Group Blog
 
<<
กันยายน 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
13 กันยายน 2552
 
All Blogs
 
แม่นาครัชดาลัยกับคนดูสองขั้ว

หลังจากที่ละครเพลงเรื่องนี้เปิดแสดง
ผลตอบรับจากฝั่งคนดูแตกออกแบบสองขั้ว แบบยากที่จะประสาน
ผมได้ดูรอบเสาร์ที่23บ่ายสอง
ดูจบออกมา ความรู้สึกเดียวกับหลายๆคนที่ไม่ชอบละครเรื่องนี้
หลักสำคัญสองจุดเลย
1. บท การวางที่มาที่ไปของความคิดตัวละคร ความสัมพันธ์ของตัวละคร
ตัวละครย่อยๆของเรื่องมัความสัมพันธ์กับแม่นาคไม่ชัดเจน
โดยเฉพาะตัวเพื่อนๆของพ่อมากที่ฝากฝังแม่นาคไว้
เมื่อตอนเกิดเรื่องกลับไม่มีใครใส่ใจจะยืนเคียงข้างแม่นาคสักคน
มีบางตัวเดินหนีออกไปแบบอ้าวทิ้งไปดื้อๆไม่มีแรงจูงใจเลยสักนิด
นี่เป็นหนึ่งในความไม่มีที่มาที่ไปหลายๆจุด จนกลายเป็นความโกลาหลที่เิกิดขึ้นตลอดเรื่อง

2. เพลง ดนตรี คำร้องที่ปรากฎในเรื่องเหมือนเอางานเพลงจากเรื่อง
ก่อนๆมาเลือกใส่ให้เข้ากับเรื่องราว

3. องค์ประกอบปลีกย่อย เช่น ท่าเต้นที่ขัดตามากๆส่วนตัวแล้วท่าเต้นชาวบ้านในงานลอยกระทง
เป็นท่าเต้นที่ขัดตา ขัดใจ ไม่ใส่ลงไปยังจะดีกว่า เห็นชาวบ้านสมัยร้อยปีก่อนชูกระทงเหนือหัว
ซอยขาสลับไข้วไปมายิกๆๆๆ ราวเต้นระบำแจ๊สของ Gene Kelly หรือรางกระทงหน้าเวที
ที่สร้างเพื่อให้ชาวบ้านวางกระทงแล้วเลื่อนกระทงเก็บ ใช้แค่ ณ ่ตรงนั้นเท่านั้น ไม่มีการใช้ประโยช์หรือคิดอะไรเก๋ๆจากรางเลื่อนตัวนั้นอีกเลย เสียดาย เงินค่าทำราง ที่ใช้ครั้งเดียว
เสียดายโอกาสที่คนทำควรสร้างสรรค์อะไรกับการสร้างภาพการลอยกระทงที่น่าจะทำได้ดีดว่านี้มากกว่ารางรางนั้น

ความรู้สึกตอนนั้นมันไม่ได้ดั่งใจกับงานล่าสุด
ผนวกกับบริบทส่วนตัวที่ติดตามงานค่ายนี้มาตลอด ดังนี้
1. งานละครของค่ายนี้มีพัฒนาการที่ต่อเนื่อง ดีวันดีคืน
2. ละครเพลงข้างหลังภาพ เรื่องก่อนเป็นละครที่สมบรูณ์เรื่องนึง ทั้งด้านตัวบทดัดแปลง
บทเพลงที่แต่งได้ชาญฉลาด
ความคาดหวังในละครเรื่องล่าสุดจึงมีมากเป็นเงาตามตัว
เลยเลือดลมเสียไปสองสามวัน

จนเมื่อมาอ่านๆ จากสื่อต่างๆว่า
ความตั้งใจของผู้ทำตั้งใจจะให้โชว์ชุดนี้เหมือนภาพยนตร์ไทยยุคก่อน ที่มีครบทุกรสทั้ง รัก โศก ตลก น่ากลัว
ความรู้สึกที่รู้สึกเอ๋อๆจากละครที่ได้ดูจึงหายไป เกิดความเข้าใจ(ไปเอง)ว่า

1. หนังไทยเก่าๆส่วนนึงที่เราเคยดูแต่เก่าก่อน บู๊เผากระท่อม รักโศก นางเอกจน พระเอกรวย หลานสาวเจ้าคุณปู่ที่หายไป มีปานมีไฝ มีตำหนิ สารพัดโชคชะตาฟ้าลิขิต
เช่นหนังของดอกดิน ล้านแล้วจ้า เป็นหนังที่มีความครบรส เน้นอารมณ์
ในแต่ละฉากให้สุดๆ รายละเอียดไม่ต้อง เล่าเรื่องให้จบพอ
หนังไทยที่คนไทยส่วนมากนิยม (มักประสบความสำเร็จทางรายได้เป็นเนืองๆ)
ถ้าหนังแนวไหนประสบความสำเร็จก้อจะแห่กันสร้างไปทางเดียวกัน
บางเรื่องรีบสร้างรีบฉาย ลือกันว่าบางเรื่องรีบถ่ายทำกันทั้งไม่มีบท มีแต่ชื่อเรื่องกับโครงเรื่องในหัวผู้กำกับ
บางทีเขียนบทเอาแบบวันต่อวัน บางทีเขียนบทกันบนกระดาษซองบุหรี่
เขียนเสร็จสดๆซ้อมแล้วถ่าย นักแสดงที่ดังมากๆ วันนึงวิ่งถ่ายหนังกันสามเรื่องต่อวัน
(ไม่นับหนังอีกสายที่เน้นบท เน้นรายละเอียด อย่าง หนังท่านมุ้ยหรือคุณาวุฒิ)

2. จากข้อ1 ไพร่ไปนึกถึง การแสดงลิเกที่เราคุ้นเคย
เรื่องราวรู้กันขึ้นใจ แต่ละฉากออกมาแสดงเรารู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น
ใครพระเอก นางเอก ผู้ร้ายร้ายเหลือเชื่อ นางอิจฉา
ตัวละครที่ดูก้อรู้ว่าใครเป็นอะไร
อยู่ฝ่ายไหน บางทีคิดอะไรก้อบอกคนดูไปด้วย
ทำนองเพลงคุ้นหูกันดีเพราะเป็นทำนองเพลง
ไทยเดิม ไทยนิยม สนุกกันเป็นฉากๆไป
ความสนุกอยู่ที่นักแสดงร้องเพราะ แสดงได้สุดฝีมือ
สุดอารมณ์ในแต่ละฉาก มีด้นสดบ้าง จะเรียกว่าเป็นการแสดงแบนๆ
แต่สดสนุกสุดใจ

3. ลิเก ได้ล้มหายตายจากไปหลายคณะ
แต่ลักษณะความบันเทิงที่ รู้เรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น เล่าเรื่องใหม่
เอาให้สนุกถึงใจเป็นฉากๆ ย้ายจากวิกลิเกมาเกิดขึ้นในละครจอแก้วแทน
ไม่ว่าเรื่องเก่าเล่าใหม่เกิดขึ้นตลอดเวลาในรูปแบบ เรื่องเดิมทำใหม่ อย่าง
เช่น บ้านทรายทอง ดาวพระศุกร์ ฯลฯ
หรือ เรื่องแต่งใหม่แต่ใช้แนวเรื่องเดิมๆ เป็นต้นแบบ
พวกเราอยู่กิน คุ้นชินกับการแสดงแนวนี้มาแต่ไหนแต่ไร

กลับมาที่ประโยคที่ว่า คนทำอยากให้แม่นาคพระโขนงฉบับนี้เป็น
เหมือนภาพยนตร์ไทยยุคก่อน ที่มีครบทุกรส
แล้วย้อนกลับนึกถึงประสบการณ์ที่นั่งดูการแสดงเมื่อวันเสาร์
เมื่อเปลี่ยนมุมมองว่าที่ได้ดูอยู่นั้น เป็นเหมือนได้ดูหนังไทยสมัยก่อน
หรือได้ดูลิเกตอนเด็ก มันเป็นการแสดงที่ครบสูตรตามที่คนทำต้องการ

จะว่าๆเรื่อง บท ที่เรารู้อยู่แล้วว่าอะไรเป็นอะไร
ชีวิต อารมณ์ในขณะฉากนั้นๆที่สำคัญกว่า

ดนตรี คำร้อง
วิธีคิดการสร้างงานเพลงเรื่องนี้ ก้อใช้วิธีของเก่าทำซ้ำ
เอาเพลงป๊อบสไตล์แกรมมี่มาเรียบๆใส่กัน
เหมือนที่ลิเกใช้ เอาทำนองดั้งเดิมใส่เนื้อให้เข้ากับฉาก
คนที่ชื่นชอบ คุ้นเคยกับเพลงสไตล์แกรมมี่ จะหลงรักเพลงจากละครเรื่องนี้ได้ไม่ยากเย็น

พัฒนาการของตัวละคร แรงจูงใจการกระทำของตัวละครก้อไม่จำเป็นเช่นกัน เพราะการแสดงกำลังเล่าสิ่งที่คนดูรู้อยู่แล้ว

การออกแบบท่าเต้นแม้จะออกซ้ำๆเห็นจนชิน
แต่ก้อดูเพลินเข้าออกไปอย่างรวดเร็วไม่โดดเด่น นี่คืดการทำซ้ำจากที่ประเพณีเดิมมีมาผนวกกับงานเดิมๆที่เคยออกแบบมา

ส่วนฉากนั้นได้กลิ่น Lord of the ring the musical ในบางวินาทีโดยเฉพาะช่วงผีพรายออกมา มีฉากข้างหลังเป็นรากไม้ไทรยักษ์

แต่ละฉากแต่ละตอนที่แสดงออกมาไม่ต่อเนื่องร้อยเรียงหรือไม่
นั่นไม่สำคัญเท่า ณ วินาทีนั้น สนุกถึงใจหรือเปล่า
คำตอบคือ ละครเรื่องนี้สนุก ถึงอารมณ์ ของแต่ละฉากที่ยกมาแสดงบนเวที

ด้วยความที่เป็นการแสดงเพื่อให้เหมือนหนังไทยสมัยก่อน
นักแสดงรุ่นเก๋าอย่าง คุณสุดา คุณ ติ๊ก ออกจะโดดเด่นมากในการใส่ชีวิตให้ตัวละครได้อย่างลงล็อค
เล่นแบบหนังไทยสมัยก่อน
ส่วนตัวเพื่อนสามสี่คนนั้น บทส่งให้ในทำนองนี้อยู่แล้ว
คุณปนัดดา บทส่งและเล่นเนียนๆเอาตัวรอดไปสบายๆ

ส่วนคุณ นัท ละครเรื่องนี้หากไม่ได้นัท มีเรีย ละครอาจจะล้มเหลวไม่เป็นท่า
นักแสดงท่านนี้ถือเป็นหััวใจหลักของละครเรื่องนี้
ในขณะที่ตัวละครหลายตัวพยายามพาโทนของเรื่องปัดเป๋ไปในทางเฮฮา วิ่งหนีผี ลงตุ่ม
พลังของการแสดงของนัทคนเดียวสามารถดึงอารมณ์เฮฮากลับมายังธีมหลักของเรื่องได้
ด้วยประสบการณ์และศักยภาพที่มีอยู่ เสียดายที่เพลงเดี่ยวของเธอไม่สามารถหาช่วงโน๊ตทองให้
นัทได้มีโมเม้นท์สำคัญ การใช้สลิงห้อยโหนเพื่อเอฟเฟคกลับไปแย่งช่วงทองที่นัทควรจะต้องโชว์ทักษะการร้องการแสดง ตรงนี้คนทำยังหาจุดสมคุลย์ไม่เจอ คุมเอฟเฟค(แย่งซีน)ไม่ได้เท่าที่ควร
ที่สำคัญละครยังขาดเพลงโชว์เนื้อเสียงนัท ที่เอื้อให้ตัวละครแม่นาคใส่อารมณ์ พลังในตอนที่ลอยเท้งกลางโรง
เพลงท่อนท้ายไม่ได้เป็นท่อนที่ทำให้เราหยุดหายใจไปกับเธอ
เพลงสุดท้ายก่อนแม่นาคจะลาจากถือว่าเป็นเพลงที่ดีมากนั้น มาช้าไปในตอนท้าย

ในกลุ่มนักแสดงทั้งหมด
คนที่ไม่เข้าพวกที่สุดคือ พ่อมากบนเวที ที่อินมากเกินพอดี
ช่วงท้ายนอกจากจะรักษาระดับลมหายใจไม่ได้ อารมณ์นำหน้าการแสดงไปขั้นนึง
ความอินจนเกิดความรู้สึกเกร็งทั้งตัว จนคนดูอย่างผมเกร็งตาม
อาจจะด้วยความใหม่ในการแสดง หรือ วิธีการแสดงที่แปลกออกไป
อยากจะบอกว่านี่พ่อมากที่ดูเกร็งๆ ตั้งใจเกินไปทุกครั้งที่ต้องประกบนักแสดงเทพอย่างนัท
พ่อมากดูด้อยลงไปถนัดตา

ถ้าใส่ความรู้สึกว่าเป็นพระเอก ใส่ลีลามาดความเป็นพระเอกนิดๆ
(ทำได้สบายๆเพราะ กล้ามขนาดนั้น แค่ใส่มาดเข้าไปแค่นั้นครับ)
น่าจะช่วยให้กลืนเป็นเนื้อเดียวกับทีมทั้งหมด

แม่นาคพระโขนง เป็นกรณีที่น่าสนใจ
พอพอกับ ละครเพลงฝรั่งยุคใหม่ๆที่แห่กันเอาเพลงจากศิลปินมาเรียงร้อยเป็นเรื่อง
คนที่รับเพลง Queen ไม่ได้จะเกลียดละครเพลง We will rock you แบบเหยียบให้จมดินไปเลย
ถ้าเข้าใจคุ้นเคยในเพลงป๊อบแกรมมี่ คงจะเพลิดเพลินกับเพลงในละครเรื่องแม่นาค เหมือนกับถ้าชอบเพลงของ ABBA เพลิดเพลินกับ Mamma Mia!ได้สบายๆ

มาในยุคนี้ ไม่มีอะไรผิดถูก อะไรก้อเป็นไปได้
เพลงของวง Take That ยังกลายมาเป็นละครเพลงเรื่อง Never Forget ได้
มีใครจะนึกว่าวันนึงเพลงจากวง Queen, ABBA, Rod Steward, Billy Joe, Boney M, Blondie ฯลฯ กลายเป็นละครเพลงยาวสองสามชั่วโมง
เปิดแสดงทั้งบอร์ดเวย์ และเวสเอนด์
ได้เงินบ้าง เจ๊งบ้าง โดนด่า(ส่วนมากจะโดนด่า) กลายเป็นตำนานบ้าง
แล้วแต่ชะตากรรมของละครแต่ละเรื่อง

ละครเพลงเรื่องแม่นาคพระโขนงเป็น
โชว์ที่ดูสนุก เด็ก(โต)ดูได้ผู้ใหญ่ดูดี นักแสดงใส่กันเต็มที่
ฉากอลังการ แสงสีตระการตา
ถึงอารมณ์ ณ วินาทีแต่ละอารมณ์ของฉากนั้นๆ ต้องการ
ทั้ง ตลก น่ากลัว รัก โศก ครบทุกรส ตามที่ผู้สร้างต้องการ
ครบรสอย่างที่หนังไทยยุคก่อนๆทำไว้

แอบนึกในใจว่าคนทำสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหนังแม่นาคฉบับ ปรียา รุ่งเรืองด้วยซ้ำไป

แม้จะใช้เวลาถึงสองสามวัน ยืนอยู่ที่ฟากนึงของคลองพระโขนง
เมื่อเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไรกับละครเรื่องนี้ พายเรือข้ามฟากมายืนอยู่อีกฝั่ง
เป็นละครที่ไม่ได้เกลียด
แต่ก้อเป็นการแสดงที่ไม่ได้รักมากมายแบบละครในดวงใจ
แม่นาคพระโขนงเรื่องนี้
ดูสนุกๆ เพลินๆ อารมณ์ หลีกหนีความวุ่นวายจากโลกปัจจุบันได้ดีแท้


ปล. หวังใจว่าเรื่องหน้าคงได้เห็นละครเพลงที่มาในแนวแบบคิดใหม่ทำใหม่นะครับ
อยากให้ลองเปลี่ยนคนแต่งเพลงและคำร้อง คนออกแบบท่าเต้นบ้าง
สองจุดนี้เริ่มจะซ้ำๆ ซ้ำจนชัดเจนมากในงานหลังๆที่ผ่านมา



Create Date : 13 กันยายน 2552
Last Update : 15 มิถุนายน 2554 11:32:47 น. 0 comments
Counter : 1390 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kinglear
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add kinglear's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.