรงเป็นกลองเพล ร่างกายวู๊บวาบไปหมด
ตั้งแต่เกิดมาเป็นผู้เป็นคน ยังไม่เคยเห็นใครสวยงามขนาดนี้มาก่อนเลย...


"ว่าไงล่ะ เจ้าหนุ่มชาวนา หาเหตุผลไม่ได้ล่ะสิคราวนี้"
พระราชาตรัสถามขึ้น

"มันเป็นธรรมชาติจริงๆ พระเจ้าข้า" <==เดี๋ยวก็ พะยะค่ะ เดี๋ยวก็ พระเจ้าข้า ที่ถูก ต้องใช้ยังไงหว่า...
ชาวนาตอบกลับไป พร้อมกับอธิบายต่อว่า

"พระราชาลองดูตรงนั้นสิพะยะค่ะ"
พร้อมกับชี้มือไปที่โคนต้นไม้ใกล้ๆ กับป่าไผ่นั่นเอง

"เห็ดต้นนั้น ปลายมันก็ไม่ได้แหลมอย่ากับหน่อไม้
แต่มันก็สามารถโผล่พ้นดินขึ้นมาได้พะยะค่ะ"

องค์ชายทั้งหลาย ต่างก็พากันเสียหน้าไปตามๆกัน
ส่วนพระราชาเองกลับรู้สึกชื่นชมไอ้หนุ่มชาวนาขึ้นมาแล้วสิ

"เจ้านี่ ไม่ธรรมดาเลยนะ นี่หากว่าเจ้าเป็นหนึ่งในองค์ชายเหล่านี้
เจ้าคงได้คะแนนไปเยอะเลยทีเดียว
เสียดายที่เจ้าเป็นแค่ชาวนา ไม่คู่ควรกับราชธิดาของเรา"


ในเวลาเดียวกันนั้นเอง เหล่านางใน นางสนม ซังกึม ทั้งหลาย
ต่างส่งเสียงวี๊ดว๊าย บ้างก็ส่งเสียงกริ๊ด ด้วยความตกใจ
ที่พื้นตรงนั้นเอง มีหนูนาตัวหนึ่ง วิ่งทะเล่อละล่าเข้าไปหากลุ่มสุภาพสตรีเหล่านั้น...

เสี้ยววินาทีนั้นเอง... ทหารที่อยู่ใกล้ๆ ตรงนั้น ก็ใช้ท่อนไม้
ฟาดลงไปที่ตัวหนู... ตายคาที่สิครับงานนี้ จะเหลืออะไรล่ะ...

หลังจากทุกอย่างสงบลง หนูนาโชคร้ายก็ตายไปซะแล้ว
ก็ถึงเวลากลับวังของพระราชาและเหล่าองค์ชายทั้งหลาย
เพื่อร่วมงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้...

เป็นเพราะกามเทพ แผงศรใส่พระธิดาหรือประการใดมิทราบได้...
แต่พระธิดา เกิดความรู้สึกพึงพอใจในตัวหนุ่มน้อยชาวนาเข้าแล้วสิ...
หนุ่มน้อยชาวนาก็เช่นเดียวกัน... แต่ด้วยความต่ำต้อยของตน..
ก็ได้แต่หักห้ามใจตัวเองไว้เงียบๆ...



ก่อนพระราชาจะเดินทางกลับ ได้ตรัสกับหนุ่มชาวนาว่า...

"เอาอย่างนี้ เจ้าหนุ่มชาวนา ในฐานะที่เจ้าสามารถ
ให้เหตุผลกับคำถามของเรา ทำให้พวกเราเข้าใจ
ธรรมชาติมากขึ้น"

พระราชาหยุดตรัส และหันไปมองทางพระธิดาของพระองค์...
แล้วก็หันมาตรัสต่อว่า

"อีก 1 ปีข้างหน้า อายุของพระธิดาของเรา
จะถึงเวลา อภิเสกสมรส และอีก 1 ปีข้างหน้า
เราจึงจะคัดเลือกตัวราชบุตรเขยอีกครั้งว่าจะเป็นผู้ใด
เมื่อเจ้าสามารถชนะองค์ชายทั้งหลายได้ในวันนี้
เราก็จะให้โอกาสเจ้า"
พระราชาหยุดคิดนิดหนึ่ง แล้วตรัสต่อว่า

"เพื่อให้เกิดความคู่ควรกับธิดาของเรา
ซึ่งจะต้องอภิเสกกับองค์ชายเท่านั้น
เมื่อเจ้าเลือกเกิดไม่ได้ จึงไม่ได้เกิดเป็นองค์ชาย
แต่เราก็จะให้โอกาสเจ้า โดยเจ้ามีเวลา 1 ปี
เจ้าจงสร้างตัวเองให้ร่ำรวยขึ้นมาให้ได้
โดยให้รวยที่สุดของประชาชนในเมืองของเรา"



"แต่มีเงื่อนไขว่า... เจ้าต้องสร้างความร่ำรวยขึ้นมาจาก
ทุนที่เราจะให้แก่เจ้าในวันนี้...
และทุนที่เราจะให้แก่เจ้าก็คือ...
หนูตายหนึ่งตัว ตัวนั้น"
พระราชาชี้ไปที่หนูนาที่นอนตายแอ้งแม้งอยู่ตรงหน้าทหารที่ตีมัน

ทหารรีบหยิบหนูตายเข้ามาส่งให้หนุ่มน้อยชาวนาอย่ารู้ใจพระราชา...

หนุ่มน้อยชาวนาหยิบหางหนูปล่อยให้ตัวหนูห้อยโตงเตงไว้
พร้อมกับการจากไปของขบวนพระราชา...
รวมทั้งพระราชธิดาที่แสนจะสวย
ต่อให้เทวี ที่อยู่บนฟ้า
ต่อให้สีดา ก็ยังเป็นสอง
ต่อให้ ไซซี ที่โลกยกย่อง
ก็ยังสวยไม่เท่าพระธิดาเลย....

หนุ่มน้อยชาวนายกหนูขึ้นมามองดู
พร้อมกับคิดในใจว่า...

"สร้างตัว จากหนูตายหนึ่งตัว..."


Create Date : 15 มิถุนายน 2550
Last Update : 15 มิถุนายน 2550 11:07:16 น. 2 comments
Counter : 296 Pageviews.

 
ในบทนี้ จะเห็นว่า คนส่วนใหญ่ มักจะมองสิ่งใดก็ตาม ในด้านที่เขามองเห็นเพียงด้านเดียว และก็มักจะสรุปแบบฟันธงลงไปเลยว่า สิ่งที่เขาเห็นนั้น คือสิ่งที่ใช่ คือสิ่งที่ถูกต้อง

ไม่ต่างอะไรกับ คนที่เห็นห่านส่งเสียงได้ดังกว่า เป็ดและไก่ เมื่อถามเหตุผล เขาก็จะมองดูที่ความแตกต่างที่เห็นได้ชัด ซึ่งก็คือ คอ ของสัตว์เหล่านั้น รวมทั้งเรื่อง หน่อไม้ และ เห็ด ก็เช่นกัน


ในบทนี้ จะสื่อให้เห็นถึงเรื่องโอกาส... ซึ่ง ทุกคนจะมีโอกาสต่างๆ เข้ามาหาตลอดเวลา อยู่ที่ว่าจะมองเห็นโอกาสนั้นหรือไม่ หลายๆ คน ก็จะปล่อยให้มันผ่านเลยไป

ชาวนา ได้โอกาสสร้างตัวให้ร่ำรวย เพื่อเป้าหมายคือ อภิเสกกับองค์หญิง มันเป็นการจุดประกายเป้าหมายในชีวิต ที่จะต้องเปลี่ยนไป หากเลือกรับโอกาสนี้ และ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต หากไม่สนใจโอกาสที่เข้ามานี้

เมื่อความคิดเปลี่ยน พฤติกรรมก็เปลี่ยน เมื่อมีความคิดเหมือนเดิม พฤติกรรมก็เหมือนๆเดิม


โดย: อนาวิน วันที่: 15 มิถุนายน 2550 เวลา:11:35:55 น.  

 
ยาวเชียวค่ะ กว่าจะอ่านจบ...
ขอบคุณค่ะ....

มาส่งเข้านอนค่ะ....หลับฝันดีนะคะ



โดย: naragorn วันที่: 10 สิงหาคม 2550 เวลา:0:07:22 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อนาวิน
Location :
นครราชสีมา Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




มีความฝันที่ยิ่งใหญ่ ถ้ายังไม่ตาย จะตะเกียกตะกายไปให้ถึง


คนเรา...
เลือกเกิดไม่ได้...
แต่เลือกที่จะเป็นได้...
Friends' blogs
[Add อนาวิน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.