KatieKat... Let's share your thought
 
13eyond your imagination in Korea (4)

วันที่ 4 มุ่งสู่เกาะเชจู

วันนี้ออกจากบีวอนในเวลาที่ชิลๆ ไม่รีบร้อน ใช้รถไฟใต้ดินสายที่ 5 จากจงโนซัมก้าตรงไปยังสถานีสนามบินคิมโป ใช้เวลาเดินทางประมาณ 40 นาที นั่งกันตั้งแต่คนแน่นๆ จนเหลือคนในโบกี้ไม่ถึง 5 คน พอออกจากสถานีรถไฟก็ให้เดินตามป้ายที่ไปสนามบินเรื่อยๆ (แต่เดินอย่างไกลเลยค่ะ) แล้วก็เข้าไปเช็คอินตั๋ว อันนี้จริงๆเราใช้บริการอีเช็คอินมาล่วงหน้าตั้งแต่อยู่เมืองไทยแล้ว เลยสบายใจหายห่วงเรื่องไม่ได้ที่นั่งอย่างที่ต้องการ ไปเชจูวันนี้เราใช้บริการของสายการบินโคเรียนแอร์หรือสายการบินแห่งชาติเกาหลี ตอนแรกไม่กะว่าจะเลือกโคเรียนแอร์หรอก อยากซื้อตั๋วของสายการบินโลว์คอสอย่างเช่น Jinair มากกว่า แต่ว่าในเว็บไซด์ของจินแอร์มันไม่มีภาษาอังกฤษอ่ะ มีแต่ภาษาเกาหลี อันนี้ก็จนปัญญาจริงๆ เลยต้องเข้าไปในเว็บของโคเรียนแอร์กับเอเชียน่าแอร์ไลน์แทน ซึ่งไปๆมาๆเวลาเดินทางของโคเรียนแอร์ดูจะลงตัวมากกว่า ส่วนราคาของ 2 สายการบินนี้ก็ไม่ต่างกัน เราก็เลยเลือกโคเรียนแอร์ ทีนี้โคเรียนแอร์เค้าจะมีบริการให้เลือกที่นั่งได้ก่อน โดยจะเปิดให้เข้าไปทำการจองที่นั่งได้ก่อนการเดินทาง 30 วัน เราก็เลยเข้าไปเลือกที่นั่งไว้ล่วงหน้าทั้งขาไป-ขากลับตั้งแต่อยู่ที่เมืองไทย ขาไปเกาะเชจูเครื่องออกตอน 10.10 น. อาจจะดูสายไปหน่อย แต่รอบที่เร็วกว่านี้มันไม่สามารถซื้อผ่านเน็ตได้อ่ะ (ประมาณว่าโควต้าซื้อในเน็ตเต็มแล้ว นี่ขนาดซื้อก่อนตั้งเดือนกว่านะเนี่ย) บอร์ดดิ้งก่อนเครื่องออก 30 นาที ระหว่างรอขึ้นเครื่องเราก็เลยหาอะไรกินมื้อเช้าซะหน่อย ก็เลยได้มากินที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดสัญชาติเกาหลีแต่หน้าตาเหมือนแมคโดนัลด์มากกกกกก มองผ่านๆนึกว่าใช่เลย แต่ร้านนี้ชื่อว่าร้านลอตเตอเรีย ขายพวกแฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟรายด์ ไก่ทอด ไอติมอะไรประมาณนั้น แต่เนื้อที่ทำแฮมเบอร์เกอร์ก็จะเป็นสไตล์เกาหลีเองเช่น หมูพูลโกกิ อันนี้ได้สั่งกินด้วย อร่อยดีเหมือนกัน

เราใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็มาถึงท่าอากาศยานนานาชาติเชจู เราตกลงว่าจะฝากกระเป๋าใบเล็กที่ลากมาด้วยไว้ที่สนามบินก่อน เพราะยังไงสุดท้ายก็ต้องมาขึ้นรถแอร์พอร์ต ลิมูซีนที่สนามบินเพื่อไปโรงแรมที่พักอยู่แล้ว (ซึ่งอันนี้ยังแค้นใจไม่หายจนถึงทุกวันนี้ ถ้ารู้ว่าจะได้เจอ 13eyond your imagination รอบ 2 ที่เชจูเนี่ย ตรูไม่มีทางฝากกระเป๋าไว้ที่นี่แน่ เฮ้อ!! ยิ่งคิดยิ่งปวดใจ) ในใบรับกระเป๋าบอกว่าต้องมารับก่อน 2 ทุ่มครึ่ง พอเดินไปที่ i เพื่อขอโบรชัวร์และแผนที่เมืองเชจู ก็อ่านโบรชัวร์งานเทศกาลดอกซากุระเกาะเชจูประจำปีนี้ที่เริ่มจัดวันที่ 4 เมษายนนี้เป็นวันแรกจนถึงวันที่ 8 เมษายน ในโบรชัวร์บอกว่าตั้งแต่เวลา 19.10 น. จะเริ่มมีการแสดงดนตรีและปิดท้ายด้วยการจุดพลุตอน 20.40 น. ไอ่เราก็แอบตะหงิดๆแล้วว่าศิลปินที่จะมาแสดงวันนี้จะเป็นใครน้อ จะมีเด็กช้านอยู่ในนั้นหรือเปล่า แต่ก็เสียตังค์ค่าฝากกระเป๋าไปแล้วนี่นา จะไปเอาคืนมาแล้วหอบหิ้วมันไปตลอดทางก็ดูว่าจะไม่คุ้ม ก็เลยต้องเลยตามเลย พร้อมกับปลอบใจตัวเองว่าคงไม่มีใครที่เรารู้จักหรอกน่า (มาคิดทีหลังว่าทำไมแกรไม่เปิดไปหน้าที่เป็นภาษาเกาฟระ มันเขียนชื่อศิลปินที่ขึ้นแสดงด้วยอ่ะ จะได้รีบตัดสินใจเอากระเป๋าที่ฝากไว้คืนมาแล้วหอบหิ้วมันไปด้วยกัน = =! เฮ้อ! ตรู อีกแล้ว)

เมื่อถามถึงวิธีการไปสถานที่จัดงานเทศกาลดอกซากุระซึ่งคุณจนท. บอกว่าไม่มีรถเมล์ผ่าน ต้องนั่งแท็กซี่เท่านั้น เราก็เออๆ เหรอคะ ได้ค่ะ แต่ในใจก็คิดว่าไม่มีทางได้แอ้มเงินชั้นหรอกย่ะคุณแท็กซี่ เดี๋ยวหาทางเดินไปเองก็ได้ (หารู้ไม่อีกแล้วปร้า ไกลโฮก!) เราเดินออกไปด้านนอกเพื่อรอรถเมล์สาย 500 ไปยังถนนซากุระหรือ Cherry blossom street ที่ถนนจอนนงโน (Jeonnongno) ตามที่ได้เคยเมลล์ไปถามที่เว็บของเชจู แล้วมีจนท.ตอบมาว่าให้ขึ้นรถเมล์สายนี้ไป ซึ่งที่ i ก็มีแจกเส้นทางเดินรถเมล์สายสำคัญต่างๆภายในเชจูด้วย พอเดินออกไปปุ๊บก็เจอรถสาย 500 พอดี ก็รีบกระโดดขึ้นเลย อืม! บัตร T-money ที่ซื้อมาจากโซลก็สามารถใช้กับรถเมล์ที่นี่ได้ด้วยนะคะ ค่าโดยสารจะถูกลง 50 วอนค่ะ ระหว่างนั่งรถเมล์ไป ก็พยายามจะมองป้ายรถเมล์เทียบกับชื่อที่เขียนไว้ในใบเส้นทางเดินรถที่รับแจกมาจาก i แล้วก็กางแผนที่ประกอบด้วย แต่ยิ่งนั่งนานไปเท่าไหร่ ก็ไม่เห็นจะเจอชื่อป้ายรถเมล์ที่มันใกล้เคียงกับในใบที่แจกเลย นานเข้าๆ คนก็ยิ่งลงจากรถเยอะขึ้นๆ จนเรามาอ่านเจอตรงป้ายรถเมล์นึงเทียบกับในใบที่แจกว่าอ้าว! นี่ไงชื่อตรงกัน แต่ไหงกลายเป็นเส้นทางที่ไปปลายทางคนละเส้นกับที่เราจะไปกันล่ะ คือเราจะต้องนั่งรถสาย 500 ที่ไปสุดปลายทางที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเชจู แต่รถสาย 500 คันที่นั่งอยู่นี่มันไปสุดปลายทางที่ Halla College สรุปว่าคือนั่งผิดฝั่งนั่นเอง ว่าแล้วก็เลยรีบกระโดดลงจากรถที่ป้ายนั้นทันที แล้วก็ข้ามถนนมาอีกฝั่ง แต่กลับกลายเป็นว่าป้านรถเมล์อีกฝั่งนั้น รถเมล์สาย 500 มันไม่ผ่านซะนี่ ก็เลยตัดสินใจรอถามคนเกาหลีดู ปรากฏว่าไม่สำเร็จเนื่องจากคุยกันไม่รู้เรื่อง พอดีมีคนสุดท้ายที่ถามเป็นนักเรียน เค้าก็ตอบไม่ค่อยได้แต่เดาๆได้ว่าต้องเดินย้อนขึ้นไป ก็เลยเดินย้อนกลับขึ้นไปทางที่รถเมล์เพิ่งผ่านมา ก็เลยเจอป้ายรถเมล์ที่สาย 500 ผ่าน ค่อยโล่งใจหน่อย ทีนี้ก็ขึ้นสาย 500 ย้อนกลับไปที่สนามบินตามเดิม อยากรู้จริงๆว่าเราขึ้นป้ายผิดเหรอ ป้ายที่จะไปทางต้นสายข้างหนึ่งกับอีกข้างหนึ่งนี่มันต้องขึ้นกันคนละที่ใช่มั้ย แต่พอรถวิ่งกลับมาที่สนามบินถึงได้เข้าใจว่าเราน่ะขึ้นถูกป้ายแล้ว แต่ขึ้นไม่ถูกคัน เพราะป้ายน่ะมันก็มีอยู่ป้ายเดียว แต่ต้องขึ้นรถคันที่เขียนว่าไปมหาลัยเชจู ประมาณว่ารถมันวิ่งเป็นวงกลมนั่นเอง เราก็เลยนั่งรถสาย 500 คันนั้นต่อไป แล้วไปลงที่ป้ายควังยังโร (Gwangyangro) แล้วเดินย้อนขึ้นไปจนเจอโรงแรม Jeju KAL หรือให้ชัวร์ก็ลงก่อนที่ป้ายจุนกังโน (Jungangno) ก็ได้ ให้เดินขึ้นไปเรื่อยๆจนเจอโรงแรม KAL Jeju อยู่ทางซ้ายมือและเจอตึก Koybo อยู่ข้างหน้าก็ให้เลี้ยวขวาก็จะเจอถนนจอนนงโน หรือให้สังเกตป้ายว่า Cherry blossom street ไปก็ได้

ถนนจอนนงโนนี้มีความยาวประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นถนน 2 เลนสวนกัน มีรถวิ่งผ่านเยอะแยะตลอดเวลา เพราะฉะนั้นต้องถ่ายรูปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง สองข้างทางจะมีโคมกระดาษห้อยอยู่ตลอดเส้นทาง แล้วก็จะมีกระดาษห้อยออกมาจากโคมน่าจะให้เขียนคำอวยพรหรืออะไรซักอย่าง ก็ดูน่ารักดี









เมื่อถ่ายรูปหนำใจแล้วเราก็เดินย้อนกลับมาขึ้นรถเมล์สาย 500 เหมือนเดิม คราวนี้นั่งไปสุดสายที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติเชจู (Jeju National University) เพื่อไปที่จุดชมซากุระอีกแห่งหนึ่ง ใช้เวลาไม่นาน รถก็มาถึงหน้ามหาลัยเชจู ถนนหน้าทางเข้ามหาวิทยาลัยความกว้าง 4 เลนสวนกัน ความยาวกว่า 3-4 กิโลเมตร คือสถานที่ชมดอกซากุระได้สวยงามกว่าที่จอนนงโนซะอีก เพราะดูเหมือนว่าต้นซากุระที่นี่จะต้นใหญ่กว่า ถนนก็เป็นแนวโค้ง ถ่ายรูปสวย รถก็ไม่พลุกพล่านมาก วิ่งไปถ่ายรูปกลางถนนได้ตั้งหลายที มีคนแวะจอดรถถ่ายรูปที่ถนนเส้นนี้เยอะมาก




ประมาณบ่าย 2 โมงเราก็ขึ้นรถเมล์สาย 500 ย้อนกลับไปทางเดิมเพื่อไปที่ที่ทำการเมืองเชจู สถานที่จัดงานเทศกาลดอกซากุระ ให้ลงที่ป้าย District court แล้วเดินตรงขึ้นไปจนเจอสี่แยกที่ตัดกับถนนยอนซัมโน (Yeonsamno) ซึ่งจะเป็นถนนใหญ่และยาวมาก (ต้องดูแผนที่เมืองเชจูที่ได้มาจาก i ที่สนามบินประกอบไปด้วย จะเข้าใจมากขึ้น) ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนยอนซัมโน เดินตรงไปเรื่อยๆ ตรงนี้จะเดินนานและเหนื่อยนิดนึง เนื่องจากต้องขึ้นลงเนินอยู่หลายรอบ เดินไปเรื่อยๆประมาณ 20 นาทีก็จะเริ่มเจอผู้คนเดินสวนมาเยอะขึ้น ที่ทำการเมืองเชจูจะอยู่ทางซ้ายมือ พอเริ่มเลี้ยวซ้ายเข้างานก็จะเจอทุ่งดอกคาโนล่าเหลืองอร่ามไปหมด สวยไม่แพ้กับทุ่งดอกทานตะวันบ้านเราเลย ณ จุดนี้เราเลยบ้าถ่ายรูปกันยกใหญ่ ในงานก็เหมือนงานเทศกาลทั่วๆไป คล้ายๆกับที่จินแฮที่ไปมาเมื่อวาน คือมีของกิน มีการละเล่น มีดนตรี พอเดินวนไปแถวๆเวทีจัดแสดงตอนประมาณบ่าย 3 โมงกว่าๆ เราก็เริ่มเอะใจแล้วว่าทำไมมีเด็กนักเรียนผู้หญิงเริ่มมาจับจองพื้นที่หน้าเวทีกันแล้ว ทั้งๆที่มันยังไม่มีวี่แววว่าจะมีการแสดงเลย และที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือเด็กนักเรียนส่วนใหญ่ถือลูกโป่งสีเขียวที่เขียนว่า SHINee ด้วย ณ จุดนี้... อ๊ากกกกกกกกกกกก เนกา มิชยอ (แปลว่าชั้นจะบ้าตาย) เด็ก 5 สีจะมาเหรอเนี่ย ไม่จริงมั้ง ว่าแล้วเราก็เลยเปิดโบรชัวร์กำหนดการของงานในวันนี้ขึ้นมาอ่านอีกรอบ พลิกไปพลิกมาก็เลยเจอหน้ากำหนดการภาษาเกาหลี เค้าเขียนว่าเวลาเริ่มแสดงคอนเสิร์ตคือ 19.10 น. มีวงที่ร่วมแสดงคือ บลาๆๆ แล้วก็ชยาอินี่ = ชายนี่ กร๊ากกกกกก เซอร์ไพรส์สุดๆ เวทีก็อย่างเล็กเลย งานนี้ได้ใกล้ชิดกันสุดๆแน่ๆ แต่แล้วก็เริ่มคิดได้ แล้วเด็กๆจะมากันกี่โมงเนี่ย ถ้ามาเป็นวงสุดท้ายแล้วเราจะอยู่ดูได้ยังไง ต้องไปเอากระเป๋าที่สนามบินตอน 2 ทุ่มครึ่งนี่นา แล้วต้องออกจากที่นี่ล่วงหน้าอีกอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงเพื่อความชัวร์ด้วย เฮ้อ!! คิดแล้วก็ดูเหมือนความหวังที่จะได้เจอน้องๆชายนี่ คงจะยากแล้วล่ะทีนี้ สงสัยดวงจะหมดตั้งแต่เจอทงแฮที่อินชอนแล้วล่ะ







ระหว่างรอดูชายนี่ เราก็เดินเล่นหาของกินไปเรื่อยเปื่อย ได้ข้าวโพดต้มกับฮอทด็อกเกาหลี (จริงๆมันเรียกว่าอะไรไม่รู้) คือเป็นแป้งขนมปังเสียบไม้ทอด ข้างในเป็นไส้กรอก เวลากินให้ราดซอสมะเขือเทศหรือมัสตาร์ดด้วย คำแรกๆก็รู้สึกเหมือนจะอร่อยดีนะ แต่พอคำต่อๆไปเริ่มรู้สึกว่ามันจืด แถมแป้งและไส้กรอกก็มีกลิ่นแปลกๆด้วยอ่ะ หรือเป็นเฉพาะร้านที่เราซื้อก็ไม่รู้สิ ร้านอื่นๆอาจรสชาติดีกว่านี้ก็ได้ แต่เห็นคนเกาหลีกินไอ่ฮอทด็อกนี้มากเลยนะ คงเป็นขนมที่กินง่ายๆ ไม่เลอะเทอะมั้ง


ยิ่งเวลาผ่านไป อากาศที่เชจูก็เริ่มหนาวมากขึ้น ลมแรงมากขึ้น เสื้อผ้าตัวที่ใส่มาตั้งแต่เช้าก็เริ่มจะกันความหนาวไม่อยู่ ขนาดเด็กนักเรียนเกาหลีที่นั่งที่ยืนรอชายนี่ยังต้องออกไปหาเสื้อผ้าหนาๆ หาสเว็ตเตอร์หรือแจ็คเก็ตมาใส่กันเลย เราก็พยายามยืนหนีบแบบสุดๆ อดทนรอกันอย่างไม่ไหวหวั่น เด็กๆชายนี่จะรู้มั้ยเนี่ยว่านูน่าทรมานขนาดไหนที่จะได้ดูน้องๆเนี่ย และแล้วเวลา 18.00 พิธีการบนเวทีก็เริ่มขึ้นตามกำหนดการ พิธีเปิดเริ่ม 19.00 แต่พิธีเปิดนี่ล่ะตัวช้าเลย เพราะต้องเชิญคนโน้นคนนี้มาพูดบนเวทีเยอะมาก เวลาก็เริ่มเลทไปมากขึ้น คอนเสิร์ตเริ่มจริงๆก็ทุ่มครึ่ง เริ่มเปิดด้วยใครก็ไม่รู้ มาถึงตอนนี้เราก็เลยเริ่มถอดใจแล้ว เพราะเราคงต้องรีบหาแท็กซี่ไปสนามบินแล้ว แอบเสียใจสุดๆ แต่จะทำไงได้... TT_TT

เราเรียกแท็กซี่แถวๆนั้นไปสนามบิน ใช้เวลาแค่ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ค่าโดยสาร 4500 วอน ไม่แพงอย่างที่คิด พอเอากระเป๋าที่ฝากไว้ได้ ก็ขึ้นรถแอร์พอร์ต ลิมูซีนสาย 600 ราคาคนละ 3900 วอน ซื้อตั๋วบนรถได้เลย ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงก็เริ่มเข้าสู่จุงมุนรีสอร์ต (Jungmun resort) ที่ซอกวีโพ (Seogwipo) พอในรถประกาศว่าจะจอดที่ Hana hotel ก็ให้เตรียมตัวลงได้ แต่ของเราเกิดอุบัติเหตุเล็กน้อย คุณลุงคนขับดันไม่จอดที่โรงแรมฮานาซะงั้น ไม่รู้เพราะว่าไม่เห็นว่าจะมีคนลงหรือเพราะอะไร ทำให้เราต้องไปลงที่โรงแรมไฮแอทแทน แล้วก็ต้องนั่งแท็กซี่ย้อนกลับไปโรงแรมฮานา ล่ะเซ็งจริงๆ (แต่มารู้ตอนหลังว่าถ้าเลยป้ายที่จะลงก็ไม่เป็นไรนะ เพราะเดี๋ยวยังไงรถมันก็จะต้องวนย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อออกจากจุงมุนรีสอร์ตแล้วไปยังเมืองซอกวีโพต่อ คือเหมือนว่ารถจะต้องเข้ามาภายในจุงมุนเพื่อส่งผู้โดยสารตามโรงแรมต่างๆ แล้วก็จะวนออกทางเดิมเพื่อออกจากจุงมุน แล้วค่อยตรงไปยังตัวเมืองซอกวีโพน่ะค่ะ) พอเข้าไปในโรงแรมได้ พนง.ที่เค้าท์เตอร์ก็เหมือนรอเราอยู่คนเดียวเลย เพราะยังไม่ทันที่เราจะยื่นเอกสารการจองโรงแรมให้ เค้าก็รีบบอกนามสกุลของเราได้ทันทีกับพนง.อีกคนนึงให้ไปเตรียมเอกสารมาให้เรากรอก ซึ่งเหมือนกับเค้าท่องนามสกุลของเรามาเป็นชั่วโมงๆแล้ว 55+ คงต้องแอบด่าที่เรามาเช็คอินช้า ทำให้เค้าต้องรอจนดึกดื่นแน่เลย อ้อ! โรงแรมฮานาที่เราพักนี้ เราจองผ่าน //www.asiarooms.com และที่เลือกโรงแรมนี้ก็เพราะเราต้องการพักในจุงมุนรีสอร์ตเพื่อที่วันรุ่งขึ้นจะได้ไปเที่ยวสถานที่เที่ยวภายในจุงมุนได้ง่ายๆ และโรงแรมฮานาก็เป็นโรงแรมที่ราคาไม่แพงเกินไปนัก ดูเหมือนจะถูกที่สุดและถูกกว่าโรงแรมอื่นในจุงมุนอย่างมากๆด้วย


Create Date : 19 เมษายน 2552
Last Update : 20 เมษายน 2552 8:04:50 น. 0 comments
Counter : 920 Pageviews.  
 
Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

katiekat
 
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




ต้องการสอบถามข้อมูลการเดินทางทริปต่างๆที่แคทไปแล้ว ให้ติดต่อผ่านอีเมล์ chayadak@hotmail.com หรือ chayadak@yahoo.com นะคะ เพราะว่าหลายคนทิ้งไว้ในกล่องข้อความของ bloggang แต่แคทไม่ค่อยได้เปิดเลย ทำให้พอมาเปิดอีกที เวลาผ่านไปเกือบปี (แป่ววว!! เค้าจะรอหล่อนตอบมั้ยเนี่ย เค้าไม่โบยบินไปถึงไหนต่อไหนแล้วรึ)... ยินดีและเต็มใจตอบทุกคำถามที่พอจะช่วยได้ค่ะ
New Comments
[Add katiekat's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com