Step 9 :  การเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง


(ขอบคุณภาพจาก : //www.raileurope.co.uk/?tabid=1701)


แน่นอนค่ะว่าสำหรับท่านที่ยังไม่มีกระเป๋าเดินทางก็คงจะต้องหาซื้อใหม่

ส่วนท่านที่มีอยู่แล้วก็ขอให้เช็คสภาพกระเป๋าให้ดีค่ะ

พิจารณาว่าเห็นสมควรที่จะถอยใบใหม่หรือไม่

เพราะถ้าหากกระเป๋าท่านมีสภาพใกล้ปลดประจำการก็ไม่ควรใช้ต่อแล้วนะคะ

ถ้ามีปัญหาเกิดขึ้นแบบกระเป๋าแหกกลางสนามบินเนี่ยได้ไม่คุ้มนะคะ





กระเป๋าไฟเบอร์ VS กระเป๋าผ้า ใครมาวิน ??



เอาล่ะค่ะเรื่องของกระเป๋า nakoze ขอแบ่งตามแนวทางตัวเองว่ากระเป๋ามี 2 แบบ

แบบแรกคือแบบแข็งหรือ nakoze ชอบเรียกว่าแบบไฟเบอร์

ลักษณะคือเป็นไฟเบอร์แข็งๆอย่างในรูปด้านซ้ายมือค่ะ

สมัยก่อนเนี่ยแบบไฟเบอร์เป็นอะไรที่แตกง่ายมาก

หลายๆท่านสงสัยเอ๊ะจะบ้าหรอตัวเธอจะแตกได้ยังไงยะ

กระเป๋าเดินทางบนเครื่องบินเชียวนะเธอจ๋า

ใช่แล้วล่ะค่ะกระเป๋าเดินทางมันแตกง่ายปานนั้นเลยทีเดียว

คือก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจว่าสายการบินส่วนมากที่บินระหว่างประเทศเนี่ย

มีการจำกัดน้ำหนักกระเป๋าไว้ที่สูงสุด 23KG

ยิ่งบางสายการบินที่บินเข้าอเมริกาให้ถึง 2 ใบ ใบละ 23 KG

ดังนั้นแล้วสำหรับเด็ก WATอย่างพวกเราที่ต้องไปอยู่ไกลบ้านไกลเมืองตั้งหลายเดือน

เราก็จะขนกันไปเต็มที่ค่ะ เรียกได้ว่าถ้าเอาคอห่านยัดใส่กระเป๋าได้ตูก็จะเอามันไปด้วย

แล้วทีนี้เนี่ยพนักงานโหลดกระเป๋าใต้ท้องเครื่อง

เค้าก็ต้องเอากระเป๋าพวกนี้ใส่สายพานไปโหลด

คุณๆลองนับดูว่าวันๆนึงเค้าต้องโหลดกันกี่ใบ ใบละ 20 กว่ากิโล บร๊ะเจ้า!!

ดังนั้นแล้วมันคงจะเป็นไปไม่ได้ที่พนักงานท่านๆทั้งหลาย

จะดูแลกระเป๋าคุณลูกค้าประดุจดั่งลูกแก้วแห่งดราก้อนบอล

สิ่งที่เขาทำส่วนมากคือการโดนกระเป๋า อาจมีการใช้เท้าบ้างตามเห็นสมควร

ดังนั้นกระเป๋าใบละสองหมื่นหรือกระเป๋าใบละสามร้อยการเทคแคร์จากพนักงานท่าน

ก็จะเท่าเทียมกันค่ะ กล่าวคือมีรอยเท้าบนกระเป๋าพอๆกัน


ทีนี้มันก็เลยเป็นที่มาว่ากระเป๋าไฟเบอร์พอเขาโยนหนักๆเข้ามันก็แตก

เนื่องจากมันยืดหยุ่นได้น้อยมาก  อีกทั้งถ้าหากท่านจะใช้กระเป๋าเดินทางไฟเบอร์

ได้โปรดมั่นใจว่าเสื้อผ้าของท่านจะยัดจนกระเป๋ามันเต็มได้

เพราะถ้าหากไม่เต็มเมื่อใดกระเป๋าท่านจะเสี่ยงแตกยิ่งกว่าเดิม

แต่สมัยใหม่นี้กระเป๋าไฟเบอร์ค่อนข้างที่จะมีความทนทานมากกว่าสมัยก่อน

อีกทั้งมีสีสันสวยงาม ทั้นสีลูกกวาด สีเจ็บๆ

มีการเพ้นท์ลายโน้น ลายนี้ วินเทจบ้าง ลายดอทบ้าง สารพัดจะน่ารักกันไปไหน

สาวๆสมัยใหม่จึงนิยมใช้กระเป๋าไฟเบอร์กันมากขึ้น

แต่ว่าก็ยังคงเป็นเช่นเดิมค่ะ กระเป๋าไฟเบอร์ไม่ทนทานต่อการขูดขีด

ถ้าซื้อกระเป๋าไฟเบอร์มาใช้คงต้องทำใจว่าตอนรับกระเป๋า

ท่านอาจได้ของฝากจากต่างแดนเป็นรอยขูดจนสีถลอกก็เป็นได้




ส่วนแบบที่สอง nakoze ขอเรียกว่ากระเป๋าผ้าหรือรูปด้านขวา

สำหรับกระเป๋าผ้านะคะจะมีความยืดหยุ่นมากกว่ากระเป๋าแบบไฟเบอร์ค่อนข้างมาก

ดังนั้นแล้วการแตกจะเป็นไปได้ยากกว่า

แต่ว่าถ้าหากท่านพกของที่แตกง่ายลงไปในกระเป๋า

กรุณาเอาเสื้อผ้าห่อหลายๆชั้น มิเช่นนั้นมันอาจกลายเป็นศพได้ค่ะ

สำหรับข้อเสียที่ nakoze เจอคือกระเป๋าชนิดนี้หากวางไว้ในที่อับชื้อมันจะขึ้นราค่ะท่านผู้ช๊มมม

ดังนั้นถ้าหากตัดสินใจซื้อกระเป๋าผ้าแล้วกรุณาวางไว้ในที่ๆอากาศถ่ายเทสะดวกหน่อยนะคะ

อย่าเอาไปเก็บไว้ในห้องใต้ดินเชียวนะตัวเทอ เดี๋ยวจะหาว่าเค้าไม่เตือน




นอกจากประเด็นเรื่องของประเภทกระเป๋าแล้วเนี่ย

เรื่องต่อมาที่ควรให้ความสนใจก่อนการตัดสินใจเลือกซื้อก็คือขนาดกระเป๋าค่ะ

ในประเทศไทยขนาดกระเป๋าที่นิยมใช้กัน วัดหน่วยเป็นนิ้วนะคะ

ปกติเวลาเดินทาง nakoze จะใช้ 2 ใบค่ะ ใบแรก 24 นิ้ว ใบที่สองรู้สึกจะเป็น 28 นิ้วค่ะ

 (ไม่ 26 ก็ 28 nakoze จำไม่ได้ค่ะ)

ทีนี้เนี่ยบางคนเข้าใจว่าการเอากระเป๋าใบใหญ่ๆไปจะจุของได้เยอะกว่า

ต้องขอบอกว่าไตร่ตรองใหม่ดีๆค่ะ เพราะสายการบินเค้าจำกัดน้ำหนักกระเป๋า

(รวมถึงจำกัดไซส์กระเป๋าด้วย สามารถเช็คได้ตามหน้าเวปสายการบินค่ะ)

ดังนั้นแล้วต่อให้คุณมีกระเป๋า 28 นิ้ว พอยัดของลงไปแล้วยังเหลือพื้นที่ว่างอีกมากมาย

แต่ถ้าเมื่อใดที่กระเป๋าน้ำหนักเกิน 23KG ก็ถือว่าไม่ผ่าน ต้องเสียเงินค่าปรับกระเป๋าค่ะ

ดังนั้นแล้วเอาใบใหญ่ไปใช่ว่าจะได้ใช้ประโยชน์ 100%

ดังนั้นแล้วเลือกใบที่เหมาะสมกับเราค่ะ





สำหรับเรื่องถัดมาที่จะต้องนำมาพิจารณาก็คือเรื่องของ wheel หรือลูกล้อนั่นเองค่ะ

กระเป๋าเดินทางแต่ละใบจะมีลูกล้อตั้งแต่ 2-8 ลูก (มากกว่านี้มีไหมไม่ทราบ ยังไม่เคยเห็นค่ะ)

ถามว่าล้อสำคัญไหม? nakoze ตอบเลยค่ะว่าสำคัญมากพอๆกับการเลือกวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋า

เพราะลูกล้อนี่แหละค่ะตัวดีเลย เป็นส่วนที่เสียหายง่ายมากๆ

nakoze มีประสบการณ์ตรงค่ะ ตอนโหลดมีครบ 2 ล้อ

แต่ขากลับพอรับกระเป๋าไหงเหลือแค่ล้อเดียวเอง !!

ไปคนเดียวลากกระเป๋าลำบากมาาาาก  ถูลู่ถูกังสุดๆค่ะท่านผู้ช๊มมม

แล้วเราจะพิจารณาอะไรจากลูกล้อบ้าง?

หลักการพิจารณาคือลูกล้อต้องไม่เล็กมากจนเกินไปและไม่ใหญ่มากประหนึ่งเป็นรถพ่วง

วัสดุที่ใช้ควรมีความทนทาน รุ่นใหม่ๆมีแบบเป็นยางหุ้มด้านนอกด้วยค่ะ

นอกจากนี้แล้วในการซื้อกระเป๋าถ้ากระเป๋าของคุณเป็นแบบ 2 ล้อ ล้อจะไปตรงๆได้อย่างเดียว

แต่ถ้ากระเป๋าเป็นแบบ 4 ล้อ ล้อทุกล้อจะสามารถหมุนได้ 360 องศา ซึ่งถือว่าสะดวกมากๆ

ใครที่จะนำกระเป๋าเดินทางไป 2 ใบ

nakoze แนะนำและเป็น THE MUST นะคะ

ถ้าคุณเดินทางคนเดียวอย่าได้นำกระเป๋าเดินทางที่มีล้อแค่ 2 ล้อ 2 ใบไปด้วยกัน

มันลากไม่ได้ค่ะท่าน!!!

จริงอยู่ที่เขามีรถเข็นไว้บริการที่สนามบิน

แต่คุณรู้หรือไม่ สนามบินที่อเมริกาหลายๆแห่ง คุณจะต้องหยอดเหรียญเพื่อเช่ารถเข็น

สนนราคาก็เบาะๆค่ะ $3-5

แต่ทีนี้ตอนลากกระเป๋าไปต่อรถลงเรือชีวิตท่านจะลำบากมากค่ะ

ดังนั้นแล้วถ้าหากท่านจะนำกระเป๋าไป 2 ใบ

ใบแรกเป็น 2 ล้อได้ แต่ใบที่สองต้องเป็น 4 ล้อขึ้นไปเท่านั้น !!

วิธีลากก็คือใบสองล้อลากด้านหลังปกติ

ส่วนใบสี่ล้อให้วางทั้ง 4 ล้อลงบนพื้น แล้วใช้มือดันที่หูจับด้านบน

มันก็จะลื่นไหลไปเองตามปกติค่ะ สะดวกกว่ากันเยอะมาก

แล้วทีนี้มากกว่า 4 ล้อนี่มันมีไว้ทำอะไร?

อย่างกระเป๋าเดินทางของ nakoze ใบนึงมี 6 ล้อ

เป็นล้อปกติ 4 ล้อ  ส่วนอีก 2 ล้อนั้นพิเศษมาตรงที่ว่าสามารถยืดเข้า-ออกไปด้านหน้าได้

กล่าวคือเวลาตั้งกระเป๋า ถ้าหากใส่ของไว้แน่นมากๆ ด้านหน้ามันจะคว่ำลงพื้น

nakoze ก็จะดึงไอ้เจ้า 2 ล้อคู่ชีพนี้ออกมาเพื่อเพิ่มพื้นที่ฐาน

เท่านี้ก็สบายหายห่วงแล้วค่ะ

แหนะ!! ทำหน้างงกันเป็นแถบ คนไม่เคยโดนกระเป๋าล้มทับนิ้วโป้งเท้าไม่มีวันเข้าใจ




เอาล่ะค่ะหลังจากอ่านบล็อกนี้จบ

nakoze หวังว่าท่านผู้อ่านจะได้ความรู้เพิ่มเติมถึงหลักในการพิจารณา

เลือกซื้อกระเป๋าเดินทางกันมากขึ้นนะคะ

สำหรับว่าจะซื้อที่ไหนดีนั้นแล้วแต่กำลังทรัพย์ของท่านค่ะ

ถ้ากำลังทรัพย์น้อยหน่อยก็ลองเดินดูแถวประตูน้ำหรือข้าวสาร ย่านฝรั่งเยอะๆหน่อย

แต่ถ้าหากกำลังทรัพย์พอก็ลองไปดูได้ตาม Robinson , Central , The mall , Paragon บลาๆ

พวกนี้จัดโปรโมชั่นลดราคากระเป๋าเดินทางกันทั้งปีค่ะ

สำหรับบล็อกหน้า nakoze จะพูดถึงการจัดกระเป๋าเดินทาง

อะไรควรเอาไป อะไรไม่ควรเอาไป

แล้วพบกันใหม่บล็อกหน้า

หลับฝันดีราตรีสวัสดิ์นะคะ



คลิกเพื่อย้อนกลับไปอ่าน Step 9 :: มาเตรียมอุปกรณ์ไปลุยหิมะกันเถอะ !