สายบัตเตอร์เวอร์ธ
ซึ่งรถไฟก็จะแวะสถานีตามรายทางตามนี้ค่ะ
ถึงวันเดินทาง ชาวคณะก็เจอกันที่หัวลำโพง ประมาณบ่ายโมง เช็คความพร้อม ตุนเสบียงเล็กน้อย
รถไฟออก 14.45
รถไฟก็เคลื่อนไปเรื่อยๆ ถึงก็ช่าง ไม่ถึงก็ช่าง 555 เป็นตู้นอนที่เป็นห้องแอร์ ก็สบายๆหน่อย
ผ่านสถานี ศาลายาละ
เย็นย่ำ ฮำเพลง ตอนนี้ชาวคณะเริ่มจิบเบียร์ละ ชิลมาก
ช่วงเย็น เจ้าหน้าที่ที่ดูแลแต่ละโบกี้ ก็จะมากางเตียง และปูที่นอนให้
ช่วงอาหารเย็น จะมีพนักงานเดินมาถามว่าจะสั่งอาหารมั๊ย แต่พวกเราเดินไปกินที่ห้องเสบียง
ซึ่งเป็นโบกี้ท้ายๆ บรรยากาศห้องเสบียง มีไม่กี่โต๊ะ ก็เปลี่ยนกันมานั่ง จะได้เผื่อที่ให้คนอื่นๆ
สามสี่ทุ่มก็เริ่มง่วงแล้ว เตรียมพักผ่อนเก็บแรงไว้ลุยต่อ เรานอนชั้นบน ปีนขึ้นลำบากหน่อย
แต่ก็นอนสบายดี เพราะไม่รู้สึกว่ามีคนเดินผ่านเรื่อยๆ นอนข้างล่างก็จะระแวงหน่อย
(เคยนั่งไปเชียงใหม่ นอนชั้นล่างรู้สึกว่าหลับๆตื่นๆมากกว่านอนข้างบน)
หลับยาวเลย เช้าๆเกือบหกโมง ตื่นและลงมานั่งกะเพื่อนข้างล่าง อ้าว ฝนตกละ
ลงมาทางใต้ เริ่มเห็นแต่ต้นไม้ และความเขียวชะอุ่ม
อยากถ่ายรูปชัดๆ ก็เลยเดินไปห้องเสบียง และสั่งอาหารเช้ามากิน ซึ่งจะมีให้เลือกเป็นชุดๆ
พวกข้าวต้ม หรือแนวไส้กรอกขนมปัง
นั่งชิวไปเรื่อย จนพนักงานถามว่า จะไปไหนคะ นี่ถึงหาดใหญ่แล้วนะ จะถอดขบวนห้องเสบียงออกแล้วนะ
กรี๊ดดดดดด รีบเดินอย่างด่วนกลับไปขบวนตัวเอง เกือบแล้วมั๊ยล่ะ นั่งเพลินเกิน 555
ประมาณแปดโมงกว่าๆ ถึงสถานีปาดังเบซา (Padang Besar) ซึ่งทุกคนจะต้องเอาสัมภาระ
ทั้งหมดลงจากรถไฟ เพื่อมาผ่านตรวจคนเข้าเมืองมาเลเซีย เค้าก็จะดู passport และเช็คกระเป๋า
เสร็จแล้วก็กลับขึ้นรถไฟขบวนเดิม และไปต่อ
เริ่มเข้ามาเลเซียแล้ว มีแต่ความเขียว สดชื่นมาก
จอดสถานีแรกๆ ก็มีเด็กนักเรียน และ คนมาเล ขึ้นมาเต็มขบวนเลยจ้า ตกใจเล็กน้อย
หนุ่มๆไทยเลยเสียสละเก้าอี้ให้สาวๆและคนแก่นั่ง ผ่านไปซักพักยืนกันไม่ไหว
สภาพเลยเป็นฉะนี้ อิอิ
นั่งต่ออีกสองสามชั่วโมงจนถึงสถานีปลายทาง สถานีบัตเตอร์เวอร์ธ ก็ลงขบวน และเดินต่อตามทาง
เพื่อไปขึ้นเรือข้ามไปเกาะปีนัง (ท่าเรือหาไม่ยาก เดินๆตามกันไปเลย)
ซื้อตั๋วเรือข้ามฟาก (เรือใหญ่มากๆ มีรถยนต์ข้ามไปได้) ค่าตั๋วถูกมาก ประมาณ 10 บ.
นั่งเรือแป๊บเดียว ประมาณ 10 นาที ก็มาถึงฝั่งปีนัง เดินแบกเป้ออกมาจากท่าเรือก็เดินมาเรื่อยๆ
ซึ่งก็ไกลพอประมาณ เพราะหลง 555 เดินหาที่พักค่ะ ชื่อ Kimberley House
หาจนเหนื่อย (ก็หลงเองอ่ะนะ) พอมาถึงจริงๆก็รู้ว่ามันไม่ได้ไกลมากจากท่าเรือ ฮ่าๆ
พอเจอแล้วก็หายเหนื่อยเลย ด้านหน้าสวยมาก
รูปในห้องพัก ซึ่งเค้าทำใหม่ สบาย สะอาด ห้องน้ำก็เยอะ (Hostel บางที่ห้องน้ำน้อยไป)
ถ้าใครสนใจก็จองตามลิงค์นี้ได้เลยค่ะ Kimberley House ราคาต่อคนประมาณ 300 กว่าบาท
>> Click
เข้าที่พัก อาบน้ำอาบท่า เพราะตั้งแต่นั่งรถไฟมาก็แค่ล้างหน้าแปรงฟัน เดินออกไปที่ห้างใกล้ๆที่พัก
ชื่อ Prangin Mall เจอร้านอาหารประมาณร้านข้าวแกงตรงข้ามห้าง เลยแวะกินกันก่อนเพราะหิวมาก
ไก่ทอดอร่อยมาก
ของเพื่อนเป็นซุปเนื้อ อร่อยเหมือนกัน รสชาติจี๊ดจ๊าด
เดินเข้าห้างมาเติมพลังอัดฉีดคาเฟอีนซัก1แก้ว
่เย็นนี้เราตกลงกันว่าจะไปกินโต้รุ่งซีฟู้ดกันย่าน Gurney Park ถามคนแถวนั้น
เค้าบอกว่าเรานั่งรถเมล์ไปได้ ให้ขึ้นสาย 101 พอดีว่า ท่ารถเมล์อยู่ตรงข้าม
Prangin mall รถเมล์ในปีนังสะดวกและดีมาก ค่ารถก็ไม่แพง ก็ประมาณสิบกว่าบาท
แล้วแต่ระยะทางใกล้ไกลค่ะ
ถึงย่าน Gurney Park ก็เข้าไปเยี่ยมญาติ 555 ไป shop ที่ Gurney Paragon
ที่นี่ถูกกว่าสิงคโปร์นะคะ อิอิ (เพิ่งรู้ทีหลัง แอบเสียดายน่าจะช็อปจัดเต็มก่อน)
จากห้างก็เดินเลาะริมทะเล ไปกินโต้รุ่ง
คนเยอะมากๆ ร้านอาหารก็เยอะ เลือกไม่ถูกเลย
อันนี้คล้ายๆยำมะม่วง แต่รสชาติออกหวานนิด
หมดวันแรกด้วยความอิ่ม และด้วยความเหนื่อยจากการเดินทาง พอกลับที่พัก หลับเป็นตาย 555
วันที่ 2 เที่ยวปีนัง เดินทางต่อไป กัวลาลัมเปอร์ -
วันนี้เรามีเวลาทั้งวันค่ะ เพราะตั๋วรถบัสไป KL ออกเดินทางตอนเที่ยงคืนครึ่ง
เราตื่นเช้าเพราะอยากออกมาเดินเล่น พอเดินออกมาจากที่พัก ก็เจอร้านติ่มซำเปิดละ
เล็งไว้เดี๋ยวกลับมาจัดการแน่นอน อิอิ
ยามเช้าที่ปีนัง เงียบสงบ อากาศดีหน่อยค่ะ แดดยังไม่ร้อน
เราก็เดินชิวชมตึกเก่ากันไปเรื่อยๆ
เล่าเรื่องด้วยรูปภาพนะคะ
เป็นทิปที่น่าสนใจมากๆเลยนะคะ
อ่านแล้วอยากตามไปบ้างจังเลยค่ะ
ขอบคุณสำหรับข้อมูล ที่ค่อนข้างละเอียดเลยนะคะ
ถ้ามีโอกาสคงได้ตามรอยซักวัน