Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
5 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 
Hydropower : พลังน้ำกับการผลิตพลังงานไฟฟ้า


คอลัมน์ เปิดมุมมอง

โดย กลุ่มบริษัท ทีม E-mail : teamgroup@team.co.th ม.ร.ว.วิพุธดนัย เทวกุล

*การเคลื่อนที่ของน้ำเต็มไปด้วยพลังงานธรรมชาติมหาศาล จะเห็นได้จากการเกิดอุทกภัยคราวใด จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อเรือกสวนไร่นา สิ่งปลูกสร้าง สาธารณูปโภค ตลอดจนชีวิตของมนุษย์ การเคลื่อนที่ของน้ำโดยธรรมชาติจะไหลจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำเสมอ ซึ่งเกิดจากแรงดึงดูดของโลกนั่นเอง ดังนั้น หากควบคุมการเคลื่อนที่ของน้ำและนำพลังน้ำเหล่านี้มาใช้ จะก่อให้เกิดประโยชน์เป็นคุณอนันต์

มนุษย์รู้จักนำพลังน้ำมาใช้งานให้เกิดประโยชน์มาแล้วหลายศตวรรษ การใช้พลังน้ำในยุคแรก ๆ เป็นการแปลงพลังน้ำเป็นพลังงานกล (Direct Mechanical Power Transmission) ชาวโรมันสร้างกังหันน้ำ (Water Wheel) เพื่อใช้พลังงานกลในการสีข้าว ชาวจีนนำพลังน้ำมาหมุนกังหันน้ำเพื่อยกน้ำเข้าไร่นา การใช้ประโยชน์โดยตรงเหล่านี้ ทำให้ต้องอยู่ใกล้แหล่งน้ำ ต่อมาเมื่อมนุษย์รู้จักพลังงานไฟฟ้าและผลิตกระแสไฟฟ้ามาใช้ประโยชน์ จึงนำพลังน้ำมาเป็นต้นพลังในการผลิตกระแสไฟฟ้า แล้วจึงส่งกระแสไฟฟ้าไปยังผู้ใช้ที่อยู่ ห่างไกลออกไปเพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงานที่ต้องการ เช่น พลังงานกล พลังงาน แสงสว่าง พลังงานความร้อน ฯลฯ

โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำได้รับการพัฒนาอย่างมากมาย ทั้งในยุโรป อเมริกา ออสเตรเลีย และเอเชีย โดยเฉพาะในช่วงสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศไทยมีการศึกษาวางแผนดำเนินการโรงไฟฟ้าพลังน้ำขนาดใหญ่ครั้งแรกใน โครงการก่อสร้างเขื่อนภูมิพล จ.ตาก ในช่วงทศวรรษที่ 2490 และเปิดทำการตั้งแต่ปี 2507 เป็นต้นมา

การพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ มักจะทำในรูปแบบของโครงการอเนกประสงค์ (Multi-Purposes Project) กล่าวคือ เมื่อน้ำผ่านเครื่องกังหันน้ำเพื่อการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้ว จะถูกส่งต่อเข้าระบบชลประทานเพื่อการเกษตรกรรมต่อไป ส่วนอ่างเก็บน้ำสามารถใช้ในการป้องกันอุทกภัย เป็นแหล่งประมงน้ำจืดขนาดใหญ่ และใช้เป็นแหล่งท่องเที่ยว

แล้วโรงไฟฟ้าพลังน้ำเป็นโรงไฟฟ้าประเภทเดียวในระบบไฟฟ้าหรือ ? ความจริงแล้ว ในระบบไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพสูงสุดต้องประกอบด้วยโรงไฟฟ้าหลายประเภท แต่ละประเภทเหมาะสมที่จะสนอง ความต้องการในแต่ละช่วง ระบบไฟฟ้าของประเทศไทยประกอบด้วยโรงไฟฟ้า 4 ประเภท แต่ละประเภทจะกล่าวโดยสังเขป

1.โรงไฟฟ้าพลังน้ำ (Hydro Power Plant) เป็นการนำทรัพยากรน้ำมาใช้ผลิตกระแสไฟฟ้า โดยอาศัยพลังน้ำมาหมุนกังหันน้ำที่ต่อเพลาตรงกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนศรีนครินทร์ จ.กาญจนบุรี เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี

2.โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ (Stream Power Plant) เป็นการแปรสภาพพลังงานเชื้อเพลิงไปเป็นพลังงานไฟฟ้าโดยใช้ไอน้ำเป็นตัวกลาง ปัจจุบันไทยใช้น้ำมันเตา ถ่านลิกไนต์ และก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง นำไปต้มน้ำเพื่อให้กลายเป็นไอน้ำในอุณหภูมิและความดันที่ต้องการ และส่งไอน้ำเข้าไปหมุนเครื่องกังหันไอน้ำที่มีเพลาต่ออยู่กับเครื่องกำเนิด ไฟฟ้า ตัวอย่างเช่น โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ โรงไฟฟ้าพระนครใต้ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ ในต่างประเทศยังมีการใช้เชื้อเพลิงเพลิงนิวเคลียร์ ถ่านหินคุณภาพดี เช่น แอนทราไซต์ (Anthracite) และบิทูมินัส (Bituminous)

3.โรงไฟฟ้ากังหันแก๊ส (Gas Turbine Power Plant) เครื่องกังหันแก๊สเป็นเครื่องยนต์สันดาปภายใน เปลี่ยนสภาพพลังงานเชื้อเพลิงเป็นพลังงานไฟฟ้าขั้นตอนการทำงานมีการอัดอากาศ ให้มี ความดันสูง 8-10 เท่า และส่งเข้าห้อง เผาไหม้ที่มีเชื้อเพลิงทำการเผาไหม้ เมื่ออากาศในห้องเผาไหม้เกิดการขยายตัว ทำให้มีแรงดันและอุณหภูมิสูงก็จะส่งอากาศไปหมุนเพลาของเครื่องกังหันแก๊สที่ ต่อผ่านชุดเกียร์เข้ากับเพลาของเครื่องกำเนิดไฟฟ้า โรงไฟฟ้าประเภทนี้ได้แก่โรงไฟฟ้ากังหันแก๊สสุราษฎร์ธานี โรงไฟฟ้ากังหันแก๊สหนองจอก กรุงเทพมหานคร โรงไฟฟ้ากังหันแก๊สไทรน้อย จ.นนทบุรี และ โรงไฟฟ้ากังหันแก๊สลานกระบือ จ.กำแพงเพชร

4.โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม (Combined-Cycle Power Plant) เป็นโรงไฟฟ้าที่ประกอบด้วยโรงไฟฟ้า 2 ระบบร่วมกัน คือโรงไฟฟ้ากังหันแก๊ส และ โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ โดยนำความร้อนจากไอเสียที่ออกจากเครื่องกังหันแก๊สซึ่งมีอุณหภูมิสูงถึง ประมาณ 550 องศาเซลเซียส มาใช้ประโยชน์แทนเชื้อเพลิงในการต้มน้ำของโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ โรงไฟฟ้าประเภทนี้จะนำเครื่องกังหันแก๊ส 3 หรือ 4 เครื่องต่อโรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ 1 เครื่อง โรงไฟฟ้าชนิดนี้ได้แก่โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมบางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมวังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วมน้ำพอง จ.ขอนแก่น

เนื่องจากความต้องการไฟฟ้าผันแปรตลอด 24 ชั่วโมง ตามพฤติกรรมของผู้ใช้ไฟฟ้า โรงไฟฟ้าพลังไอน้ำ ซึ่งจ่ายพลังงานไฟฟ้าช้า (Availability ต่ำ) เพราะต้องใช้เวลาต้มน้ำให้กลายเป็นไอน้ำมากกว่า 24 ชั่วโมง แต่สามารถผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องเป็นเวลานาน (ประมาณ 10 เดือน) จนกว่าจะถึงเวลาหยุดบำรุงรักษาครั้งต่อไป จึงเหมาะสมที่จะจ่ายไฟฟ้าให้ความต้องการในช่วงฐาน (Base Load) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมเหมาะสมที่จะจ่ายไฟฟ้าให้ความต้องการในช่วงฐาน (Base Load) และความต้องการในช่วงกลาง (Intermediate Load) โรงไฟฟ้าพลังน้ำเหมาะสมที่จะจ่ายไฟฟ้าให้ความต้องการในช่วงกลางและความต้อง การในช่วงสูง (Peak Load) ส่วนโรงไฟฟ้ากังหันแก๊สเหมาะสมที่จะเสริมกำลังผลิตไฟฟ้าให้ ความต้องการในช่วงสูงเท่านั้น ทั้งนี้ จะต้องคำนึงถึงต้นทุนต่าง ๆ รวมทั้งค่าเชื้อเพลิงเป็นหลัก

ถึงแม้ว่าพลังน้ำ (Hydropower) เป็นพลังงานหมุนเวียนตามธรรมชาติ (Renewable Energy) ที่สะอาดปราศจากมลพิษ สามารถควบคุมและบริหารจัดการให้จ่ายพลังงานได้รวดเร็ว (Availability สูง) สม่ำเสมอ มีประสิทธิภาพสูงสุด และไม่มีต้นทุนค่าเชื้อเพลิง แต่การพัฒนา โรงไฟฟ้าพลังน้ำส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อมอย่างกว้างขวาง จำเป็นที่จะต้องศึกษาและวางมาตรการแก้ไขผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างละเอียด ถี่ถ้วนเป็นการล่วงหน้า

พลังงานไฟฟ้าก็ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญในอุตสาหกรรมและการดำรงชีวิต เป็นพลังงานหลักในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต จึงต้องวางแผนพัฒนาให้สนองความต้องการไฟฟ้าที่นับวันจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ อย่างรอบคอบและมีประสิทธิภาพสูงสุด

นอกเหนือจากแหล่งพลังงานที่กล่าว ถึงในเบื้องต้นแล้ว ยังมีพลังงานหมุนเวียนตามธรรมชาติอีก 2 รูปแบบ คือพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการพัฒนาทั้งในต่างประเทศและภายในประเทศ เนื่องจากไม่สามารถควบคุมและบริหารจัดการให้จ่ายพลังงานได้อย่างสม่ำเสมอต่อ เนื่อง ไม่เหมาะสมที่จะใช้งานในเชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม และยังมีต้นทุนในการผลิตสูง

Credit : ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 01 กรกฎาคม พ.ศ. 2553 หน้า 34
Pic : www.dnrc.mt.gov

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์

H O M E



Create Date : 05 กรกฎาคม 2553
Last Update : 5 กรกฎาคม 2553 23:00:20 น. 0 comments
Counter : 1292 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

jenifaae
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]




Editor
บทความ ความคิดเห็นที่นำลง"สนามหลวงแก็งค์" ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เพียงเราเห็นว่าน่าสนใจและเป็นประโยชน์ในทางข้อมูล ข่าวสาร
หากท่านมีข้อคิดเห็นประการใด โปรดแจ้งให้เราทราบ จักขอบคุณยิ่ง
"สนามหลวงแก็งค์"
kunkorn : Facebook



"Sanamluang's Gang"
"สนามหลวงแก๊งค์"

kunkorn : Facebook

     เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนให้เกิดการศึกษา การเรียนรู้ เผยแพร่ ส่งเสริม สนับสนุน รวบรวมข้อมูล ข่าวสาร อนุรักษ์ รักษาเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของชนชาติไทย วิถีชีวิต และปรัชญา คุณค่าจิตวิญญาณที่งดงาม สืบสานต่อยอดกันมานานนับพันๆปี และกำลังถูกทำลายด้วยอิทธิพลจากแนวคิดเชิงวัตถุนิยมแบบตะวันตก

● เพื่อการศึกษาหาความรู้ ส่งเสริม สนับสนุน ให้เกิดการศึกษา เรียนรู้ สิ่งที่พระพุทธเจ้าค้นพบ และนำมาเผยแพร่แก่มวลมนุษยชาติ อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ที่แท้จริง มิใช่เพียงวิทยาศาสตร์เชิงวัตถุเพียงอย่างเดียว เพราะถือว่าพระพุทธเจ้า ทรงค้นพบความจริงของธรรมชาติ ทั้งหมดทั้งสิ้น ที่มนุษย์ธรรมดาสามัญอย่างเราๆ ท่านๆ ยังเป็นเพียงผู้รู้ แค่หางอึ่งที่ยังอยู่ในกะลาครอบ แต่บังอาจด่วนสรุป ขัดแย้งกับ สิ่งที่องค์ศาสดาทรงค้นพบมากว่าสองพันปี จนทำให้บังเกิดความสับสน ลดความน่าเชื่อในสิ่งที่พระพุทธเจ้าทรงค้นพบ

● สนามหลวงแก๊งค์ ต้องขออนุญาตและขอขอบคุณท่านเจ้าของข่าวสาร ข้อมูล ที่เราได้นำลงในสนามหลวงแก๊งค์ ไว้ ณ โอกาสนี้ด้วยจิตคารวะ ทั้งนี้และทั้งนั้น ก็เพื่อให้สนามหลวงแก๊งค์ เป็นแหล่งในการเผยแพร่ ข้อมูล ข่าวสารที่เป็นประโยชน์และเพื่อเป็นวิทยาทานแก่สาธารณชน แต่หากท่านเจ้าของข้อมูล ข่าวสารที่ สนามหลวงแก๊งค์ นำลงไม่มีความประสงค์ให้นำลง ขอได้โปรดแจ้งความประสงค์ เรายินดีที่จะถอดออกต่อไป

ด้วยจิตคารวะ
www.sanamluang.bloggang.com
kunkorn : Facebook


ดาวหาง
     เป็นปรากฎการณ์ทางธรรมชาติ ที่เกิดขึ้นในห้วงมหาจักรวาลอันยิ่งใหญ่ ลี้ลับไร้ขอบเขต ทุกครั้งที่ดาวหางปรากฏ มันจะส่งสัญญาณแห่งความพินาศ มหันตภัย ธรรมชาติ ความตาย ความเจ็บป่วย สงคราม ความขัดแย้ง การกดขี่ การเอารัดเอาเปรียบ การคดโกง การเบียดเบียนของมนุษย์บนพื้นพิภพใบนี้

     มันคือสัญญาณเตือนภัยที่มนุษย์ไม่อาจจะควบคุมได้ ทั้งภัยทางธรรมชาติและภัยที่เกิดขึ้นจากมนุษย์สร้างกันขึ้นมาเองในทุกรอบพันปี

     ไม่ว่ามนุษย์จะคิดว่าตัวเองเก่งกาจสามารถ ฉลาดสักเพียงไหน ก็ไม่อาจหลีกพ้นมหันตภัยเหล่านี้ไปได้
     ดังนั้น จงเชื่อและปฎิบัติตามอย่างไม่ลังเลต่อคำสอนของศาสดาของเราอย่างจริงจังเถิด

     แม้จอมจักรพรรดิ จอมราชันย์ หรือจอมทรราชที่ยิ่งใหญ่ในอดีต ก็ต้องตายร่างกายเน่าเปื่อยเป็นผุยผง และในที่สุดวิญญาณของเขาก็ต้องชดใช้กรรม ด้วยการถูกไฟนรกเผาผลาญโดยไม่มีข้อยกเว้นทั้งทั้งสิ้น

     จงอย่าอหังการ์ว่าตัวเองเก่ง ฉลาด และยิ่งใหญ่กว่าคำสอนของพระศาสดา ไม่มีมนุษย์ตนใดที่จะพ้นจากกฎแห่งธรรมชาติได้ มนุษย์ที่เก่งกว่าเรา เขาได้ตายร่างกายทับถมปฐพีแห่งนี้นับไม่ถ้วนแล้ว


     ● ขออนุญาตนำภาพวาด "วีระชนบนพานรัฐธรรมนูญ" ของ คุณสถาพร ไชยเศรษฐ ศิลปินอิสระ อดีตแนวร่วมศิลปินแห่งประเทศไทย ซึ่งวาดเนื่องในโอกาส 2 ปี 14 ตุลา มาเป็นส่วนหนึ่งของหัว "สนามหลวงบล็อก"                


บริการดูดวง



"สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" มีความภาคภูมิใจในความสำเร็จตามอุดมการณ์ของเรา ที่ได้ตั้งเอาไว้ว่า "เราจะใช้วิชาความรู้ในด้านการพยากรณ์เพื่อให้เป็นประโยชน์สำหรับการให้การปรึกษาของผู้คนที่กำลังประสบปัญหา ความเดือดเนื้อร้อนใจ หรือการเผชิญกับปัญหานั้นๆได้อย่างไรดี

มนุษย์เกิดแต่กรรม มนุษย์มีกรรมเป็นเหตุ เมื่อเราประสบเคราะห์กรรม ปัญหาอยู่ที่ว่าหากเราทราบเสียก่อน ย่อมเป็นสิ่งที่ดีกว่าการไม่ทราบ อย่างน้อยก็ทำให้เราระมัดระวังตัว อย่างน้อยก็ทำให้เราหลีกเลี่ยงเพื่อทำให้เราเผชิญกับกรรมน้อยลงไป อย่างน้อยก้ทำให้เรารู้ว่าสิ่งเหล่านั้นมันมีที่มา มันมีที่ไปของมัน

มีนักวิชาการและนักวิทยาศาสตร์วัตถุจิตนิยม มักโจมตีอยู่เสมอว่า การดูดวง เป็นเรื่องของความงมงาย หมอดูคู่กับหมอเดา หมายถึงว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องของวิชาโหราศาสตร์เพราะคิดไปว่ามันเป็นเรื่องเดียรัจฉานวิชาบ้าง เป็นการคาดเดาเอาเองบ้าง คิดว่ามันเป็นวิชาที่ใช้สถิติสุ่มเอาบ้าง ไม่เชื่อว่าวิชาโหราศาสตร์จะสามารถไขปริศนาแห่งรหัสลับของดวงดาว จักรวาล และธรรมชาติรอบตัว

แสดงว่าเขาลืมไปว่า อัลเบิร์ต ไอสไตน์ และสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้กล่าวไว้ว่า ทุกสรรพสิ่งในโลกรอบตัวเรา ตั้งแต่เล็กเท่าอะตอม (จุลจักรวาล)จนถึงมหาจักรวาล ล้วนมีความผูกพัน ล้วนมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแยกกันไม่ออก เพียงแต่ว่า กับอะไร เมื่อไร อย่างไร เท่านั้น

กรรมเป็นผลจากการกระทำของเราในอดีตชาติ จะดีหรือจะร้ายก็เพราะเราทำ เป็นสิ่งที่เราจะต้องได้รับผลแห่งการกระทำเหล่านั้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

โหรฯเป็นเพียงผู้แปลรหัสของดวงดาวและธรรมชาติรอบตัว เพื่อเผยแผนที่ชีวิตของเรา และสามารถมองเห็นช่องทางที่จะเลี่ยงหลบสิ่งเลวร้าย ให้ลดน้อยถอยลงหรือพบพานแต่สิ่งที่ดีดี

การสะเดาะเคราะห์ หรือพิธีการตัดกรรมที่กำลังกล่าวขานถึงก็คือการขออโหสิกรรม ลดการอาฆาตจองเวรกับเจ้ากรรมนายเวรที่กำลังจ้องจองเวรด้วยความอาฆาตพยาบาทที่ถูกเรากระทำในอดีตชาติ ไม่ใช่เป็นการตัดทอนผลกรรมที่เราทำให้หมดไปหรือให้ลดลง เพราะกรรมที่เรากระทำไม่สามารถตัดทอนลงไปได้



สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์พยากรณ์เที่ยงตรง แม่นยำเชื่อถือได้ วิเคราะห์พยากรณ์อย่างเป็นระบบ ไม่เลื่อนลอย ยึดมั่นในอุดมการณ์ของครูที่ท่านได้กำชับให้นำเอาวิชาการพยากรณ์มาช่วยเหลือแนะนำ บรรเทาทุกข์ของผู้คนมากกว่าการพยากรณ์เพื่อการค้า

ต้องยอมรับว่า ไม่ว่าประเทศใด? ชาติใด ภาษาใด? สมัยไหน? ชนชั้นวรรณะใด? ไม่ว่าจะเป็นเจ้าสัว นักธุรกิจ นักการค้า แม่บ้าน นักเรียน นักศึกษา ครู อาจารย์ หรือไม่เว้นแต่นายพล นายพัน รัฐมนตรี หรือระดับผู้นำประเทศ ล้วนแต่เคยดูดวงด้วยกันทั้งสิ้น เพียงแต่ว่า เราจะเชื่ออย่างงมงายหรือจะเชื่อโดยใช้เหตุผลอย่างเป็นวิทยาศาสตร์ โดยนำเอาคำพยากรณ์มาใช้เป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจในการดำเนินชีวิต หรือทำธุรกิจ การค้า หรือเพื่อการทำสงครามฯ

"สนามหลวงแก็งค์" ไม่สนับสนุนให้เชื่อเรื่อง "ดวง" อย่างงมงาย แต่เราสนับสนุนให้ใช้คำ "พยากรณ์"อย่างมีวิจารณญาณประกอบการตัดสินใจอย่างมีสติ ใช้ "ปัญญา"อย่างมี "เหตุผล"

หลังจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม จนต้องมีการเข้าจองคิวดูดวงเป็นจำนวนมาก ณ ขณะนี้ ไม่ใช่แต่เฉพาะคนไทยในประเทศที่เข้ามาใช้บริการจาก "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"เท่านั้น

แต่ยังมีคนไทยที่อยู่หลายประเทศทั่วโลกเข้ามาดูดวง ตรวจสอบชื่อ นามสกุลมากมาย ทั้งนี้คงเป็นเพราะผู้ที่เข้ามา"ดูดวง" กับ "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์" ได้รับความพอใจในคำพยากรณ์ที่ถูกต้อง แม่นยำ แนะนำแนวทางแก้ไขที่เหมาะสมตามหลักโหราศาสตร์ จึงได้มีการบอกเล่า แนะนำชักชวนกันปากต่อปากเป็นจำนวนมาก

ปัจจุบันนี้ มีผู้เข้ามาเยี่ยมชมwww.sanamluang.bloggang.com มีจำนวนถึง 118 ประเทศ โดยเข้ามาเปิดดูหน้า "สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์"คิดเป็นร้อยละ 80 ของ pageviews ต่างๆใน www.sanamluang.bloggang.comจัดทำบล็อกครั้งแรกเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2550 มีผู้เข้าชมจำนวนทั้งสิ้น 579,020 ครั้ง จากจำนวน 262,960 visitors (ข้อมูล ณ เวลา 12.00 น.ของวันพุธที่ 6 ตุลาคม 2553)

ส่วนใหญ่ลูกค้าที่โทรเข้ามาเกือบ 98% เมื่อโทรฯ เข้ามาดูดวงแล้ว จะสามารถนัดวัน เวลาดูดวงได้โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด อาจจะมีอยู่บ้างเพียงไม่กี่รายที่โทรฯเข้ามาเพื่อสอบถามรายละเอียดเพียงอย่างเดียวเท่านั้น

อาจจะเนื่องมาจากไม่คุ้นเคยการทำธุรกิจแบบออนไลน์ โดยมีการโอนเงินก่อน ไม่ไว้ใจ หรือไม่กล้า ซึ่งมีจำนวนน้อยมาก ประมาณ 2%

สำหรับที่เมลฯมาถามและเงียบไป ไม่สามารถทราบจำนวนได้ อาจเนื่องจากเป็นรายที่โทรเข้ามานัดอีกทางหนึ่งก็เป็นได้

สนามหลวงพยากรณ์ออนไลน์ ยังมีอาจารย์ผู้สอนวิชาโหราศาสตร์ ผ่านประสบการณ์ในการดูดวงหลายปีคิดเป็นจำนวนหลายพันดวง

แน่นอน แม่นยำกระชับ ชัดเจน หากไม่ทราบเวลาตกฟากท่านก็ยังสามารถดูได้ รายที่กำลังประสบเคราะห์หามยามร้าย ท่านก็จะช่วยแนะนำและแก้ไขเรื่องเลวร้ายให้กลายเป็นดีด้วยศาสตร์แห่งความลี้ลับของโหราศาสตร์ โดยไม่ต้องเสียเงินสะเดาะเคราะห์ สามารถดูได้ถึงขนาดปัญหาเรื่องคู่ครอง เรื่องเคราะห์ เรื่องหน้าที่การงาน โดยใช้ "วิชาโหราศาสตร์ดวงไทย"อันเป็นสุดยอดของวิชาโหราศาตร์โบราณของไทย

นอกจากนั้น เรายังมี ซินแส ที่เชี่ยวชาญเรื่องการดูฮวงจุ้ย ทำเลปลูกบ้าน อาคารสำนักงาน ดูฤกษ์ยาม แต่งงาน คลอดบุตร ขึ้นบ้านใหม่ เปิดกิจการต่างๆโดยใช้วิชาโหราศาสตร์จีนโบราณผสานตำราดวงไทย ซึ่งซินแสท่านมีประสบการณ์การดูดวงมาไม่น้อยกว่า 45 ปี ผ่านการดูให้กับนักธุรกิจชื่อดังของเมืองไทย และนักธุรกิจชั้นนำจากฮ่องกงหลายราย

ติดต่อ 081-4834367 หรือ workingmailhome@hotmail.com
--------------------------------------------
● ปรึกษาปัญหากฏหมาย
ละเมิด,สัญญา,อายัดทรัพย์ ยึดทรัพย์
--------------------------------------------
● ปัญหาติดต่อราชการ
บริการปรีกษาเรื่อง ภาษีป้าย ภาษีโรงเรือน ภาษีที่ดิน ค่าธรรมเนียมต่างๆ และการติดต่อราชการต่างๆ ของสำนักงานเขต
--------------------------------------------
● พิมพ์รายงาน,ค้นหาข้อมูล,

● งานพิมพ์ Lay-Out,Art Work
--------------------------------------------
สำนักพิมพ์ดาวหาง
www.sanamluang.bloggang.com




รับวาดรูปเหมือน และสอนวาดรูป
โดยอาจารย์ ผู้ชำนาญ

ราคาย่อมเยา

















หลังเกิดเหตการณ์ 14 ตุลา 2516 นิสิต นักศึกษา ปัญญาชน ต่างหลั่งไหลดั่งสายน้ำ ล้นขอบ ออกจากเมือง เข้าสู่ ชนบท เหตุเกิดเมื่อ กลางปี พ.ศ.2516 จนถึง พ.ศ.2519 นักศึกษากลุ่มหนึ่ง ได้ พบกันโดยบังเอิญ และ ได้ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันกับชาวบ้าน ณ หมู่บ้าน แม่ตะมาน ตำบลกื๊ดช้าง อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้ ชื่อโครงการว่า "โครงการหมู่บ้านสหกรณ์แม่ตะมาน"
เชิญ พบ และติดตาม กับเรื่องราว และบทสรุป อันควรเป็นจุดเริ่มต้น ต่อไปใน

     เมล็ดพันธุ์ประชาธิปไตย ที่ถูกหว่านทั่วท้องทุ่งแห่งประชาไทย มาบัดเดี๋ยวนี้ เมื่อต้องฝน ต้องลม แห่งกาลเวลาพัดผ่าน จาก 2516 , 2519 2535,จน 2540 ถึง 2550บางเมล็ดพันธุ์ก็ยังขาวพิสุทธิ์สดใส บ้างเมล็ดพันธุ์เปลี่ยนสี บ้างก็ดอกสีเหลือง บ้างก็ดอกสีแดง บ้างก็ดอกสีม่วงก้มี สีเขียว สีน้ำเงิน หรือบ้างก็อาจเฉาโรยรา หรือบ้าง ผสมผสานกลายพันธุ์ ก็มีไม่น้อย
มาบัดเดี๋ยวนี้ มันไม่ใช่ จิต วิญญาณ แห่ง 14 ตุลา เดิมเสียแล้ว ไม่ใช่พันธุ์เดียวกัน อย่าได้ เอ่ยอ้างเลย ว่า วิญญาณ 14 ตุลา ยังคง...มันประชาธิปไตย ที่ไม่ บริสุทธิ์ผุดผ่องเหมือนอย่างเดิมเสียแล้ว.....
..แต่มันเป็น.ประชาธิปไตย...เพื่อใคร..??


“ทุกวันนี้ เราจะรับรู้ ได้เห็น ได้ยินแต่เรื่องเลวร้าย ในสังคม
เราจึงขอบันทึกสิ่งที่ดีๆ ต่างๆ เหล่านี้ ด้วยจิตคารวะ และขอเป็นกำลังใจให้เกิดสิ่งที่ดีงามเหล่านี้ต่อไป”>>>



อ่านงานเขียนเกี่ยวกับภาพยนตร์หลากหลายประเทศทั่วโลก ที่นี่ >>>





*จำนวนผู้ชมทั้งสิ้น* สถาปนาบล็อค 21 ก.ค.2550
Friends' blogs
[Add jenifaae's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.