สุดท้ายแล้ว เรื่องที่เราเล่าก็คือเรื่องของตัวเอง
|
||||
5. บทสนทนาจากคนแปลกหน้า วันที่4-5 กันยายน 2554 อากาศสดใส บนรถไฟมุ่งหน้าเข้าสู่ประเทศรัสเซีย วันนี้เราพบกับเพื่อนใหม่สองคน เค้าเป็นคู่แต่งงานที่เดินทางมาจากฝรั่งเศส เราชอบที่จะมองเห็นดวงหน้าของพวกเค้าทั้งสองคนที่ค่อยๆสุกใสขึ้น เมื่อเราถามว่าคุณทั้งสองรู้จักกันได้ยังไง "เรารู้จักกันที่ทำงาน ง่ายดีเนอะ" ฝ่ายผู้หญิงเป็นคนตอบ เรายิ้มอ้อมแอ้ม ไม่รู้จะทำตัวอย่างไรตอบไปดี "เราสองคนทำงานที่เดียวกัน แล้วเราก็ชอบอะไรเหมือนๆกัน พวกเราชอบท่องเที่ยวแนวผจญภัย เวลาเนื้อตัวมองแมม แฟนผมก็ดูน่ารักดี" แล้วทั้งสองก็ยิ้มหวานให้กัน มันเป็นเรื่องเรียบง่าย ที่ทำให้หัวใจของเราพองโตด้วยความสุข เมื่อเห็นทั้งสองคนมีความรักและห่วงใยกัน "พวกคุณออกเดินทางท่องเที่ยวบ่อยมั๊ยคะ" เราสานต่อบทสนทนา "ก็ตามความสามารถของ คนทำงานออฟฟิศจะมีเวลาครับ แต่ส่วนมาก เราจะออกเดินทางไกลๆปีละครั้้ง ก็เกือบๆจะทั่วโลกแหละครั้บ แล้วส่วนมากพวกเราจะไปแอฟริกา แต่คราวนี้เลือกที่จะมามองโกเลีย ผมกับแฟนกางเต้นท์อยู่ในทะเลทรายโกบี เกือบสองอาทิตย์ จากนี้ก็จะไปอยู่ไบคาอีกสี่วัน จากนั้นก็บินกลับครับ" "พวกคุณเดินทางไปมาทั่วโลกเลยหรอคะ ขอถามได้มั๊ยว่า คุณประทับใจประเทศไหนมากที่สุด?" เราถามเพื่อเก็บข้อมูลไว้ ฝ่ายผู้ชายบอกว่าเราว่า แอฟริกาเป็นประเทศที่มีทัศนียภาพ ทำให้เค้าแทบลืมหายใจ ฝ่ายหญิงเงียบ ไปซักพักทำท่าครุ่น แล้วสักพักก็พูดออกมาว่า "กัมพูชา ค่ะ เพราะว่าเป็นประเทศที่เปลี่ยนชี แล้วประโยคนั้นก็ดังก้องอยู่ในใจเราต่ออีกสักพักใหญ่ๆ การเดินทางที่ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลงไป มองเห็นสิ่งที่แตกต่าง ฟังเรื่องราวของคนท้องถิ่น จะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่ในระหว่างการเดินทางที่เกิดขึ้่น เราก็ได้เติบโตขึ้นแล้วจริงๆ วันรุ่งขึ้นเวลาประมาณเจ็ดโมงเช้า ในที่สุดรถไฟก็เดินทางผ่านด่าน ข้ามจากมองโกเลียไปสู่รัสเซียเสียที จากที่พอมีประสบการณ์ผ่านด่ ๑. เจ้าหน้าทีตม.ขึ้นรถไฟมารับหนั ๒. เจ้าหน้าที่ตม.ขึ้ ๓. เจ้าหน้าที่ตม.ขึ้นมาเพื่อคื ๔. เจ้าหน้ารถไฟแจกใบ สำแดงสิ่งของต้องห้ ๕. เจ้าหน้าที่ตม.ประเทศใหม่ขึ้ พร้อมใบสำแดงการนำสิ่งของเข้ ๕. เจ้าหน้าที่ตม. ขึ้นมาตรวจสิ่งของในขบวนรถไฟ ๖. ระหว่างรถเจ้าหน้าที่ตม. มาแจกหนังสือคืน รถไฟออกเดินทางไปเปลี่ยนสัญชาติ ๗. รถไฟกลับมา ได้รับหนังสือเดินทางคืน ออกเดินทาง ขั้นตอนก็มีประมาณนี้ แต่การตรวจคนผ่านเข้าเมือง ตม.รัสเซียทำเอาจริงเอาจั เรายังจำช่วงเวลาที่รถไฟค่อยๆแล่นข้ามพรมแดน ผ่านเข้าประเทศรัสเซียได้อย่างติดใจ มันเป็นช่วงเวลาตื่นตาระคนตื่นเต้น รถไฟแล่นผ่านไปช้าๆ พร้อมกับเลดี อิน เรด เจ้าหน้าที่รถไฟคอยเดินห้ามประกาศว่าห้ามถ่ายรูป อยู่เป็นระยะ จะว่าไปบรรยากาศตรึงเครียดเล็กๆแบบนี้ก็คล้ายกับบรรยากาศก่อนเข้าห้องสอบยังไงอย่างงั้น พอข้ามถึงเขตรัสเซียไม่กี่ชั่วโมง รถไฟก็หยุดพัก เจ้าหน้าที่ประกาศว่าให้กลับมาขึ้นรถตอน สิบเอ็ดโมงเช้า จากนี้พวกเราชาวผู้โดยสารก็ลงไปหาสเบียงอาหาร และยืดเส้นยืดสายได้ ข้างๆสถานีรถไฟมีตลาดเล็กๆแห่งหนึ่งดูสะอาดตา ของที่นี่มีแทบจะทุกอย่าง ตั่งแต่ข้าวของเครื่องใช้ อาหาร และหนังสือสำหรับเล่นซุโดกุ ที่มีตัวเลขเป็นภาษาสากล เราเป็นคนที่ชอบเดินตลาดมาก เพราะมันเหมือนได้เรียนรู้ว่าคนท้องถิ่นชอบใช้อะไรกินอะไร มันเป็นความสนุกเล็กๆเหมือนได้แอบค้นลิ้นชักของผู้ใหญ่เมื่อตอนที่เรายังเด็ก เช้าวันนั้นมีแดดสดใส แต่อากาศกลับเย็นจนเกินไป เราจำต้องออกมายืนตากแดดรับวิตามินดี อย่างหลบเลี่ยงไม่ได้ เราเดินแยกกับเพื่อนชาวฝรั่งเศส เพราะพวกเค้าจะเข้าไปทางอาหารกันในคาเฟ่ ส่วนเราก็ปล่อยให้เค้ามีเวลาอยู่ด้วยกันสองต่อสองบ้าง จากนั้นเราก็ปลีกตัวเดินต่อไปเรื่อยๆ มองเห็นเจ้าวัวน้อยมาคอยเล็มหญ้ากินอยู่ เห็นเด็กนักเรียนออกมานั่งสุมรวมกันอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อ แล้วเราก็ค่อยๆสัมผัสกับความเงียบ อากาศสดชื่น ท้องฟ้าที่เป็นสีฟ้าจัด พอถึงเวลาก็กลับไปยังรถไฟ ใช้เวลาที่เหลือทั้งวัน ดื่มด่ำสัมผัสกับบรรยากาศที่สวยจับใจ พระอาทิตย์ที่คล้อยใกล้จะตกดิน และหนังสือที่พกติดตัวไปด้วย มันเป็นความสบายที่ทำให้เรารู้สึกมีความสุข เพียงแค่ระลึกถึง |
อย่าลังเล
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?] All Blog
Link |
|||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |