สุดท้ายแล้ว เรื่องที่เราเล่าก็คือเรื่องของตัวเอง
|
||||
3 ขี่ม้าอุทยานเทอเรลจ์ วันที่ 2 กันยายน2554 อากาศสดใส แดดจ้า ในเกอร์ ประเทศมองโกเลีย รถบัสเก่าๆเที่ยว ๑๑โมงวิ่งเข้าอุทยานแห่งชาติเทอเรลจ์ ภายในรถบัสมีนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่หลายราย ส่วนใหญ่แล้วมาพร้อมกับกระเป๋าใบใหญ่ คุยกันสักพักจึงรู้ว่า นักท่องเที่ยวที่มาวันนี้ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำอะไรดี คงอยากปล่อยให้จิตวิญาญล่องลอยไปกับธรรมชาติมากกว่าเดินทางไปตามแผนการ นักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งตั้งใจจะมาตั้งแคมป์เป็นเวลา๕วัน สำหรับเราแล้ว๕วันคงจะนานเกินไปที่จะขอติดสอยห้อยตามไปด้วย หนึ่งในกลุ่มนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งชื่อว่าคริสเป็นชาวแคนนาดา บอกว่าเจอกับกลุ่มเพื่อนในโฮสเทลตอนแรกตั้งใจว่าจะเดินทางไปทางตะวันออก แต่ว่าอยู่ดีๆก็เกิดไม่อยากอยู่คนเดียวขึ้นมา เลยเปลี่ยนแผนมาตั้งแคมป์ที่นี่ คริสเที่ยวแบบไม่มีแผน เราก็เคยเที่ยวแบบนี้เหมือนกัน ทำแผนคร่าวๆ ว่าจะทำอะไร เดินทางไปไหน แต่พร้อมที่จะเปลี่ยนได้ตลอดเวลาถ้าเจอแผนที่ดีกว่า ไม่ต้องจองตั๋วรถยนต์ รถไฟ หรือเครื่องบิน ไม่ต้องจองที่พักล่วงหน้า ช่างเป็นอิสรภาพของการใช้ชีวิตจริงๆ .อย่างนั้นหรือ? .เพราะเมื่อได้สัมผัสแล้วเรากลับรู้สึกกลัวและไม่ปลอดภัย ถ้าถามเราตอนนี้ว่าอิสรภาพคือการใช้ชีวิตแบบไม่มีแผนอะไรใช่หรือเปล่า เราคงตอบว่ายังไม่ใช่สำหรับเรา เพราะเมื่อไม่มีอะไรให้ยึดติด ใจเรายิ่งยึดติดมากยิ่งขึ้น ทั้งกังวล และกลัว โดดเดี่ยวและเหงา เราก็เหมือนเด็กน้อยที่เรียกร้องหาอิสรภาพ โดยที่ยังไม่เข้าใจว่าอิสรภาพคืออะไร แต่เราเข้าใจว่าถ้ารู้สึกไม่ปลอดภัย มันคงไม่ใช่อิสรภาพที่เราตามหา เราได้อ่านได้เข้าถึงคำว่า fault security หรือความปลอดภัยที่ได้รับจากสังคม ไม่ว่าจะเป็นการเงิน หน้าที่การงาน ครอบครัว และตั้งคำถามกับตัวเองว่า มันใช่ความปลอดภัยแล้วหรือ? เหมือนในหนังเรื่อง Into the wild ซึ่งสร้างจากไดอารี่ของชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งไม่ต้องการความมั่นคงจากการเงิน จึงตั้งเดินทางเข้าไปในป่า และสักพักเขากระทั่งทิ้งรถยนต์และเผาเงินทิ้งเพราะสิ่งเหล่านั้นเป็นวัตถุที่แสดงถึงความมั่นคง หลังจากเราดูหนังเรื่องนี้จบ จิตใจเรากลับหดหู่ไปหลายวันจากเรื่องวันนี้และในหนัง เราคิดว่า คำว่าอิสรภาพนั้นน่าจะมีความหมายต่างกันออกไปสำหรับทุกคนมากกว่า สำหรับเราแล้วอิสรภาพไม่ใช่การไม่ต้องการอะไร หรือวางแผนอะไร รถบัสวิ่งผ่านมากเรื่อยๆเริ่มจากตัวเมืองที่มีการจราจรแน่นหนา จนเข้าเขตอุทยาน โดยปรกติแล้วต้องเสียค่าเข้าชม ๓๕๐๐MNT หรือประมาณ ๓USD แต่เนื่องจากเดือนกันยาเป็นช่วงโลซีซั่น เราเลยไม่ต้องจ่ายค่าเข้า บรรยากาศรอบๆเริ่มเปลี่ยนไป มีต้นไม้มากขึ้น ผ่านภูเขา เมื่อของน้อยลง จิตใจกลับรู้สึกสงบมากขึ้น ผ่านไป๒ชั่วโมงครึ่ง รถก็จอดที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง เป็นหมู่บ้านเงียบๆสวยงามอย่างน่าอิจฉา กลุ่มนักเดินทางและเราออกจากรถ และแยกย้ายจากกันไปทำสิ่งที่ตัวเองตั้่งใจ สำหรับเราแล้วก็คือการขี่ม้า เราเดินย้อนไปที่คอกม้า พบกับชายมองโกเลียนายหนึ่ง เราโบกมือให้แต่ไกล เขาดูต้อนรับดี เมื่อตกลงราคากันเสร็จสรรพ เราก็ออกเดินทางบนหลังมา โดยมีชายมองโกเลียคนนั้นเป็นไกด์นำทาง ภาพที่เรานึกตอนแรกเป็นม้าป่าตัวใหญ่ ตลกดีที่เราคิดแบบนั้น ม้าตัวน้อยผมทองหน้าตาดูสวยใส และม้าผมเกรียนสำหรับไกด์ ซึ่งต่อไปขอตั้งชื่อว่า เจ้าเกรียน เพราะมันมีพฤติกรรมเกรียนสมกับผมมันจริงๆ มันทั้งอึ ฉี่ ตด บางทีก็เอาตูดมาชนเข่าเราอีก เกรียนจริงๆ เรานั่งเจ็บตูดมาได้๓๐นาที ไกด์ก็บอกว่าเรานั่งผิดท่า และจับสอนให้นั่งใหม่ โดยที่ลักษณะที่ถูกต้อง (มั้ง) จะเป็นลักษณะของกายภาพที่เราสามารถยืนได้ แต่สายไปแล้วค่ะ . เจ็บขาไปเรียบร้อยแล้ว เราเริ่มจากความตรึงเครียดว่า เราจะฆ่าตัวตายบนหลังม้าวันนี้รึเปล่า กลายเป็นความผ่อนคลายเมื่อเริ่มชินกับหลังม้ามากขึ้น ม้าน้อยพาเราผ่านข้ามแม่น้ำ พื้นที่โล่ง ป่าสน ทุ่งขี้ม้า ทุ่งหมาเห่า ทุ่งวัวน้อย ทุ่งวัวใหญ่ จนมาถึงบ้านของไกด์นี่เอง ไกด์จอดม้าและอวดบ้าน เขายังอนุญาติให้เราถ่ายรูปและยังแบ่งนมยักคุกกี้และขนมหวานให้กินซะอีก พอครบชั่วโมงแห่งความรื่นรมย์ เราก็กลับไปที่คอก ขอบคุณไกด์ด้วยการไหว้แบบไทย และออกเดินทางด้วยเท้าตัวเองต่อไป เราเดินย้อนกลับไปที่ลำธาร กินอาหารกลางวันซึ่งประกอบไปด้วยขนมปัง นม และแอปเปิ้ล อาหารง่ายๆ แต่เป็นมื้อที่อิ่มใจด้วยวิวแม่น้ำภูเขาและโดมเกอร์ แสงอาทิตย์อันอบอุ่น นั่งๆนอนๆไปซักพัก ก็ตัดสินใจเดินไปถึงภูผา ที่เป็นสัญลักษณ์ของอุทยานแห่งนี้ ซึ่งมีลักษณะเป็นรูปเต่า ออกเดินไปเรื่อยๆตามถนนที่ทอดยาวออกไปสุดสายตา ล้อมลอบไปด้วยภูเขา ทุ่งและป่า ความเงียบที่ไม่ได้สัมผัสมานาน มันช่างอบอุ่นใจ เรารู้สึกถึงธรรมชาติและความรัก เดินทางได้ซักพักก็มีหยดน้ำฝนล่วงลงมา ทั้งๆที่แดดก็ยังแรงอยู่ บางครั้งสายลมก็พัดแรงจนเราแทบปลิวไป จิตใจก็แปลไปตามสภาพอากาศ กังวลเมื่อฝนตก(เพราะน้ำฝนเย็นเฉียบไม่มีที่หลบเลย) อบอุ่นเมื่อแดดแรง ปลอดโปล่งเมื่อสายลมพัด พอสี่โมงเย็น ความกังวลก็เข้ามาครอบงำ เรากลัวว่าจะไม่มีรถกลับไปตัวเมือง เลยตัดสินใจเดินย้อนกลับไปที่หมู่บ้านเราไม่ได้เดินไปถึงเต่า และความจริงก็คือ ถึงเราเดินต่อไปก็คงไม่ถึงเต่าเพราะอยู่ไกลมากกว่าที่เรากะไว้ เราจับรถกลับมาที่ตัวเมือง พร้อมกับพระอาทิตย์ที่ลับขอบฟ้าทางด้านขวามือ และทางด้านซ้ายเราเป็นพระจันทร์สีขาว เราเลยคิดกลอนนี้ขึ้นมา The Moutian, The field and Slience Walking, Hiking, Resting, what to do? that depends The sun was set on my right The moon is big and bright. What if I reach high Terji Ill miss you tonight สี่ทุ่มพอดี ทั้งเหนื่อยและหิว พอเปิดประตูเข้าไปที่พักก็เห็นขนมห่อนึงวางไว้บนเตียง พร้อมโน๊ตที่เขียนว่า ขอโทษที่เมื่อคืนคุยกันเสียงดัง แบบนี้กอบอุ่นใจดีอยู่เหมือนกัน |
อย่าลังเล
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |
แบ่ง ปันประสบการ หนิงขอแชร์ประสบการการลดน้ำหนัก 5กิโลในหนึ่งสัปดาห์ ตื่นเต้นมากคะ ผิวดีและไม่มีปัญหาโยโย่เอฟเฟคตามมาเลย ตอนนี้มีความสุข!!มากกคะ
หนูชื่อน้อหนิงนะคะ ปรกติน้ำหนักหนูที่ประมาณ 67 กก.มาเกือบ10ปีแล้วคะ แล้วอยู่ๆมันก็เพิ่ม จนหนูมาสำนึกตัวอีกทีตอนที่เสื้อผ้าใส่ไม่ได้แล้ว เครียดคะ เพื่อนสนิทเริ่มทัก ....อ้วนบวกดำคนกลัวกันเป็นแถวๆคะ นึกว่าหมูป่าคะ อิอิ(แต่ตอนนั้นขำไม่ออกเลย) อยากเก็บตัวไปลดน้ำหนักซัก3เดือนเลยที่เดียว แล้วก็เอาจริง คะ เคยลองมาทุกวิธี ยาลดน้ำหนัก อดอาหาร กินอาหารเสริมแทนข้าวฯลฯ แต่ก็ไม่เคยได้ผล เสียเงินฟรีทุกที เดือนเดียวก็คืนสภาพเป็นหมูป่า หนูเลย ตัดสินใจเลิกปล่อยไปตามอัตภาพ....จนกระทั่งวันหนึงเพื่อนสนิทหนูแนะนำที่ ปรึกษาด้านการลดน้ำหนัก เ ก็เลยตัดสินใจ ลองโทรไปปรึกษาดู บวกกับดูเวปเค้าแล้วเกิดความหวังอีกครั้ง เลยลองบอกต่อมานะคะ ตอนนี้ทานมา2เดือนกว่าๆแล้วคะ ลดน้ำหนักได้ผลตั้งแต่สัปดาห์แรก และผิวก็ดีขึ้นด้วยคะ เพราะมีเชฟ(mee shape) อาหารเสริมลดน้ำหนัก ผสม แอลคานิทีน แท้100%มีเชฟmee shape เหมาะสมหรับคนที่มี น้
เค้าชื่ออ๊อฟ นะคะ โทร 088-6348349 ดูเวปเค้าได้ที่นี้นะคะเว็บไซต์ ://www.slendsure.com/users/031738
อตีดหมูหนิง ทุกวันนี้ น้องหนุงหนิงคะ^-^