◄ Chapter 2 : เตรียมเอกสาร I-129F
 
My 2015 K1 Visa Journey ♥ เมื่อฉันจะไปอเมริกาในฐานะคู่หมั้น!


Chapter 2 : เตรียมเอกสาร I-129F


(ขอบคุณภาพจาก : https://blog.shi.com/2015/03/31/adobe-bolsters-mobile-workforce-capabilities-with-acrobat-dc/#.VfPmuH2tJv4)


เมื่อเข้าใจขั้นตอนการทำงานของวีซ่า K1 คร่าวๆแล้ว

ตอนนี้เราก็มาเข้าสู่กระบวนการเตรียมเอกสารสำหรับขั้นตอนแรกกันค่ะ

ขั้นตอนแรกนี้เราจะต้องจัดเตรียมเอกสารที่เรียกว่า I-129F ค่ะ

โดยในการส่งเอกสารครั้งนี้ไม่ใช่แค่การส่งกระดาษแผ่นเดียว

เราจะต้องส่งเอกสารตัวอื่นๆทุกตัวที่ USCIS (US Citizenship and Immigration Services)

ต้องการไปพร้อมกันเป็นปึกหรือเป็นแฟ้มไปเลย

เอกสารที่แต่ละคนต้องส่งจะแตกต่างกันไปตามสถานภาพนะคะ

เช่น ถ้าคุณหย่า คุณต้องมีเอกสารสิ้นสุดการสมรสยืนยัน

ถ้าคุณเปลี่ยนชื่อ คุณก็ต้องแปลใบเปลี่ยนชื่อไปด้วย

ดังนั้นให้ฝ่ายคู่หมั้นอเมริกันเช็คดีๆค่ะ

แต่กรณีทั่วๆไปไม่พิเศษแบบ Nakoze นั้นเตรียมเอกสารตามด้านล่างได้เลยค่ะ



1. เขียนเช็คสำหรับค่าธรรมเนียม

เขียนเช็คขั้นตอนนี้ให้เอาลิงค์นี้ไปให้คู่หมั้นอเมริกันของคุณดูได้เลยค่ะ

https://www.visajourney.com/content/paying-immigration-fees

เพราะทางฝ่ายโน้นคือฝ่ายที่จะจ่ายค่าธรรมเนียม

การเขียนเช็คต้องเขียนให้ถูกนะคะ

เช็คต้องเขียนถึง U.S. Department of Homeland Security

ไม่ใช่ USCS หรือชื่อย่ออื่นๆค่ะ

ส่วนจำนวนเงิน ณ วันที่ 12 กันยายน 2558 นี้เป็นเงินจำนวน $340 ค่ะ



2. เอกสาร G-1145

G1145 นี้สามารถเข้าไป download ได้ที่

https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-1145.pdf

เอกสารตัวนี้เป็นเอกสารที่จะช่วยให้ USCIS ให้ข้อมูลอัพเดทแก่คุณง่ายขึ้น

กล่าวคือ USCIS จะส่งอีเมล์ / text message มาให้เมื่อเอกสารมีการอัพเดทเข้าระบบ

ข้อมูลที่ต้องกรอกก็อยู่ด้านล่างสุดค่ะ



เอาไปให้คู่หมั้นชาวอเมริกันกรอกข้อมูลเค้าได้เลยค่ะ

ย้ำนะคะให้ใส่ข้อมูลของฝ่ายที่อยู่อเมริกาค่ะ



3. เอกสาร I-129 F

สามารถเข้าไป download ได้ที่

https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/i-129f.pdf

เอกสารตัวนี้เป็นเอกสารที่ US Citizen ของท่านต้องกรอกค่ะ

Nakoze จะขอข้ามการแปลเพราะว่า

คู่หมั้นชาวอเมริกันของท่านสามารถใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างช่ำชองอยู่แล้วค่ะ

Nakoze จะขอบอกแค่จุดที่ควรระวังนะคะ

จุดที่ควรระวังจุดแรก คือ หน้า 4 ข้อ 31a -32f

ตรงนี้ท่านต้องพิมพ์ภาษาไทยไปให้คู่หมั้นของท่านกรอก ตามแบบด้านล่างนี้ค่ะ



จะพิมพ์ใส่ E-mail, Skype หรือ Facebook ก็ตามแต่ค่ะ

เอาให้ฝ่ายโน้นสามารถก copy แล้ว paste ได้เป็นพอค่ะ

อีกหนึ่งจุดควรระวังในหน้าเดิมคือข้อ 34.a ตรงนี้จะต้องมีกระดาษอธิบายแยก

 [เรียกแผ่นนี้ว่า Attachment page]

เนื่องจากแค่ 3 บรรทัดมันสาธยายความรักอันดูดดื่มของเราและคู่หมั้นไม่พอค่ะ

โดยในช่อง 34.a ให้เขียนลงไปว่า

Mark additional attachment as I-129F Supplement: Part 2, Question 34.a

หรือง่ายๆก็เขียนว่า Please see attachment

จากนั้นให้อธิบายว่าท่านและคู่หมั้นเจอกันได้อย่างไรลงในกระดาษ A4

ส่วนตัว Nakoze จั่วหัวกระดาษว่า

ATTACHMENT PAGE – FORM I-129F
Part 2, Question 34.a.– explanation of meeting in person

อันนี้ตัวอย่างของเราค่ะ



หลังจากร่ายยาวเสร็จก็ให้ปริ้นท์แผ่นนี้ออกมาพร้อมฝ่ายอเมริกันเซ็นชื่อด้านล่าง

จากนั้นใช้คลิปหนีบไว้ด้านหลังของฟอร์ม I-129F ค่ะ

[ถ้าแนะนำคือทำ I-129F ให้เสร็จก่อน แล้วค่อยกลับมาทำใบนี้ค่ะจะได้ไม่งง]

เอาล่ะค่ะจุดต่อไปที่ทำให้โดน RFE หรือว่าโดนเรียกเอกสารเพิ่ม-แก้เอกสารกันเยอะ

ตรงนี้อยู่ที่หน้า 5 ค่ะ

คือข้อ 1 เนี่ยสำหรับถ้า US Citizen เคยเป็นทหาร ถ้าไม่เคยก็ไม่ต้องตอบอะไร

แต่ข้อ 2 ตั้งแต่ 2a-2c นี้ไม่ได้ถามเกี่ยวกับทหารแล้วค่ะ

จำเป็นต้องตอบให้เรียบร้อย [พลาดกันเยอะมาก]



ส่วนข้อ 3-4 ใครมีก็ตอบไม่มีก็ไม่ต้องตอบค่ะ

เสร็จแล้วอย่าลืมเซ็นชื่อกันนะคะ ถ้าลืมเอกสารก็จะถูกส่งกลับ

แต่กว่าจะโดนส่งกลับนี่เสียเวลาอีก 15-30 วันกันเลยทีเดียวค่ะ



4. เอกสาร G-325A ชุดแรกสำหรับเรา + รูปถ่ายขนาด 2x2

สามารถเข้าไป download ได้ที่

https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-325a.pdf

ก่อนอื่นขออธิบายว่า G-325A นี้ต้องกรอก 2 ชุดนะคะ

ชุดแรกเป็นข้อมูลของเรา ต้องกรอกเป็นภาษาอังกฤษเท่านั้น

ยกเว้นบางข้อที่ให้เขียนภาษาไทย ก็พิมพ์เป็นภาษาไทยลงไป

ตัวอย่าง G-325A ด้านล่างนี้เป็นตัวที่เราต้องกรอกค่ะ



ถ้าตรงไหนกรอกไม่พอให้ใส่ในช่องว่า See Attachment นะคะ

ถ้าเอกสารตัวนี้มี See Attachment หลายตำแหน่ง

ให้แยกเป็นใบๆตามหมวดหมู่ไปแล้วเขียนกำกับว่า

See Attachment page 1 หรือ page 2 อะไรก็ว่ากันไป

ในใบ Attachment นี่ก็เลือกได้ตามสบายเลยค่ะว่าจะใบละหัวข้อ

หรือว่าจะใส่หลายหัวข้อในใบเดียวกัน

แต่ทั้งนี้ควรทำให้สะดวกต่อเจ้าหน้าที่ในการดำเนินงานนะคะ

ทีนี้เอกสารตัวนี้ค่อนข้างสร้างความกังวลใจให้ Nakoze พอสมควร

เนื่องจากว่าเคยเปลี่ยนชื่อตั้งแต่แรกเกิด

ซึ่งตามกฏหมายไทยแล้ว ถ้าเปลี่ยนชื่อภายใน 6 เดือนหลังเกิด

มันจะไม่ถือว่าเป็นการเปลี่ยนชื่อ แต่จะเป็นการสลักหลังสูติบัตรแทน

ดังนั้นแล้วช่องที่เขียนว่า  All other names used ก็เลยเป็นปัญหา

เพราะมันก็ไม่ได้ถือว่าเปลี่ยนชื่อ แต่ในใบสูติบัตรนั้นมันปรากฏอยู่

ก่อนหน้านี้ที่ขอวีซ่าอเมริกามาทั้งหมด 5 ครั้งก็ไม่เคยใส่ว่าเปลี่ยนชื่อ

Nakoze ก็เลยทำ Attachment page แล้วเขียนอธิบายดังนี้

ATTACHMENT PAGE – FORM G-325ABIOGRAPHIC INFORMATION
Question – All Other Names Used (Include names by previous marriages)


Explanation concerning address: According to Thailaw, the name of the new born baby can be changed within 6 months of birthwithout using a Certificate of Personal Name Change. The new name is written on the back of theoriginal Birth Certificate. There, mycurrent name, "ชื่อใหม่", is legally shown on the back of my BirthCertificate. The name on the front ofthe Birth Certificate, "ชื่อเก่า", was a temporary name and has neverbeen used on any official documents.

ผลสุดท้ายก็ผ่านมาได้ด้วยดีค่ะ

จากนั้นปริ้นท์ออกมาแล้วเซ็นชื่อให้เรียบร้อย

เมื่อฟอร์ม G-325A นี้เสร็จแล้ว

ให้ไปถ่ายรูปโดยบอกทางร้านว่าต้องการรูปสำหรับวีซ่าอเมริกาขนาด 2x2 นิ้ว

โดยรูปที่ใช้ควรเป็นรูปที่เห็นใบหน้าชัดเจน

เก็บผมหน้าและไรผมขึ้นให้หมดรวมถึงเอาผมทัดหูทั้งสองข้าง

ย้ำทางร้านว่าห้ามแต่งรูปใดๆทั้งสิ้น

[เคยเจอบางร้านแต่งซะนึกว่าจะไปสมัครเล่นงิ้ว ปากนี่มันเหมือนเพิ่งกินข้าวมันไก่มาก็ไม่ปาน]

ส่วนพื้นหลังนั้นเป็นสีขาวค่ะ

จากนั้นให้เขียนชื่อ นามสกุลกำกับด้านหลังด้วยดินสอ

เมื่อเรียบร้อยแล้วให้เอารูปใส่ซองพลาสติกหรือถุงซิปล็อค

เขียนชื่อตัวเองไว้ที่หน้าซองพลาสติกอีกที ลืมบอกว่าใช้แค่รูปเดียวค่ะ

แล้วก็ใช้คลิปหนีบไว้ที่ด้านหน้าของฟอร์ม G-325A ค่ะ



5. เอกสาร G-325A สำหรับคู่หมั้นอเมริกัน+ รูปถ่ายขนาด 2x2

สามารถเข้าไป download ได้ที่

https://www.uscis.gov/sites/default/files/files/form/g-325a.pdf

จริงๆแล้วมันคือเอกสารตัวเดียวกันกับด้านบนเป๊ะเลยนะคะ

แค่เปลี่ยนคนกรอกเป็นคู่หมั้นของคุณค่ะ ให้เค้ากรอกข้อมูลของเค้า

จากนั้นก็ให้เค้าปริ้นท์ออกมาเซ็นต์ค่ะ

และเช่นเดียวกันฝ่ายคู่หมั้นอเมริกันเองก็ต้องใช้รูปถ่ายวีซ่าอเมริกาขนาด 2x2 นิ้ว

พร้อมเขียนชื่อด้านหลังด้วยดินสอ

จากนั้นใส่ซองพลาสติกใสแล้วเขียนชื่อกำกับ

แนบไปกับ G-325A เช่นเดียวกันค่ะ



6. A copy of US passport (Petitioner)

ในกรณีที่คู่หมั้นคุณเคยบินมาหาหรือเคยบินไปเจอกันที่ไหน เที่ยวกันที่ไหน

ให้ถ่ายเอกสารขาว-ดำมาเป็นหลักฐานด้วยค่ะ

ตรงนี้กูรูฝรั่งบางท่านบอกให้เอาแค่หน้าที่มาหาเรา 

แต่บางท่านบอกให้ถ่ายทั้งเล่ม เราก็เลยถ่ายทั้งเล่มเลยค่ะ [ตามน้ำไป]

อย่าลืมเซ็นต์ชื่อทุกหน้านะคะ



7. A copy of passport (Beneficiary)

เช่นเดียวกับด้านบนค่ะ ถ้าว่าฝ่ายเราเคยบินไปเจอเค้า

ก็ให้ถ่ายเอกสารขาว-ดำไปด้วย

และเหมือนเดิมค่ะ nakoze ก็ถ่ายเอกสารพร้อมเซ็นชื่อค่ะ



8. A copy of Birth Certificate (Petitioner)

ในกรณีที่คู่หมั้นอเมริกันของคุณ ได้สัญชาติจากการเกิดก็ต้องมีใบเกิดมายืนยันค่ะ

ซึ่งถ้าทำหายสามารถให้คู่หมั้นไปติดต่อขอใบใหม่[ไม่ทราบว่าหน้าตาเหมือนเดิมไหม]

ให้ไปเช็คราคา ระยะเวลาจากแต่ละรัฐได้จากเวปนี้ค่ะ

https://www.cdc.gov/nchs/w2w.htm



9. A copy of Birth Certificate (Beneficiary)

อันนี้คือใบเกิดของเราค่ะ

ตัวนี้เราแปลเป็นภาษาอังกฤษพร้อมรับรองที่กงสุล

จริงๆแล้วสามารถแปลเองอะไรเองได้

แต่บ้าน nakoze อยู่ไกลจากแจ้งวัฒนะมากๆเลยจ้างแปลพร้อมรับรองค่ะ

สะดวกแถมถูกต้องในราคาใกล้เคียงกัน

พอได้ใบจริงมาแล้วก็ถ่ายเอกสารขาว-ดำพร้อมเซ็นต์สำเนาทุกหน้าส่งไปค่ะ

ใครที่อยากประหยัดเงินแปลเอง ลองเข้าไปดูแบบฟอร์มได้จาก

https://www.consular.go.th/main/th/form/1421/21818-%E0%B8%95%E0%B8%B1%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%9B%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%9A%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3.html


10. Letters of intent to marry between petitioner
 and beneficiary


อันนี้เป็นเอกสารยื่นยันว่าเราและคู่หมั้นจะแต่งงานจดทะเบียนกันภายใน 90 วัน

ตัวนี้ต้องทำ 2 แผ่น แผ่นแรกเป็นข้อมูลของเรา

ตัวอย่างของ nakoze นะคะ

ดูให้ดีๆนะคะว่าตรงไหนใส่ชื่อใคร



เสร็จแล้วใบที่สองก็ให้เปลี่ยนข้อมูลเป็นของคู่หมั้นเราค่ะ

ตรงเนื้อหานี่ต้องสลับชื่อใส่ให้ถูกนะคะ  ชื่อมุมขวาบนของใครก็ใส่ชื่อคนนั้นค่ะ



11. Proof of having met in person in the past two years

เอกสารส่วนนื้คือสิ่งยืนยันการพบเจอหน้ากันของเราและคู่หมั้นค่ะ

ส่วนที่ nakoze ส่งไปก็ได้แก่

Smiley ภาพถ่าย

อันนี้จัดเอาหลายๆภาพใส่ A4 สวยๆแล้วส่งไปราวๆ 4-5 ใบ

ภาพนี่ควรเลือกภาพที่ชัดๆ ถ้ายิ่งดีให้มีวิวด้านหลังที่ระบุสถานที่ได้

หรือมีรูปคนอื่นๆอยู่ในรูปด้วยเพื่อพิสูจน์ว่าเรารู้จักเพื่อนเค้า

 เค้ารู้จักเพื่อนเราอะไรประมาณนั้น แล้วก็เขียนคำอธิบายสั้นๆลงในภาพด้วย



ตัวอย่างของ Nakoze เป็นแบบด้านบนค่ะ

 จับภาพมารวมกันใน A4 แล้วก็ล้างรูปมาทีเดียว

ใครมีโอกาสอยู่ด้วยกันก็ถ่ายไว้เยอะๆค่ะ

ของอิฉันนี้พลาดมากเพราะไม่คิดว่าเราจะมาไกลขนาดนี้เลยไม่ค่อยถ่ายรูปคู่

ไปงานไหนก็ไม่ค่อยถ่ายเลยมีรูปไม่เยอะ ตัวนี้ส่วนตัวเราส่งไปทั้งหมดประมาณ 7 ใบ ค่ะ


Smiley Online bank statement

อันนี้ nakoze ก็แคปพวกการใช้จ่ายระหว่างอยู่ด้วยกัน

พวกของขวัญ เวปไซต์ที่สั่งซื้อของ

 ตัดเงินค่าโรงแรม ค่าตั๋วเครื่องบิน ซึ่งมันตรงกับช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกัน



 อันนี้แยกเป็นของแฟนชุดนึงของ nakoze ชุดนึง

โชคดีว่าไปครั้งนี้ใช้เงินผ่านบัตรเดบิตเป็นส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ใช้เงินสด

รายละเอียดการเงินมันเลยยังหามาโชว์ได้

ด้านล่างก็เขียนอธิบายเหตุการณ์และสถานที่คร่าวๆ



Smiley ตั๋วเครื่องบิน โรงแรม

อันนี้ก็ปริ้นท์พวก confirmation number จากสายการบิน ใบจองโรงแรมต่างๆ

ซึ่งอันนี้สามารถไปหาได้จากอีเมล์เก่าๆ

เพราะเวลามีการจอง สายการบินหรือโรงแรม

รวมถึงบริษัททัวร์ก็มักจะส่งเอกสารยืนยันมาทางเมล์เสมอ


Smiley ใบเสร็จของขวัญ, ส่งพัสดุ

อันนี้ก็จะรวบรวมพวก confirmation เวลาสั่งซื้อของขวัญ

หรือว่าพวกใบเสร็จจากไปรษณี์เวลาที่เราส่งพัสดุไปให้ค่ะ


Smiley Skype chatting history

อันนี้แล้วแต่คนนะคะ

แต่ของ Nakokze ถ่ายหน้าจอที่คุยสไกป์กันล้วปริ้นท์ออกมา

 ให้มีวันที่ชัดเจน รวมๆก็ส่งไปประมาณ 5 ใบ คละเดือน

ตัวนี้จะใช้เป็นภาพระหว่างการสนทนาค่ะ

แต่ไม่ได้ส่งแมสเสจที่คุยหากัน เพราะแมสเสจที่เราคุยนี่คือหาสาระไม่ได้

ส่วนมากจะเป็นคำๆเวลาที่ฟังไม่รู้เรื่องหรือเน็ตไม่ดีจะให้เค้าสะกดให้ว่าเมื่อกี๊พูดไรนะ

หรือไม่ก็ถามคำศัพท์กันเสียมากกว่า

เห็นท่าว่าส่งไปก็ไม่เป็นประโยชน์เลยไม่ส่งเสียเลยเอาแค่รูปพอ

รอบที่ส่งไปให้ USCIS รอบแรกนี้์ Nakoze ทำง่ายๆก็คือปริ้นท์ขนาด 7*5

 แล้วก็แปะใส่ A4 แต่รอบที่ส่ง Packet3 ให้ทางสถานทูตจะทำให้ดีกว่านี้ค่ะ


Smiley Line chatting history

 ปริ้นท์แบบสุ่มหน้าไปราวๆ 10 แผ่น

ส่งเสร็จเพิ่งมาคิดได้ว่าบทสนทนามันไม่ต่อเนื่อง

ต่อไปจะปริ้นท์เป็นวันที่ๆไปเอาที่คนอ่านพอจะรู้เรื่อง จับใจความได้บ้าง 

เดี๋ยวจะรอไปแก้ตัวตอนส่งเอกสารให้สถานทูตอีกที

เรากะจะปริ้นท์ให้หมดเลยค่ะมีประมาณ 800 กว่าหน้า

ใครคิดว่าหลักฐานอื่นๆตัวเองแน่นแล้วก็ไม่ถึงกับต้องปริ้นท์มากมายค่ะ



12. I-129F Cover letter

สำหรับเอกสารตัวสุดท้ายก็คือ Cover letter

ซึ่งเอกสารตัวนี้เองจะเป็นตัวที่ทำให้เจ้าหน้าที่สามารถตรวจสอบเอกสารได้ง่ายขึ้น

กล่าวคือ Cover letter จะมีข้อมูลว่าเอกสารทั้งหมดที่อยู่ในแฟ้มนี้

มีเอกสารอะไรบ้างค่ะ

อันนี้เป็นตัวอย่างของ Nakoze ค่ะ




เมื่อรวบรวมเอกสารแล้วให้ส่งไปที่ Texas Lockbox

ตรงนี้ต้องขออธิบายก่อนนะคะว่าทำไมต้องส่งไปที่นี่

คือทุกคนจะต้องส่งเอกสารไปที่เดียวกันก่อนคือที่ Texas

 และที่นั่นเราจะเรียกมันว่า Texas Lockbox

แล้วเจ้าหน้าที่จาก Texas Lockbox จะเป็นคนคัดแยกเอกสารเราอีกทีว่าเคสของเรา

จะถูกส่งไปทำเนินเรื่องที่ไหน USCIS ที่ศูนย์ไหน

ซึ่ง ณ ปัจจุบันมี 3 แห่งด้วยกันนั่นคือ California , Texas และ Vermount

ด้านล่างนี้เป็นที่ๆต้องจ่าหน้าซองถึงค่ะ



ที่นี่คุณจะเห็นว่าที่อยู่ที่ Nakoze ทำมามี 2 ที่คือด้านซ้ายมือสีน้ำเงินและขวามือที่เป็นสีแดง

2 ที่นี้แตกต่างกันอย่างไร และจะส่งไปที่ไหนดี?

คำตอบคือด้านซ้ายมือสีน้ำเงินนั้นคือ

ที่อยู่สำหรับการส่งจดหมายแบบลงทะเบียนธรรมดา

โดยเป็นการส่งโดยใช้บริการไปษณีย์อเมริกา [USPS]


สำหรับท่านที่ต้องการส่งโดยไปรษณีย์ด่วนพิเศษหรือ Express โดยไปษณีย์อเมริกา [USPS]

หรือส่งโดยใช้บริษัทเอกชนเช่น UPS, FedEx

ก็ต้องจ่าหน้าซองไปที่ทางฝั่งขวามือสีแดงค่ะ

ใครจะส่งแบบไหนก็ตามสบายเลยค่ะ


พอทำเอกสารเสร็จแล้ว

 Nakoze ใส่แฟ้มแยกรายละเอียดเพื่อความสะดวกของเจ้าหน้าที่แบบนี้ค่ะ

ตรงนี้ขออธิบายนิดนึงนะคะ

คือจริงๆแล้วเนี่ยเราไม่จำเป็นต้องส่งเอกสารของเราไปให้คู่หมั้นค่ะ

บางท่านบอกว่าสามารถสแกนไปได้

ส่วนรูปถ่ายก็สามารถขอไฟล์รูปมาจากร้าน ส่งไปให้คู่หมั้นให้ทางโน้นปริ้นท์เอาได้

แต่ Nakoze เป็นคนเตรียมเอกสาร เพราะแฟนยุ่งมากๆแถมไม่ละเอียดเท่าเรา


ก็เลยอาสาเอาเอกสารทั้งหมดมาทำเอง แล้วส่งไปให้แฟนใส่ส่วนที่เหลือที่เป็นของเค้า

ซึ่งข้อดีก็คือลายเซ็นต์ทุกอย่างการกำกับเอกสารมันเป็นของจริง

ผ่านเจ้าหน้าที่แน่นอน [บางเคสใน Visa journey โดนตีกลับค่ะ]




ด้านในนี่จะแบ่งเอกสารไว้เป็นช่องๆเพื่อให้ง่ายต่อเจ้าหน้าที่ค่ะ



ทีนี้ถ้าถามว่าแฟ้มแพงๆนี่จำเป็นไหม

ตอบเลยว่าไม่จำเป็น คุณจะแค่เอาคลิปหนีบเอกสารแล้วส่งไปก็ได้

เพราะยังไงเค้าก็โยนแฟ้มคุณทิ้งอย่ดี

เพียงแต่ตัว Nakoze เองเห็นว่าถ้ามีแฟ้มแล้วมันเรียบร้อยน่าดูกว่าก็ทำค่ะ

เมื่อส่งเอกสารเรียบร้อยแล้ว

ขั้นตอนต่อไปที่ต้องทำก็คือการรอ NOA1 [Notice of Action]

หรือเอกสารแจ้งเตือนว่าทาง USCIS ได้รับเคสของเราแล้ว

ซึ่งขั้นตอนนี้หลายๆคนคงจะชิวมาก

ส่วน nakoze นี่เรียกได้ว่าเป็นขั้นตอนที่ยากเย็นที่สุดเลยล่ะค่ะ

จะเป็นเพราะว่าอะไรนั้น ต้องรอติดตามชมตอนต่อไปค่า

สำหรับตอนนี้ลาไปก่อน

หวังว่าบล็อกนี้จะช่วยให้เพื่อนๆที่ทำ K1 Visa อยู่เตรียมตัวได้ง่ายขึ้นนะคะ

สวัสดีค่า Smiley



คลิกเพื่ออ่านบล็อกถัดไป Chapter 3 : ตบยุงรอ NOA1-NOA2
จำขั้นตอนไม่ได้ไม่เป็นไร คลิกย้อนกลับไปอ่านขั้นตอนการทำ Visa K1 ที่นี่



Create Date : 12 กันยายน 2558
Last Update : 25 เมษายน 2563 3:37:06 น.
Counter : 26568 Pageviews.

11 comments
  
Very good
โดย: Phatcharin IP: 192.99.14.36 วันที่: 21 มกราคม 2559 เวลา:11:01:56 น.
  
ขอบคุณคุณ Nakoze มากๆเลยนะค่ะ ที่นำประสบการณ์มาแชร์และเขียนเรื่องราวขั้นตอนการเตรียมเอกสารได้ดีมากๆ ขอชื่นชมว่าเขียนอธิบายได้ละเอียดมากๆเลยค่ะ อธิบายเป็น step ดีมากๆทุกขั้นตอน อ้ออ่านแล้ว มีกำลังใจในการเตรียมเอกสาร
ขอบคุณที่แบ่งปันนะค่ะ จะเข้ามาอ่าน blog ของคุณ Nakoze เป็นระยะๆนะค่ะ ✌👍❤
โดย: อ้อ IP: 27.55.142.201 วันที่: 27 มีนาคม 2559 เวลา:22:51:33 น.
  
เขียนได้ละเอียด เป็นขั้นตอน เข้าใจง่ายเป็นประโยชน์มากๆ เลย ค่ะ ถ้า ไม่ได้อ่าน เคส ของคุณ Nakoze คง ต้องโดน ส่งเอกสารกลับเรียกเอาเอกสารเพิ่มแน่ๆเลย ขอบคุณมากน่ะค่ะ
โดย: ลัก IP: 49.228.242.194 วันที่: 29 ตุลาคม 2559 เวลา:22:04:31 น.
  
ทีแรกจะจ้างทะนายแต่ตอนนี้อ่านของคุณnakozeแล้วน่าจะทำเองได้ค่ะ.. ขอบคุณ​มากๆคัฟ
โดย: A and ka IP: 171.7.76.144 วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:13:59:52 น.
  
คุณ nakoze ค่ะ อยากสอบถามเพิ่มค่ะ
ขนาดกระดาษ A4 บ้านเรา...สามารถใช้
ยื่นเรื่อง K1 ที่นู่นได้ใช่มั้ยคะ? เห็นคุณแฟน
กังวลแล้วบอกว่าขนาดกระดาษบ้านเค้ากำหนดมา
ไม่เท่าบ้านเรา กลัวยื่นเรื่องไป ขนาดกระดาษ
ในซองไม่เท่ากัน จะมีปัญหาแล้วถูกตีกลับอีก...

รบกวนขอคำปรึกษาด้วยค่า ขอบคุณค่ะ
โดย: Bunny IP: 110.170.109.3 วันที่: 17 เมษายน 2560 เวลา:21:01:26 น.
  
Referring Part 8 Additional Information item 1a1b1c ไม่สามารถพิมพ์ได้คะ ต้องทำอย่างไรคะ ตอนนี้กำลังกรอกเอกสารอยู่คะ รอฟังคำตอบนะคะ ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือคะ🙏🏻
โดย: Mam IP: 182.232.110.26 วันที่: 18 กันยายน 2561 เวลา:19:22:31 น.
  
@คุณ Mam อันไหนกรอกไม่ได้ ปริ้นท์ออกมา ใช้ปากกาดำเขียนตัวบรรจงค่ะ
โดย: ืnakoze (nakoze ) วันที่: 19 กันยายน 2561 เวลา:23:51:28 น.
  
ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ ได้ความรู้มากค่ะ
โดย: นันท์ IP: 1.47.141.99 วันที่: 14 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:29:43 น.
  
ขอบคุณมากๆๆ ค่ะ ได้ความรู้มากค่ะ
โดย: นันท์ IP: 1.47.141.99 วันที่: 14 กรกฎาคม 2562 เวลา:6:37:13 น.
  
ขอบคุณมากคะ สำหรับกรอกข้อมูลI129f บอกรายละเอียดได้ชัดเจนคะ
โดย: ชัญญานุช IP: 223.24.158.41 วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2563 เวลา:15:55:19 น.
  
ขอบคุณมากนะคะสำหรับประสบการณ์ ละเอียดมากค่ะ กำลังทำเรื่องค่ะเตรียมเอกสารอยู่ เป็นประโยชน์มากจริงๆค่าาา
โดย: chanisa IP: 171.101.98.57 วันที่: 8 กันยายน 2564 เวลา:19:17:43 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

nakoze
Location :
  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 60 คน [?]



New Comments