Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2567
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
5 พฤศจิกายน 2567
 
All Blogs
 
ขบวนพยุหยาตราทางชลมารค 2567 (ซ้อมใหญ่#2) และ Rain Bomb


หลังแวะชมฝึกซ้อมพิธีเห่เรือในพระราชพิธี เบื้องต้นจากกองเรือเล็กมาแล้ว
เราก็ไม่ได้มีแผนที่ชัดเจนนักว่าจะกลับมาดูการซ้อมใหญ่
อีกครั้งแบบจริงจังนัก 

ได้แต่ดูภาพการฝึกซ้อมในสถานที่ใหม่อย่างอู่ทหารเรือธนบุรี
กลุ่มที่พายเรือพระที่นั่ง
ก็เปลี่ยนจากเรือไม้ไปอยู่บนลำเรือใหญ่สีทองอร่าม
หรืออย่างการตั้งขบวนย่อยบนแม่น้ำตามกำหนด
การถูกถ่ายทอดผ่านหน้าสื่อ
และโซเชียลฯ มาเรื่อย ๆ กระทั่งกองทัพเรือเปิดให้ลงทะเบียนทางออนไลน์ล่วงหน้า
สำหรับที่นั่งเข้าชมเมื่อวันที่ 23 กันยายน เพื่อเข้าชม
การซ้อมใหญ่เสมือนจริง
ของ ขบวนพยุหตาราทางชลมารค สองรอบสุดท้าย
ณ ลานทัศนาภิรมย์ หอประชุมกองทัพเรือ และราชนาวีสโมสร 
ก็ยังคงต้องปล่อยให้ผ่านไปอย่างน่าเสียดาย  


ล่วงเลยไปจนถึงเดือนตุลาคม โดยเฉพาะวันซ้อมใหญ่ครั้งแรก
บรรดาภาพถ่ายจากช่างภาพทั้งมืออาชีพและสมัครเล่นต่างพากันแชร์ผลงานกันเต็มไปหมด

ดูแล้วรบเร้ามาก ถึงจะรู้ว่าการมองตาเปล่าจากริมน้ำหรืออุปกรณ์การบันทึกภาพที่ระดับพื้นฐาน
จะ
ไม่ได้ทำให้เราเห็นแบบเลนส์เทเลที่จับระยะได้ไกล ไกล๊ ไกล ได้อย่างเขา


 

วันที่ 22 ตุลาคม กับการซ้อมใหญ่เต็มชุดเสมือนจริงครั้งสุดท้าย
หาเรื่องมาเดินเที่ยวแถวฝั่งพระนครจนได้ หลังแวะไปศึกษาภัณฑ์ซื้ออะไหล่เครื่องดนตรี

ก็วางแผนการไปหาที่ตั้งหลักสักพื้นที่นึง มองจากมุมภาพที่ช่างภาพหลายคนได้มา
ตัดกลุ่ม
ภาพจากบนสะพานออกไปได้เลย ส่วนที่ริมน้ำแถววัดกัลยาก็น่าสนใจไม่น้อย 

เรามาถึงที่ท่าเตียนช่วงบ่ายโมงกว่า บริเวณสวนนาคราภิรมย์ที่ตอนนี้มีการกั้นฉากเพื่อ
สร้างลานจอดรถใต้ดิน เก้าอี้สีขาวถูกวางเตรียมไว้ตามโควต้าผู้เข้าชมบริเวณริมแม่น้ำเจ้าพระยา

ในอีกด้านมุมตามที่มีแจ้งไว้ก่อนหน้านี้ตามจุดต่าง ๆ 8 แห่ง ตามที่มีประกาศของทางกทม. 
ถึงจะไม่มีใครเข้าไปยังด้านใน แต่พอเดินถัดไปที่
จุดทางเข้าซึ่งมีการกั้นทางและมีเจ้าหน้าที่
คอยดูแลคนเข้า
-ออก ก็ได้ยินคำตอบที่แจ้งกับคนที่ไปสอบถามเรื่องที่ว่างและการเข้าชม
ว่าจำนวนที่นั่งมีการลงทะเบียนเข้าพื้นที่จนเต็มแล้ว และ
ได้รับคำแนะนำ
ให้ลองเดินไปหาจุดชมแถว ๆ ริมท่าน้ำอื่นแทน



บริเวณทางลงโป๊ะ ที่ตอนนี้มีเพียงแค่เจ้าหน้าที่ยืนประจำจุดรับผิดชอบ 



ไม่ต้องคิดถึงเรื่องข้ามฟากแล้ว วันนี้เรือหยุดให้บริการตั้งแต่เที่ยงวัน จุดปักหลักที่ไม่ได้คิดว่า
จะมาก็กลายเป็นที่ ท่าช้าง แบบไม่ได้ตั้งใจ มองไปไกล ๆ ก็เห็นผู้คนฟากวัดระฆังยืนกางร่มกัน
จนแน่นขนัด ร้านอาหารริมน้ำต่างมียอดจองที่นั่งเข้าชมกันล้นหลาม ช่วงนี้ยังไม่มีอะไรดูคั่นเวลา
เห็นแต่โดรนบินเก็บเหนือแม่น้ำภาพลอยผ่านตาไป (น่าจะเป็นของทางการ) เรือยางลาดตระเวนในน้ำ 
และกลุ่มเจ้าหน้าที่ประจำท่าเทียบเรือ ที่เดินไปมาระหว่างจุดเชื่อมลงโป๊ะและศาลาพัก 

คอยจัดระเบียบและกันผู้คนไม่ให้ยืนล้ำเส้นตามที่กำหนดไว้

 

สภาพแดดช่วงบ่ายนี้ แผดแรงพอประมาณ สลับพักช่วงกับกลุ่มเมฆที่เคลื่อนมาบังในบางครั้ง
มีฝนปรอยเบาบางในไม่กี่นาทีและหยุดลง ต่อด้วยเสียงฟ้าร้องและฝนเม็ดใหญ่พรำตก
เหมือน
แกล้งหยอกลองใจคนยืนกลางแจ้ง ให้กางร่ม หุบร่ม วนไปเรื่อย ๆ
ในช่วงนั้น ใครที่ได้มุมดีต่อการมองเห็น
ย่อมไม่อยากลุกหนีกันหรอก

บ่ายสาม เหล่าเจ้าหน้าที่ประจำท่าเริ่มยืนประจำการกันที่จุดรับผิดชอบ เปิดวิทยุสื่อสารรับแจ้ง
ข่าวการเคลื่อนไหวเป็นระยะ ผู้คนที่เพิ่งมาถึงท่าน้ำต่างเริ่มขยับมายืนเบียดเสียดที่แนวริมน้ำเยอะขึ้น
ฝนตกอีกแล้ว
และครั้งนี้มีลมปะทะด้วย ต้องหยิบร่มออกมากางต่อ บางคนหนีฝน
ไปยืนหลบใต้กันสาดข้างศาลา
มันเป็นช่วงเวลาที่วัดใจมากจะอยู่ต่อหรือพอแค่นี้ดีหนอ?

 

เสียงเป่าสัญญาณแตรดังขึ้นผ่านวิทยุสื่อสารของผู้ดูแลท่าน้ำ แว่วว่าเรือเริ่มเคลื่อนขบวนออก
จากท่าวาสุกรีเป็นที่เรียบร้อย เราไม่รู้ว่าจะขบวนจะเคลื่อนมาถึงท่าช้างเมื่อไหร่กัน จะว่าไป
ที่
ตรงนี้เกือบเป็นสถานีท้าย ๆ  แล้วฝนก็เทลงมาแรงขึ้นแบบตั้งตัวไม่ติด ทิศทางลมพัดมั่วไปหมด
จับทางไม่ได้ว่าควรจะหันร่มบังฝนทางไหนดี ภาพที่เห็นในแม่น้ำมีแต่สีขาว มันดูขาวฟุ้ง จนมองไม่ออก
ว่ากลุ่มคนที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเรือ ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ด้วยการพายจะมาถึงจุดหมาย
ปลายยังไงได้?
ท่ามกลางความวุ่นวาย เสียงกาพย์เห่เรือดังแตกพร่าแทรกผ่านวิทยุฯ พร้อมคำสั่งที่แจ้งต่อเจ้าหน้าที่
ผู้ดูแลท่าเทียบเรือ สื่อสารมาว่า
เหล่าริ้วขบวนเห่เรือกำลังใกล้มาถึงแล้วให้เตรียมพร้อม




พิธีซ้อมขบวนเรือท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างไม่คาดคิด

ผู้คนที่ยังคอยชมภาพการซ้อมจากฝั่งท่าช้าง ที่ยังพอมีอุปกรณ์ป้องกันฝนอย่างร่มและเสื้อกันฝน



เรือลำแรกแล่นผ่านมาช่วงบ่ายสามครึ่ง พนักงานเห่ยังคงปฏิบัติการอยู่ในหน้าที่ เสียงกาพย์เห่เรือ
ยังคงดังสวนแข่งกับเสียงฝน ก้องไปตลอดสองฟากฝั่งแม่น้ำ เราถอนตัวออกมาจากพื้นที่ริมน้ำไป
อยู่ในศาลาแทนแล้ว วันนี้พลาดมากที่ไม่ได้พกซองกันน้ำมาใส่อุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ติดตัวมา (สายซอ
ที่ซื้อมา โดนน้ำแล้วหงิกขดเลยนะ) คนถือกล้องใหญ่ที่ตั้งใจจะมาเก็บภาพงานพิธีฯ
วิ่งมาถึงศาลา
ไล่เลี่ยกัน หยิบเอาผ้ามาซับละอองน้ำ แกบอกว่า “น็อคไปแล้วเรียบร้อย”


หันกลับไปดูผู้คนที่ยืนเฝ้าชมที่แนวริมน้ำกลางแจ้ง คนไม่ท้อถอยก็ยังคงยืนอยู่ ขบวนเรือทยอย
เคลื่อนมาให้เห็นเรื่อย ๆ ทัศนวิสัยแทบอยู่ในขั้นแย่ เสียงผู้คนในศาลาก็อื้ออึงไม่แพ้ห่าฝนข้างนอก

เวลาเริ่มผ่านไปสักพักหนึ่ง ก็ได้ยินการตะโกนบอกให้เปิดท่า!

ในช่วงเวลาบ่ายสี่โมงนี้ ไม่การเคลื่อน
ไหวของริ้วขบวนเรือกันต่อแล้ว
เรือแต่ละลำพายไปเทียบจอดพักยังท่าเรือที่ใกล้ที่สุด
และต่อมามีประกาศแจ้ง ยกเลิกการซ้อม 




ด้านในศาลา มีทั้งผู้คนที่ยังติดฝนและผู้ที่ส่งแรงเชียร์ให้เหล่าฝีพายที่ปฏิบัติหน้าที่กลางแม่น้ำ



⭗ เรือลำหนึ่งที่มาจอดพักตรงท่าน้ำ ขณะที่ฝนยังตกลงมาอย่างหนัก 



⭗ กำลังพลฝีพายบางส่วนที่มายืนหลบฝน และบางส่วนที่ยังอยู่ในเรือเพื่อคอยวิดน้ำออก



⭗ เรือยาง ทำการเคลื่อนย้ายพนักงานบนขบวนเรือตำแหน่งอื่นที่ไม่ใช่ฝีพายออกจากลำเรือไปส่งขึ้นฝั่ง




⭗ เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์กำลังเคลื่อนผ่าน



⭗ เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช (ซูมได้เท่านี้)


⭗เรือรูปสัตว์สองลำ กระบี่ปราบรอนราพณ์ และกระบี่ปราบเมืองมาร ที่มาจอดตรงหน้าท่าน้ำข้างเคียง



เจ้าหน้าที่ประจำท่าเรือที่คอยอำนวยความสะดวกให้กับเหล่าพลฝีพายและเรือในขบวนพิธีฯ ในสภาวะฉุกเฉิน


ผู้ประจำการบนขบวนเรือ ที่ไม่ใช่ฝีพายและผู้คุมเรือ ต่างต้องโยกย้ายออกมาด้วยเรือยาง
เรือที่มาจอดพักตรงท่าช้าง ตรงศาลาเดียวกับที่เรายืนนั้น พลฝีพายแต่งชุดสีดำ ก็เลยเดาว่า
คงเป็นเรือทองขวานฟ้า/เรือทองบ้าบิ่น/เรือดั้ง/เรือตำรวจ ลำใดลำหนึ่งนี่แหละ
ส่วนศาลาอีกด้านนึง เป็นเรือรูปสัตว์ทั้งสองลำคือ
กระบี่ปราบเมืองมาร
(โขนเรือเป็นรูปวานรร่างขาว)

และ กระบี่ราญรอนราพณ์ (โขนเรือเป็นรูปวานรสีดำ)


มันเป็นเหตุบังเอิญที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดฝนตกรุนแรงแบบนี้
และ
Rain Bomb ก็ได้ถูกนำมาใช้อธิบายเรื่องนี้ คำนี้เราเคยได้ยินครั้งแรก
เมื่อช่วงเดือนกันยายน ซึ่งเกิดที่บ้านห้วยลาดหินใน 
.เชียงราย และตามมาด้วย
ประเด็นน้ำป่าไหลหลาก จากปริมาณน้ำฝนที่ทะลุขีดจำกัด ในช่วงเวลาสั้น ๆ
จนผู้คนต้องมาถกคุยกันในขณะนั้นว่ามันเป็นสัญญาณเตือนจากภาวะโลกเดือดหรือไม่
ในชื่อ
ที่เป็นทางการกว่านี้ ก็คือ Microburst หรือ downdraft
ครั้งนี้มันได้มาเกิดขึ้นใจกลางเมือง บ้างก็ว่าเป็นมันเกิดขึ้นแบบฉับพลัน
จนไม่สามารถพยากรณ์ตรวจสอบล่วงหน้าผ่านกลุ่มเมฆฝนเช่นปกติได้



⭗ หลังฝนซาและผู้คนที่ยังเหลือในช่วงเย็น 



เรืออีเหลือง กำลังพายกลับเข้าอู่จอดอีกแห่ง




⭗ เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ ในจังหวะกลับหัวเรือ

⭗ เรือเล็กของทหารเรือ มาจอดเทียบท่าเพื่อเตรียมผูกลากจูงเรือพายกลับเข้าอู่จอด


ผู้คนเริ่มเดินออกไปจากพื้นที่บางส่วนหลังฝนเริ่มซา เรือยนต์ลำเล็กของทหารเรือ
ขับแล่นในน้ำคละไปกับเรือยาง ได้ยินว่าเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์เข้าเทียบจอดที่ฝั่งศิริราช
แต่ด้วยกลุ่มลำเรือ
พระที่นั่งจะต้องมาจอดพักที่อู่ทหารเรือฯ แม้จะยกเลิกการฝึกซ้อม
เป็นที่เรียบร้อย กลุ่มผู้ชมที่ยัง
คงอยู่ในบริเวณนี้ต่างพากันยืนปักหลักดังเดิมเพื่อรอส่งเรือ

เราได้ทันเห็น เรือสุพรรณหงส์ เรืออนันตนาคราช ผ่านมาจริง ๆ แม้จะต่างวาระ
ไปจาก
ที่คาดคิดไว้ พลฝีพายยังคงรักษาท่าพายนกบินสำหรับเรือพระที่นั่งเอาไว้ตามเดิม
มีจังหวะหนึ่ง
ที่เรือนารายณ์ทรงสุบรรณได้แล่นผ่านมาถึงหน้าโรงเรียนสตรีวัดระฆัง
ทำการกลับลำหันเรือ
ไปอีกทิศเพื่อเตรียมเข้าอู่ ขนาดลำเรือที่ใหญ่โต
กับกำลังพลฝีพายที่ทำงานกันเป็นทีมผ่านจังหวะสัญญาณผู้คุมจากหน้าเรือ
เอาชนะระลอกคลื่นจนแทบไม่เห็นการโคลงเคลงด้วยแรงคน

กลายเป็นภาพที่ประทับใจของใครหลายคนที่คอยยืนลุ้นจากบนฝั่ง 

คนแปลกหน้า ยืนแลกเปลี่ยนพูดคุยกันผ่านเรื่องการซ้อมขบวนเรือนี้
แว่วเสียงจ๊อกแจ๊กจอแจมา
จากรอบข้าง

"พี่เคยเป็นฝีพายปีไหนคะ"

"ผม รุ่นปี '39 ครับ"

 



⭗ เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พายเคลื่อนผ่านหน้าวัดระฆัง



⭗ การจราจรบนแม่น้ำเจ้าพระยาของเย็นวันที่ 22 ตุลาคม 2567 

อู่ทหารเรือธนบุรี ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม

 

เรือลำอื่น ๆ ต่างคอยเวลากลับเข้าโรงเก็บเรืออีกที่หนึ่ง (จุดตั้งต้นขบวน) ด้วยระยะทางที่ไกล
และร่างกายที่เปียกชุ่มไปหมดทั้งคนและพาหนะ ก็ต้องอาศัยเรือยนต์มาช่วยผ่อนแรงลากกลับไป
สภาพการจราจรบนผืนน้ำเจ้าพระยาช่วงเย็นนี้ ดูขวักไขว่และแปลกตาดี ทั้งเรือและพลประจำเรือ
ใน
เครื่องแบบโบราณ และเรือเล็กที่ใช้แรงเครื่องยนต์และเครื่องแบบกลาสีสีกากีตามยุคสมัย





⭗ ต้นไม้ข้างราชนาวีสโมสร โค่นล้มแบบถอนรากไปหนึ่งต้นและทีมงานกทม.ที่มาตรวจดูความเรียบร้อย 

 

เวลาห้าโมงเย็น เราเดินออกไปตามทางเท้าเพื่อย้อนกลับไปยังทิศทางเดิม
มีต้นไม้หักโค่นต้นนึง ใกล้ ๆ กับอุโมงค์ลอดไปยังฝั่งพระลาน คงมีการแจ้ง
ไปยังภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเรียบร้อย เลยทันได้เห็นทีมงานของผู้ว่าฯ กทม.
เดินสวนผ่านมาดูในส่วนที่เสียหายบริเวณนี้ด้วยพอดี

 ก่อนถึง
ท่าราชวรดิษฐ์ เริ่มมีมอเตอร์ไซค์รับจ้างมาจอดรอผู้โดยสาร
ที่มาชมการซ้อมขบวนเรือฯ 
ไม่รู้ว่าวินของพวกเขาตั้งอยู่ที่ไหน
ดูเหมือนว่าไม่มีใครรู้ข่าวเรื่องการยกเลิกพิธีซ้อมฯ กัน
สักคน
หลังจากคันแรกหยุดจอดที่ข้างทางเท้า ก็มีคนตะโกนบอกเดี๋ยวนั้น
"งานซ้อมยกเลิกแล้ว!" 
เหล่า
มอเตอร์ไซค์รับจ้างคันอื่นที่เพิ่งวิ่งมาสมทบเพิ่ม 
พอเมื่อได้ยิน ต่างก็ผิดหวังไปตาม ๆ กัน

ฝน หนอ ฝน 

 

 

------------------------------

 

พิรุณป่วนรวนฟ้า   ปานโกรธ
นาวาพายแล่นโลด    บ่ท้อ
ผองชนหยัดยืนอด ทนสู้
แม้นชุ่มเปียกยังรอ เฝ้าส่งขบวนเรือ




 




++ เรื่องการฝึกซ้อมจากเอนทรี่เก่า 
กาพย์เห่เรือ ฝีพาย และการฝึกซ้อม : 
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=wachii&month=10-2024&date=31&group=26&gblog=1


Create Date : 05 พฤศจิกายน 2567
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2567 13:15:46 น. 5 comments
Counter : 455 Pageviews.
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณmultiple, คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณSweet_pills, คุณmariabamboo, คุณhaiku, คุณnewyorknurse, คุณ**mp5**


 
พี่ดูตารางซ้อมอย่างดี ทั้งซ้อมย่อย ซ้อมใหญ่ เวลาไม่ลงตัว...
หมายมั่นว่า ยังไงต้องไปวันจริงให้ได้ แต่ก็เกือบแห้วจ้ะ เต็มทุกที่ ไม่รู้เค้าจองอะไรกันทางไหน


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:18:17:56 น.  

 
@สายหมอกและก้อนเมฆ : วันซ้อมพอพลาดที่ตรงท่าเตียนแล้ว
ฟ้าก็ว่าจะเดินไปหาที่นั่งแถวๆ ธรรมศาสตร์ต่อ แต่ก็กลัวว่าเขาจะแจ้งบอกว่าเต็มอีก พอเห็นตรงท่าช้างยังพอมีว่างบ้างเลยสิงยาวเลย
แวะไปดูวันจริงบล็อคพี่หนูแล้ว โห โชคดีมากที่ยังพอมีที่ให้ยืน


โดย: กาบริเอล วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:18:35:14 น.  

 
มีข่าววันซ้อมฝนตกหนักเลยครับ เห็นภาพก่อนหน้าแล้วรุนแรงน่าดู

ตามมาชมบรรยากาศด้วยคนครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 พฤศจิกายน 2567 เวลา:21:30:26 น.  

 
อ่านข่าวว่ายกเลิกการซ้อมเพราะฝนเหมือนกันค่ะน้องฟ้า
ชมภาพบรรยากาศเบื้องหลังแล้ว
นับถือใจของผู้เกี่ยวข้องทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังจริงๆ
ภาพท้องฟ้าในภาพ การจราจรบนแม่น้ำเจ้าพระยา สวยจังค่ะ
ขอบคุณน้องฟ้าสำหรับภาพบรรยากาศนะคะ

ขอบคุณที่แวะชมเมนูบ้านพี่ต๋า+กำลังใจค่ะ


โดย: Sweet_pills วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:0:52:43 น.  

 
น่าจะวันนี้แหละนะครับ ที่พี่สาว อาจารย์เต๊ะ ไปดูการซ้อมใหญ่
อาจารย์เต๊ะ ถามว่าเป็นไงบ้าง แกตอบว่าเปียกหมดทั้งตัวเลย555
ร่มอันเล็ก เอาไม่อยู่เจอ rainbomb เข้าไป

แต่ก็คุ้มค่าการรอคอย แม้จะได้ชมไม่นานนะครับ

เห็นภาพที่ถ่ายมานี่ นึกถึงอดีต สมัยนั้น แสนยานุภาพทางน้ำของสยาม
น่าจะเกรียงไกรไม่เบา มีกองเรือ มีเรือในส้งกัดมากมาย
เรือแต่ละลำ สร้างอย่างพิถีพิถัน น่าจะมีชั้นยศ ตามผู้ที่ประทับในเรือ ชื่อแต่ละลำน่าเกรงขามมาก คงมีที่มาที่ไป
อย่าง กระบี่ปราบเมืองมาร (โขนเรือเป็นรูปวานรร่างขาว)
และ กระบี่ราญรอนราพณ์

แต่เรืออีเหลือง นี่ยังไง ไม่เข้าพวกนะครับ555

ว่าแต่ว่า สายซอเปียกน้ำ ลองสีแล้วใช้ได้มั้ยครับ
ขอคลิปน้องฟ้าใส่ชุดไทยจักรี นั่งสีซอ ด่วนเลยนะครับ แฮร่ 555



โดย: multiple วันที่: 6 พฤศจิกายน 2567 เวลา:4:08:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BlogGang Popular Award#20


 
กาบริเอล
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]




ชอบต้นไม้, แมว, หนังสือ
ออกเดินทางท่องเที่ยวตามโอกาส

การเขียนบล็อก
คืออีกพื้นที่บอกเล่าผ่านตัวอักษร
และตัวตนของเราก็อยู่ในสิ่งที่เขียนค่ะ

ขอบคุณ Bloggang
สำหรับพื้นที่แบ่งปันตรงนี้

....

เริ่มต้นลงบันทึกอย่างเป็นทางการ
ณ วันที่ 16 ม.ค. 2014

###ไม่ได้ใช้ Facebook แล้วนะคะ###

© ขอสงวนลิขสิทธิ์ ภาพถ่าย 
ห้ามนำไปใช้ ดัดแปลง แก้ไข 
โดยไม่แจ้งที่มา ก่อนได้รับอนุญาต


New Comments
Friends' blogs
[Add กาบริเอล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.