Group Blog
All Blog
|
◄ Chapter 2 : เตรียมเอกสาร I-129F My 2015 K1 Visa Journey ♥ เมื่อฉันจะไปอเมริกาในฐานะคู่หมั้น! Chapter 2 : เตรียมเอกสาร I-129F (ขอบคุณภาพจาก : https://blog.shi.com/2015/03/31/adobe-bolsters-mobile-workforce-capabilities-with-acrobat-dc/#.VfPmuH2tJv4) เมื่อเข้าใจขั้นตอนการทำงานของวีซ่า K1 คร่าวๆแล้ว ตอนนี้เราก็มาเข้าสู่กระบวนการเตรียมเอกสารสำหรับขั้นตอนแรกกันค่ะ ขั้นตอนแรกนี้เราจะต้องจัดเตรียมเอกสารที่เรียกว่า I-129F ค่ะ โดยในการส่งเอกสารครั้งนี้ไม่ใช่แค่การส่งกระดาษแผ่นเดียว เราจะต้องส่งเอกสารตัวอื่นๆทุกตัวที่ USCIS (US Citizenship and Immigration Services) ต้องการไปพร้อมกันเป็นปึกหรือเป็นแฟ้มไปเลย เอกสารที่แต่ละคนต้องส่งจะแตกต่างกันไปตามสถานภาพนะคะ เช่น ถ้าคุณหย่า คุณต้องมีเอกสารสิ้นสุดการสมรสยืนยัน ถ้าคุณเปลี่ยนชื่อ คุณก็ต้องแปลใบเปลี่ยนชื่อไปด้วย ดังนั้นให้ฝ่ายคู่หมั้นอเมริกันเช็คดีๆค่ะ แต่กรณีทั่วๆไปไม่พิเศษแบบ Nakoze นั้นเตรียมเอกสารตามด้านล่างได้เลยค่ะ 1. เขียนเช็คสำหรับค่าธรรมเนียม เขียนเช็คขั้นตอนนี้ให้เอาลิงค์นี้ไปให้คู่หมั้นอเมริกันของคุณดูได้เลยค่ะ https://www.visajourney.com/content/paying-immigration-fees เพราะทางฝ่ายโน้นคือฝ่ายที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม การเขียนเช็คต้องเขียนให้ถูกนะคะ เช็คต้องเขียนถึง U.S. Department of Homeland Security ไม่ใช่ USCS หรือชื่อย่ออื่นๆค่ะ ส่วนจำนวนเงิน ณ วันที่ 12 กันยายน 2558 นี้เป็นเงินจำนวน $340 ค่ะ 2. เอกสาร G-1145 G1145 นี้สามารถเข้าไป download ได้ที่ https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-1145.pdf เอกสารตัวนี้เป็นเอกสารที่จะช่วยให้ USCIS ให้ข้อมูลอัพเดทแก่คุณง่ายขึ้น กล่าวคือ USCIS จะส่งอีเมล์ / text message มาให้เมื่อเอกสารมีการอัพเดทเข้าระบบ ข้อมูลที่ต้องกรอกก็อยู่ด้านล่างสุดค่ะ เอาไปให้คู่หมั้นชาวอเมริกันกรอกข้อมูลเค้าได้เลยค่ะ ย้ำนะคะให้ใส่ข้อมูลของฝ่ายที่อยู่อเมริกาค่ะ 3. เอกสาร I-129 F สามารถเข้าไป download ได้ที่ https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/i-129f.pdf เอกสารตัวนี้เป็นเอกสารที่ US Citizen ของท่านต้องกรอกค่ะ Nakoze จะขอข้ามการแปลเพราะว่า คู่หมั้นชาวอเมริกันของท่านสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างช่ำชองอยู่แล้วค่ะ Nakoze จะขอบอกแค่จุดที่ควรระวังนะคะ จุดที่ควรระวังจุดแรก คือ หน้า 4 ข้อ 31a -32f ตรงนี้ท่านต้องพิมพ์ภาษาไทยไปให้คู่หมั้นของท่านกรอก ตามแบบด้านล่างนี้ค่ะ จะพิมพ์ใส่ E-mail, Skype หรือ Facebook ก็ตามแต่ค่ะ เอาให้ฝ่ายโน้นสามารถก copy แล้ว paste ได้เป็นพอค่ะ อีกหนึ่งจุดควรระวังในหน้าเดิมคือข้อ 34.a ตรงนี้จะต้องมีกระดาษอธิบายแยก [เรียกแผ่นนี้ว่า Attachment page] เนื่องจากแค่ 3 บรรทัดมันสาธยายความรักอันดูดดื่มของเราและคู่หมั้นไม่พอค่ะ โดยในช่อง 34.a ให้เขียนลงไปว่า Mark additional attachment as I-129F Supplement: Part 2, Question 34.a หรือง่ายๆก็เขียนว่า Please see attachment จากนั้นให้อธิบายว่าท่านและคู่หมั้นเจอกันได้อย่างไรลงในกระดาษ A4 ส่วนตัว Nakoze จั่วหัวกระดาษว่า ATTACHMENT PAGE – FORM I-129F Part 2, Question 34.a.– explanation of meeting in person อันนี้ตัวอย่างของเราค่ะ หลังจากร่ายยาวเสร็จก็ให้ปริ้นท์แผ่นนี้ออกมาพร้อมฝ่ายอเมริกันเซ็นชื่อด้านล่าง จากนั้นใช้คลิปหนีบไว้ด้านหลังของฟอร์ม I-129F ค่ะ [ถ้าแนะนำคือทำ I-129F ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาทำใบนี้ค่ะจะได้ไม่งง] เอาล่ะค่ะจุดต่อไปที่ทำให้โดน RFE หรือว่าโดนเรียกเอกสารเพิ่ม-แก้เอกสารกันเยอะ ตรงนี้อยู่ที่หน้า 5 ค่ะ คือข้อ 1 เนี่ยสำหรับถ้า US Citizen เคยเป็นทหาร ถ้าไม่เคยก็ไม่ต้องตอบอะไร แต่ข้อ 2 ตั้งแต่ 2a-2c นี้ไม่ได้ถามเกี่ยวกับทหารแล้วค่ะ จำเป็นต้องตอบให้เรียบร้อย [พลาดกันเยอะมาก] ส่วนข้อ 3-4 ใครมีก็ตอบไม่มีก็ไม่ต้องตอบค่ะ เสร็จแล้วอย่าลืมเซ็นชื่อกันนะคะ ถ้าลืมเอกสารก็จะถูกส่งกลับ แต่กว่าจะโดนส่งกลับนี่เสียเวลาอีก 15-30 วันกันเลยทีเดียวค่ะ 4. เอกสาร G-325A ชุดแรกสำหรับเรา + รูปถ่ายขนาด 2x2 สามารถเข้าไป download ได้ที่ https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-325a.pdf ก่อนอื่นขออธิบายว่า G-325A นี้ต้องกรอก 2 ชุดนะคะ ชุดแรกเป็นข้อมูลของเรา ต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น ยกเว้นบางข้อที่ให้เขียนภาษาไทย ก็พิมพ์เป็นภาษาไทยลงไป ตัวอย่าง G-325A ด้านล่างนี้เป็นตัวที่เราต้องกรอกค่ะ ถ้าตรงไหนกรอกไม่พอให้ใส่ในช่องว่า See Attachment นะคะ ถ้าเอกสารตัวนี้มี See Attachment หลายตำแหน่ง ให้แยกเป็นใบๆตามหมวดหมู่ไปแล้วเขียนกำกับว่า See Attachment page 1 หรือ page 2 อะไรก็ว่ากันไป ในใบ Attachment นี่ก็เลือกได้ตามสบายเลยค่ะว่าจะใบละหัวข้อ หรือว่าจะใส่หลายหัวข้อในใบเดียวกัน แต่ทั้งนี้ควรทำให้สะดวกต่อเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงานนะคะ ทีนี้เอกสารตัวนี้ค่อนข้างสร้างความกังวลใจให้ Nakoze พอสมควร เนื่องจากว่าเคยเปลี่ยนชื่อตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งตามกฏหมายไทยแล้ว ถ้าเปลี่ยนชื่อภายใน 6 เดือนหลังเกิด มันจะไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อ แต่จะเป็นการสลักหลังสูติบัตรแทน ดังนั้นแล้วช่องที่เขียนว่า All other names used ก็เลยเป็นปัญหา เพราะมันก็ไม่ได้ถือว่าเปลี่ยนชื่อ แต่ในใบสูติบัตรนั้นมันปรากฏอยู่ ก่อนหน้านี้ที่ขอวีซ่าอเมริกามาทั้งหมด 5 ครั้งก็ไม่เคยใส่ว่าเปลี่ยนชื่อ Nakoze ก็เลยทำ Attachment page แล้วเขียนอธิบายดังนี้ ATTACHMENT PAGE – FORM G-325ABIOGRAPHIC INFORMATION
จากนั้นปริ้นท์ออกมาแล้วเซ็นชื่อให้เรียบร้อย เมื่อฟอร์ม G-325A นี้เสร็จแล้ว ให้ไปถ่ายรูปโดยบอกทางร้านว่าต้องการรูปสำหรับวีซ่าอเมริกาขนาด 2x2 นิ้ว โดยรูปที่ใช้ควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าชัดเจน เก็บผมหน้าและไรผมขึ้นให้หมดรวมถึงเอาผมทัดหูทั้งสองข้าง ย้ำทางร้านว่าห้ามแต่งรูปใดๆทั้งสิ้น [เคยเจอบางร้านแต่งซะนึกว่าจะไปสมัครเล่นงิ้ว ปากนี่มันเหมือนเพิ่งกินข้าวมันไก่มาก็ไม่ปาน] ส่วนพื้นหลังนั้นเป็นสีขาวค่ะ จากนั้นให้เขียนชื่อ นามสกุลกำกับด้านหลังด้วยดินสอ เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เอารูปใส่ซองพลาสติกหรือถุงซิปล็อค เขียนชื่อตัวเองไว้ที่หน้าซองพลาสติกอีกที ลืมบอกว่าใช้แค่รูปเดียวค่ะ แล้วก็ใช้คลิปหนีบไว้ที่ด้านหน้าของฟอร์ม G-325A ค่ะ 5. เอกสาร G-325A สำหรับคู่หมั้นอเมริกัน+ รูปถ่ายขนาด 2x2 สามารถเข้าไป download ได้ที่ https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-325a.pdf จริงๆแล้วมันคือเอกสารตัวเดียวกันกับด้านบนเป๊ะเลยนะคะ แค่เปลี่ยนคนกรอกเป็นคู่หมั้นของคุณค่ะ ให้เค้ากรอกข้อมูลของเค้า จากนั้นก็ให้เค้าปริ้นท์ออกมาเซ็นต์ค่ะ และเช่นเดียวกันฝ่ายคู่หมั้นอเมริกันเองก็ต้องใช้รูปถ่ายวีซ่าอเมริกาขนาด 2x2 นิ้ว พร้อมเขียนชื่อด้านหลังด้วยดินสอ จากนั้นใส่ซองพลาสติกใสแล้วเขียนชื่อกำกับ แนบไปกับ G-325A เช่นเดียวกันค่ะ 6. A copy of US passport (Petitioner) ในกรณีที่คู่หมั้นคุณเคยบินมาหาหรือเคยบินไปเจอกันที่ไหน เที่ยวกันที่ไหน ให้ถ่ายเอกสารขาว-ดำมาเป็นหลักฐานด้วยค่ะ ตรงนี้กูรูฝรั่งบางท่านบอกให้เอาแค่หน้าที่มาหาเรา แต่บางท่านบอกให้ถ่ายทั้งเล่ม เราก็เลยถ่ายทั้งเล่มเลยค่ะ [ตามน้ำไป] อย่าลืมเซ็นต์ชื่อทุกหน้านะคะ 7. A copy of passport (Beneficiary) เช่นเดียวกับด้านบนค่ะ ถ้าว่าฝ่ายเราเคยบินไปเจอเค้า ก็ให้ถ่ายเอกสารขาว-ดำไปด้วย และเหมือนเดิมค่ะ nakoze ก็ถ่ายเอกสารพร้อมเซ็นชื่อค่ะ 8. A copy of Birth Certificate (Petitioner) ในกรณีที่คู่หมั้นอเมริกันของคุณ ได้สัญชาติจากการเกิดก็ต้องมีใบเกิดมายืนยันค่ะ ซึ่งถ้าทำหายสามารถให้คู่หมั้นไปติดต่อขอใบใหม่[ไม่ทราบว่าหน้าตาเหมือนเดิมไหม] ให้ไปเช็คราคา ระยะเวลาจากแต่ละรัฐได้จากเวปนี้ค่ะ https://www.cdc.gov/nchs/w2w.htm 9. A copy of Birth Certificate (Beneficiary) อันนี้คือใบเกิดของเราค่ะ ตัวนี้เราแปลเป็นภาษาอังกฤษพร้อมรับรองที่กงสุล จริงๆแล้วสามารถแปลเองอะไรเองได้ แต่บ้าน nakoze อยู่ไกลจากแจ้งวัฒนะมากๆเลยจ้างแปลพร้อมรับรองค่ะ สะดวกแถมถูกต้องในราคาใกล้เคียงกัน พอได้ใบจริงมาแล้วก็ถ่ายเอกสารขาว-ดำพร้อมเซ็นต์สำเนาทุกหน้าส่งไปค่ะ ใครที่อยากประหยัดเงินแปลเอง ลองเข้าไปดูแบบฟอร์มได้จาก https://www.consular.go.th/main/th/form/1421/21818-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html 10. Letters of intent to marry between petitioner and beneficiary อันนี้เป็นเอกสารยื่นยันว่าเราและคู่หมั้นจะแต่งงานจดทะเบียนกันภายใน 90 วัน ตัวนี้ต้องทำ 2 แผ่น แผ่นแรกเป็นข้อมูลของเรา ตัวอย่างของ nakoze นะคะ ดูให้ดีๆนะคะว่าตรงไหนใส่ชื่อใคร เสร็จแล้วใบที่สองก็ให้เปลี่ยนข้อมูลเป็นของคู่หมั้นเราค่ะ ตรงเนื้อหานี่ต้องสลับชื่อใส่ให้ถูกนะคะ ชื่อมุมขวาบนของใครก็ใส่ชื่อคนนั้นค่ะ 11. Proof of having met in person in the past two years เอกสารส่วนนื้คือสิ่งยืนยันการพบเจอหน้ากันของเราและคู่หมั้นค่ะ ส่วนที่ nakoze ส่งไปก็ได้แก่ ภาพถ่าย อันนี้จัดเอาหลายๆภาพใส่ A4 สวยๆแล้วส่งไปราวๆ 4-5 ใบ ภาพนี่ควรเลือกภาพที่ชัดๆ ถ้ายิ่งดีให้มีวิวด้านหลังที่ระบุสถานที่ได้ หรือมีรูปคนอื่นๆอยู่ในรูปด้วยเพื่อพิสูจน์ว่าเรารู้จักเพื่อนเค้า เค้ารู้จักเพื่อนเราอะไรประมาณนั้น แล้วก็เขียนคำอธิบายสั้นๆลงในภาพด้วย ตัวอย่างของ Nakoze เป็นแบบด้านบนค่ะ จับภาพมารวมกันใน A4 แล้วก็ล้างรูปมาทีเดียว ใครมีโอกาสอยู่ด้วยกันก็ถ่ายไว้เยอะๆค่ะ ของอิฉันนี้พลาดมากเพราะไม่คิดว่าเราจะมาไกลขนาดนี้เลยไม่ค่อยถ่ายรูปคู่ ไปงานไหนก็ไม่ค่อยถ่ายเลยมีรูปไม่เยอะ ตัวนี้ส่วนตัวเราส่งไปทั้งหมดประมาณ 7 ใบ ค่ะ Online bank statement อันนี้ nakoze ก็แคปพวกการใช้จ่ายระหว่างอยู่ด้วยกัน พวกของขวัญ เวปไซต์ที่สั่งซื้อของ ตัดเงินค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมันตรงกับช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน อันนี้แยกเป็นของแฟนชุดนึงของ nakoze ชุดนึง โชคดีว่าไปครั้งนี้ใช้เงินผ่านบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้เงินสด รายละเอียดการเงินมันเลยยังหามาโชว์ได้ ด้านล่างก็เขียนอธิบายเหตุการณ์และสถานที่คร่าวๆ ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม อันนี้ก็ปริ้นท์พวก confirmation number จากสายการบิน ใบจองโรงแรมต่างๆ ซึ่งอันนี้สามารถไปหาได้จากอีเมล์เก่าๆ เพราะเวลามีการจอง สายการบินหรือโรงแรม รวมถึงบริษัททัวร์ก็มักจะส่งเอกสารยืนยันมาทางเมล์เสมอ ใบเสร็จของขวัญ, ส่งพัสดุ อันนี้ก็จะรวบรวมพวก confirmation เวลาสั่งซื้อของขวัญ หรือว่าพวกใบเสร็จจากไปรษณี์เวลาที่เราส่งพัสดุไปให้ค่ะ Skype chatting history อันนี้แล้วแต่คนนะคะ แต่ของ Nakokze ถ่ายหน้าจอที่คุยสไกป์กันล้วปริ้นท์ออกมา ให้มีวันที่ชัดเจน รวมๆก็ส่งไปประมาณ 5 ใบ คละเดือน ตัวนี้จะใช้เป็นภาพระหว่างการสนทนาค่ะ แต่ไม่ได้ส่งแมสเสจที่คุยหากัน เพราะแมสเสจที่เราคุยนี่คือหาสาระไม่ได้ ส่วนมากจะเป็นคำๆเวลาที่ฟังไม่รู้เรื่องหรือเน็ตไม่ดีจะให้เค้าสะกดให้ว่าเมื่อกี๊พูดไรนะ หรือไม่ก็ถามคำศัพท์กันเสียมากกว่า เห็นท่าว่าส่งไปก็ไม่เป็นประโยชน์เลยไม่ส่งเสียเลยเอาแค่รูปพอ รอบที่ส่งไปให้ USCIS รอบแรกนี้์ Nakoze ทำง่ายๆก็คือปริ้นท์ขนาด 7*5 แล้วก็แปะใส่ A4 แต่รอบที่ส่ง Packet3 ให้ทางสถานทูตจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ Line chatting history ปริ้นท์แบบสุ่มหน้าไปราวๆ 10 แผ่น ส่งเสร็จเพิ่งมาคิดได้ว่าบทสนทนามันไม่ต่อเนื่อง ต่อไปจะปริ้นท์เป็นวันที่ๆไปเอาที่คนอ่านพอจะรู้เรื่อง จับใจความได้บ้าง เดี๋ยวจะรอไปแก้ตัวตอนส่งเอกสารให้สถานทูตอีกที เรากะจะปริ้นท์ให้หมดเลยค่ะมีประมาณ 800 กว่าหน้า ใครคิดว่าหลักฐานอื่นๆตัวเองแน่นแล้วก็ไม่ถึงกับต้องปริ้นท์มากมายค่ะ 12. I-129F Cover letter สำหรับเอกสารตัวสุดท้ายก็คือ Cover letter ซึ่งเอกสารตัวนี้เองจะเป็นตัวที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเอกสารได้ง่ายขึ้น กล่าวคือ Cover letter จะมีข้อมูลว่าเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในแฟ้มนี้ มีเอกสารอะไรบ้างค่ะ อันนี้เป็นตัวอย่างของ Nakoze ค่ะ เมื่อรวบรวมเอกสารแล้วให้ส่งไปที่ Texas Lockbox ตรงนี้ต้องขออธิบายก่อนนะคะว่าทำไมต้องส่งไปที่นี่ คือทุกคนจะต้องส่งเอกสารไปที่เดียวกันก่อนคือที่ Texas และที่นั่นเราจะเรียกมันว่า Texas Lockbox แล้วเจ้าหน้าที่จาก Texas Lockbox จะเป็นคนคัดแยกเอกสารเราอีกทีว่าเคสของเรา จะถูกส่งไปทำเนินเรื่องที่ไหน USCIS ที่ศูนย์ไหน ซึ่ง ณ ปัจจุบันมี 3 แห่งด้วยกันนั่นคือ California , Texas และ Vermount ด้านล่างนี้เป็นที่ๆต้องจ่าหน้าซองถึงค่ะ ที่นี่คุณจะเห็นว่าที่อยู่ที่ Nakoze ทำมามี 2 ที่คือด้านซ้ายมือสีน้ำเงินและขวามือที่เป็นสีแดง 2 ที่นี้แตกต่างกันอย่างไร และจะส่งไปที่ไหนดี? คำตอบคือด้านซ้ายมือสีน้ำเงินนั้นคือ ที่อยู่สำหรับการส่งจดหมายแบบลงทะเบียนธรรมดา โดยเป็นการส่งโดยใช้บริการไปษณีย์อเมริกา [USPS] สำหรับท่านที่ต้องการส่งโดยไปรษณีย์ด่วนพิเศษหรือ Express โดยไปษณีย์อเมริกา [USPS] หรือส่งโดยใช้บริษัทเอกชนเช่น UPS, FedEx ก็ต้องจ่าหน้าซองไปที่ทางฝั่งขวามือสีแดงค่ะ ใครจะส่งแบบไหนก็ตามสบายเลยค่ะ พอทำเอกสารเสร็จแล้ว Nakoze ใส่แฟ้มแยกรายละเอียดเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่แบบนี้ค่ะ ตรงนี้ขออธิบายนิดนึงนะคะ คือจริงๆแล้วเนี่ยเราไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารของเราไปให้คู่หมั้นค่ะ บางท่านบอกว่าสามารถสแกนไปได้ ส่วนรูปถ่ายก็สามารถขอไฟล์รูปมาจากร้าน ส่งไปให้คู่หมั้นให้ทางโน้นปริ้นท์เอาได้ แต่ Nakoze เป็นคนเตรียมเอกสาร เพราะแฟนยุ่งมากๆแถมไม่ละเอียดเท่าเรา ก็เลยอาสาเอาเอกสารทั้งหมดมาทำเอง แล้วส่งไปให้แฟนใส่ส่วนที่เหลือที่เป็นของเค้า ซึ่งข้อดีก็คือลายเซ็นต์ทุกอย่างการกำกับเอกสารมันเป็นของจริง ผ่านเจ้าหน้าที่แน่นอน [บางเคสใน Visa journey โดนตีกลับค่ะ] ด้านในนี่จะแบ่งเอกสารไว้เป็นช่องๆเพื่อให้ง่ายต่อเจ้าหน้าที่ค่ะ ทีนี้ถ้าถามว่าแฟ้มแพงๆนี่จำเป็นไหม ตอบเลยว่าไม่จำเป็น คุณจะแค่เอาคลิปหนีบเอกสารแล้วส่งไปก็ได้ เพราะยังไงเค้าก็โยนแฟ้มคุณทิ้งอย่ดี เพียงแต่ตัว Nakoze เองเห็นว่าถ้ามีแฟ้มแล้วมันเรียบร้อยน่าดูกว่าก็ทำค่ะ เมื่อส่งเอกสารเรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำก็คือการรอ NOA1 [Notice of Action] หรือเอกสารแจ้งเตือนว่าทาง USCIS ได้รับเคสของเราแล้ว ซึ่งขั้นตอนนี้หลายๆคนคงจะชิวมาก ส่วน nakoze นี่เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากเย็นที่สุดเลยล่ะค่ะ จะเป็นเพราะว่าอะไรนั้น ต้องรอติดตามชมตอนต่อไปค่า สำหรับตอนนี้ลาไปก่อน หวังว่าบล็อกนี้จะช่วยให้เพื่อนๆที่ทำ K1 Visa อยู่เตรียมตัวได้ง่ายขึ้นนะคะ สวัสดีค่า คลิกเพื่ออ่านบล็อกถัดไป Chapter 3 : ตบยุงรอ NOA1-NOA2 จำขั้นตอนไม่ได้ไม่เป็นไร คลิกย้อนกลับไปอ่านขั้นตอนการทำ Visa K1 ที่นี่ Very good
โดย: Phatcharin IP: 192.99.14.36 วันที่: 21 มกราคม 2559 เวลา:11:01:56 น.
ขอบคุณคุณ Nakoze มากๆเลยนะค่ะ ที่นำประสบการณ์มาแชร์และเขียนเรื่องราวขั้นตอนการเตรียมเอกสารได้ดีมากๆ ขอชื่นชมว่าเขียนอธิบายได้ละเอียดมากๆเลยค่ะ อธิบายเป็น step ดีมากๆทุกขั้นตอน อ้ออ่านแล้ว มีกำลังใจในการเตรียมเอกสาร
ขอบคุณที่แบ่งปันนะค่ะ จะเข้ามาอ่าน blog ของคุณ Nakoze เป็นระยะๆนะค่ะ ✌👍❤ โดย: อ้อ IP: 27.55.142.201 วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:22:51:33 น.
เขียนได้ละเอียด เป็นขั้นตอน เข้าใจง่ายเป็นประโยชน์มากๆ เลย ค่ะ ถ้า ไม่ได้อ่าน เคส ของคุณ Nakoze คง ต้องโดน ส่งเอกสารกลับเรียกเอาเอกสารเพิ่มแน่ๆเลย ขอบคุณมากน่ะค่ะ
โดย: ลัก IP: 49.228.242.194 วันที่: 29 ตุลาคม 2559 เวลา:22:04:31 น.
ทีแรกจะจ้างทะนายแต่ตอนนี้อ่านของคุณnakozeแล้วน่าจะทำเองได้ค่ะ.. ขอบคุณมากๆคัฟ
โดย: A and ka IP: 171.7.76.144 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:13:59:52 น.
คุณ nakoze ค่ะ อยากสอบถามเพิ่มค่ะ
ขนาดกระดาษ A4 บ้านเรา...สามารถใช้ ยื่นเรื่อง K1 ที่นู่นได้ใช่มั้ยคะ? เห็นคุณแฟน กังวลแล้วบอกว่าขนาดกระดาษบ้านเค้ากำหนดมา ไม่เท่าบ้านเรา กลัวยื่นเรื่องไป ขนาดกระดาษ ในซองไม่เท่ากัน จะมีปัญหาแล้วถูกตีกลับอีก... รบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่า ขอบคุณค่ะ โดย: Bunny IP: 110.170.109.3 วันที่: 17 เมษายน 2560 เวลา:21:01:26 น.
Referring Part 8 Additional Information item 1a1b1c ไม่สามารถพิมพ์ได้คะ ต้องทำอย่างไรคะ ตอนนี้กำลังกรอกเอกสารอยู่คะ รอฟังคำตอบนะคะ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือคะ🙏🏻
โดย: Mam IP: 182.232.110.26 วันที่: 18 กันยายน 2561 เวลา:19:22:31 น.
@คุณ Mam อันไหนกรอกไม่ได้ ปริ้นท์ออกมา ใช้ปากกาดำเขียนตัวบรรจงค่ะ
โดย: ืnakoze (nakoze ) วันที่: 19 กันยายน 2561 เวลา:23:51:28 น.
ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ ได้ความรู้มากค่ะ
โดย: นันท์ IP: 1.47.141.99 วันที่: 14 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:29:43 น.
ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ ได้ความรู้มากค่ะ
โดย: นันท์ IP: 1.47.141.99 วันที่: 14 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:37:13 น.
ขอบคุณมากคะ สำหรับกรอกข้อมูลI129f บอกรายละเอียดได้ชัดเจนคะ
โดย: ชัญญานุช IP: 223.24.158.41 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:55:19 น.
ขอบคุณมากนะคะสำหรับประสบการณ์ ละเอียดมากค่ะ กำลังทำเรื่องค่ะเตรียมเอกสารอยู่ เป็นประโยชน์มากจริงๆค่าาา
โดย: chanisa IP: 171.101.98.57 วันที่: 8 กันยายน 2564 เวลา:19:17:43 น.
|
nakoze
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]
Link |