KatieKat... Let's share your thought
 
13eyond your imagination in Korea (3)

วันที่ 3 ซากุระที่จินแฮ

วันนี้เรามีโปรแกรมไปชมงานเทศกาลดอกซากุระที่เมืองเล็กๆทางตะวันออกเฉียงใต้ของเกาหลีชื่อเมืองจินแฮ จินแฮเป็นเมืองที่เล็กมากๆขนาดที่ว่าไม่มีรถไฟหรือรถบัสจากโซลโดยตรง เราเลือกที่จะใช้บริการรถบัสโดยสารทั้งที่อยากลองนั่งรถไฟเกาหลีใจจะขาด แต่เนื่องจากเช็คดูแล้วเวลาของรถบัสมันดีกว่าเดินทางโดยรถไฟ (รถไฟไม่มีรอบเช้าอย่างที่เราต้องการ) ว่าแล้วก็ออกเดินทางกันแต่เช้าตรู่มากๆ (ตีห้าครึ่ง อ๊ากกก) เพื่อรอขึ้นรถไฟใต้ดินสายที่ 3 จากจงโนซัมก้าสู่จุดหมายปลายสถานีโคสกทอมินอล หรือ express bus terminal (โคสกแปลว่ารถด่วนระหว่างเมือง) ใช้เวลาประมาณ 20 นาที แต่บวกเวลาที่เราออกจากบีวอน เวลาที่เดินเข้าเดินออกจากสถานี เวลาที่วิ่งหาบูธขายตั๋วรถบัส (อันนี้ต้องใช้สายตาว่องไวมาก มองป้ายบอกที่ขายตั๋วบนป้ายที่ห้อยมาจากเพดานให้ดี เพราะแต่ละบูธจะขายตั๋วรถเฉพาะตามที่ติดป้ายไว้เท่านั้น) ตามที่เช็คมาล่วงหน้าจะมีรถบัสจากโซลไปเมืองมาซานประมาณทุกครึ่งชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชม. 5 นาที แล้วจากมาซานเราถึงจะต้องหาวิธีเดินทางต่อไปยังเมืองจินแฮต่ออีกทีนึง พอหาบูธขายตั๋วไปมาซานเจอ ก็บอกพนง.ว่าขอซื้อตั๋วไปมาซาน 2 คน (มาซานคาโย ทู-มยองโย) ตั๋วราคาใบละ 27800 วอน จากนั้นก็เดินหาช่องออกรถกัน ค่อยยังชั่วที่มาทันเวลา 6 โมง 18 นาที (รถออก 6.30 น. เป๊ะๆๆ ย้ำว่าเป๊ะมาก) เราก็เลยบ้ากล้อง ขอถ่ายรูปกับ express bus terminal ซะหน่อย คุณลุงตรวจตั๋วแอบขำเราใหญ่เลย อ่ะนะอะจ๊อชชี่ ขอหน่อยเหอะ ใช่ว่าจะได้มากันบ่อยๆอ่ะ

รถบัสที่เรานั่งวันนี้เป็นรถบัสแบบพิเศษ พิเศษในที่นี้ก็คือแพงพิเศษ 55+ ก็ไม่เชิงคือมันก็แพงกว่ารถธรรมดาล่ะ แต่ที่แพงก็เพราะที่นั่งมันจะกว้างกว่ารถบัสแบบธรรมดา ข้างหนึ่งมี 2 ที่นั่ง อีกข้างหนึ่งมี 1 ที่นั่ง เบาะเลยกว้างเป็นพิเศษ อ้อ! อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยตลอดการเดินทางด้วยนะคะ อันนี้เค้าจะมีประกาศบอกอยู่แล้ว รู้สึกดีที่เค้าจะมีการประกาศเป็นภาษาอังกฤษให้ด้วย นอกเหนือจากภาษาเกาหลี ภาษาญี่ปุ่นและภาษาจีน ก็เลยไม่เป็นกังวล พอเดินทางไปได้ประมาณครึ่งทาง รถก็จะจอดพัก 15 นาทีที่จุดพักรถซึ่งเหมือนกับประเทศอื่นๆหลายประเทศ (เคยเห็นที่อเมริกาและญี่ปุ่น เมืองไทยก็เคยเห็นที่มอเตอร์เวย์) จุดพักรถก็จะมีห้องน้ำ ร้านขายของทั้งในห้องแอร์เป็นแบบมินิมาร์ทกับนอกห้องแอร์เป็นซุ้มขายอาหาร

พอใกล้ครบ 4 ชั่วโมงตามเวลาที่กำหนด เราก็เริ่มเห็นดอกซากุระบานเยอะขึ้นเรื่อยๆเป็นทิวแถว นั่นเป็นสัญญาณอันดีในการเข้าสู่เมืองแห่งซากุระ พอรถมาจอดที่โคสกทอมินอลของเมืองมาซาน เราก็ต้องหาวิธีกันไปจินแฮต่อ ถามคุณคนขายตั๋วแกก็ไม่รู้ภาษาอังกฤษ โชคดีที่มีพนง.อีกคนนึงที่กำลังเช็ดกระจกอยู่ พี่แกเข้าใจก็เลยอธิบายว่าให้ขึ้นรถเมล์สาย 760 ที่ฝั่งตรงกันข้าม ราคาคนละ 1500 วอน (อันนี้ตรงกับที่เช็คในเว็บเมืองจินแฮมาก่อนหน้าว่าให้ขึ้นสาย 760 แต่ที่ถามอีกรอบเพื่อความแน่ใจ) เราก็เลยรีบวิ่งข้ามถนนจับรถเมล์สาย 760 ซึ่งมาพอดีไปจินแฮกัน คนบนรถเมล์คันนั้นนี่เยอะได้อีก ไอ่เราก็ไม่รู้ว่าจะต้องลงป้ายไหน อันนี้เป็นอุปสรรคมากๆ สายตาต้องคอยสอดส่องตลอดเวลา จะถามคนขับรถก็ถามไม่เป็น แถมถ้าคุณพี่คุณลุงเค้าตอบมาก็ไม่เข้าใจอยู่ดีนั่นล่ะ โอ๊ย!!ตรู อยากได้ลิ้นแปลงภาษาของโดราเอมอนจะใจขาด ต้องพยายามอ่านชื่อป้ายรถเมล์ตลอด (แต่ก็นะ มันเป็นภาษาเกาอ่ะ กว่าจะประสมคำเสร็จ รถเมล์มันก็แทบจะเลยไปอีกป้ายละ) ระหว่างทางจากมาซานไปจินแฮเต็มไปด้วยต้นซากุระซึ่งออกดอกบานหมดแล้วขึ้นเรียงรายเป็นทิวแถว บางต้นบานมานานจนเริ่มจะออกใบสีเขียวแซมมาบ้างแล้ว พอรถแล่นไปได้ประมาณ 20-30 นาที ผู้คนบนรถเมล์ก็เริ่มลงจากรถมากขึ้นเรื่อยๆ เราก็เริ่มลุกลี้ลุกลน จนถึงป้ายนึง ป้ายนี้จะมีคนหนุ่มสาว วัยรุ่นหน่อยลงรถค่อนข้างเยอะ (ผิดกับป้ายก่อนหน้า เป็นคุณตาคุณยายซะเยอะ) เราก็มองหน้าคุณลุงคนขับรถ ทำไม้ทำมือว่านี่จินแฮอ๊ะป่าว ถึงอ๊ะยังอ่ะลุง คุณลุงแกก็พยักเพยิด เราก็เลยรีบลงเลย แล้วก็ตัดสินใจเดินตามคู่หนุ่มสาวคู่นึงไป ไม่รู้มันไปไหนแต่ค่อนข้างมั่นใจว่ามันต้องไปที่เดียวกับเราแน่ๆ และแล้วก็ไม่ผิดหวัง คุณหนุ่มสาวคู่นั้นพาเรามุ่งไปสู่งานเทศกาลชมซากุระครั้งที่ 47 ของเมืองจินแฮจนได้ จริงๆแล้วคิดว่าป้ายที่ลงนั้นน่าจะเป็นป้ายก่อนถึงสถานีรถไฟจินแฮ 1 ป้าย หรือจะลงที่ป้ายสถานีรถไฟจินแฮก็ได้ชื่อสถานีจินแฮ-ย็อก (Jinhae-yeok) พอลงจากรถเมล์ก็ให้เดินตรงขึ้นไปเรื่อยๆ (สถานีรถไฟจะอยู่ซ้ายมือ) เดินตรงไปจนเริ่มเห็นถนนที่เค้าปิดเพื่อให้คนเดิน มีป้ายบอกว่าเป็นเทศกาล Jinhae Cherry Blossom Festival ก็ให้เลี้ยวขวา เดินตรงไปอีกเรื่อยก็จะเจอวงเวียนแปดแยก ตรงนั้นล่ะจะเป็นสถานที่จัดงาน นอกจากจินแฮจะขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองที่มีต้นซากุระมากที่สุดในเกาหลีแล้ว จินแฮยังเป็นที่ตั้งของโรงเรียนนาวิกโยธินของเกาหลีอีกด้วย ดังนั้นงานเทศกาลดอกซากุระในครั้งนี้จึงมีการแสดงดนตรีจากวงดนตรีทหารของนานาประเทศด้วย เรียกว่าเป็น international military band festival




ที่วงเวียนแปดแยกนี้ จะมีอยู่แยกหนึ่งที่เป็นที่ตั้งของซุ้มกองอำนวยการของงาน ให้เข้าไปเอาแผนที่เมือง รายละเอียดการจัดงานได้ที่นี่ พอเราได้แผนที่ปุ๊บ เราก็ถามจนท.เลยว่าจะไปดูซากุระตามรูปในโบรชัวร์นี่ได้ที่ไหน นั่นก็คือที่คลองยอจวาชอน (Yeojwacheon stream) จนท.ก็กางแผนที่แล้วบอกว่า... บลาๆๆๆ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่สรุปได้ดังนี้คือให้เดินออกไปที่วงเวียน จากนั้นเดินทวนเข็มนาฬิกาไปที่ทางออกที่ 2 เดินตรงไปเรื่อยๆจะเจอถนนใหญ่ ข้ามถนนไปฝั่งตรงกันข้ามจะเจอสถานีรถไฟจินแฮ เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปประมาณ 20 เมตรจะเจอซอยแรก ให้เลี้ยวขวา เดินตรงไปจะเจออุโมงค์คนเดิน ลอดอุโมงค์ไป พอโผล่ขึ้นมาจากอุโมงค์ก็จะเจอแล้วคลองยอจวาชอน หรือถ้าไปไม่ถูกจริงๆ พอถึงสถานีรถไฟจินแฮแล้วให้ถามจนท.ที่บูธ i ถ้าเค้าอธิบายไม่ถูก เค้าจะใจดีเดินจูงมือพาเราไปถึงที่เลย

ต้องยอมรับว่าจินแฮเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยต้นซากุระจริงๆ เพราะตลอดสองข้างทาง ไม่ว่าจะเป็นซอยเล็กซอยน้อย ก็จะมีต้นซากุระขึ้นเรียงรายเต็มไปหมด ที่คลองยอจวาชอนที่เป็นสถานที่ไฮไลท์ของเมืองยิ่งไม่ต้องพูดถึง บรรยากาศน่ารักมาก เป็นคลองระบายน้ำเล็กๆ กว้างประมาณไม่ถึง 10 เมตร มีสะพานไม้ข้ามระหว่างสองฝั่ง ที่นี่นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลมาเที่ยวกันมาก ส่วนใหญ่ถ้าไม่นับชาวเกาหลีเอง ก็จะเป็นทัวร์ญี่ปุ่นซะเยอะ เราได้ยินเสียงคนไทยเป็นระยะๆ แต่ค่อนข้างน้อยมาก วันนี้ถ่ายรูปได้สวยงามมากมาย (หมายถึงหน้าตาเราดูดีกว่าสองวันแรกอย่างเห็นได้ชัด) ตั้งแต่รูปแรกที่จุดพักรถบัสแล้ว คาดว่าด้วยอิทธิพลของแป้งบีบีที่สอยมาจากเมียงดงเมื่อคืนแน่นอน เท่าที่ค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต BB ย่อมาจาก Blemish Balm มันคือแป้งผสมรองพื้นเนื้อมุกหน่อยๆ ไม่ว่าจะเอามาผสมในผลิตภัณฑ์อะไรเช่นครีมหรือแป้งแข็ง เมื่อทาแล้วก็จะทำให้หน้าดูสว่างใส ออกวิ้งๆหน่อยสไตล์เกาหลี เห็นแล้วชอบมากๆ










พอถ่ายรูปได้อย่างหนำใจที่คลองยอจวาชอนแล้ว เราก็หาทางไปสถานที่ที่สองที่เราทำการบ้านมาจากเมืองไทย นั่นก็คือสถานีรถไฟคยองฮวาหรือคยองฮวา-ย็อก (Gyunghwa-yeok) ให้เดินย้อนกลับไปที่ถนนใหญ่หน้าสถานีรถไฟจินแฮ เดินข้ามถนนแล้วหาป้ายรถเมล์ ขึ้นรถเมล์สาย 107 ราคาคนละ 1000 วอน ถามคนขับอีกทีว่าไปสถานีรถไฟคยองฮวาหรือเปล่า (คยองฮวาย็อก คาโย๊) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 10-15 นาที ตอนจะลงเนี่ยก็เจอปัญหาเดิมอีกแล้วว่ามันจะต้องป้ายไหนว๊า พยายามอ่านชื่อที่ป้ายรถเมล์ไปเรื่อยๆจนเห็นว่ามันเขียนว่าคยองฮวาแล้วตามด้วยอะไรซักอย่างแต่ไม่ใช่ย็อก เราก็ว่าลงป้ายนี้ก็ได้ คงจะใกล้ถึงสถานีรถไฟแล้ว เดี๋ยวเดินหาเอาก็ได้ ที่ไหนได้ พอเราทำท่าจะลง คุณลุงคนขับก็ตะโกน ย๊าๆๆๆ !?@#$! ประมาณว่ายังไม่ถึง อย่าเพิ่งลง... แต่น้ำเสียงคุณลุงแกโหดร้ายมากเลยอ่ะ เราก็ได้แต่พยักหน้าหึหึ อ่ะค่ะลุง อย่าดุหนูสิคะ หนูกลัวแล้ว กลัวคุณลุงจะกินหัวหนูค่ะ จริงๆแล้วสถานีรถไฟคยองฮวาอยู่ป้ายถัดไปอีก 1 ป้ายเท่านั้น พอลงปั๊บก็ให้ข้ามถนนไป ก็จะเจอสถานีรถไฟอยู่ตรงหน้าเลย

สถานีรถไฟคยองฮวาเป็นอีกหนึ่งที่ที่มีต้นซากุระอยู่ขนาบสองข้างฝั่งของทางรถไฟ ระหว่างที่รถไฟยังไม่แล่นมา ผู้คนก็จะลงไปเดินบนทางรถไฟเพื่อถ่ายรูปโดยมีวิวต้นซากุระเป็นฉากหลัง แต่พอรถไฟเริ่มแล่นผ่านมา พนง.รถไฟก็จะเริ่มไล่คนให้ออกจากทางรถไฟ นักท่องเที่ยวก็ไม่หวั่นนะคะ ต้องรอให้รถไฟมันจะพุ่งมาชนแล้วจริงๆน่ะค่ะ ถึงจะยอมกระโดดออกจากราง ที่นี่เรายังพบว่ามีคุณครูพาน้องๆหนูๆนักเรียนอนุบาลมาทัศนศึกษาด้วยนะคะ น้องๆน่ารักกันมากๆเลย เท่าที่เห็นมาตั้งแต่วันแรกที่มาเกาหลี เด็กๆที่มาทัศนศึกษาเนี่ยแกจะดูร่าเริง ตื่นตัว ตื่นเต้น ไฮเปอร์กันมากๆ ดูน้องๆมีความสุขกับการได้ออกมาเรียนรู้นอกสถานที่มากมายเลย เราเห็นแล้วก็สนุกตามไปด้วย










เดินชมวิวได้เต็มอิ่ม ถ่ายรูปได้เต็มที่ เราก็ขึ้นรถเมล์สายเดิมกลับมาที่สถานีรถไฟจินแฮ แล้วเดินย้อนกลับมาที่วงเวียนแปดแยกเพื่อมาหาของกินกัน เพราะภายในสถานที่จัดงานนี้ก็จะเป็นลักษณะแบบงานวัดบ้านเรา คือจะมีร้านขายอาหาร ร้านขายของกินของใช้มือสอง มีปาเป้า ปาตุ๊กตาอะไรไปตามเรื่อง เราก็เลยได้หาของกินใส่ท้องนิดๆหน่อยๆ


พอได้เวลาประมาณบ่าย 2 โมงครึ่งกว่าๆ เราก็ตัดสินใจออกจากจินแฮกลับไปมาซาน เราซื้อตั๋วรถบัสจากมาซานกลับไปโซล (บอกจนท.ว่าซื้อตั๋วไปโซล 2 ที่ค่ะ; โซอูลคาโย ทู-มยองโย) ในรอบ 15.30 น. ซึ่งรอบนั้นจะเป็นรถบัสแบบธรรมดา คือที่นั่งจะเป็นแบบ 2 ที่นั่งทั้ง 2 ฝั่ง ทำให้เบาะก็จะเล็กกว่าตอนขามามาซานที่เป็นรถบัสแบบพิเศษนิดนึง แต่ค่าโดยสารก็จะถูกลงตามไปด้วย อันนี้ดีมากๆ ราคาคนละ 18700 วอน ถูกกว่าขามาตั้ง 9100 วอน ผู้โดยสารรอบนี้เยอะมากๆ เต็มทุกที่นั่ง ขากลับพอใกล้ๆเข้าโซลซึ่งก็มืดแล้ว รถเริ่มเยอะขึ้น เยอะขึ้น ไม่รู้เป็นเพราะว่าเป็นเวลากลับบ้านหรือเปล่า แต่ดูเหมือนว่ารถบัสของเราจะวิ่งอยู่ในเลนพิเศษที่เป็นเลนของรถบัสหรือรถที่ต้องกำหนดเวลาเดินทางอย่างชัดเจน ทำให้เราวิ่งอย่างค่อนข้างฉลุยกว่าเลนอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด เพราะเลนอื่นๆก็จะเป็นรถยนต์ธรรมดา หรือรถบัสอื่นๆที่ไม่ใช่รถบัสบขส.แบบเรา เลนนั้นก็จะติดแหงก เคลื่อนตัวได้ช้ามาก แต่ถึงกระนั้นเราก็กลับมาถึงโคสกทอมินัลได้ช้ากว่าเวลาที่กำหนดไว้เกือบครึ่งชั่วโมง ขากลับระหว่างเดินไปสถานีรถไฟใต้ดิน แอบเห็นร้านขายโจ๊กร้านนึงน่ากินมาก แต่สั่งไม่เป็นอ่ะ บวกกับไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ด้วย เพราะตอนที่รถจอดแวะที่จุกพักรถ เราก็ฟาดต็อกป๊อกกิไปแล้ว 1 จาน แป้งล้วนๆ อย่างอิ่ม คืนนั้นกลับไปถึงบีวอนก็เตรียมตัวแพ็คของใส่กระเป๋าเล็กเตรียมไปเกาะเชจูในวันพรุ่งนี้ แพ็คของไปก็ดู Boys Over Flowers เวอร์ชั่นเกาหลีไป ได้ข่าวว่าที่ดูเนี่ยมันเป็นเทปรีรัน เพราะของจริงมันเพิ่งจบไปเมื่อวันก่อนที่เราจะถึงเกาหลี ดูแล้วกรี๊ดคิมฮยอนจุง ณ ดับเบิ้ลเอสเหลือเกิน คนอะร้ายยยย ไม่ไหวจะเคลียร์ เดี๋ยวกลับไปเมืองไทย จะกลับไปดูที่โหลดไว้ให้เต็มอิ่มเลย


Create Date : 19 เมษายน 2552
Last Update : 20 ธันวาคม 2552 18:32:30 น. 3 comments
Counter : 1227 Pageviews.  
 
 
 
 
ซากุระเกาหลี สวยไม่แพ้ญี่ปุ่นเลยครับ
 
 

โดย: buzzyder วันที่: 20 เมษายน 2552 เวลา:2:03:56 น.  

 
 
 
รีวิวได้ละเอียดมากๆเลยค่ะ ชอบ

ซากุระ สวยมากเลยค่ะ
 
 

โดย: 1234 IP: 58.8.117.234 วันที่: 26 เมษายน 2553 เวลา:14:54:45 น.  

 
 
 
ดีใจที่ชอบค่ะ คุณ 1234
 
 

โดย: katiekat วันที่: 5 พฤษภาคม 2553 เวลา:18:51:47 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

katiekat
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางทริปต่างๆที่แคทไปแล้ว ให้ติดต่อผ่านอีเมล์ chayadak@hotmail.com หรือ chayadak@yahoo.com นะคะ เพราะว่าหลายคนทิ้งไว้ในกล่องข้อความของ bloggang แต่แคทไม่ค่อยได้เปิดเลย ทำให้พอมาเปิดอีกที เวลาผ่านไปเกือบปี (แป่ววว!! เค้าจะรอหล่อนตอบมั้ยเนี่ย เค้าไม่โบยบินไปถึงไหนต่อไหนแล้วรึ)... ยินดีและเต็มใจตอบทุกคำถามที่พอจะช่วยได้ค่ะ
New Comments
[Add katiekat's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com