Group Blog
 
 
สิงหาคม 2553
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
24 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

ปรากฏการณ์รัก...บทนำ+บทที่ 1

ถึงผู้อ่านทุกท่าน

และแล้วนิยายเรื่องใหม่ของกากะเยีย/วาริ ก็คลอดออกมาจนได้ อยากขอบคุณรีชณัฐหรือปลาที่เป็นส่วนสำคัญทำให้เกิดนิยายเรื่องนี้ขึ้นมานะจ๊ะ ^^ หวังว่าวันหนึ่งเราคงได้เขียนนิยายร่วมกันจริงๆ เนาะ


ทุกคนอย่าลืมเข้ามาอ่านและให้กำลังใจกันเยอะๆ นะคะ ช่วยกันเข็นเรื่องนี้ให้จบแบบ 2 เรื่องก่อนที แบบว่าชอบเขียนภายใต้แรงกดดันค่ะ โม้เยอะแล้วไปอ่านนิยายดีกว่าค่ะ



.....................................



- บทนำ –

‘เปรี้ยง!’ เสียงฟ้าคำรามลั่นหลังส่องประกายเป็นสายวิ่งสู่ดิน แทนที่พรุ่งนี้จะเป็นวันแห่งความสุขกับความสำเร็จในการศึกษา แต่ดาวรดากลับได้รับข่าวร้ายกลางดึกจากโรงพยาบาล ในใจได้แต่ภาวนาอย่าให้มีอะไรร้ายแรงอย่างที่กลัว

“พี่คะช่วยขับเร็วกว่านี้หน่อยได้มั้ยคะ” เธอเอ่ยปากบอกคนขับแท็กซี่เมื่อความเร็วของรถวิ่งช้ากว่าใจ

“ฝนตกถนนมันลื่น เร็วกว่านี้ไม่ได้อันตราย” อีกฝ่ายบอกพร้อมมองคนสั่งผ่านกระจก มือที่กำกันแน่นท่าทางนั่งไม่ติดของคนในกระจกทำให้เขาเร่งความเร็วขึ้นอีกนิด

คำตอบของคนขับแท็กซี่ทำให้เธออยากเกิดเป็นนกเสียจริงๆ ริมฝีปากบางเฉียบขมิบขมุบเหมือนท่องอะไรอยู่ตลอดเวลา ดวงหน้าขาวใสแฝงรอยกังวล คิ้วเรียวมนคอยแต่จะวิ่งเข้าหากันร่ำไป ดวงตาเรียวคล้ายตาเหยี่ยวนั้นแดงก่ำเหมือนคนร้องไห้มาอย่าหนักแต่เปล่าเลย เธอข่มกลืนหยดน้ำตาลงไปในอก ไม่อยากตีตนไปก่อนไข้ด้วยหวังว่าผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและน้องสาวต้องปลอดภัย

หลังจากนั่งกระวนกระวายต่อมาอีกพักใหญ่รถจึงเลี้ยวเข้าไปจอดหน้าตึกฉุกเฉินของโรงพยาบาลชานเมือง เธอจ่ายเงินแล้วโดดพรวดลงจากรถโดยไม่สนใจเงินทอนอีกยี่สิบกว่าบาท ท่าทางเล่อล่ากับรองเท้าแตะคนละแบบคนละสีที่หญิงสาวสวมมาทำให้ผู้คนหันมองตลอดทาง

“ฉันเป็นลูกสาวของคุณมนตรีกับคุณดารณีที่โรงพยาบาลโทรไปแจ้งว่าประสบอุบัติเหตุค่ะ” น้ำเสียงสั่นเครือปนหอบบอกกับพยาบาลที่เดินสวนมา

“เชิญทางนี้ค่ะ” พยาบาลสาวบอกก่อนออกเดินนำหน้าไป พลางเหลือบมองรองเท้าแตะข้างหนึ่งสีเขียว ข้างหนึ่งสีเหลืองอย่างขำไม่ออก

เมื่อเดินตามพยาบาลมาถึงหน้าห้องๆหนึ่ง คนเดินนำก็เดินลิ่วไปหาเจ้าหน้าที่ซึ่งนั่งอยู่หน้าห้องก่อนจะบอกให้ชายคนนั้นพาหญิงสาวที่เดินตามมาเข้าไปด้านใน

หลังจากเจ้าหน้าที่เปิดผ้าคลุมสีขาวออกเผยให้เห็นใบหน้าซีดเซียวเขียวช้ำของร่างไร้วิญญาณ ดาวรดายืนช็อคอยู่อึดใจ ก่อนจะโผเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อด้วยลมหายใจติดขัดเหมือนคนกำลังจะจมน้ำ

“พ่อ...พ่อคะ” หญิงสาวมีแรงเพียงดันเสียงแผ่วๆออกมาแค่นั้น จำต้องปล่อยให้ตัวเองซุกหน้าสะอื้นอยู่กับอกที่ไร้เสียงหัวใจเต้นด้วยยอมรับในโชคชะตาที่ถูกกำหนดมาแล้ว แต่เธอตกอยู่ในสภาพนี้ไม่นานเสียงพยาบาลคนเดิมก็ดังขึ้น

“คุณคะรีบไปดูอาการคุณดารณีก่อนเถอะค่ะ”

สิ้นเสียงพยาบาล หญิงสาวผละจากร่างพ่ออย่างอาลัย รีบเดินแกมวิ่งพร้อมกับอาการสะอื้นตามคนชุดขาวไปยังห้องไอซียู



ดาวรดารับรู้จากแพทย์ว่าต้องเสียแม่ไปอีกคน หญิงสาวในชุดปลอดเชื้อสีเขียวจูงมือเด็กหญิงในชุดแบบเดียวกันเดินตรงไปยังเตียงคนไข้ แต่ละก้าวยาวนานเกินบรรยาย เหมือนเข็มนาฬิกาเดินช้ากว่าปกติ

เจ้าหน้าที่ของหน่วยกู้ชีพบอกกับเธอว่า พบรถคว่ำอยู่บริเวณไหล่ทาง ซึ่งน่าจะเสียหลักเนื่องจากหักหลบรถที่ฝ่าไฟแดง ตอนรื้อซากรถพ่อและแม่กอดน้องสาวของเธอไว้แน่น อาจเป็นเพราะต้องการใช้ร่างกายของตนเองเป็นเกราะกำบังนั่นทำให้น้องสาวของเธอรอดมาได้อย่างปาฏิหารย์

“ดาว...ดาว...” เสียงผู้เป็นแม่เพ้อเรียกชื่อเธอเป็นระยะ หญิงสาวตรงไปคว้ามือที่เต็มไปด้วยสายระโยงระยางนั้นมากุมไว้แน่น

“แม่คะ ดาวอยู่นี่ค่ะ” ผู้เป็นแม่ค่อยๆลืมตาและหันมามองตามเสียง

“มุขล่ะ มุขเป็นยังไงบ้าง”

“มุขไม่เป็นไรค่ะแม่ น้องอยู่กับดาวแล้วค่ะ” เธอบอกพร้อมจับมือน้องสาวที่ยืนสะอื้นส่งให้ผู้เป็นแม่ และกุมมือทั้งสองนั้นไว้อีกที

“ดาว...ดูแลน้องดีๆนะลูก แม่จะไปอยู่กับพ่อ”

“ค่ะ...แม่”

“มุข...อย่าดื้อนะลูก เป็นเด็กดี...เชื่อฟังพี่ดาวด้วย” ดารณีสูดลมหายใจเฮือกสุดท้ายก่อนจะพูดต่อ “แม่ต้องไปแล้ว พ่อเค้ามารับแม่แล้ว”

ดาวรดามองยิ้มสุดท้ายของผู้เป็นแม่และเก็บภาพนั้นไว้ในใจ ก่อนจะหันมากอดน้องสาวที่ยืนสะอื้นจนตัวโยนมาไว้แนบอก ทั้งสองกอดกันแน่นราวกับต่างฝ่ายต่างเป็นสิ่งมีค่าที่สุดที่ตนเองเหลืออยู่บนโลกนี้

.................................................................

- 1 –

ดาวรดาค้อนคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าจนตากลับ หญิงสาวรีบแจ้นลงมาที่สตูดิโอซึ่งอยู่ถัดจากอาคารสำนักงานเมื่อได้รับโทรศัพท์จากเพื่อนซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ว่างานมีปัญหา แต่ปัญหาที่ได้ยินเมื่อครู่เหมือนไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของเธอ และเรื่องที่ถูกขอร้องก็ทำให้หญิงสาวเขม้นมองเพื่อนพร้อมกับอมลมไว้จนแก้มที่ป่องอยู่แล้วพองออกคล้ายอึ่งอ่าง

“นะดาว ช่วยอยู่หน้ากองก่อน ช่วยกันรับหน้าลูกค้าหน่อยนะ นะๆๆ” โปรดิวซ์เซอร์สาวน้ำเสียงแหบห้าวอ้อนวอนแทบจะกราบลงแทบเท้าของอีกฝ่าย ก่อนจะหันไปตะโกนสั่งลูกน้อง “เอ๊า...ตามตัวได้หรือยัง ฉันบอกพวกแกแล้วใช่มั้ยว่าให้ไปตามล็อคคอมันไว้ตั้งแต่เมื่อวานน่ะ เป็นไงทีนี้งานเข้าล่ะเว้ย”

“ไม่เอาล่ะ...มันไม่ใช่เรื่อง” ดาวรดาว่าพร้อมกับทำท่าจะเดินหนี แต่อีกฝ่ายพลิกตัวมาดักหน้าไว้ หญิงสาวจึงพูดต่อ “มันไม่ใช่หน้าที่ของครีเอทีฟ เข้าใจมั้ยคะ...คุณจีน” เธอลากเสียงคำว่าคุณจีนยาวเหยียด แถมใช้สรรพนามว่าคุณเป็นการล้อเลียนเพื่อน

“ก็ครีเอทีฟอย่างแกดันมาเป็นแฟนกับลูกค้าของฉันทำไมล่ะ และจะพูดว่าไม่เกี่ยวเลยก็ไม่ใช่นะ ยังไงแกก็เป็นคนครีเอทงานนี้ แล้วก็ไม่ใช่เพราะไอเดียแกเหรอที่เสนอไอ้นายแบบคิวทองเนี่ยมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ ฉันเตือนแล้วก็ไม่ฟัง” จีนหรือจีรณากอดอกส่ายหน้าอย่างเอือมระอาในพฤติกรรมของคนที่เธอเรียกว่านายแบบคิวทอง

ครีเอทีฟสาวต้องยอมจำนนด้วยเหตุผลที่อีกฝ่ายนำมาอ้าง ดวงตายาวรีกวาดมองไปรอบๆ สตูดิโอ ตั้งแต่ผู้กำกับ ช่างภาพ ยันเด็กไฟ ทีมงานทุกคนนั่งหน้าเซ็งไปตามๆ กัน จะมีก็แต่น้องที่ทำหน้าที่ประสานงานเท่านั้นที่นั่งไม่ติด เดินไปเดินมาเป็นหนูติดจั่นไม่ห่างจากเธอนัก เด็กสาวกดโทรศัพท์นิ้วเป็นระวิง คิ้วขมวดปมแน่นไม่รู้ว่าจบงานแล้วจะแกะออกหรือเปล่า นั่นทำให้รุ่นพี่อย่างเธอต้องใจอ่อน

“ตกลงจะถ่ายมั้ยครับคุณโปรดิวเซอร์ใหญ่” เสียงนพผู้กำกับของงานนี้ลอยมากวนอารมณ์จีรณาให้ขุ่นเข้าไปอีก เขาเป็นผู้กำกับมือดีของที่นี่แต่ขณะเดียวกันก็ปากเสียเป็นที่สุด ทั้งสองสาวพร้อมใจกันเบ้ปากใส่นพแล้วหันมาสบตากัน เป็นอันเข้าใจว่าดาวรดาต้องคอยช่วยรับหน้าลูกค้าที่จะมาดูการถ่ายทำโฆษณาน้ำดื่มตราหมูบินในวันนี้ด้วย

“เอาอย่างนี้” ดาวรดาดีดนิ้วดังเปาะ “เดี๋ยวดาวโทรบอกคุณพงษ์เอง เขาจะได้ไม่มาอาละวาดที่นี่จนสตูแตก”

“ไม่ทันแล้วล่ะแก” จีรณาโบ้ยปากไปทางประตูเมื่อเห็นเพื่อกดนิ้วลงบนหน้าจอโทรศัพท์

คนที่ถูกเอ่ยถึงกำลังเดินเข้ามาในสตูดิโอพร้อมชายหนุ่มที่ดูอ่อนวัยกว่าคนหนึ่ง สายตาคมกริบแถมโตเท่าไข่ห่านของเขามองกวาดไปรอบๆ ทุกคนก้มหน้าหลบตาแทบจะพร้อมกัน ใครๆ ก็รู้ว่าพงษ์โภคินทร์ ไอยเรศ เป็นลูกค้าชั้นดีจ่ายเงินง่ายแต่นั่นหมายถึงงานต้องเนี๊ยบตรงตามที่เขาต้องการ ถ้าไม่อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นลูกค้าซาตานในทันที

“นี่ผมมาช้าไปหรือ” เขาพูดพร้อมกับก้มมองนาฬิกาที่ข้อมือ “ไม่น่านะแค่ 5 นาทีเอง อย่าบอกนะว่าพวกคุณใช้เวลาทำงานแค่ครึ่งวันน่ะ”

“ไม่ช้าหรอกค่ะ ก็พวกเรายังไม่ได้เริ่มถ่ายกันเลย” ดาวรดาบอกหน้าตาเฉยขณะที่จีรณาเสียวสันหลังวาบ

“อะไรนะ” พงษโภคินทร์คำรามลั่นสลั่นสตูดิโอ ระบบเสียงเซอร์ราวด์ดอลบี้สเตอริโอของเขาทำให้ทุกคนตัวหดเหลือเท่ามด “คุณจีนคุณทำงานยังไงเลยเวลามาตั้ง 4 ชั่วโมงแล้วยังไม่เริ่มถ่ายอีก ถ้าโฆษณเรื่องนี้ออกไม่ทันตามกำหนดที่ผมวางไว้จะทำยังไง คุณก็รู้ว่าเราต้องลอนช์โฆษณาตัวนี้ก่อนคู่แข่ง...”

“พงษ์คะ...หยุดฟังดาวก่อนได้มั้ย” ดาวรดาบอกเสียงเรียบ มีเธอเท่านั้นที่ยังยืนไม่สะทกสะท้านกับน้ำเสียงดุดันของเขา ฝ่ายที่ถูกห้ามหยุดร่ายยาวหันไปจ้องใบหน้าขาวเนียนใสกลมแป้นอย่างไม่สบอารมณ์ ในที่สุดก็เบือนหน้าหนีพร้อมถอนหายใจเพราะแพ้สายตาคู่นั้น แต่ไม่วายหันกลับมาต่อว่าเธอเมื่อตั้งตัวได้

“คุณจะเอาความสัมพันธ์ส่วนตัวของเรามาใช้ในงานไม่ได้นะดาว”

“พงษ์ลืมไปแล้วหรือคะว่าดาวเป็นครีเอทีฟงานนี้ และที่โวยวายเนี่ยรู้หรือยังว่าพวกเรามีปัญหาอะไร” ดวงตาเรียวรีที่มีนัยย์ตาดำตัดกับตาขาวชัดเจนของเธอมองทะลุเข้าไปในดวงตาเข้มคมโตของอีกฝ่าย ไม่ใช่แต่พงษ์โภคินทร์เท่านั้นที่เกรงใจหญิงสาว เสียงกับใบหน้านิ่งๆ และเหตุผลร้อยแปดพันประการของเธอสยบลูกค้ามาหลายรายแล้ว

“ก็แล้วพวกคุณมีปัญหาอะไรกันล่ะ”

“นายน้ำเยี่ยว เอ้ย ! น้ำเชี่ยวน่ะสิคะ ไม่รู้ไหลไปอยู่แม่น้ำไหนตามตัวไม่ได้เลยค่ะ” จีรณาแทรกตอบเสียเองด้วยความหมั่นไส้นายแบบเบี้ยวคิว เธอเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันเหมือนจะขย้ำภาพของน้ำเชี่ยวที่ลอยไปลอยมาตรงหน้าให้แหลกเป็นผง

“ถ้างั้นพวกคุณจะรับผิดชอบยังไง จะแก้ปัญหานี้ให้ผมยังไง คิดออกหรือยัง” พงษ์โภคินทร์ถามน้ำเสียงเข้มไม่แพ้ใบหน้าในขณะที่สมองเขาคำนวณตัวเลขความเสียหายไปด้วย

ดาวรดายักไหล่มองเลยไปยังชายหนุ่มผมยาว ประบ่าซึ่งยืนกระดิกเท้าฟังเพลงจากไอพ็อตที่ถืออยู่ในมืออย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว หน้าตาของเขาดูหมดจด ดวงตาเรียวรีสองชั้นแม้จะหลบในอยู่แต่ยังสังเกตเห็นได้ จมูกโด่งเป็นสันได้รูปทำให้โครงหน้าชัดเจนขึ้นรับกับปากบางเหยียดตรงแต่ปลายทั้งสองกระดกขึ้นทำให้เขาดูเหมือนยิ้มอยู่ตลอดเวลา ผิวพรรณสะอาดสะอ้าน แม้เจ้าตัวจงใจจะทำให้มอมแค่ไหนก็ตาม เสื้อยืดสีขาวพอดีตัวกับกางเกงยีนส์สีดำขาเดฟที่เขาใส่อยู่นั้นทำให้ผู้สวมใส่ดูเท่ห์เกินคำบรรยาย

“เมื่อกี้ยังคิดไม่ออก แต่ตอนนี้คิดออกแล้ว” ครีเอทีฟสาวดีดนิ้วดังเปาะก่อนจะบอกกับทุกคนด้วยแววตาเจ้าเล่ห์



ภาวินมองทีมงานที่ช่วยกันเช็คสลิงที่ยึดติดกับตัวเขาแบบงงๆ เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองหลงกลดาวรดาจนมายืนอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ชายหนุ่มแค่ตามพงษ์โภคินทร์ผู้มีศักดิ์เป็นพี่มาดูการถ่ายโฆษณาน้ำดื่มตราหมูบินตามคำสั่งของผู้เป็นย่าเท่านั้น แต่ถูกจับให้แสดงแทนนายแบบที่เบี้ยวคิวงานอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว

คนอย่างภาวิน ไอยเรศ ก็ใช่ว่าจะยอมอะไรง่ายๆ ถ้าไม่หลงกลสาวครีเอทีฟหน้ากลมแก้มป่องคนรักของพี่ชายเสียก่อน...

ภาวินลืมตาขึ้นมองเมื่อรู้สึกว่าตัวเองถูกใครคนหนึ่งจ้องอยู่ “คนนี้ใครเหรอคะคุณพงษ์”

“นี่นายวิน น้องชายผมที่เคยเล่าให้ฟังไง อย่าบอกนะว่าคุณจะให้นายวิน...” เขาอ่านความคิดของดาวรดา เมื่อเธอหันมาสบตาชายหนุ่มก็แน่ใจว่าตัวเองคิดถูก “ไม่มีทางหรอกดาว คุณหาคนอื่นเถอะ”

“คุณวินคะช่วยออกมาจากโลกส่วนตัวสักครู่ฉันมีเรื่องอยากขอให้คุณช่วยหน่อย” ครีเอทีฟสาวบอกหลังจากดึงลำโพงตัวจิ๋วออกจากหูของอีกฝ่าย ชายหนุ่มชี้ไปที่ตัวเองแล้วกระดกไหล่ขึ้น

“ผมน่ะเหรอ”

“ใช่ค่ะ...ช่วยแสดงแทนน้ำเชี่ยวที”

“ผมไม่สามารถน่ะ คุณก็ให้พี่พงษ์เล่นสิ” เขาบุ้ยปากไปทางคนที่เอ่ยชื่อแล้วทำท่าเหมือนจะเสียบหูฟังตามเดิมแต่หญิงสาวคว้ามือไว้เสียก่อน

“ปัดความรับผิดชอบแบบนี้จะดีเหรอคะ...ถ้าคาแรคเตอร์คุณพงษ์ตรงตามคอนเซ็ปท์ฉันเชื่อว่าเขาต้องทำแน่ แต่มันไม่ใช่ว่าใครก็ได้ไม่งั้นคงไม่ต้องรบกวนคุณหรอก”

“แต่ผมทำไม่ได้ มันยากเกิน” เขาบอกใบหน้าเรียบเฉย คนตามตื้อปล่อยมือออกจากแขนแล้วดึงกิ๊บติดผมมาชูให้เขาดู

“ฉันว่าสิ่งที่ยากที่สุดในโลกคือการเดาใจคนคุณเห็นด้วยมั้ย” เธอพูดพร้อมกับไพล่มือทั้งข้างไปข้างหลังเมื่อเห็นว่าเขาพยักหน้าเห็นด้วยจึงยื่นกำปั้นไปที่ฝ่ายตรงข้าม

“คุณว่ากิ๊บอันเมื่อกี้อยู่มือไหน” เธอส่งสายตาท้าทายจนเขาต้องเลือกอย่างกังขา และกิ๊บเจ้ากรรมก็อยู่ในมือข้างที่เขาเลือกจริงๆ “ขนาดใจคนยากแท้หยั่งถึงคุณยังเดาได้ แล้วกับแค่ถ่ายโฆษณาง่ายๆ ไม่มีทางที่คุณจะทำไม่ได้หรอก นอกจากคุณไม่อยากช่วย”

จากนั้นพ่อหนุ่มมาดเท่ห์ก็ถูกครีเอทีฟสาวหน้ากลมจูงมือไปยังห้องแต่งตัวด้วยอาการอึ้งปนมึนๆ งงๆ กว่าจะตั้งตัวได้เขาก็ถูกแปลงโฉมเป็นชายหนุ่มหน้าใสสุขภาพดีในชุดขาวสะอาดภายในพริบตา และตัวเขาเองก็เพิ่งรู้ว่าต้องขึ้นสลิงเมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้เอง



ระหว่างการถ่ายทำโฆษณาพงษ์โภคินทร์นั่งอมยิ้มมองน้องชายขึ้นสลิงอย่างถูกใจ ภาวินขึ้นชื่อเรื่องดื้อเงียบจนแม้แต่คุณย่าผู้เป็นประมุขของตระกูลยังอ่อนใจ แต่ดาวรดากลับจับน้องชายของเขาถ่ายโฆษณาด้วยวิธีง่ายๆ พอนึกถึงหน้าจ๋อยๆ ของน้องชายตอนโดนมัดมือเป็นนายแบบเขาก็เผลอหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัวจนคนที่นั่งก้มหน้าอยู่กับจอโน๊ตบุ๊คต้องเงยขึ้นมามอง

“ดาวทำอะไรตลกหรือคะ” เธอเบิ่งตาจนโต คนถูกถามส่ายหน้า

“ถ้าเมื่อตะกี้นายวินเลือกผิดคุณจะทำยังไงล่ะดาว” ดาวรดาอมยิ้มแล้วล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบกิ๊บสองอันออกมาวางคู่กัน นั่นทำให้ชายหนุ่มหัวเราะอีกครั้งกับความเจ้าเล่ห์ของคนรัก

“ไม่ว่าคุณวินจะเลือกมือข้างไหนมันก็มีกิ๊บอยู่ทั้งคู่น่ะสิ” เสียงจีรณาดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะเดินมานั่งลงข้างๆ เพื่อนสนิทก่อนจะก้มลงไปกระซิบที่ข้างหูว่า “แกนี่แสบสนิทไม่สมกับชื่อดาวรดาเอาซะเลยนะ”

“โอ๊ะ !” ดาวรดาทำปากเป็นรูปตัวโอ เบิ่งตากว้าง ทำให้อีกสองคนที่นั่งอยู่ด้วยมองตามสายตาหญิงสาว มีบางสิ่งบางอย่างกำลังเกิดขึ้นกับการถ่ายโฆษณาเสียแล้ว

จีรณากุมขมับเท้าสะเอว ก่อนจะเกาศีรษะแกรกๆ “โอ๊ย ! วันนี้มันเป็นวันสิ้นชื่อของไอ้จีนหรือไงฟะ”

ดาวรดาเดินแกมวิ่งเข้าไปหานพที่นั่งอยู่หน้ามอร์นิเตอร์ โดยมีจีรณาและพงษ์โภคินทร์เดินตามมาติดๆ

“พี่นพ ! ไม่เห็นหรือไงว่ามีคนเป็นลมอยู่บนสลิง”

“เห็นแล้วพี่ถึงได้สั่งกล้องให้ซูมไปที่คุณวินไง”

“ดาวไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น...ใจคอพี่จะปล่อยให้น้องเขาห้อยต่องแต่งบนสลิงอีกนานแค่ไหน”

ดาวรดาแยกเขี้ยวใส่ผู้กำกับมือโปร แล้วหันไปตะโกนบอกทีมงาน “นี่เอาน้องคนนั้นลงมาเดี๋ยวนี้...พี่วุฒิเลิกถ่ายก่อนได้มั้ย”

“จุ้นชมัด...” นพยืนเท้าสะเอวมองหลังจากปาบทลงบนเก้าอี้ผ้าใบส่วนตัว “ยังไงเนี่ย จีน”

“ก็ไม่ยังไงหรอกพี่ พอเอาน้องลงมาแล้ว พี่ก็ถ่ายต่อแค่นั้น ไม่เห็นยาก” โปรดิวเซอร์สุดห้าวว่าแล้วก็ยักไหล่เดินเข้าสมทบกับเพื่อนสาวจอมจุ้น นพทำหน้าเซ็งสุดขีดก่อนจะหันไปสะดุดกับดวงตาเข้มโตของพงษ์โภคินทร์ที่จ้องเขาอยู่ ผู้กำกับหนุ่มจึงแก้เก้อด้วยการเดินตามจีรณาไปพร้อมกับเสียงตะโกนโหวกเหวก

“นี่มันอะไรกัน อยู่ๆ ก็มาเป็นลมคาสลิงแบบนี้เนี่ย รู้มั้ยว่าคนที่เขาจ่ายเงินจะเสียหายแค่ไหน”

ดาวรดาเดินไปถึงตรงจุดที่ทีมงานกำลังแกะสลิง เธอนั่งลงข้างๆ เด็กหนุ่มใบหน้าขาวสะอาดซึ่งตอนนี้นอนซีดอยู่ตรงกลางกลุ่มคน ก้อยซึ่งทำหน้าที่ประสานงานวิ่งรี่ถือหลอดยาดมเข้ามา ดาวรดาคว้ายาดมมาเปิดฝาแล้วจ่อไปที่จมูกคนหมดสติ

“เอาไงดีล่ะดาว” จีรณาถามขณะทรุดตัวลงนั่งข้างเพื่อน อีกฝ่ายขบริมฝีปากเหมือนกำลังคิดพอดีกับเด็กหนุ่มเริ่มได้สติ เขาลืมตาแล้วกวาดไปรอบๆ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาทันที

“ผม...เอ่อ...ขอโทษครับ” เด็กหนุ่มบอกเสียงแผ่ว

“เป็นอะไร ไม่ได้ทานข้าวหรือไงเรา” โปรดิวเซอร์สาวห้าวชิงถามคนแรก

“เปล่าครับ คือ...ผมกลัวความสูงครับ”

“อ้าว...กลัวความสูงแล้วรับงานนี้ได้ไง อย่างนี้ต้องปรับนะเนี่ย เสียเวลารู้มั้ย” ผู้กำกับปากเสียโวยวาย

“พี่นพ” ดาวรดาหันไปปรามพร้อมกับขว้างค้อนใส่ ก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่ม “ไหนบอกพี่หน่อยสิว่ากลัวความสูงแล้วทำไมรับงานนี้ล่ะเรา พี่ที่ติดต่อไปเขาบอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าต้องขึ้นสลิง”

“ครับบอกแล้ว ผมกลัวความสูงก็จริงแต่ก็กลัวจะไม่ได้เงินมากกว่านี่ครับ”

“ไม่ต้องไปปรับหรอก แค่ตัดออกไปก็พอแล้วก็รีบๆ ถ่ายกันต่อเสียเวลามากแล้ว” พงษ์โภคินทร์เอ่ยปากหลังจากยืนสังเกตการณ์เงียบๆ อยู่นาน แต่สมองไม่ได้หยุดคำนวนความเสียหาย

“ไม่ได้หรอกครับ...ผมอยากได้เงินไปซื้อรถเข็นให้แม่ แม่จะได้ไปไหนมาไหนกับผมได้เหมือนเดิม หลังจากที่หมอให้กลับบ้าน...” เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองคนพูดก่อนจะหันไปทางดาวรดา “พี่ครับให้ผมเล่นต่อเถอะครับ” แล้วก็มองที่จีรณา “นะครับพี่ ให้ผมเล่นต่อเถอะ”

“ไม่ได้ เดี๋ยวก็ขึ้นไปเป็นลมข้างบนอีก” นพตวาดจ้องหน้าเด็กหนุ่มตัวประกอบ อีกฝ่ายหลบตา

“คือ...ผม” อาการอ้ำอึ้งของคนถูกถามทำให้นพยิ้มเยาะ

“...เอ้า เตรียมถ่ายต่อเร็ว” เขาร้องสั่งกองลั่น แล้วเดินกลับไปนั่งประจำที่เดิม ทีมงานที่มายืนมุงเริ่มแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตน

“พงษ์คะ” ดาวรดาร้องเรียกเมื่อเห็นว่าพงษ์โภคินทร์กำลังหันหลังเดินกลับไปทางเดิม “ให้โอกาสน้องเขาอีกครั้งไม่ได้เหรอคะ ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นอีกดาวจะรับผิดชอบเอง”

“ดาว” พงษ์โภคินทร์กับจีรณาร้องแทบจะพร้อมกัน ภาวินยืนกอดอกอมยิ้ม

“ไม่ได้นะดาว คราวนี้ผมยอมไม่ได้จริงๆ เราเสียเวลามามากแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่ผมหรือนายวินหรือทีมงานจะต้องมารอเด็กคนนี้คนเดียว” ชายหนุ่มบอกก่อนจะเหลือบไปมองเด็กคนนี้ที่เขาพูดถึง “คุณคิดว่าเด็กคนนั้นจะพร้อมขึ้นสลิงตอนนี้เลยมั้ยล่ะ หน้าเขาซีดขนาดนั้นน่ะ ถ้าเขาเป็นอะไรขึ้นมาผมรับผิดชอบไม่ไหวนะ”

“เราพักกองกันสักสิบนาทีคงไม่เป็นไรมั้งคะ”

“นี่คุณกำลังทำหน้าที่เกินครีเอทีฟหรือเปล่า”

“ทำไมคะเป็นครีเอทีฟจะใช้หัวใจแทนสมองบ้างไม่ได้เหรอ”

ทั้งคู่ประสานสายตากันเหมือนจะสะกดจิตอีกฝ่ายให้คล้อยตาม แม้พงษโภคินทร์จะรู้สึกเห็นใจเด็กหนุ่มและเข้าใจดาวรดาเป็นอย่างดีแต่ธุรกิจของเขาก็สำคัญไม่แพ้สิ่งอื่นใด

ภายในสตูดิโอตอนนี้เงียบกริบ แม้แต่เสียงกลืนน้ำลายของเด็กหนุ่มที่เป็นต้นเหตุยังรู้สึกเหมือนดังสนั่น ทุกอย่างหยุดนิ่งชั่วขณะราวกับเวลาหยุดหมุน จีรณากุมขมับสองข้างแน่นรู้สึกว่าได้ยินเสียงมันเต้นตุบเหมือนกำลังจะระเบิด นพแสยะยิ้มอย่างสะใจที่เห็นดาวรดากำลังจะจนมุม ส่วนทีมงานคนอื่นๆ ยืนมองคนทั้งคู่สลับกันไปมาเหมือนตุ๊กตาไขลาน

ในช่วงเวลาแห่งการเผชิญหน้านี้ภาวินทำเหมือนหลบอยู่ในโลกแห่งเสียงเพลงของเขา แต่จริงๆ ชายหนุ่มกำลังคิดว่าควรจะเข้าไปหยุดพายุลูกนี้ไม่ให้กลายเป็นทอนาโดได้อย่างไร


........................................................








 

Create Date : 24 สิงหาคม 2553
5 comments
Last Update : 24 สิงหาคม 2553 3:37:16 น.
Counter : 8766 Pageviews.

 

 

โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว 24 สิงหาคม 2553 8:49:09 น.  

 


ดีจ้า

สนุกๆๆดีนะจร้า

มาอ่านของเรามั้งน๊า

เราพึ่งอัพบล็อกค่า

 

โดย: โรสชมพู (bon_ob ) 27 สิงหาคม 2553 19:24:38 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะ หอบความคิดถึงมาฝากด้วย

อย่าลืมมารับไปนะคะ


Photobucket

 

โดย: Vannessa 24 กันยายน 2553 20:59:38 น.  

 

เข้ามาเที่ยวหลังจากหายไปนานเหมือนกันจ๊ะ

 

โดย: dolores 1 กุมภาพันธ์ 2555 16:10:19 น.  

 

แวะมาเยี่ยมคราบ

 

โดย: teayneverdie 19 พฤษภาคม 2555 16:24:52 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


gagayear
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]































Site Meter

New Comments
Friends' blogs
[Add gagayear's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.