ไปเที่ยวนอกเมืองกันเถอะค่ะ #3 Middelburg
Middelburg เป็นเมืองหลวงของรัฐ Zeeland หนึ่งใน 12 รัฐของเนเธอร์แลนด์ จะเดินทางไป Middelburg สามารถไปได้ด้วยรถไฟปลายทาง Vlissingen ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที เมืองนี้มี City Hall เก่าแก่ที่สวยมาก และยังสะพวกในการเดินทางไปดู Delta Work เขื่อนกั้นน้ำทะเลที่มีชื่อเสียงของฮอลแลนด์ด้วยค่ะ
วันที่เราออกเดินทางฝนตกพรำๆมาตั้งแต่เช้า แถมพอถึงสถานี รถไฟก็เลทอีก วันนี้ดีหน่อย เลทแค่ 5 นาทีเท่านั้น แต่ปัญหาหนักคือ พอไปถึง Dordrecht รถไฟดันไม่วิ่ง เราจึงจำใจต้องลงจากรถไฟแล้วเดินทางต่อไปโดยรถโค้ชคันใหญ่ที่ทางการรถไฟเตรียมมาไว้ให้ งานนี้มีตั๋วหรือไม่มีตั๋วก็ขึ้นฟรีทั้งหมด เป็นบริการจากการรถไฟแห่งประเทศฮอลแลนด์ค่ะ แหม๊ ประทับใจจริงจริ๊ง แทนที่จะไปถึงที่หมายตอนเที่ยงครึ่งก็ปาเข้าไปบ่ายสองโมง แต่ไม่ต้องห่วงเพราะพอถึงสถานีรถไฟที่ต้องต่อรถเข้าเมือง Middelburg เราก็ควักข้าวห่อขึ้นมากินกันในรถ เป็นที่อิ่มหนำสำราญ รถไฟฮอลแลนด์นี่ กินอาหารได้ค่ะ มีถังขยะให้ แต่รถโดยสารชนิดอื่นๆภายในเมือง ห้ามเอาของกินขึ้นมากินเด็ดขาด
เมือง Middelburg นี้มีชื่อเสียงเป็นอันดับห้าของเมืองที่มีอนุสาวรีย์มากที่สุด มีถึงพันสองร้อยแห่ง (ฟังแล้วก็ไม่น่าเชื่อเท่าไหร่ ต้องไปพิสูจน์ก่อนคะ) ตามมาเลยค่ะ มิดเดิ้ลเบิร์กนั้นเป็นเมืองใหญ่ก็สมกะเป็นเมืองหลวงของเซลันด์ เมืองอื่นๆนั้นเล็กมาก แหละหลายๆเมืองห้องสมุดก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ ไปรษณีย์มีอยู่แค่สำนักงานเดียว ใครที่คิดว่าเมืองนอกการเดินทางสะดวกสบาย ต้องมาดูเมืองบ้านนอกๆ พวกนี้ จะไปไหนที ลำบากน่าดูค่ะ แต่คนที่นี่เขามีรถยนต์กันทุกคน จึงไม่ค่อยมีปัญหาถ้ายังไม่มีก็ใช้จักรยานคันเก่งคู่ชีพนี่แหละค่ะ เมืองแต่ละเมืองห่างกันไม่มากนัก ปั่นจักรยานพอไหว ยิ่งในช่วงฤดูร้อนนี่เห็นคนปั่นจักรยานกันเต็มไปหมด ทั้งนักท่องเที่ยวและคนในจังหวัดเอง พวกเราก็เช่าจักรยานออกปั่นค่ะ เช่าได้จากที่ร้าน ข้างๆสถานีนั่นเอง เป็นบริการคู่ของการรถไฟ เป็นทั้งที่เก็บจักรยาน มีล็อคเรียบร้อยมีคนเฝ้าให้ด้วย แล้วก็มีจักรยานสำหรับให้นักท่องเที่ยวเช่า ในสนนราคาตั้งแต่ 6.50 ยูโร ถ้าเป็นแบบมีเกียร์ก็เพิ่มเงินอีกหนึ่งยูโร แต่ทั้งนี้ คุณก็ต้องเตรียมเงินไปด้วยเป็นค่ามัดจำรถ ราคา 50 ยูโรต่อคันอีกต่างหาก พอคืนรถแล้วถึงจะได้เงินคืน ร้านเช่ารถที่ Middelburg นี่เปิดถึงสี่ทุ่มเลยค่ะ เช่าแล้วก็ปั่นซะให้สะใจนะลูกนะ หึหึ
จะไปไหนกันดี ปั่นเข้าเมืองปั๊บแวะหาซุปเปอร์มาร์เก็ต หาอะไรใส่ท้องอีกรอบก่อน ที่นี่มีร้าน Albert Heijn ด้วยค่ะ แต่มีอยู่ร้านเดียวละมัง ทั้งเมือง เศร้าจริงๆ ร้านใหญ่และมีสินค้าครบครันทีเดียว ไปถึงได้ของกินติดมือแบกกันหลังเกือบหักเลยค่ะ จากนั้นเราก็ขี่จักรยานเข้าเซ็นเตอร์ไปดู City Hall ที่มีชื่อเสียงกัน ทำไมน่ะหรือค่ะ เพราะว่า City Hall หรือที่ภาษาดัชต์เรียกว่า Stadhuis ที่นี่คือ ที่ที่ได้รับการยกย่องว่าสวยที่สุดในเนเธอร์แลนด์ เริ่มสร้างตั้งแต่ปี 1452 แน่ะค่ะ มาโดนทำลายเสียหายไปอย่างร้ายแรงช่วงสงครามโลกปี 1940 จึงต้องมาเริ่มสร้างกันใหม่ ซึ่งก็ทำอย่างประณีตบรรจง จนออกมาเป็น Stadhuis ชื่อดังดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งจากฮอลแลนด์และที่อื่นอย่างมากมายทุกวันนี้ไงคะ
ตรงหน้าสตัดเฮาส์ที่นี่น่ารักมาก มีรูปจำลองเมืองตั้งไว้ มีโถเจาะรู ถ้าคุณอยากดูระบบน้ำเสียของเมืองในสมัยโบราณก็ไปจ้องดูได้ ฮ่าๆๆๆ ลี่ก็เกือบโดนหลอกไปเหมือนกันค่ะ เก้าอี้ที่จะไปนั่ง พอนั่งปั๊บฉี่ราดเลย น้ำไหลจ๊อกออกมา เรารึกระโดดตัวลอยเลยค่ะ ชาวบ้านหัวเราะกันเฮฮา แหมน่าอายจริงๆ แต่พวกเด็กๆเขาไม่กลัว กลับเข้าไปเล่นกันใหญ่ เป็นที่สนุกสนาน ย่ำน้ำกันจนเปียกเลอะเทอะไปเลย นี่เดินกันมาเกือบชั่วโมงนึงแล้ว ฝนก็ยังไม่หยุดตกเลยค่ะ ดีนะที่พกเสื้อแจ็คเก็ตกันฝนมาพร้อมร่มอีกหนึ่งคัน อยู่ฮอลแลนด์นี่คะ ต้องพกของอย่างนี้ไว้เสมอคะ ฟ้าฝนไม่ค่อยเป็นใจกะการเที่ยวสักเท่าไหร่เลย
ข้างๆลานนี้เป็นที่ตั้งของร้าน TouristShop ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวของเซลันด์ แล้วก็มีขายตั๋วเข้าชมสถานที่ต่างๆใน Middelburg ด้วยราคาพิเศษลด 10 เปอร์เซ็นต์จากราคาปกติที่เราไปซื้อที่หน้าทางเข้าธรรมดาด้วยค่ะ แผนที่ก็หาซื้อได้ที่นี่ ราคาประมาณ 2 ยูโร เราสองคนหาแผนที่ได้ก็รีบไปบุกเมืองต่อกันเลยค่ะ เพราะเดี๋ยวจะออกไปเที่ยวชายทะเลดูเขื่อนกั้นพายุ ที่เรียกว่า Deltawerk กันแล้ว จริงๆแล้วมันไม่ได้มีแค่เขื่อนเดียวหรอกนะคะ Deltawerk เรียกซีรี่ส์ของเขื่อนหลายตัวที่สร้างอยู่ร่วมกันในจังหวัดเซลันด์นี้เพื่อปิดกั้นระหว่างทะเลเหนือกับดินแดนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำของฮอลแลนด์ไว้ ป้องกันน้ำทะเลหนุนเข้าท่วมพื้นที่เหล่านี้ในหน้าน้ำหลากค่ะ อีกหน่อยเมืองไทยน่าจะเอาไปทำตามบ้างนะคะ กรุงเทพจะได้ไม่น้ำท่วม เรื่องนี้คงต้องฝันไปอีกสักพัก เพราะ Deltawerk นี่ใช้เงินมหาศาลมากค่ะ ช่วงนี้เขากำลังทำการทาสีด้วย เพราะเหล็กที่ใช้ไม่ใช่สเตนเลส จึงเกิดสนิมขึ้นบ่อยบังทำให้ตัวเขื่อนจะผุผังเร็วกว่าปกติ การทาสีและซ่อมแซมจึงต้องทำอย่างสม่ำเสมอค่ะ ว่าแต่เดี๋ยวเราแวะรอบเมืองกันก่อนปั่นออกนอกเมืองไปยังเมืองต่อไปคือ St. Laurens นะคะ ชื่อเหมือนแฟนลี่เลยแหละเมืองนี้ อ้อ เฮียเราไปชื่อเหมือนเขามากกว่า
เพราะว่า Middelburg เป็นเมืองใหญ่และเป็นเมืองป้อมปราการด้วย จึงมีคูขุดรอบเมืองและมีสะพานเชื่อมเข้าต้วเมืองเป็นจุดๆ เข้าแก็ปในหนังยุคอัศวินเด๊ะเลยค่ะ รูปถ่ายมีไม่มากนักเพราะปั่นแต่จักรยาน ฝนก็ตกค่ะ มือจับแฮนด์รถไป กางร่มไปอีกมือ ไม่ว่างจับกล้องเลยค่ะ เศร้าแท้ๆ ระหว่างที่ที่ไปยังเกาะคนสร้าง ซึ่งเป็นที่ตั้งเขื่อนกั้นพายุ Stormvloedkering นั้น ใช้เวลาปั่นทั้งสิ้นสิบสองกิโลเมตรค่ะ ระหว่างข้างทางก็มีวิวทิวทัศน์แบบเซลันด์แท้ๆให้ดู คือทุ่งดอกไม้สีเหลือง เลี้ยงวัว ทุ่งหญ้าบาเลย์ และสวนผึ้ง ซึ่งเป็นทุ่งดอกไม้ป่าหลากสี ปลูกไว้เอาน้ำหวานเลี้ยงผึ้ง
ระหว่างทางปั่นขึ้นฝายกั้นระหว่างทะเลกับตัวพื้นที่ราบด้านหลังนั้น ลมแรงมากค่ะ ลี่อยากจะร้องไห้ เกิดไม่สบอารมณ์อยากจะเขวี้ยงจักรยานทิ้งก็หลายสิบรอบค่ะ สู้แรงลมไม่ไหว แต่กังหันลมที่เอาไว้ปั่นผลิตไฟฟ้าเนี่ยหมุนกันฟิ้วเลยค่ะ เฮ้อ ขอให้ค่าไฟมันถูกๆลงบ้างเหอะ (คนแก่ก็เงี้ยเห็นไรบ่นไปหมด) ปั่นไปดึ่มน้ำ แวะพักกินขนมไป ในที่สุดก็เห็นเขื่อนกั้นน้ำทะเล หรือ Oosterscheldedam อยู่ตรงหน้า (ชื่อยาวหน่อยนะคะ) เขื่อนนี้ตั้งอยู่โดยมีเกาะที่สร้างเทียมขึ้น ชื่อ Neeltje Jans เป็นหลักไว้ให้เกาะ เขื่อนกั้นน้ำทะเลเช่นนี้ไม่ได้มีอยู่แค่เขื่อนนี้แห่งเดียว แต่มีหลายตัวด้วยกัน ประกอบเข้าด้วยกัน เพื่อยึดยื้อแรงน้ำทะเลจำนวนมหาศาล ไม่ให้หลั่งไหลเข้ามาท่วมทันประเทศใต้ทะเลน้อยๆ แห่งนี้ได้ทัน ปั๊มแต่ละตัวต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ยี่สิบสี่ชั่วโมง 365 วันต่อปี เมื่อให้ชาวดัชต์และคนในประเทศทุกคนอยู่ได้อย่างแห้ง และปลอดภัย
ระหว่างทางขากลับ เราไม่ต้องกลับทางเดิมก็ได้ ถ้าปั่นไปเรื่อยๆ จะมีเรือเฟอรี่ข้ามฝากไปลงที่เมือง Veere ซึ่งอยู่ห่างจาก Middelburg ไม่เท่าไหร่ ก็เท่ากับทุ่นระยะเวลาไปได้เยอะ แล้วยังมีโอกาสได้ชมเมืองเล็กๆ ริมทะเลนี้ด้วย เมืองต่างๆแถบนี้เป็นเมืองท่องเที่ยวตากอากาศที่มีนักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยจากเยอรมันนีแวะเข้ามา ระหว่างทางทีปั่นจักรยาน ลี่นับรถยนต์ป้ายทะเบียนเยอรมันนี ได้มากกว่าจากฮอลแลนด์เสียอีกค่ะ
เรากลับเข้ามาถึงตัวเมืองในเวลาทุ่มครึ่งพอดี ยังมีเวลาเหลือก่อนจะต้องคืนจักรยานแต่เนื่องจากเราสองคนทุ่มเงินไปในส่วนของเงินมัดจำเสียร้อยยูโรเลยเงินหมด จะไปกินดินเนอร์ในเมืองก็ไม่ได้เลยต้องคืนจักรยานก่อนแล้วเดินต่อเข้าเมืองไป ใช้เวลาสิบนาทีก็กลับไปโผล่ที่จตุรัสหน้า City Hall อีกครั้ง มาถึงที่นี่แล้วก็ต้องมาแวะกินหอยแมลงภู่เซลันด์ให้ได้ค่ะ ร้านที่เราเลือกเป็นร้านระดับธรรมดา ราคาพอควักกระเป๋าจ่ายได้ คืนนี้เดินทางกลับจากมิดเดิ้ลเบิร์กก็หลับสลบไสลกันมา (แหงละ ปั่นไปเกือบห้าสิบกิโล) ไว้ใครอยากพิสูจน์แรงม้าความอึดในการปั่นจักรยานของตัวเองล่ะก็ มาเล้ย เส้นทางที่ลี่ไปนี่แหละ ใครอยากทราบ ขอแผนที่การเดินทางและ schedule ได้ฟรีหลังไมค์โลดค่า
Create Date : 06 กันยายน 2548 |
| |
|
Last Update : 3 ตุลาคม 2548 7:09:06 น. |
| |
Counter : 1152 Pageviews. |
| |
|
|