All Blog
► Special : 50 เรื่องควรรู้ก่อนไป Work and Travel :: Part 2 (ข้อ 21-36)

50 เรื่องควรรู้ก่อนไป Work and Travel :: Part 2 (ข้อ 21-36)






มาถึง เรื่องควรรู้ก่อนไป Work and Travel Part 2

ต่อจาก Part แรกเมื่อครั้งที่แล้วนะคะ

คราวที่แล้วอยู่ๆก็หิวข้าวขึ้นมาซะอย่างนั้น ให้อภัยกันน้า....

เอาล่ค่ะเพื่อเป็นการไถ่โทษ วันนี้ขอว่าต่อที่ข้อ 21 เลยแล้วกันค่ะ

-------------------------------------------------------

21.เมืองนี้ดีไหม ?

อันนี้ปัญหา top hit ที่ถามกันประจำมากกก

โอเค อย่างแรกต้องเข้าใจก่อนว่างาน Work and Travel มีงานใหม่เข้ามาเรื่อยๆ

เพราะฉะนั้นแล้วบางที คุณอาจจะไปเป็นเด็กไทยคนแรกที่ได้ทำงานนั้น

อย่างเราก็เป็นรุ่นบุกเบิกถึง 2 ครั้ง 2 ครา

ปัญหามันจึงอยู่ที่ว่าไม่มีใครสามารถบอกรายละเอียดเมืองได้

แล้วทีนี้จะทำยังไงดีล่ะ ถึงจะพอรู้รายละเอียด

เอาหูมาทางนี้ Nakoze จะชี้ทางให้จ้า

ง่ายมากๆ แค่โหลดโปรแกรม Google earth มาไว้ในเครื่อง

ใส่ชื่อเมืองลงไป จากนั้นก็ดูผังเมืองเอานะว่าห่างจากเมืองใหญ่ๆแค่ไหน

และสิ่งที่ต้องดูว่าในเมืองนั้นๆมีหรือเปล่าคือ ซุปเปอร์มาเก็ต อันนี้สำคัญมากนะ

โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่ได้ทำงานร้านอาหาร ดังนั้นแล้วหลังจากคุณได้เห็นเมือง

ให้คุณsearchหาเพิ่มเติม โดยหาว่ามีห้างอะไรบ้าง ห้างหลักๆก็ืคือ walmart , target , k-mart

ถ้าหากว่าเมืองที่คุณจะไปทำงานมันมี ก็โอเคค่ะรอดตายแล้ว ที่เหลือก็ดูภูมิทัศน์เอาว่าชอบหรือไม่

นอกจากนี้หากไม่รู้ว่าจะคาดคะเนยังไง Nakoze ยังนำเสนอเวปไซต์นี้

//www.bestplaces.net/city ซึ่งคุณสามารถเปรียบเทียบเมืองที่คุณจะไป

กับเมืองอื่นๆในสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำให้คุณพอจะเทียบจำนวนประชากรได้ง่าย

-------------------------------------------------------

22.เมืองไหนค่าครองชีพถูกบ้างคะ ?

ถ้าไม่เทียบกับนิวยอร์คซิตี้นะ

ตอบได้เลยค่ะว่าครองชีพทุกเมืองเรียกได้ว่าเกือบเท่ากันหมดนั่นหล่ะ

เนื่องจากว่าไป WAT ส่วนมากเค้ามีบ้านให้อยู่แล้วไม่ต้องไปหาเอง

ดังนั้น น้องๆก็จะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้วว่าค่าบ้านของน้องๆเท่าไร

ค่าครองชีพอื่นๆ เช่นการเดินทาง ก็จะมีระบุใน Job offer อยู่แล้ว

ว่าการเดินทางจากบ้าน-ที่ทำงานไปยังไง ถ้าต้องขึ้นรถโดยสารก็อาจจะเจอราคาเที่ยวละ $0.50-1.5

แต่ส่วนมากแล้วก็จะอยู่ในระยะที่ปั่นจักรยานหรือเดินไปได้

ส่วนเรื่องค่ากิน จริงอยู่ที่แต่ละรัฐมี sales tax ที่ต่างกัน

แต่ว่าคุณขา เชื่อเถอะว่ามันไม่ทำให้คุณประหยัดได้เป็นหมื่นหรอก

ดังนั้นแล้ว อย่าฟังเค้าพูดมากจ้าว่ารัฐนี้ tax ถูกบลาๆ ให้เลือกรัฐที่เราอยากไปจะดีกว่า

ส่วนที่ไม่เทียบกับ NYC เพราะอะไร? แน่นอนว่า NYC แพงกว่าอยู่แล้ว ไอ้ที่แพงไม่ใช่แพงค่ากินนะ

ค่ากินเนี่ย ถ้ารู้แหล่งกินแหล่งซื้อจริงๆก็จะถูกมาก

แต่ไอ้ที่ทำให้ NYC แพงกว่าชาวบ้านก็คือเรื่องค่าเช่าบ้าน กับ transportation cost

ที่แกมๆบังคับให้คุณจ่ายค่า Subway เดือนละ $104 ซึ่งอาจจะปรับขึ้นได้อีก

แต่ทั้งนี้แลกกับการที่คุณสามารถเดินทางไปไหนมาไหนได้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้วล่ะก็

บอกได้เลยว่าคุ้มจ้า !!

-------------------------------------------------------

23. เมืองใหญ่ VS เมืองเล็ก ดีกว่ากัน ?

อีกคำถามโคดฮิตที่ไม่ได้ต่างจากข้างบนเลย

มีหลายๆคนบอกว่าให้ไปเมืองเล็กดีกว่าเพราะเมืองใหญ่ค่าครองชีพแพง

เมืองใหญ่เอาไว้เที่ยวก่อนกลับดีกว่านะ บลาๆ

แต่คุณขา คุณรู้ไหมว่าคนที่พูดๆกันทั้งหลายแหล่ มีกี่คนที่เค้าได้ทำงานที่เมืองใหญ่จริงๆ

เราเองเคยทำงานทั้งในเมืองเล็ก และเมืองโคดใหญ่อย่าง NYC

ดังนั้นแล้วเราเองคิดว่าในฐานะที่คุณเป็นนักท่องเที่ยว

คุณก็เห็นแค่ด้านหนึ่งของมัน คุณไม่ได้เห็นมันทั้งหมด

เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยวคุณจึงไม่รู้ว่าร้านไหน sale ทุกวันอังคาร

เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยวทำให้คุณต้องนอนโรงแรมราคาหลายสิบเหรียญต่อคืน

เพราะคุณเป็นนักท่องเที่ยวคุณจึงไม่รู้ว่าแหล่งไหนอาหารถูก

ไม่รู้ว่าร้านไหนลดราคาหลัง 2 ทุ่มบ้าง

เทียบกับคนที่ได้ใช้ชีวิตจริงๆแล้ว เราเรียกมันว่าเกินคุ้มอ่ะ

ก่อนอื่นคุณอย่าลืมว่า WAT มันแค่ 3 เดือน คุณไม่ได้จะมาย้ายรกรากถาวร

3 เดือนนี้แพงต่างกันก็แค่ค่าบ้าน ค่ารถ แต่ประสบการณ์ที่คุณได้มีเยอะแยะ พูดทั้งปีก็ไม่หมด

ดังนั้น Nakoze ขอสนับสนุนว่า ใครใคร่ไปเมืองใหญ่ไป ใครใคร่ไปเมืองเล็กไป

แต่ละคนมีความต้องการที่แตกต่างกันดังนั้นแล้วไปตามใจตัวเองเถอะจ๊ะ

-------------------------------------------------------

24. ต้องหาบ้านเองไหม ?

โครงการนี้มีบ้านหลายแบบค่ะ บางที่ทำงานจะได้อยู่บ้านเป็นหลัง

บางที่ได้อยู่โฮสเทล[ไม่เหมือนhotelนะ hostel จะเป็นระดับล่างกว่า]

บางที่ให้นอนในโรงแรมที่ทำงานเลย บางที่เป็นอพาร์ตเม้น บางที่ให้หาบ้านเอง

เด็กๆอย่าเพิ่งตกใจไปนะ ไอ้งานที่ให้หาบ้านเองเนี่ยมีน้อยมากๆ 1% เท่านั้นแหละ

และส่วนมากเป็นงานที่ทำในเมืองใหญ่ เช่น นิวยอร์คซิตี้ , แอลเอ , ซานฟราน

นอกนั้น 99% มีบ้านให้หมดค่ะ

ส่วนสภาพบ้านเป็นยังไงนี้ยากจะคาดเดา และก็ไม่เสมอไปที่ปีที่แล้วได้พักที่ไหน

ปีนี้จะได้พักที่เดิม อันนี้ไม่เสมอไปนะคะ

เรื่องบ้าน ก่อนไปให้เช็ครายละเอียดให้ดี ว่าบ้านมีอุปกรณ์อะไรไหม ?

ตู้เย็น ไมโครเวฟ เตาอบ เครื่องซักผ้า บลาๆ

หากว่าที่พักไม่มีอุปกรณ์ทำอาหาร อันนี้ลำบากนะ แต่ส่วนมากก็จะมีไมโครเวฟแหละ

-------------------------------------------------------

25. Pocket Money เท่าไรดี ?

แล้วแต่นะว่าไปรัฐไหน เมืองไหน

ถ้าไปทำงานที่ต้องหาบ้านเอง กรุณาพก pocket money ไปเยอะๆค่ะ

ปีแรก Nakoze เอาไป 20,000 บาท ปีที่สอง Nakzoe เอาไป 45,000 บาท

เพราะคุณไม่มีโอกาสรู้ว่าคุณจะได้บ้านวันไหน อย่าง Nakoze ไม่มีบ้านซุกหัวนอน เต็มๆ 37 วัน

ต้องจ่ายค่าที่พักรายวันเสียหายไป $925 ไหนจะค่ากินอีก และต่อให้มี SSC แล้ว

-------------------------------------------------------

26. หน้าม้าของเอเจนซี่ ?

พักนี้ม้าระบาดบ่อยค่ะ โดยเฉพาะในห้องแป้ง

แต่ทราบมาว่าในห้องไกลบ้าน Work and Travel ของเราก็ไม่เว้น

ดังนั้นหากมีใครมาถามอะไรในเวปบอร์ด เช่น คำถามยอดฮิต ไปกับเอเจนซี่ไหนดี ?

ก็จะมีคนเดิมเข้ามาตอบซ้ำๆค่ะ แต่ว่าเมื่อก่อน

เธอจะม้าเปิดเผย คือ บอกชื่อบริษัทโต้งๆ แบบไม่ปิดบังหรือไม่อักษรย่อเลย

แล้วเธอก็จะให้เบอร์โทรศัพท์ ให้พิน ให้เมล์ ให้เฟส บลาๆ ไว้ติดต่อ

ถ้าคุณไม่ได้ตามกระทู้ คือดูแต่กระทู้ตัวเอง คุณอาจจะคิดว่าเค้ามาดี

แต่ถ้าคุณตามกระทู้มาตลอด จะทราบว่า

เธอพิมพ์แบบเดียวกันเป๊ะ ทุกกระทู้ที่ถามเรื่องเอเจนซี่ล่ะค่ะ

จนตอนหลังมีคนจับได้ เธอก็เบาความแรงลง โดยการเอาชื่อเอเจนซี่ออก

แต่เนื้อความด้านในยังคงเหมือนเดิม

โอเค เธออาจจะไม่ใช่เอเจนซี่มาม้าเองโดยตรง

แต่คุณรู้ไหม ว่า WAT มันมีอะไรอีกเยอะ เช่น

เอเจนซี่ A : มีข้อตกลงว่า ถ้าพาคนมาสมัครครบ 10 คน จะได้ตั๋วเครื่องบินฟรีไป-กลับ ภายในประเทศสหรัฐอเมริกา

เอเจนซี่ B : มีข้อตกลงว่า ถ้าพาคนอื่นมาสมัครจะให้ค่าหัว ในราคาคนละ 500 บาท โห...ไม่น้อยเลยนะ

เอเจนซี่ C : มีข้อตกลงว่า ตอนนี้เปิดรับสมัครตัวแทนเอเจนซี่ที่เป็นน้องๆนักศึกษา ถ้าหาคนมาสมัครได้เท่าไรก็จะให้ค่าคอมฯ

เอเจนซี่ D : ถ้ามาสมัครเป็นกลุ่ม 15 คน หัวหน้ากลุ่มรับไปเลย ฟรีค่าโครงการ !!!!

นี่ไงคุณเห็นไหมว่าเขาได้อะไรตอบแทน

ถ้าบริษัทเค้าดีจริง โดยการที่คุณตัดสินใจด้วยตัวเองนะ ไม่ใช่มีพรายกระซิบ

ถ้าคุณพิจารณาแล้วเค้าโอเค คุณก็ไปกับเค้า

แต่เมื่อใดที่คุณพิจารณาแล้วว่ามันไม่ดี แต่หน้าม้า ฮี๊ กับ กับ กับ ทั้งหลาย

คอยกระิซิบเหมือนเป่ามนต์เข้าหูคุณ แบบนี้อย่าไป

เชื่อใครไม่ดีเท่าเชื่อตัวเองหรอกนะจ๊ะ

อ่อ พวกนี้มีจุดจับสังเกตง่ายๆ ถ้าคุณสนใจเค้าจะบอกคุณว่า

ให้บอกเอเจนซี่นะว่ารู้จักกับพี่ XXX หรือบอกโค้ดไปตามนี้นะ เผื่อเค้าจะลดให้

โอเคเอเจนน่ะไม่ลดหรอกย่ะ แต่คนได้ประโยชน์น่ะแกเต็มๆ

-------------------------------------------------------

27. Code ย่อสายการบิน ?

โค้ดย่อสายการบิน ถามว่าสำคัญไหม? จริงๆก็ไม่ได้สำัคัญมาก แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่คุณควรจะทราบเอาไว้

เรื่องโค้ดย่อนี้จะเห็นก็ต่อเมื่อไปสนามบิน เตรียมเช็คอิน ขึ้นเครื่อง

เอาล่ะค่ะ ไปสนาบินกันเล๊ย ....

พอถึงสนามบิน คุณก็จะเห็นบอร์ดอันใหญ่ๆ ซึ่งเป็นบอร์ดที่บอกว่าคุณต้องไปเช็คอินที่ row ไหน

ซึ่งมันก็จะมี row A , B , C , D , E , F , G บลาๆ

สิ่งที่คุณต้องทำก็คือนำใบจองที่คุณปริ้นออกมา

ดูว่า flight no.ของคุณคืออะไร แล้วเขาเปิดเช็คอินหรือยัง ถ้าเิปิดแล้วเช็คอินได้ที่ช่องไหน

โค้ดย่อจะปรากฏอยู่ใน flight no. เช่น KE81

แบบนี้ก็จะทราบได้ว่าคุณบินโดย Korean air แม้ว่าจะดูไม่มีประโยชน์แต่ก็ควรทราบไว้นะ

เอาล่ะเริ่มเลยค่ะ

Thai airways : TG

Korean airlines : KE

Asiana airlines : OZ

Cathay Pacific : CX

Air China : CA สัญชาติจีน

China airlines : CI สัญชาติไต้หวัน ดูดีๆนะคะ คนละอันกับ Air China นะ

All Nippon Airways : NH

British Airways : BA

China Eastern Airline : MU

Delta Airlines : DL

Egypt Air : MS

EVA air : BR สัญชาติไต้หวันจ๊ะ

Frontier Airlines : F9

United Airlines : UA

US Airways : US

และท้ายที่สุด American airline : AA อันนี้จำไว้นิดนึงนะคะ ว่า AA = American Airlines

ไม่ใช่ Air Asia หากว่าเป็น Thai Air Asia เค้าจะใช้ตัวย่อว่า FD ค่ะ

ดังนั้นแล้วหากท่านจะไปโพสถามตามเวปบอร์ดใดก็ตาม กรุณาใช้ตัวย่อให้ถูกต้องด้วยค่ะ

หรือหากย่อไม่ได้ ก็เขียนเต็มค่ะ


-------------------------------------------------------

28. Code ย่อสนามบิน ?

อั้นนี้คุณต้องรู้นะ เพราะชื่อสนามบินที่ต่างประเทศมันจำยาก

มันจะมีผลเมื่อคุณหาตั๋วเครื่องบินเองไม่ผ่านเอเจนซี่

ตัวนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้คุณหาข้อมูลได้ไวกว่า โดยที่ใ้ช้ตัวย่อแค่ 3 ตัว

airport code นี้ Nakoze หยิบมาแค่สนามบินหลักๆที่เป็น port รองรับเด็ก WAT แล้วกัน

เริ่มแรกต้องเข้าใจก่อนว่าการบินไปอเมริกา มันจะต้องผ่าน port หลักๆ

จากนั้นค่อยต่อเครื่องบินภายในประเทศหรือ domestic flight เข้าไปอีกที

และเวลาผ่าน ตม. เราจะ่ผ่านกันที่ port หลัก ซึ่งก็คือ port แรกที่คุณไปถึง

สำหรับ port ใหญ่ๆนะคะก็จะมี

BKK [ Suvarnabhumi International]: Thailand !!!

ICN [Incheon international airport]: Incheon,South Korea

NRT [Narita international airport] : Tokyo, Japan

HND [Tokyo Haneda International] : Tokyo, Japan

HKG [Hong Kong International] :Hong Kong, Hong Kong

TPE [Chiang Kai Shek International] : Taipei, Taiwan

JFK [John F. Kennedy International airport]: NEW York City,NY

EWR [Newark Liberty International Airport] : NEW York City,NY

LAX [Los Angeles International Airport]: Los angeles,CA

SFO [San Francisco International Airport] : San Francisco,CA

SEA [Seattle Tacoma International Airport ]: Seattle,WA

ORD [O'Hare International Airport] : Chicago,IN

DFW [Fort Worth International Airport ]: Dallas,TX

IAD [Dulles International Airport] :Washington D.C

หลักๆก็มีประมาณนี้ คุณจะลง port ไหน คุณสามารถเลือกเองได้ค่ะ

บอกเอเจนซี่ตอนจองตั๋วเอาไว้

-------------------------------------------------------

29. อยาก Stop Over ต้องทำอย่างไรบ้าง ?

ก่อนอื่นก็เลือกสายการบินนะ

Korean air , Asiana airlines : ให้ stop over ที่เกาหลี โดยที่ Asiana จะแพงกว่า Korean

เนื่องจากไม่มีราคาตั๋วนักเรียน และเป็นสายการบินระดับ 5 ดาว

อีกทั้งระหว่างการรอเปลี่ยนเครื่องที่เกิน 6 ชั่วโมง Asiana ยังมีบริการพิเศษ

ให้เลือกระหว่าง city tour กับโรงแรมให้คุณพักผ่อน


All Nippon Air , Delta , American airline : stop over ที่ญี่ปุ่น

EVA air : stop over ที่ไต้หวัน

Cathay Pacific : stop over ที่ฮ่องกง

British airways , Turkish air : stop over ที่อังกฤษ

โดยคุณต้องถามเอเจนซี่สำหรับกฏระเบียบการ stop over

ส่วน Turkish ที่ว่า stop over ที่อังกฤษนั้น ให้สอบถามกฏระเบียบ เงื่อนไขปีต่อปี

ซึ่งเมื่อหลายปีก่อน Turkish air ไม่ให้ทำการ stop over แต่ปีที่แล้วเค้าเปลี่ยนแปลง

ให้เลือก stop over ได้ สำหรับปีนี้ ไปติดตามข่าวสารกันเอง

สำหรับ Nakoze มีประสบการณ์บินไปอเมริกากับ 2 สายการบินคือ KE และ OZ

หากท่านหวังจะ stop over ที่เกาหลี ให้ถามเอเจนซี่เอาว่าจะต้องจ่ายเพิ่มเท่าไร

โดยปกติสายการบินอย่าง KE , OZ จะให้ stop over ฟรี 1 ครั้ง

แล้วมากกว่า 1 ครั้งได้ไหม ? ตอบ ได้ค่ะ แต่ต้องเพิ่มเงิน เท่าไรก็ว่าไป

ซึ่งบางเอเจน ค่าตั๋วเค้าไม่แพง แต่เค้ามาหากินกับค่า stop over

ดังนั้นแล้วหากเค้าเก็บค่า stop over แพงเกิน 2,000 ก็ให้เอะใจได้เลยจ้า

แต่ถ้าถามจากหลายๆเอเจนแล้วมันแพงกว่า 2,000 หมดทุกที่ อันนี้ก็แสดงว่า

เค้าอาจจะปรับราคาหรืออะไรก็แล้วแต่

-------------------------------------------------------

30.อะไรคือ Waiting list ติด Waiting list เลวร้ายไหม ?

Waiting list ก็มีสถานะเป็นตัวสำรอง คือวันที่คุณเลือกเดินทางจำนวนผู้โดยสารมันเต็ม

สถานะตั๋วของคุณจึงไม่ confirm ว่าคุณจะได้เดินทางในวันนั้นๆแน่หรือเปล่า

ดังนั้นแล้วคุณจึงได้เป็นแค่ตัวสำรอง รอให้ตัวจริงเค้าโทรมาเลื่อนการเดินทาง

เราจะทราบไหมว่าเราเป็น Waiting list คนที่เท่าไร? โดยปกติสายการบินจะไม่บอกค่ะว่าเป็นคนที่เท่าไร

แต่หากคุณย้ำๆถาม เค้าก็อาจจะบอกมาว่า ช่วงนี้อัตราการเดินทางสูง โอกาสคุณอาจจะมีน้อย

แบบนี้ก็ให้ทำใจไว้เลย

ติด Waiting list แล้วทำยังไง ? ทำอะไรไม่ได้ค่ะ สวดมนต์รออย่างเดียว

แต่ว่าก็จะมีบางกรณีที่ Waiting list แล้วหลุดได้ง่ายๆ

อันนี้อยู่ที่ระยะเวลาการ Waiting list เช่น อีก 3 เดือนจะบิน แต่ยังติด Waiting list อยู่เลย

ถ้าแบบนี้สบายใจได้ค่ะ รับรองว่าคุณได้ที่นั่งแน่ๆ

แต่ถ้า Waiting list อีก 3 วันจะบินแล้วค่ะ อันนี้เสี่ยงอย่างแรงและเป็นสิ่งที่เด็ก WAT เจอกันทุกปี

ส่วนมากถ้าเจอ Waiting list กระชั้นชิดขนาดนี้เอเจนซี่จะรีบหาทางช่วย

โดยการแนะนำว่าให้เราเลื่อนวันเดินทางไปดีกว่า เพราะว่าโอกาสหลุดน้อยนิดเหลือเกิน

คุณนึกออกไหม เด็ก WAT ประเทศไทย อยู่อเมริกาหลายพันคน

วันกลับมันก็จะมาพร้อมๆกัน ดังนั้นเที่ยวบินก็เลยมักจะเต็มเสมอ

และคุณก็จะได้เห็นเด็ก WAT หลายๆคน นั่งมึนอยู่ที่สนามบิน ในสภาพน้ำท่าไม่ได้อาบ

เนื่องจากรอให้ไฟลท์ว่า ในกรณีที่แบบว่าผู้โดยสารบางคนก้างปลาติดคอ

ต้องผ่าตัดกระทันหัน ทำให้เค้าซึ่งเป็น waiting list ที่รออยู่ ณ สนามบินมีโอกาสเสียบแทนทันที

แล้วจะทำยังไงไม่ให้ติด Waiting list ? ง่ายมาก อย่างแรกเลยคือพยายามกำหนดวันเดินทางให้แน่นอน

คือ Nakoze เข้าใจนะว่ามันกำหนดยาก เพราะเราไม่รู้สถานการณ์เบื้องหน้า

คือถ้างานดี ก็อยากอยู่ยาว ถ้างานแย่มากๆ ก็อยากจะรีบกลับ

ซึ่งอันนี้ก็ช่วยอะไรไม่ได้จริงๆนะ แต่ถ้าไม่อยากติด Waiting list ให้รีบจองตั๋วกลับ

แล้วจองก่อนเท่าไรดี ? ระยะปลอดภัย คือ จองตั้งแต่ต้น - กลางเดือนพฤษภาคม

Nakoze เองเคยติด Waiting list 2 ครั้ง

ครั้งแรกติดกับ Asiana ปรากฏว่า วันเดียวหลุดได้ confirm ซะงั้น

ส่วนครั้งที่สองติดกับ Korean รอมา 2 อาทิตย์ก็ไม่หลุด เพราะคาดว่า เด็ก WAT นิยม korean air จริงไหมจ๊ะ ?

-------------------------------------------------------

31. ทำไมบางเมือง บางที่ค่าตั๋วเครื่องบินแพงเวอร์ๆเลยล่ะคะ ?

ราคาตั๋วเครื่องบินขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ

เช่นว่า ความหนาแน่นของผุ้โดยสารต่อเส้นทางนั้นๆ

ถ้าเส้นทางที่มีคนเดินทางหนาแน่น เส้นทางขายดี ค่าโดยสารก็จะถูก

เช่น กรุงเทพ - เชียงใหม่ ก็มักจะถูกกว่า กรุงเทพ - พิษณุโลก

และเมืองใหญ่ๆที่มีคนเยอะๆ คนก็จะมีตัวเลือกในการเดินทางมากขึ้น

สายการบินต่างๆก็ต้องแข่งกันออกโปรโมชั่นมาดึงดูดใจ

ดังนั้นแล้วจะเห็นได้ว่า บางครั้งคนที่ไปเมืองเล็กๆ ก็จะต้องเสียค่าเครื่องแพงกว่าคนที่ไปเมืองใหญ่ๆ

หรือกรณีโชคร้ายก็คือไม่มีสนามบิน หรือมีสนามบินแต่ไม่ได้ใช้ในการบิน

ใช้ในเชิงพานิชย์ ในเชิงโลจิสติกเสียมากกว่า

แบบนี้ก็ต้องหารถบัสกันเอาเอง

-------------------------------------------------------

32.มารยาทบนเครื่องบิน ?

อันนี้อยากให้อ่านกันจริงๆนะ เพราะทุกวันนี้เจอแต่คนที่ไม่มีมารยาท

ไม่ได้บอกให้คุณทำตัวลีบตัวแบนนะ แต่ขอให้นึกถึงคนอื่น อยากให้มีจิตสาธารณะด้วย

อย่างแรกเลยค่ะ เรื่องการขึ้นเครื่อง หากคุณทราบว่าคุณต้องนั่งริมหน้าต่าง

กรุณาช่วยเข้าไปเร็วๆหน่อยก็ดี เพราะหากคุณเข้าช้าแล้ว ก็อาจจะลำบากผู้โดยสารท่านอื่น

ที่ต้องคอยลุก คอยนั่งหลบเวลาคุณเข้า


2. อย่าพกสัมภาระติดตัวไปเยอะเกิน เนื่องจากช่องเก็บของเหนือศีรษะท่านมีพื้นที่จำกัด

จริงๆแล้ว carry on ก็ให้แค่ 1 ใบอยู่แล้วค่ะ

คำถาม !!! กระเป๋ากล้อง กระเป๋าโน๊ตบุค กระเป๋าสะพาย กระเป๋าสตางค์ล่ะ ?

นอกจากกระเป๋า 1 ใบที่สามารถยกเก็บในช่องเหนือศีรษะแล้ว

ท่านสามารถพกกระเป๋ากล้อง กระเป๋าโน๊ตบุค กระเป๋าสะพายได้ต่างหากค่ะ

ส่วนกระเป๋าสตางค์ช่วยเก็บไว้ในกระเป๋าสะพายให้ดีด้วย

ส่วนพาสปอร์ตกรุณาเก็บไ้ว้ในกระเป๋าสะพายและเอาไว้ด้านล่าง

เพราะท่านอาจต้องใช้มันเวลากรอกใบขาเข้าค่ะ


3. ดูระยะห่างเก้าอี้ก่อนจะปรับเอน อันนี้เป็นเรื่องส่วนบุคคล

บางคนก็บอก เอ๊า จะปรับ ใครจะทำไม ไม่มีใครห้ามซะหน่อย

โอเคค่ะ ไม่มีคนห้าม แต่มันเป็นมารยาทเข้าใจไหมมมม

ปรับเอนได้ แต่เอาแค่พอสมควร อย่าให้ถึงกับเบาะชิดเข่าคนด้านหลังเลย

โอเคไหม สงสารเขา


4. ระหว่างมื้ออาหารให้ปรับพนักเก้าอี้ให้ตรง อันนี้คุณแอร์จะคอยเดินบอกคุณอีกครั้งค่ะ

5. ปิดหน้าต่างเมื่อคุณแอร์บอกให้ปิดและเปิดหน้าต่างเมื่อคุณแอร์บอกให้เปิด

6. ถ้ารู้ัตัวว่าท่อปัสวะมีปัญหา อย่านั่งด้านใน โอเควิวอาจจะดี แต่คุณกำลังลำบากคนอื่นที่ต้องลุกให้นะรู้ไหม

7. อย่าเอาเท้าไปพาดเบาะคนหน้า อันนี้หลายคนบอกเวอร์ แต่มันมีจริงจ๊ะ

ไอ้หนุ่มเกาหลีหน้าตาดีคนนึง ตอนมันเดินมานั่งนะ โหย โคดหล่ออ่ะ เบยองจุนชิดซ้ายไปเลย

แต่พอมันนั่งเท่านั้นแหละคุณ มันเอาขาน่ะ ขึ้นไปพาดบนผนังข้างเครื่องบิน

ไม่พอมันยังยกขาชี้ฟ้าสู้เพดาน มันยังไม่จบกายกรรมกวางเจาของมัน เอาไปพาดบนเก้าอี้คนหน้าต่อ

จากที่เห็นว่าหล่อๆอ่ะ เปลี่ยนสรรพนามแทบไม่ทัน


8. อย่าเข้าไปเสริมสวยในห้องน้ำ คือ คุณขา ห้องน้ำเครื่องบินอ่ะ แคบมากๆ

อีกทั้งเครื่องนึงอ่ะ มีห้องน้ำอยู่ไม่กี่ห้องเอง ดังนั้นแล้วมันก็ต้องเกิดการรอ

คุณจะรู้สึกอายไหม ถ้าเข้าไปนั่งกรีดอายไลน์เนอร์จนอีอาม่าข้านอกมันฉี่เล็ด

หรือคุณเข้าไปปาดลิปสติกเพิ่มความจิก จนคนข้างนอกต้องเอามือเคาะประตู

แบบนี้คุณอายไหม ดังนั้นแล้ว อย่าทำค่ะ รีบเข้า รีบออก คนอื่นจะได้เข้าต่อ


9. กรุณาปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด กล้อง โทรศัพท์ โน๊ตบุค ไอแพด mp3

เวลาที่เครื่องบินกำลังขึ้น - ลง จริงอยู่ที่คลื่นมันอาจจะแทบไม่รบกวน

แต่เมื่อเขาบัญญัติกฏขึ้นมา คุณก็สมควรจะทำตามอย่างเคร่งครัด


10. รอเครื่องจอดสนิทแล้วค่อยลุก แล้วค่อยเปิดโทรศัพท์ อันนี้เตือนไปก็ไม่มีใครฟัง

คอยดูนะพอเครื่อง landing กำลังเทียบงวงทีไร คุณจะพบกับเหตุการณ์จลาจล

สิบประการเบื้องต้นไม่ได้บังคับใหุ้ทุกคนทำตามนะ คุณไม่ทำก็เรื่องของคุณ

แต่ Nakoze เชื่อว่าถ้าคุณมอบสิ่งดีๆให้กับคนอื่น คนอื่นก็พร้อมจะตอบแทนให้คุณค่ะ

-------------------------------------------------------

33. แลกเงินที่ไหนดี ?

Nakoze มีร้านแลกเงินประจำอยู่สองที่

ร้านแรก เป็นร้านในตำนาน ชื่อว่า Super rich ค่ะ อยู่แถวๆบิ๊กซีราชดำริหรือตรงข้ามกับ central world นั่นเอง

ส่วนร้านที่สองชื่อร้าน K79 อยู่ซอยสุขุมวิท 79 แถวๆ BTS อ่อนนุช อยู่ตรงข้ามเยื้องๆกับโลตัสนั่นเองค่ะ

เรื่องแลกเงินถ้าส่วนต่างไม่เยอะ แนะนำให้เลือกร้านที่สะดวกค่ะ

ถ้าบ้านใกล้ร้านไหนก็ให้ไปร้านนั้น ไม่ต้องถ่อมาร้านที่เค้าว่าเรทดีกว่านะคะ

เพราะดีกว่ากันนิดเดียว แต่ค่าเดินทาง ค่าเหนื่อยมันจะไม่คุ้ม

เวลาแลกเงินก็นำบัตรประชาชนไปใบเดียวพอค่ะ ที่เหลือจะมีพนักงานในร้านให้คำแนะนำนะคะ

-------------------------------------------------------

34.หาซื้อเสื้อกันหนาว เสื้อโค้ทที่ไหนดีคะ ?

อย่างแรกทำความเข้าใจก่อนว่าอเมริกาไม่ใช่เมืองแฟชั่นอย่างที่คิด

ถ้าคุณไม่ได้อยู่นิวยอร์คซิตี้ ไม่ได้อยู่บอสตัน ที่นั่นจะมีแต่คนใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์

จริงๆแล้วต่อให้เมืองใหญ่ๆเค้าก็แต่งกันธรรมดาอยู่ดีล่ะนะ

แต่ใครแคร์กันล่ะ!!! ไปทั้งทีต้องจัดเต็ม ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกจริงไหม

เรื่องเสื้อกันหนาวต้องไปดูก่อนว่าคุณจะไปรัฐไหน ถ้าคุณไปอลาสก้า แนะนำให้ซื้อThe North Face

เพราะยี่ห้อแฟชั่นธรรมดาท่าจะเอาไม่อยู่

แต่ถ้าคุณไม่ได้ไปอยู่ขั้วโลกขนาดนั้น ยี่ห้อที่พอโอเคหน่อยตามห้างก็จะเป็น Bossini,Espirt

แต่หากคุณไม่ใช่คนบ้าแบรนด์และอยากหาของราคาถูก ที่แฟชั่นจ๋ามากๆ

แนะนำนี่เลยค่ะ เข้าเวป Taobao เราไม่แน่ใจว่าเวปนี้เป็นของจีนหรือไต้หวัน

แต่ว่ามีเสื้อผ้าเยอะมากๆๆๆ โดยเฉพาะเสื้อกันหนาวเสื้อโค้ท แบบแฟชั่นสุดๆ ราคาก็เรียกได้ว่าไม่แพงเลย

แต่ปัญหาคือคุณไม่สามารถสั่งแล้วให้เค้าส่งตรงถึงบ้านได้ เนื่องจากว่าทางเวปเค้าจัดส่งแค่ภายในประเทศ

ทำให้คุณต้องลำบากเพิ่มอีกสักนิดนึง คือ search ตามอินเตอร์เน็ต

หาว่าร้านไหนรับ pre order สินค้าจากเวป taobao บ้าง

ซึ่งบอกได้เลยว่าเยอะมากกกกกกกก คุณเองก็หาร้านที่คุณไว้ใจประเภทที่แบบว่า เปิดแล้วจ้ารอบที่ 50

แบบนี้ก็ค่อยโอเคหน่อย ไว้ใจได้ ดูลูกค้าเค้าด้วยว่าเยอะแค่ไหน

เรื่องราคา คุณก็เอา 5*ราคาหน้าเวป แล้วก็บวกค่าหิ้ว

ซึ่งส่วนมากรองเท้าบูทจะ +200 เสื้อโค้ทใหญ่ๆจะเพิ่มประมาณ 200-400 บาท

คุณอาจจะเอ๊ะ แพงจังเลย ไปซื้อแพลตตินั่ม ซื้อที่มาบุญครองดีกว่า

แต่คุณขา คุณทราบไหมว่าพวกแพลตตินั่มนี่แพงกว่าเยอะ

และประเด็นคือ เค้าเองก็สั่งจาก taobao มาเหมือนกัน

เราเองเปิดเวป taobao ดูแบบเสื้อกันหนาวบ่อยมากและเดินแพลตตินั่มบ่อยมากเช่นกัน

แล้วเราก็ได้เห็นว่าเสื้อกันหนาวบางตัวแพลตตินั่มบอกว่าราคา 2,400 บาท แต่ลดให้ เหลือ 2,200 ก็พอ

แหมดูเหมือนใจดี แต่คุณขา ถ้าคุณสั่งเองแบบเหมือนกันเป๊ะ คุณจะได้จ่ายในราคาแค่ 1,400 บาทค่ะ

แต่ว่าคุณจะต้องมีเวลาเหลือเฟือนะ ถ้าสั่งวันนี้ไม่ใช่พรุ่งนี้ได้

สั่งวันนี้ขั้นต่ำรอรับสินค้า 20 วันเป็นต้นไป ดังนั้นถ้าอยากได้ของถูกก็จะต้องวางแผนมาล่วงหน้า

ถ้าไม่ทันจริงๆ ก็คงต้องยอมจ่ายแพงกว่าไปซื้อตามแพลตตินั่มเอา ซึ่งจริงๆก็มีข้อดีที่ว่า

คุณสามารถเห็นเนื้อผ้า เห็นของจริงด้วยตาตัวเอง ได้ลองไซส์ด้วยจ้าาา

-------------------------------------------------------

35. Sim card และการโทรกลับไทย ?

เรื่องโทรศัพท์นะคะ อันนี้ใครเป็นขาเมาท์ประเภทไม่ได้คุยโทรศัพท์แล้วจะขาดใจตาย กรุณาอ่าน

โทรศัพท์จะเป็นไหม? จำเป็นค่ัะ เพราะว่า เอาไว้ใช้ติดต่อไง

ยิ่งเวลาคุณไปเดินหางาน 2nd job เอาไว้

เค้าก็ต้องขอเบอร์ติดต่อคุณเอาไว้ ถ้าคุณจะให้เบอร์ตู้แล้วไปนั่งเฝ้าทุกวันก็ใช่ที่

Nakoze จะมาแนะนำเรื่องการใช้โทรศัพท์ค่ะ

แบบที่ 1 : ซื้อโทรศัพท์ใหม่เลย ไม่ได้ให้คุณซื้อแบบนดีๆนะ ซื้อแบบที่พอใช้พอ

บางค่ายโทรศัพท์เค้าเข้าใจปัญหาเด็ก WAT อย่างเราค่ะ ฮ่าๆ

เค้าเลยทำโทรศัพท์ระบบ pre-paid ออกมาขายซะเลย เวลาซื้อแบบนี้

ก็แค่ไปเดินหาตาม walmart , target หรือห้างสรรพสินค้า แล้วตรงไปที่แผนกเครื่องใช้ไฟฟ้า

ก็จะเจอโทรศัพท์พวกนี้แขวนอยู่ สนนราคาต่ำสุดที่เคยเห็นก็ประมาณ $10

แต่ทำอะไรไม่ได้เลยนะ คือแค่รับสาย ส่งแมสเสจ ฟังก์ชันอื่นไม่มี

หากคุณตัดสินใจซื้อแบบนี้แล้วล่ะก็ ก็แค่ไปซื้อบัตรเติมเงิน ของเครือข่ายเดียวกันมาเติมเพิ่ม

โดยการเติมเงินนี้จะไม่เหมือนบ้านเรา โดยที่บ้านเราระบุการเติมเป็น บาท

แต่อันนี้คือมีกำหนดมาว่า แบบ 60 นาที , แบบ 200 นาที

ซึ่งราคาก็จะต่างกันไป ตรงนี้คุณก็เช็ครายละเอียดก่อนซื้อให้ดี

ว่าโทรเข้า-ออก ส่งแมสเสจเสียเงินยังไง

เราเคยใช้แบบ 60 นาที ราคา $20 พบว่า มีคนโทรเข้าเราก็เสียเงิน เราโทรออกเราก็เสีย

มีคนส่งแมสเสจมาเราเปิดอ่านเราก็เสีย สรุปเก็บยุบยิบมาก

60 นาทีใช้ได้ 2 อาทิตย์เม่ง..หมด

ช้าก่อนอย่าเพิ่งใจเสียไป Nakoze ยังมีแบบอื่นมานำเสนอ

แบบที่ 2 : ซื้อแต่ซิมส์ แบบนี้เหมาะสำหรับคนนำโทรศัพท์ไปเอง ไม่ว่าจะ iphone , Blackberry

เอ๊ะ มีแค่ 2 ยี่ห้อนี้หรือไง ? ไม่จ๊ะ Nokia ก็ใช้ได้ฉลุย

แต่ช้าก่อน ต้องบอกว่าบางรุ่นเท่านั้นนะ ซึ่งส่วนมากก็จะเป็นรุ่นใหม่ที่เป็น symbian ก็ได้หมดแหละ

ทีนี้พอมีโทรศัพท์แล้วก็เหลือต้องซื้อซิมส์

ตอนที่เราเปิดใช้เราใช้ซิมส์ของ T-mobile เป็น pre-paid แบบUnlimited

คือโทรภายในประเทศสหรัฐอเมริกาไม่อั้น แถมเล่นเน็ตได้

โทรออก-เข้าก็ไม่เป็นปัญหาเนื่องจากเป็นแบบไม่จำกัด Nakoze เลยหายห่วง

หากซื้อแบบ Unlimited คุณก็ต้องไปเติมเงินทุกๆเดือน โดยเนื่องจากครั้งที่เราใช้แบบนี้

เราอยู่ใน NYC ทำให้มีร้านขายโทรศัพท์เกลื่อนเืมืองจึงเป็นเรื่องง่ายสำหรับเรา

ที่จะเติมเงิน แต่หากท่านอยู่ในถิ่นทุรกันดารก็ลองหาแบบอื่นที่เหมาะกับตัวเอง

สนนราคาค่าเสียหายทั้งหมดของ Nakoze ครั้งแรกซื้อซิมส์ด้วยเสียไป $55

เดือนต่อๆมาเสียเดือนละ $39 หรือบางเครือข่ายก็จะมีโปรแบบว่า $55 โทรไม่อั้นทั่วโลก

แต่ Nakoze ก็พบว่าไม่คุ้มซะเลยเนื่องจากว่า NYC มันเป็นเมืองหลอน อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินก็ไม่มีคลื่น

หรือเข้าไปในตึกสูงๆบางตึกก็ไม่มีคลื่น

แบบที่ 3 : สำหรับคนต้องการความสงบอย่างแท้จริง คือใครๆก็จะไม่สามารถติดต่อคุณได้

และคุณก็จะติดต่อใครลำบากมากๆเช่นกัน คนที่ใช้วิธีนี้มักจะเป็นพวกที่

มีเพื่อนในกลุ่มบางคนมีโทรศัพท์ - มีซิมส์แล้ว ตัวเองเห็นว่าไม่จำเป็นเลยไม่ซื้อ

วิธีการแบบที่ 3 นี้คุณจะต้องมีโทรศัพท์บ้านเสียก่อน

จากนั้นก็คุยโทรศัพท์ผ่านโทรศัพท์บ้านนั้นแหละ โดยการซื้อบัตรโทรศัพท์

บัตรโทรศัพท์นี้จำเป็นต้องขนมาจากไทยไหม ? ตอบว่า ไม่จำเป็นจ้า

คุณๆจะให้คุณพ่อคุณแม่ที่อยู่ไทย ค่อยๆทยอยซื้อแล้วบอก Pin คุณก็ได้

ส่วนของค่ายไหนดี ? อันนี้ไม่รู้ เพราะเจอล่มแทบทุกค่ายอ่ะ

คือบางช่วงเวลาที่มีคนโทรกันเยอะ มันก็จะโทรไม่ติดบ้าง บอกว่าตังหมดบ้าง

ข้อดีของวิธีนี้คือประหยัดเงินและบัตรโทรศัพท์สามารถหาืซื้อได้ตามร้านซีเอ็ด

ส่วนข้อเสียคือ ต้องกำชับคนทางบ้านเอาไว้ให้ดีว่าห้ามโทรมาตอนเช้าตรู่

เนื่องจากว่าเพื่อนร่วมห้องกำลังนอนหลับอยู่ และด้วยความที่โทรศัพท์คุณมันไม่เคลื่อนที่

คุณก็ไม่ควรจะคุยนานอันจะรบกวนคนอื่นได้ โดยเฉพาะท่านที่ติดแฟนมากๆ

กรุณาหาวิธีอื่น เพราะเพื่อนร่วมห้องรำคาญโว้ยยยย !!!!!


ส่วนเรื่องว่าคนที่อยู่เมืองไทยจะโทรมาอย่างไรนั้น แนะนำได้วิธีนึง

เนื่องจาก Nakoze เชื่อว่า คุณพ่อ คุณแม่ส่วนใหญ่จะค่อนข้างตอบสนองต่อเทคโนโลยีช้า

อันจะให้ซื้อบัตรโทรศัพท์แล้วมานั่งกด pin เป็น 10 หลัก โอ้ยคุณขา กว่าจะหาแว่นตาเจอก็ปาไปเป็นชั่วโมงแล้ว

Nakoze เลยให้แม่เปลี่ยนวิธีโทร ไปหาซื้อซิมส์ inter ของ true move มา

แล้วจัดแจงเติมเงินให้เรียบร้อยพร้อมคุย

จากนั้นก็ให้เบอร์ที่สามารถติดต่อได้ไว้ เวลาท่านจะโทรหาเรา

ก็แค่กดรหัสของทรู 3-4 หลักจำไม่ได้ รหัสประเทศแล้วตามด้วยเบอร์เราได้เลย

สะดวกกว่าเยอะเห็นไหม

-------------------------------------------------------

36. บัตรเดบิตไทยใช้กดเงินได้ไหม ?

ให้พลิกไปดูด้านหลังบัตรเดบิต หากมีสัญลักษณ์เขียนว่า plus ก็ใช้ได้กับตู้กดเงินทั่วโลก

แต่อาจจะเสียค่าธรรมเนียมในการกดหน่อยนะจ๊ะ

อย่าง Nakoze ไม่ได้เอาบัตรเครดิตแม่มา เพราะถ้าทำหายล่ะก็แย่เลย

Nakoze เลยใช้วิธีว่าหากขัดสนกระทันหัน ก็ขอให้แม่โอนมาให้ก่อน

แล้วก็กดจากตู้เอา

-------------------------------------------------------

วัันนี้ได้ถึงข้อ 36 แล้ว ไว้พรุ่งนี้มาต่อ Part 3 จ้า ...


คลิกเพื่ออ่านต่อ 50 เรื่องควรรู้ก่อนไป Work and Travel :: Part 3 (ข้อ 37-50)
คลิกเพื่อย้อนกลับ 50 เรื่องควรรู้ก่อนไป Work and Travel :: Part 1 (ข้อ 1-20)







Create Date : 19 ตุลาคม 2554
Last Update : 10 ตุลาคม 2556 19:34:24 น.
Counter : 20457 Pageviews.

7 comments
  
มีประโยชน์มากจริง ๆ ค่ะ
โดย: princess of rock วันที่: 8 มิถุนายน 2555 เวลา:22:16:52 น.
  
ขอบคุณมากนะคะ
โดย: กิ๊ก IP: 115.67.162.116 วันที่: 15 ตุลาคม 2555 เวลา:2:57:24 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลย
โดย: moccamint IP: 223.206.215.38 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2555 เวลา:0:56:59 น.
  
ขอบคุณมากค่ะ ข้อมูลมีประโยชน์มากๆเลย
โดย: guitarcake IP: 113.53.15.145 วันที่: 2 สิงหาคม 2559 เวลา:19:46:47 น.
  
_____ _____ 6 ______
โดย: Coy IP: 178.158.16.89 วันที่: 19 กันยายน 2564 เวลา:15:36:24 น.
  
_____ _____ 6 ______
โดย: Augustus IP: 178.158.16.89 วันที่: 19 กันยายน 2564 เวลา:15:51:13 น.
  
сериалы видео смотреть музыка онлайн фильмы
โดย: Della IP: 178.158.66.115 วันที่: 14 ตุลาคม 2565 เวลา:7:33:36 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nakoze
Location :
  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]



New Comments