รวมทั้งเพลงที่บรรยายความผูกพันธ์ระหว่างแม่ลูกอย่าง Slipping through my finger เพลงช้าที่มีเนื้อร้องเกี่ยวกับความผูกพันธ์ที่แม่มีต่อลูกสร้างความประทับเป็นอย่างยิ่ง
ในที่สุดละครเพลงเรื่องนี้ถูกนำมาถ่ายทอดบนจอเงินเป็น Mamma Mia! The movie แสดงโดยนักแสดงรุ่นใหญ่ อย่างเมอริล สตรีพเปิดฉายทั่วโลก และเมืองไทยได้ชมไปหลายสัปดาห์แล้ว Mamma Mia! The movie เนื้อหาของเรื่องและรูปแบบยังคงเหมือนกับฉบับละครบนเวที แต่ที่ออกจะแตกต่างคือการนำเอาบท เรื่องราว ลำดับเรื่องและรายละเอียดของตัวละครจากฉบับละครเพลงมาแก้ไขเพิ่มเติม ให้ลึกลงไปมากขึ้น ตัวละครแต่ละตัวมีที่มาที่ไปซับซ้อน และมีความสัมพันธ์ตัวละครแต่ละตัวเด่นชัดมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นตัวละครอย่าง ตัวแม่ดอนน่า มีการเพิ่มประฉากสนทนาของตัวแม่กับเพื่อนรุ่นแม่ทั้งสาม ให้คนดูได้เห็นว่าอดีตของแต่ละครคนเป็นอย่างไร และความผูกพันธ์ แน่นแฟ้นแค่ไหน ในช่วงแรกของหนัง เพื่อนๆรุ่นแม่มีการปรับทุกข์แบบขำๆ พูดถึงการให้ยืมเงิน การทำธุรกิจอยู่ให้รอด เลี้ยงตัวเอง ในขณะที่ฉบับละครไม่มาการคุยลึกขนาดนี้ ฉบับละครเพลงคนดูเห็นเพียงภาพสามเพื่อนสาวที่คบมานานนม กลับมาพบกันพูดคุยเรื่องเก่าๆ ในบรรยากาศจิกกัด เฮฮา เน้นร้องเพลงเน้นเต้นมากกว่า
ลำดับเพลงที่อยู่ในหนังมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่ง และตัดเพลงออกไป เพราะต้องการทำให้เนื้อเรื่องกระชับ ฉับไว โดยเฉพาะเพลงช้า ที่ต่อว่าต่อขานคนรัก อย่าง Knowing me, Knowing you, One of us หรือเพลงอบอุ่นอย่าง Thank you for the music และเพลงที่ไม่แน่ใจในความสัมพันธ์ที่เกิดระหว่าง ลูกสาวโซฟีกับหนึ่งในพ่อผู้ต้องสงสัย กับเพลง The name of the game และเพลง Under Attack ที่บรรยายายความฝันสุดเซอร์ของนางเอกคืนก่อนแต่งงาน ที่ต้องตัดเพลงเหล่านี้ทิ้งเพราะหนังต้องการเล่าเรื่องให้เร็วไม่เยิ่นเย้อ ถ้าหากขืนดำเนินเรื่องตรงตามละครทั้งหมด คนดูวงกว้างที่ชินกับหนังเดินเรื่องรวดเร็วหวือหวา ประมาณหนังของ ผู้กำกับ Micheal Bay หรือ หนังจากกลุ่ม Jerry Buckhimer อาจเบื่อและร้องยี้ก้อเป็นได้ และหนังอาจจะคว่ำสนิทแบบที่The Phantom of The Opera ประสบมาเพราะ The Phantom เดินเรื่องมั่นคงตามฉบับละครเพลงเกือบเต็มรูปแบบไม่มีการตีความใหม่ๆ คนที่ชินหนังเดินเรื่องเร็วเกิดเบื่อ ไม่ชอบใจเพราะหนังไม่สดแบบละคร เมื่อเกิดจังหวะเรื่องที่เยิ่นเย้อ หนังจึงไม่ประสบความสำเร็จในวงกว้างเท่าที่ควร
บทสรุปของ Mamma Mia! The Movie คงจะอยู่ที่เพลง When all is said and done. ปล่อยวาง ไม่หนีปัญหา จัดการชีวิตไปในสิ่งที่ควรจะเป็น ยอมรับ ทำใจ ไม่ยึดมั่นถือมั่น พร้อมด้วยใจที่เบิกบาน ปัญหาอย่างสถาณการณ์ของเรื่องนี้ถ้ามองอย่างซีเรียส ยึดมั่นถือมั่นปมของเรื่องนี้คงแกะไม่ออก จบแบบโศกนาฎกรรมเป็นแน่แท้ แต่เพราะชีวิตเราเลือกได้กำหนดได้ คิดบวก ปัญหาโลกแตกคงไม่เกินที่จะมีทางออก หนังเรื่องนี้บอกเราไว้อย่างชัดแจ้ง ตัวอย่างเรื่องย่อที่เปิดไว้ย่อหน้าบน ถ้ามองแบบขำๆ มีความรักความเข้าใจ ปัญหาจะลุล่วงไปด้วยดี แบบที่หนังและละครเรื่องนี้แสดงให้เราดู
อ้างอิงข้อมูล From ABBA to Mamma Mia! The official book By Andres Hanser and Carl Magnus Palm First publish November 2004 by Littlestar
สงสัยว่า นักแสดงแต่ละคนนี่ร้องเพลงกันเองหรือเปล่า ..แม่กับลูกนี่ร้องได้ดีมากๆ โดยเฉพาะแม่ ทั้งร้องทั้งแสดงได้อารมณ์ดีจริงๆ