JJ Gilmour คือศิลปินนักร้องนักแต่งเพลงฝีมือฉมัง ที่หลายๆคนอาจจะจดจำชื่อของเค้าไม่ได้ แต่หากใครที่เคยฟัง Get 102.5 ผมเชื่อแน่ว่าจะต้องรู้จักเค้าคนนี้แน่นอน เพราะเจเจเอง เป็นเจ้าของเพลงเศร้าปนเหงา Me and You ที่เคยขึ้นชาร์ทของสถานีนี้ในอดีตเมื่อหลายปีที่แล้ว
ถือว่าผมเป็นคนที่โชคดีมากครับ ที่สามารถหาอัลบั้มนี้มาฟังได้ เพราะในช่วงนั้นที่อัลบั้มนี้วางจำหน่ายกับทางค่าย Rock Records ในไทยได้ไม่นาน ค่ายก็ปิดตัวลงครับ ผมไม่สามารถหาซื้ออัลบั้มนี้ได้เลย (เคยไปถามป้าโดมาด้วย แต่ก็ไม่มี) ผ่านมาไม่กี่เดือน ผมบังเอิญแวะไปดูร้านขายเทปมือสองที่เซ็นเตอร์วัน(อนุสาวรีย์) ก็ปรากฏไปเจอเอาอัลบั้มนี้วางขายอยู่ครับ ยังไม่ได้แกะห่อพลาสติกออกเลยด้วยซ้ำ แต่มีรูเจาะที่ปก คาดว่าคงเป็นอัลบั้มโปรโมชั่นที่ทางค่ายส่งให้กับ นิตยสาร หรือสถานีวิทยุที่ใดที่หนึ่งนี่แหละครับ ไม่ทราบว่าตอนนี้จะยังสามารถหาซื้อได้ที่ไหนอีกบ้างสิ
รูปแบบเพลงในอัลบั้มนี้ เป็นแนวป๊อปร็อค เช่นเดียวกับซิงเกิ้ล Me and You ทุกเพลงล้วนมีเนื้อหาคมคาย คลอไปกับทำนองดนตรีที่ไพเราะ ฟังดู เศร้า เหงาในบางเพลง และบางครั้งก็ฟังดูสดใส ร่าเริง ข้อดีอีกอย่างคือ ฟังติดหูได้ไม่ยาก และไม่จำเป็นต้องปีนบันไดขึ้นไปฟังแต่อย่างใด
เริ่มต้นที่เพลง Me and You เพลงเพราะเศร้าๆ ความหมายดีที่เจเจเอง แต่งให้กับ เพื่อนรักที่ชื่อ Paul Anthony Lennon ซึ่งเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เพลงนี้จึงเปรียบเสมือนบทสรรเสริญถึงคุณความดีงามของเพื่อนรัก ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์โหยหาคิดถึง ผมฟังแล้วรู้สึกเศร้าระคนเจ็บปวดครับ โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า
I don't need medication to feel the way I wanted to, If only my generation could stick together, like me & you, superglue;
เนื้อเพลงใช้คำเรียบง่าย ทว่ากินใจด้วยความหมายลึกซึ้ง ผมเข้าใจว่าคนที่เป็นมะเร็งนั้น คงจะเจ็บปวดและทรมานมาก ในคนไข้บางคนจึงเลือกที่จะไม่ใช้ยามารักษา กลับปล่อยให้มะเร็งค่อยๆลามอย่างช้าๆ และจากไปอย่างสงบ (ผมนึกถึงหนังเรื่อง The Barbarian Invasions ที่ตัวผู้เป็นพ่อต้องทนทรมานกับโรคร้ายครับ ตอนดูไปก็นำตาไหลไป ) เพลงนี้จึงเปรียบเสมือนสาส์นแสดงความปรารถนาของ Paul ที่ถ่ายทอดผ่านบทเพลงของเพื่อนรักอย่างเจเจ ได้เป็นอย่างดีและเพลงนี้ก็กลายเป็นเพลงฮิตตามหน้าปัดวิทยุในบ้านเราได้อย่างไม่ยากเลย
july do you think the stars are made of gold ? how many little lights out there, have sold their souls ? are there any rocks out there for me to roll ? july dont lie;
jenny says that she found her soul, now shes a dedicated follower of rock and roll, it really doesnt matter how the story unfolds, then she smiles as she waves goodbye, a whole lotta luv but theres tears in her eyes,
เพลงที่หก Believe me now เพลงที่เปิดเผยปัญหาความสัมพันธ์อย่างหมดเปลือก เพลงนี้เจเจ แต่งได้ดีมากราวกับว่าเข้าใจความรักเป็นอย่างดี วิเคราะห์ความรักในมุมมองที่พบเห็นได้ทั่วไป แต่คนมักไม่ได้พูดถึงกัน
easy now the roads are long we walk, and lonely are the days to comfort you, crazy how we dont get the time to talk, and all those little things baby are hurting you;
นอกจากนี้ยังมีอีกท่อนหนึ่งที่ผมชอบมากๆครับ
its funny how we dont get the time to touch, but in life the only thing thats constant is changed, its strange so many people come and go, theyll take the innocence, the innocence we used to know;
Stones taught me to fly Love taught me to lie Life taught me to die So it's not hard to fall When you float like a cannon ball
เพลงที่เจ็ด I can't escape the ghost เพลงนี้เจเจกล่าวในเชิงเปรียบเทียบว่าทุกๆคน ไม่ว่าใครก็ตามย่อมมีด้านมืดของตนเอง แม้กระทั่งตัวของเขาเอง ก็ยังไม่สามารถหนีความน่ากลัวของตนเองได้พ้น
but i cant escape the ghost, i cant escape the ghost, no, i cant escape the ghost within me;
เพลงที่แปด The American Dream เพลงนี้เจเจเขียนขึ้น เสียดสีวิถีชีวิตของอเมริกันชน ผู้ใช้ชีวิตจมปลักอยู่กับลัทธิทุนนิยม ที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน แก่งแย่งชิงดี จนลืมนึกถึงสิ่งสำคัญซึ่งควรสนใจกันมากกว่านั่นก็คือจิตใจของเรานั่นเอง นอกจากนี้ยังวิพากษ์สื่อที่มีบทบาทสำคัญในการนำเสนอข่าวสารให้แก่ประชาชนอย่างโทรทัศน์ ซึ่งกลายเป็นเครื่องมือของนายทุนในการแสวงหาผลกำไร ในโลกเสรีนิยม อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
so turn your t.v, turn your t.v, tune to b.b.c.cos thats whats on, and pay attention, pay attention, youd absolutely no intentions son, for the american dream;
เพลงที่เก้า Im already sold เพลงนี้มีเนื้อหาค่อนข้างคมคาย เสียดสีประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกา ที่ถึงแม้จะเป็นประเทศที่เจริญรุ่งเรือง และได้ชื่อว่ามีความปลอดภัยสูงนั้น แท้ที่จริงแล้วกลับไม่เป็นเช่นนั้น (การก่อการร้ายเป็นหนึ่งตัวอย่าง) เพลงนี้เจเจแต่งเป็นคำถามไว้ถามผู้ฟังให้ได้คิดเหมือนกันว่า สิ่งต่างๆที่เราคิดนั้น มันเป็นจริงอย่างที่เราคิดหรือไม่ หรือว่าอันที่จริงแล้วเราอาศัยอยู่ในโลกสมมติอย่างใน The Matrix
did the sky ever say im the limit ? is the future in the palm of your hand ? if its for you does it ever go by you ? are you safer when youre back on dry land ? oh i dont understand;
in the land of the milk and the honey, i was walking through the streets paved with gold, when a building with a hundred tall storeys, told me something i had already known, oh im already sold;
เพลงที่สิบ spy เพลงนี้เป็นเพลงสนุก ฟังสบายๆ แต่เนื้อหามิใช่เป็นเช่นนั้นด้วย เพลงนี้เจเจ เขียนด้วยมุมมองที่คล้ายๆกับในหนังเรื่อง The door in the floor ที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ต้องการให้ลูกๆลืมตามาดูโลกเพราะเห็นว่าโลกนี้มันอันตราย น่ากลัว บวกป่าเถื่อนเกินไป ช่างเป็นความคิดที่มองโลกในแง่ร้ายจริงๆ(ข้อมูลเรื่องนี้ฟังมาจากคุณit ซียูครับ)
say a little prayer son, we dont really care son; we can make you wish, that you never were born, you must be aware of the danger and the dare, were not here to scare, was that your shirt weve torn ?
theyre outside my window sitting there in his car, his inside pocket is a vcr, my paranoia cant be stretching this far, oh aye;
เพลงที่สิบเอ็ด road movie เพลงนี้ก็เป็นเพลงเร็วๆ ฟังง่ายๆอีกเช่นกัน ทำนองออกโฟล์คบวกคันทรี่ย์ๆ ความหมายก็ยังดีอีกเช่นเดิม ชอบมากตรงท่อนที่ว่า ธรรมชาติมันจะอ่อนโยนไปกว่านำใจเพื่อนมนุษย์ด้วยกันได้อย่างไร
and so when i get scared, when i stand at the top of the stairs, keep me in your prayers, nature never was kinder than human care, i know i always ask a lot, the only thing i want is shot, i know i always ask a lot, but the camera never lies, thats why were all in a road movie, were playing a part in a b movie, were all in road movie sometimes.
เพลงที่สิบสอง simonss song เป็นเพลงสุดท้ายในอัลบั้มนี้ (เฮ้อ เขียนจบซักที ดองมาเป็นชาติกว่าๆแล้ว) เพลงนี้กล่าวถึงความเจ็บปวดและปัญหามากมายในชีวิต ที่แต่ละคนเลือกที่จะรับมือกับมันด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป บางคนอาจไม่สามารถทนกับปัญหาเรื่องบางเรื่องได้ (และอาจคิดสั้นจบชีวิตตัวเองในเวลาต่อมา) จริงๆแล้วการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ก็ไม่น่าจะยากมาก ให้ลองคิดถึงคนอื่นๆ โดยเฉพาะคนที่อยู่รอบข้างเรา อย่าลืมว่า You're not alone. นะ ฮึดสู้เข้าไว้
but i can live through the wind and the rain, i can see through the sky, but i cant deal with a permanent pain, so goodbye, goodbye,
แวะมานั่งอ่าน