space
space
space
<<
มีนาคม 2565
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
space
space
30 มีนาคม 2565
space
space
space

ลาก่อนน้องสโนว์ มีเจ้าของใหม่แระ
ตั้งแต่รับน้องโบลต์มาดูแลเมื่อ สค. ปี 2564 ปีที่แล้ว เราสองคนก็นั่งคิดกันว่าจะเอายังไงกับน้องสโนว์ น้องสโนว์เป็น Mercedes คันแรกของเรา ในสภาพสังคมทั่วไปมองว่าเป็นรถตราดาวเป็นรถหรูหรามีฐานะ และดูภูมิฐาน (แก่) ในประสบการณ์จริงของพวกเรา ต้องยอมรับว่ามันมีความแตกต่างระหว่างการใช้รถญี่ปุ่นกับการใช้รถตราดาวพอควร คันแรกที่เมืองไทยของเราสองคนคือ Lexus CT250h ไม่ได้รู้สึกต่างอะไรกับ Honda สองคันที่เคยใช้ที่เมกาเท่าไหร่ แต่พอเป็นตราดาว มันสัมผัสได้ถึงความหรูหรา รายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มันมีความพิเศษในตัวของมันเองอยู่ เรายอมรับว่าการขับรถตราดาวไปไหนต่อไหน ปฏิกิริยาที่มักจะได้จาก รปภ. พนักงานทั่วไป จะมีความแตกต่างพอสมควรกับตอนที่เราใช้รถอื่น ๆ เพื่อน (รุ่นพี่) ที่อยู่ที่ทำงานเดียวกันคนหนึ่งแกก็อ้างถึงเหตุผลข้อนี้ในการที่แกเลือกใช้รถยี่ห้อนี้ ส่วนของเรา เฉย ๆ ไม่ต้องมายุ่งกะชั้นก็ได้ เรื่องที่จอด เรื่องเข็นรถ เด้วจัดการเอง 

ประสบการณ์อันนั้นมันก็มากับ price tag ที่จะต้องจ่าย ทั้งตอนซื้อรถ รวมถึงตอนบำรุงรักษา

เราเคยคิดกันสองคนว่าเนื่องจากโบลต์ (Tesla M3P) ซื้อผ่านศูนย์นำเข้าอิสระ เราไม่แน่ใจว่าจะมีปัญหาอะไรไหม มีโอกาสเล็กน้อยที่อาจจะต้องมีการซ่อมซึ่งอาจจะต้องใช้เวลานานพอควร เราสองคนก็เลยตั้งใจกันว่าจะเก็บสโนว์ไว้ก่อน ยังไม่ต้องรีบขาย จอดไว้แถวเนี้ย 

ก็จอดกันมาได้เกือบ 7 เดือน ปัญหาของการมีรถสองคัน ก็คือ  1) ก็ต้องล้างรถสองคัน ตรงไปตรงมา แต่ก่อนมีคันเดียว ไม่ต้องจัดตารางล้างรถ เขรอะเมื่อไหร่ก็ล้างเมื่อนั้น พอมีสองคัน ถ้าล้างสองคันต่อกัน รู้สึกเหนื่อย (หน่าย) เป็นพิเศษ  ถึงเราจะไม่ได้ค่อยใช้สโนว์แต่ที่จอดสโนว์เค้ามันจะพ้นชายคาด้านข้าง (ด้านผู้โดยสาร) ออกไปนิสนึง ทำให้ยังไงยังไงก็โดนคราบฝน โดนขี้นก ไม่ใช้เยอะก็ต้องล้าง   2) เกิดอาการไม่อยากนั่งสโนว์ พอมีรถใหม่ มันก็อยากใช้รถใหม่เป็นธรรมดา แต่ความที่สโนว์เค้าเป็น ICE แล้วเราสองคนก็เบื่อการปล่อยควันพิษทำลายโลกเต็มทน ทำให้ที่ใช้สโนว์มีจำกัดมาก รถที่จอดทิ้งไว้นาน ๆ ภายในจะอับ ๆ หน่อย เค้าจะมีกลิ่นเฉพาะตัวของเค้า ความรู้สึกเวลานั่งสโนว์มันก็จะต่างกับโบลต์อย่างสิ้นเชิง เรียกว่าจาก minimalist สุด ๆ ไม่มีอะไรเลย (ปุ่มน่ะ) พอขึ้นสโนว์ กลายเป็นสิ่งตรงข้าม ละลานตาไปด้วยปุ่ม พอได้นั่งโบลต์มาพักนึง พอได้นั่งสโนว์จะรู้สึกว่าสโนว์อืดอาด แต่สโนว์ก็มีความหนึบ มีความเป็นตราดาวอย่างบอกไม่ถูก  3) บริษัทสินมั่นคงประกันภัย ซึ่งเราซื้อประกันชั้นหนึ่งกับเค้าก็ได้ปิดกิจการไป ทำให้สโนว์ขาดประกันชั้นหนึ่งลงอย่างสิ้นเชิงกลางคัน และเราก็รู้สึกเหมือนสูญเงินเบี้ยประกันไปด้วย จริง ๆ ต่อให้บริษัทไม่เจ๊ง เนื่องจากคนขับรถเราเค้ามีอุบัติการการเกิดอุบัติเหตุต่ำมากอยู่แล้ว ทุก ๆ ปีก็ทำให้เรารู้สึกว่าเบี้ยประกันภัยที่จ่ายนี่มันช่างสูญเปล่า ถึงขนาดให้เราต้องไปสอย BKI และ TIP มาเก็บไว้ในพอร์ต น่าจะกำไรค่อนข้างเยอะ กิจการพวกนี้  ไม่นับอาคเนย์ประกันภัยที่ดันไปรับประกันภัยโควิด ช่างไม่รู้จักไวรัสตัวนี้เอาซะเลย 4) เก็บไว้ มันก็มีความกังวลว่ายิ่งเก็บไว้นานราคาก็จะยิ่งตกลง มูลค่า depreciation ของรถใช้แล้วนี่มันดิ่งเหวอย่างไม่น่าเชื่อ เราเคยบอกคนขับรถเราว่าให้มองดูรถสองคันของเราสองคนที่จอดอยู่ทั้ง Mercedes C350e (สโนว์) และ Tesla M3P (โบลต์) เธอ เชื่อมั้ยว่าเราจ่ายเงินไปรวมกันสองคันนี้ 7 ล้านกว่า  5) เก็บมานานจนต้องเอาเข้าศูนย์ประจำปีไปอีกรอบ เก็บไปเรื่อย ๆ จะมีความรู้สึกว่าถ้าเก็บนานกว่านี้ก็ไม่ต้องขายแล้วล่ะ เสียดายยังไงก็ยังต้องขายอยู่ดี

ก็ไม่น่าเชื่อว่าสองคันนี้ ผลาญเงินเราสองคนไปกว่า 7 ล้าน แต่พอจะขาย มันดันเหลือไม่ถึงครึ่งแล้วล่ะ สำหรับตราดาวอะนะ (อันนี้ก็ยังไม่แน่เกี่ยวกับ used Tesla)

เดิมทีตอนจะขาย Lexus CT250h เราก็เคยไปโพสต์ขายไว้ในเว็บไซต์ kaidee ถ้าจะไปขายตามเต๊นท์หรือผ่านนายหน้าก็จะโดนกดราคาแน่นอน ในขณะที่เวลาเต๊นท์ขาย เค้าก็ต้องขายเอากำไร ทำให้เราเกิดความรู้สึกว่า ทำไมเราไม่ขายตรง ระหว่างเจ้าของเก่าไปเจ้าของใหม่ จะได้ตัดเรื่องเงินที่จะต้องสูญไปกับคนกลาง แต่อย่างว่า ในโลกปัจจุบัน ความไว้เนื้อไว้ใจกันมันแทบจะไม่เหลือในสังคม ก็อย่างเข้าใจได้อะนะ สมมุติเราจะไปซื้อของใช้แล้วจากใครสักคน มันคงยากที่จะทำใจที่จะซื้อตรงจากคนแปลกหน้า แต่ถ้าซื้อรถใช้แล้วจากศูนย์ของรถเค้า อย่างน้อยเราก็คิดว่าทางศูนย์เค้าก็ต้องเช็คแล้ว ตรวจสภาพแล้ว ซ่อมแล้ว จิปาถะ  ตอนโพสต์ขายน้องเล็ก (Lexus CT250h) เมื่อหลายปีก่อน จำได้ว่าไม่ได้ข้อเสนอราคาดีเท่าไหร่ (ราคาตกเกินครึ่ง) จนสุดท้ายเราก็ไม่ได้ขาย ยกให้บุพการีไปซะเฉย ๆ มีความรู้สึกว่ารถมันมีมูลค่ามากกว่าราคาที่จะขายได้ในฐานะรถมือสอง มันเป็นมูลค่าทางใจ เป็นความรู้สึก ตอนนี้ Lexus CT250h ก็ยังอยู่กับน้องชายเรา เกิน 10 ปีแล้ว เพิ่งจะได้รับการเปลี่ยนแบตใหญ่ (ใหญ่ในที่นี้หมายถึงแบตไฮบริดที่ไ่ม่ใช่แบต 12V เป็น NiMH 0.6 kWh) เสียค่าเปลี่ยนไปประมาณ 50,000 บาท (เท่าที่พ่อเล่าให้ฟัง) ข้อดีของการที่ไม่ได้ขายให้ใคร หรือขายให้คนรู้จัก ก็คือเรายังได้ติดตามประวัติรถเรา หรือได้รู้ว่ามีอะไรต้องซ่อมต้องเปลี่ยนบ้าง

สำหรับ Mercedes เราก็ดูใจน้องโบลต์ว่าเค้าจะเกเรไหม  โอกาสรถใหม่จะเกเรมันก็ยากหน่อยอะนะ หลังจากดูใจมาครบ 4-5 เดือน เราก็ให้คนขับเราเค้าลองโพสต์ขายดู คราวนี้ลองโพสต์ในแพลทฟอร์มของคุณมาร์ค ซักเกอร์เบิร์ก  กว่าเค้าจะโพสต์ได้ก็ล่วงเลยมาอีกเดือนนึง เรียกว่ากระตุ้นแล้วกระตุ้นอีก แทบจะเอาปืนมาจ่อขมับบังคับให้โพสต์กันทีเดียว เหมือน ๆ กับเค้าก็ยังไม่ค่อยอยากขาย ตอนโพสต์ไปใหม่ ๆ เราก็บอกเค้าว่าตั้งราคาไว้สูงหน่อยนึงนะ เพราะจะมีคนต่อราคา เค้าก็ทำตามด้วยความเป็นเด็กดี (คงไม่อยากขายด้วยมัง) ตั้งราคาสูงในที่นี้หมายถึงสูงกว่าราคาที่เราได้มาจากข้อเสนอของศูนย์ตราดาวที่ราชครู เค้าให้มา 1.2 ล้าน  คนขับเราเค้าก็โพสต์เลย 1.45 ล้าน

ปรากฎมีคนจะเอา พร้อมซื้อเงินสด โอนได้เลยทันที  somehow เค้าที่ติดต่อมา ขอใช้ชื่อว่า คุณ อ. เค้าจำชื่อคนขับรถเราได้ (ข้อเสียอีกประการของการขายของบน FB บังเอิญว่า FB account ที่คนขับเราใช้ก็เป็นชื่อจริง นามสกุลจริงเค้า ไม่มีอะไรต้องปิดบัง)  เค้ารู้จักคนขับรถเราเนื่องจากญาติเค้าเคยมารับบริการทางวิชาชีพจากคนขับเรา ก็ตกกะใจสิฮะ เพิ่งจะโพสต์ ยังไม่ได้ทำใจจะขายเท่าไหร่ ปฏิกิริยาตอนนั้นคือ ก็ปฏิเสธไปก่อน ในใจแอบคิดว่า เอ๊ะนี่เราโพสต์ราคาถูกไปเหรอเนี่ย แต่นี่มันก็มากกว่าราคาเต๊นท์แล้วนะ   เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีเพื่อนสมัยประถมศึกษาอีกคนของคนขับรถของเรา เค้าก็อยากจะได้ บอกว่าจะซื้อไว้ให้ลูก แต่มีงบให้แค่ 1.3 ล้านนะ คนขับรถเราก็ไปสัญญากะเค้าว่าเด้วขอรอดูสักเดือนนึง ถ้าไม่มีใครเอาแล้วจะขายให้เค้าที่ราคา 1.3 ล้าน ก็โดนเราด่าไปตามระเบียบ นี่เพื่อนสมัยประถม ยังจะอะไรขนาดนี้ 

หลังจากปฏิเสธ offer รายแรกไป 1.45 ล้าน เพียงเพราะยังไม่ได้ทำใจจะขาย ยังไม่เห็นปฏิกิริยาหลังโพลสต์ นึกว่าจะมีคนติดต่อเข้ามาเยอะ ปรากฎว่าหลังจากรายนั้นคนเดียวแล้วก็เงียบฉี่ มีพรรคพวกติดต่อมาเยอะจริง  แต่เค้าขอต่อราคา ขอลดราคา ส่วนคนขับเราเค้าก็ใจแข็ง เพราะเค้าคิดว่ายังไง ยังไง ก็ยังขายเพื่อนสมัยประถมเค้าได้ในราคา 1.3 ล้าน หลังจากผ่านไปเดือนนึง เงียบฉี่ ไม่มีใครเอา มีแต่คนต่อราคา ก็เลยใจอ่อน ไปลดราคาลงมา 1.4 ล้าน ก็เหมือนเดิม มีแต่คนจะต่อราคาเหลือ 1.2 ล้าน คนขับเราก็บ่นว่ามีแต่พวกติดต่อมาขอลดราคา ส่วนเพื่อนสมัยประถมที่เคยตกลงกันว่าจะขายกัน 1.3 ล้าน ตอนหลังก็ back off บอกว่า เฮ้ย ลูกกรูไปเรียนเมืองนอกแล้วล่ะ ไม่ต้องซื้อรถให้ล่ะ  เคยมีคนขอเข้ามาดูรถคนนึง แต่ก็ไม่ได้ตกลงซื้อ เค้าขอลดแล้วคนขับรถเราก็ไม่ยอม ใครอยากซื้อ 1.2 ล้าน ก็ไปเอารถเต๊นท์ คงออกอาการเดิม ยังตัดใจขายไม่ได้ ให้มันรู้สึกซะมั่งว่าใครง้อใคร ไม่ได้อยากขายขนาดนั้นน่ะเฟ้ย นี่มันเอายังไงแน่นะ ตกลงจะขายหรือไม่ขาย 

โพสต์ไว้พอมีคนจะเอาก็ดันไม่ขาย ต้องมาลงราคา คนมาต่อราคาก็ไม่ลด ผ่านไปเดือน สองเดือน สามเดือน สี่เดือน จนสินมั่งคงประกันภัยเจ๊ง จนรถต้องเอาเข้าศูนย์ประจำปี จนเบื่อล้างรถสองคัน  สุดท้ายเค้าก็ไปขยับราคาลงมา กระมิดกระเมี้ยนอยู่ที่ 1.35 ล้าน ก็เหมือนเดิน มีแต่คนมาต่อเหลือ 1.2 ล้าน  ง่ายนิดเดียว ไปซื้อศูนย์ ซื้อเต๊นท์ไป ถ้าจะซื้อรถบ้าน สภาพนางฟ้า คนขายไม่ง้อ ก็ต้องราคานี้

ตอนนี้ก็เริ่มทำใจละ หรือเราจะเก็บสโนว์ไว้ดี ยิ่งมีข่าวรถเทสล่า M3 LR ของรุ่นพี่ที่ทำงานท่านหนึ่งชื่อ พี่ ส. มีอาการ pyrofuse ระเบิด (เด้วไปเล่าในบล็อกน้องโบลต์อีกที) ยิ่งมีความรู้สึกว่าเก็บสโนว์ไว้ก่อนก็ดี  ขณะที่กำลังสงสัยว่าจะต้องขยับลงมาที่ 1.3 ล้านรึเปล่า จู่ ๆ ก็มีคนติดต่อขอเข้ามาดูรถ เราเองก็ไม่ได้ให้ราคาเท่าไหร่ คิดว่ามาดู ๆ ต่อราคาแล้วก็คงหายจ๋อมเหมือนเดิม ไม่เป็นไรไม่เดือดร้อน ก็เก็บไว้

ปรากฎรอบนี้ คนที่ติดต่อเข้ามาเป็นคุณ อ. ซึ่งเป็นคนแรกที่เคยติดต่อเข้ามา เค้าก็รู้ว่าตอนนู้นเคยจะซื้อ 1.45 ล้าน อยากไม่เอาเอง เป็นไงล่า ตอนนี้เหลือ 1.35 ล้าน ถูกลงไปตั้งแสนนึง บังเอิญว่าวันเสาร์ที่เค้าบอกจะเข้ามาดูตอนบ่าย 4 โมง คนขับรถเราเค้าต้องทำงานช่วงเช้า เค้าก็เชิงออกคำสั่งให้เราล้างรถ แหม ๆ ไม่เคยต้องล้างรถคนเดียวอะนะ ทุกทีเราก็ช่วยกันล้าง ปัญหาคือการเลื่อนรถไปยังที่ที่จะล้าง แค่เนี้ย เราก็หวาดหวั่นมาก ไม่ค่อยจะได้ขับรถ ยิ่งรถกำลังจะมีคนมาดู อาจจะมาซื้อ จะเลื่อนไปที่ล้างซึ่งห่างออกไปไม่ถึง 10 เมตร มันช่างน่ากลัว โชคดีคุณพี่ ภพ ที่รปภ.ที่คอนโดแสนดี มาค่อยช่วยโบก ช่วยดู ช่วยลุ้น ก็เลยเลื่อนเข้าที่ล้างได้ เราก็ไม่นึกว่าจะได้ล้างสโนว์เป็นครั้งสุดท้าย ไม่เคยล้างคนเดียวมาก่อนแถมยังต้องขัดสีฉวีวรรณเป็นพิเศษ รวมกับจะส่งประกวดนางงาม

กว่าจะมา นัดไว้ 4 โมง มาเอาซะเกือบ 6 โมง แถมที่บอกว่าจะเข้ามาดูสโนว์  พอมาถึงจริง ๆ คุณเล่นดูโบลต์มากกว่าดูสโนว์ ถามเกี่ยวกับโบลต์เยอะมาก เค้ามากันสองคนเป็นผู้ชายทั้งคู่ คนนึงก็คือคุณ อ. ที่ติดต่อเข้ามาทางโทรฯ  อีกคนดูเด็กกว่าสัก 10-15 ปี ไม่แน่ใจว่าทำไมมาสองคน (มารู้ทีหลัง) แล้วเราก็ต้องออกไปทำธุระตอน 6 โมง เค้าก็เลยจบที่ว่าขอวางมัดจำไว้ก่อนละกันคับ แปลว่าไม่อยากให้เราไปขายคนอื่น เอ๊า อยากวางก็วาง ไม่ได้เรียกร้องให้วางนะ แต่การที่คุณวางมัดจำก็เป็นนัยยะบอกว่าคุณอยากได้รถจริงนะเนี่ย เริ่มออกอาการใจตุ้ม ๆ ต่อม ๆ ไม่ใช่ว่าดีใจที่จะขายดี เป็นอาการว่าเสียดาย ว่าจะขายดีไหม ไอ้ครั้นจะปฏิเสธไปอีกที รอบนี้จะเป็นรอบที่สองของคุณ อ. รอบหน้าอาจจะเหลือราคา 1.2 ล้าน เท่าเต๊นท์ เอ เอาไงดี

ปกติหลังจากล้างรถเสร็จใหม่ ๆ เวลาขับเบรกมักจะมีเสียงเอี๊ยด ๆ มันเหมือนจานเบรกมันเปียกน้ำ ขึ้นสนิม เราก็เกรงว่าเวลาเค้ามารับรถจริงเค้าจะติง ตอนที่ออกไปทำธุระช่วงเย็น คนขับเราเค้าเอาโบลต์ไปส่งเรา แต่ตอนขาเค้ามารับเรากลับบ้าน เราก็เสนอว่าเอาสโนว์ออกมาวิ่งซะอีกทีดีไหม เสียงเบรกเอี๊ยด ๆ มันจะได้ไม่มีตอนเค้ามารับ บอกตามตรงว่าตอนนั่งสโนว์รอบนี้ คิดว่าเป็นรอบสุดท้ายมันมีความรู้สึกผูกพันอย่างบอกไม่ถูก ลึก ๆ ในใจก็ไม่อยากขายเท่าไหร่ แล้วมันก็หวาดเสียวดีเกรงว่า เกิดร้อยวันพันปี ขับมาไม่เคยมีอุบัติเหตุ พอจะขาย เกิดมีใครมาชนเปรี้ยงขึ้นมา ก็จะไม่ได้ขายสินะ แต่ เอ นึกไปนึกมา ก็ดี จะได้ไม่ต้องขายไง...  ที่รู้ว่าเค้าจะเอาแน่นอนเพราะเค้าต้องการวางมัดจำโดยที่เราไม่ได้เรียกร้อง สรุปว่าคนขับเราก็ professional พอ แล้วก็ขับกลับถึงบ้านดี เป็น trip สุดท้ายที่เราจะได้นั่งรถเบ๊นซ์ละนะ

วันรุ่งขึ้นเป็นวันอาทิตย์ (วันที่ 27 มี.ค. 2565) คนขับรถเราเค้าบอกว่าเด้วนัดคุณ อ. ไว้ประมาณบ่ายสอง เค้าจะเข้ามาเอารถ มาคนเดียว เค้าจะนั่งแท๊กซี่เข้ามา แล้วขับไป เราก็ว่าจะลงไปดูหน้าคนจะมาซื้อรถชัด ๆ หน่อย ก็ไปซักไซ้ไล่เลียง สรุปว่าคุณ อ. เนี่ยเค้าก็เหมือนเป็นนายหน้ามาดูรถให้คนที่จะซื้อจริง ซึ่งเป็นคนผู้ชายที่ดูเด็กกว่าอีกคนนึง เหมือนกับว่าคุณ อ. เนี่ยเค้าก็จะมาหารถให้ แล้วก็น่าจะเก็บค่าต๋งนิดนึง เค้าก็มีความสามารถในการดูว่ารถดี ไม่ดี จริง เราก็แอบถามว่ารู้ได้ไง เค้าบอกว่าเค้าก็ดูเอาตรง ๆ เลย เค้าเคลมว่าเค้ามีความสามารถในการบอกได้ว่า รถคนใดคันนึงเคยผ่านการซ่อมมารึเปล่า กรณีของเรา น้องสโนว์ไม่เคยชนใคร ไม่เคยมีใครมาชนแรง ๆ แต่มีเหตุการณ์แท๊กซี่จูบก้น 1 ครั้ง ซึ่งก็ไม่ได้จูบแรงมาก แต่เราก็เอาไปซ่อมกับศูนย์ตราดาว ดังนั้นมันก็ดูร่องรอยไม่ออก (อย่างน้อยคุณ อ. ดูไม่ออก) แต่เราจะบอกว่าเราดูออก สีน่ะ เท่ากันดี ไม่มีความแตกต่าง แต่มันมี panel gap ที่เรามองออก แต่อันนี้คุณ อ. เค้าไม่เห็น ไม่ว่าอะไร ส่วนเรื่องที่คนขับเราเคยไปเบียดขอบฟุตบาตจนล้ออัลลอยมี curb rash ก็เคยซ่อมไปหมดแล้ว ดูไม่ออก อันนี้ ซ่อมได้ดีมาก สรุปว่าคุณเอกเค้าให้ผ่าน จริง ๆ แล้วถ้าเค้าโปรฯ จริง เค้าน่าจะมี app อ่านประวัติหรือรายละเอียดเครื่องผ่าน OBD connector แต่เค้าไม่มี ส่วนหนึ่งเราคิดว่าคุณ อ. เค้ารู้จักคนขับรถเรา เค้่าอาจจะให้เครดิตในวิชาชีพของคนขับเรานิ๊สนึงล่ะมัง

คุณ อ. นี่เค้าก็เตรียมเอกสารเรื่องการเซ็นโอนเจ้าของมาเสร็จสรรพ คนขับเราแค่เตรียมสำเนาบัตรประชาชนให้เค้า เค้าบอกว่าเค้าจะไปจดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเจ้าของที่ขนส่งเอง อันนี้เราก็ปล่อยเค้าไป เพราะรู้ว่าเค้าจะต้องไปเสียค่าธรรมเนียมโอนชื่ออีก ตอนอยู่เมืองนอกตอนที่เราขายรถ Honda ทั้งสองคัน ตอนนั้นขายแบบขายตรงเหมือนกัน เซ็นลอยไปเลย ในสมุดเค้าให้เขียนชื่อเจ้าของใหม่แล้วเซ็นโอนเปลี่ยนชื่อเจ้าของได้เลย ไม่เหมือนที่เมืองไทยเนอะ  เราก็พยายามเลียบเคียงถามคุณ อ. ว่าตกลงน้องผู้ชายที่มาด้วยเมื่อวาน ที่เป็นคนซื้อจริงน่ะ เค้าพอจะบอกชื่อนามสกุลได้ไหม คุณ อ. เค้าก็ไม่ยอมบอก สรุปว่าเราก็เลยมาสามารถรู้ได้เลยว่าใครคือเจ้าของใหม่น้องสโนว์ที่รักของเรา

พอน้องสโนว์จากไป ก็มีความรู้สึกแปลก ๆ อย่างบอกไม่ถูก เงิน 1.35 ล้านที่ได้มา มันรู้สึกเหมือนถูกเกินกว่ามูลค่ารถยังไงไม่ทราบ รู้สึกเสียดาย วันรุ่งขึ้นมาที่ทำงาน เจอ พี่ ก. รุ่นพี่ที่ทำงานที่เค้าเคยมีรถตราดาวเหมือนเรา แต่เค้าขายไปแล้ว เราก็ถามพี่เค้าว่า พี่ขายได้เท่าไหร่ตอนนู้น คุณพี่บอกว่าของพี่ขายได้ 8 แสนเองน้อง ของพี่มีอุบัติเหตุ (อย่างแรงด้วย) มันก็ได้ราคาแค่นี้แหละ คุณพี่ปลอบใจว่าอย่าไปเสียดาย รถเก็บไว้เอ็งจะเจอค่าซ่อมค่าดูแลอีกบานตะไท ข้อปลอบใจที่เราคิดได้ก็คือ คิดเสียว่าเก็บไว้ก็ไม่ค่อยได้ใช้ เงินที่ได้มา 1.35 ล้าน ก็เอาไปหักลบกับเงินที่ซื้อโบลต์มา (4 ล้าน ทอน 1 หมื่น) ก็เท่ากับเราจ่ายตังค์เพิ่ม 2.64 ล้านเพื่อเปลี่ยนรถจาก Mercedes C350e มาเป็น Tesla Model 3 Performance คิดเอาเองง่าย ๆ แบบนี้แหละ จะได้ไม่เสียดายรถมาก นึกแต่ว่าถ้าตอนนู้นที่เค้าติดต่อมาทีแรกที่ราคา 1.45 ล้าน แล้วโอเคไป ก็ได้มาเพิ่มอีกแสนสบาย ๆ เอาน่า อย่างกมาก ดวงมันจะได้แค่นี้ อยากไม่พร้อมขายดีนัก อดซะ

ตอนไปเก็บของเตรียมส่งมอบรถ เราก็รวบรวมเอกสารทั้งหมดเกี่ยวกับน้องสโนว์ ตอนคนขับเราเค้าเอาไปเข้าศูนย์ครั้งสุดท้ายเค้าก็ให้ทางศูนย์ตราดาว ราชครู ช่วยลิสต์มาว่ามีอะไหล่อะไรบ้างที่ควรจะต้องเปลี่ยน เค้าก็ลิสต์มาให้เกือบสองหน้า แอบดูตัวเลขแล้ว ประมาณ 7 หมื่น ลมจะใส่ ที่ราคาสูงขนาดนี้เพราะพี่ตราดาวแกอยากจะให้เปลี่ยนยาง 4 ล้อ ซึ่งคิดค่ายางอย่างเดียวก็ 5 หมื่น ที่เหลือจิปาถะ อย่างว่า มิน่าคนที่ใช้รถตราดาวพ้นระยะประกันถึงไม่ค่อยมีใครเอารถเข้าศูนย์ต่อ 

เอาเป็นว่าให้น้องสโนว์ไปหาเจ้าของใหม่น่ะดีแล้ว เค้าจะไปเข้าอู่นอก อู่จริง ยังไง อะไหล่ แท้ แท้ แท้เทียม เทียมแท้ เทียมเทียม อันนี้ก็แล้วแต่เค้าล่ะ เราคงจะไม่ได้เป็นเจ้าของรถยนต์เครื่องสันดาปอีกต่อไป ลาก่อนนะน้องสโนว์ ขอให้เจ้าของใหม่เค้ารักหนูเหมือนพวกเราสองคนล่ะกัน เราจะมีแต่ความทรงจำที่ดี ๆ ไว้ให้หนูเสมอ ตอนนี้ขอตัวไปดูแลน้องโบลต์ก่อนนะ


เก็บสมบัติจนเรียบ ที่เหลือนี่คือแถมให้เจ้าของใหม่ไป เช่น ที่กันแดด น้ำยาล้างกระจก ผ้าเช็ดรถ จิปาถะ เล็ก ๆ น้อย ๆ


สมบัติพัสฐานที่ไปขุดกรุลงมา แผ่นกรองอากาศ ไม่รู้จะเก็บไว้ทำไม แต่อู่ตราดาวเค้าไม่ยอมทิ้งไปคืนเรากลับมาทุก ๆ ปี เราก็บ้าจี้ไม่ยอมทิ้งไป เปิดมาดูข้างในก็ดำปิ๊ดปี๋ อากาศกทม. ดีใจที่สิ่งเหล่านั้นมันไม่เข้าไปอยู่ในปอดเรา แต่ก็อุตส่าห์ขนลงมากองให้เจ้าของใหม่เค้าพิจารณากับยาง 1 เส้นที่ดูเหมือนดอกยางจะยังดีอยู่ (เป็นยางหลัง) แต่หลังจากคุณ อ. เค้าดูแล้วเค้าก็ไม่เอาไปสักกะรายการ แต่คุณพี่ ภพ (รปภ) จัดการไม่ทราบว่ายาง run flat tire หายไปก่อนเพื่อน ส่วน filters 1 ลังคงจะได้ไปหนองแขม ที่เหลือในถังเป็นอุปกรณ์ล้างรถ อุปกรณ์ดูดฝุ่น dyson อย่างดี ไม่แถมนะจ๊ะ ต้องเก็บไว้ดูน้องโบลต์








ถ่ายรูปคู่ น้องสโนว์ น้องโบลต์เป็นครั้งสุดท้าย เกิดความเสียดายอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็คงมีวาสนากันแค่นี้ เด้วว่างแล้วจะลองสรุปค่าใช้จ่าย total ownership ของ Mercedes C350e เป็นบล็อกสุดท้ายอีกทีนะคับ





 


Create Date : 30 มีนาคม 2565
Last Update : 17 เมษายน 2565 12:40:51 น. 0 comments
Counter : 1435 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
space

gollygui
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]






space
space
[Add gollygui's blog to your web]
space
space
space
space
space