bloggang.com mainmenu search

เขม่นเขมร เขมรเขม่น ศึกเหนือ เสือใต้

ศึกใน ศึกใดหนอ มีแต่สึกหรอ พอๆ กัน

มันอาจไม่ใช่แค่เรื่องของพื้นที่...  (เพราะมี ลับ ลวง พราง)

คำนำสำนักพิมพ์

ปราสาทพระวิหาร หรือนามที่ปรากฏในศิลาจารึกว่า "ศรีสิขเรศวร" ซึ่งหมายถึง ภูเขาแห่งพระอิศวร ศาสนสถานศักดิ์ศิทธิ์ที่มีคุณค่าทั้งในแง่ประวัติศาสตร์และแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม รวมทั้งเป็นชนวนปัญหาสำคัญของข้อพิพาทอันยาวนานระหว่างไทยกับกัมพูชาที่ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่  

ท่ามกลางความขัดแย้งที่ซ่อนเร้นอยู่ระหว่างสองประเทศ รัฐบาลของทั้งสองฝ่ายได้พยายามอย่างยิ่งที่จะประสานความสัมพันธ์เพื่อลบรอยร้าวนั้น ถึงขนาดจัดมหกรรมฟรีคอนเสิร์ตสายสัมพันธ์ไทย-กัมพูชาขึ้นอย่างยิ่งใหญ่

--------------

เหตุใดบรรยากาศแห่งสายสัมพันธ์และมิตรภาพอันดีที่เริ่มจะกระชับแน่น ด้วยรอยยิ้มและเสียงเพลง จึงเปลี่ยนไปเป็นความโกรธแค้นและเสียงปืนอีกครั้ง?

ลับ ลวง พราง "ศึกพระวิหาร" เล่มนี้ จะพาคุณตามติดเหตุการณ์นี้อย่างกระชั้นชิด ตั้งแต่เสียงปืนนัดแรก จนกระทั่งนัดสุดท้าย พร้อมทั้งที่มาที่ไปและเงื่อนงำบางประการอันเป็นสาเหตุสำคัญของศึกครั้งนี้ ด้วยมุมมองของ วาสนา นาน่วม นักข่าวสายทหารผู้มากประสบการณ์ แห่งหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เจ้าของผลงานเขียนระดับ Bestseller ลับ ลวง พราง (ภาคพิศดาร) , ลับ ลวง พราง ฉบับมหากาพย์ "มนต์ดำ-เหลือง-แดง" , อมตะแห่งป๋าเปรม และ คนเหนือคน Super Seal สุดยอดนักรบมนุษย์กบพันธุ์ไทย

หลังเสียงปืนสงบ สงครามยุติถาวรหรือไม่ ไม่อาจรู้ได้ สายสัมพันธ์ระหว่างไทย- กัมพูชา จะเป็นเช่นไรต่อไป หาคำตอบได้ในหนังสือเล่มนี้

โพสต์บุ๊กส์

"ฉันจะเป็น 'แฟนคลับ' วาสนา นาน่วม"  นั่นคือ ความรู้สึกหลังจากได้อ่านหนังสือเล่มนี้  ความจริงแล้วยังมี ลับ ลวง พราง ภาค ๓ กองทัพต่างสี ศึกสายเลือด จปร. มหากาพย์ความขัดแย้งกับรอยร้าวในกองทัพ เหลือง-แดง-น้ำเงิน-เขียว-ม่วง อยู่ในกองดองอีกเล่มหนึ่ง  รอก่อนนะ  รอให้หาภาค ๑ กับ ภาค ๒ มาอ่านให้ได้เสียก่อน

ถามว่า ทำไมถึงอยากจะอ่านเรื่องพวกนี้ เป็นคอการเมืองเหรอ  ขอบอกอยากเต็มปากเต็มคำเลยว่า "เปล่า" ไม่ได้เป็นคอการเมืองเลย ไม่ใช่เหลือง และก็ไม่ใช่แดง แต่เหตุผลที่อยากจะอ่านหนังสือเล่มนี้ เพราะพรุ่งนี้จะมีคำพิพากษา อ่านแล้วมันได้ใจซะจริงๆ ทั้งเนื้อหา ทั้งภาพประกอบ (โดย เจตจรัส ณ ระนอง) ที่บางตอนก็ถึงกับทำให้น้ำตาซึมก็มี  ทำให้นึกอยากอ่าน ลับ ลวง พราง เล่มอื่นๆ ด้วย 

พรุ่งนี้ วันจันทร์ที่ ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๖  จะเป็นอีกหนึ่งวันจารึกลงในประวัติศาตร์ไทย เกี่ยวกับคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ศาลโลก) กรณีพิจารณาตีความคำพิพากษาคดีปราสาทพระวิหาร  ข้อพิพาทอันยาวนานที่ไม่อาจทำให้มันจบ  แต่ถ้าผลคำตัดสินออกมาแล้วฝ่ายไทยของเราต้องพ่ายแพ้ ต่อให้ไทยเราไม่ยอมรับ ส่วนตัวเชื่อว่ามันจะเป็นจุดจบโดยนิตินัยที่ในไม่ช้าจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้โดยพฤตินัยด้วย

...คุณเชื่อไหมว่า ฉันหวาดกลัวว่าวันหนึ่งเราจะเสียเปรียบเขมร แล้วเสียพื้นที่วัดแก้วฯ และพื้นที่อื่นๆ ใน ๔.๖ ตร.กม.ไป เมื่อขึ้นไปพร้อมทหารไทยเมื่อครั้งนั้น ฉันจึงแอบเอาดินข้างศาลากุฏิเจ้าอาวาสที่วัดแก้วฯ กลับมา ๑ กำมือ พร้อมภาวนาในใจว่า ให้ผืนดินนี้กลับคืนมาเป็นของประเทศไทย หรืออย่างน้อยถ้าเราแพ้ ฉันก็มีผืนแผ่นดินไทย อยู่ในมือของฉัน ๑ กำมือ ยังดีกว่าที่จะเสียไปให้เขมรทั้งหมด..

นั่นเป็นข้อความส่วนหนึ่งจากบันทึก ๓ คนไทย บนปราสาทพระวิหาร (ภาคผนวก) อ่านแล้วอดใจหายและน้ำตารื้นไม่ได้ เพราะก็กำลังกลัวสุดใจเหมือนกันว่าผลคำตัดสินที่จะออกมาในวันพรุ่งนี้ ไทยจะไม่ได้ประโยชน์ จะไม่เจ๊า แต่จะเจ๊ง

เพราะพรุ่งนี้จะมีคำพิพากษา  จึงอยู่ในอารมณ์อยากจะทบทวนความเข้าใจเรื่องราวปราสาทพระวิหารอีกสักครั้ง  สิ่งที่คาดหวังจากหนังสือเล่มนี้ คือ เรื่องราวความเป็นมาทั้งหมด ที่จะช่วยให้เข้าใจที่มาที่ไปตั้งแต่อดีตค้นพบปราสาท ผลัดกันได้มา-เสียไป กับกัมพูชา จนเกิดข้อพิพาทค้างคาจากอดีตถึงปัจจุบัน ส่วนเรื่อง  ลับลมคมในที่ลับลวงพราง ถือว่าเป็นของแถม!

หนังสือเรื่องนี้ คือ การรวบรวมเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้น จากข้อมูลข่าวสาร จากเรื่องเล่าข่าวลือ ข่าวสะพัด ข่าวกรอง ข่าวจริงที่ถูกรายงานข่าว และข่าวจริง (หรือเปล่าไม่รู้) ที่ไม่ได้ถูกเสนอเป็นข่าว อีกทั้งยังมีบางข้อมูลลึกที่ไม่เคยได้รับรู้มาก่อน และนั่นก็ทำให้เรารู้ว่า บางทีข่าวจริงที่ถูกรายงาน ถูกแถลงการณ์ต่อสาธารณชน อาจไม่ใช่ "ข้อเท็จจริง" เสมอไป

รายชื่อสารบัญ

๔ กุมภาฯ วันเสียงปืนแตก , สองชั่วโมงแค้น, หยาม "กษิต", ปะทะระลอกสอง, แถวหน้ากล้าตาย, เจรจาหยุดยิง ยกหนึ่ง, สงครามสั่งสอน ตระกูล "ฮุน", ศึกราตรี, ปะทะระลอกสี่ , เขมรยับ, Saving สิบเอก ทายาทหารคนสุดท้าย , จรวดแผง, สลัดซีซาร์, ระเบิดพวง, "ผมผิดเอง", ย้อนรอยก่อสงคราม, ปริศนาจับ ๗ คนไทย, ฮีโร่ที่ถูกลืม, ถอนทหาร จุดเริ่มแห่งปัญหา, ศึกป้าย, Behind the scene ทุบป้ายเขมร, ปลดธงชาติเขมร, ซ้อมรบแผนกษัตริย์ศึก-จักรพงษ์, แม่ทัพ "ฮุนมาเน็ต" โหดหลบใน , เขมรน้อย-พยัคฆ์แก่ และบิ๊กจิ๋ว, ศึกเขาพระวิหาร ๒๕๕๒ , ถล่มผามออีแดง, ศึกชิงภูมะเขือ, เสียงปืนไม่เคยจางจากภูมะเขือ ,หมวกแดง-หมวกเขียว ฉก. ๙๐ เจอ ๙๑๑ , สนธิสัญญาหยุดยิง "ช่องสะงำ" , สัญญาลูกผู้ชาย .. หรือเปล่า, สุภาพบุรุษที่สุดในโลก, ประท้วง ประท้วง ประท้วง, มนต์ดำเขมร, ศึกไสยศาตร์, หลวงพ่อเยิ้ม, เอฟ ๑๖ หึ่ม , ,กฏเหล็กหมวดมาร์ค, ยังเติร์กชายแดน , "อิเหนา"เป็นเอง,  ปลุกกระแสต้าน "อินโดฯ" , การทูตเชิงทหาร Defence Diplomacy และทูตทหาร, Road to Conflict , จูบปาก, บันทึกสีดำที่ภูมิซรอล, วีรบุรุษ ภูมะเขือ, โดนเอาว์ บ้านที่ไม่มีใครอยากมา! , ศูนย์อพยพ และพ่อเมืองสมศักดิ์, ชีวิตทหารที่หน้าแนว, สปายแขมร์, สงครามข่าว, สานต่อเจตนารมณ์บรรพบุรุษ, ปราสาทพระวิหารของไทย, เซฟเฮาส์ขุนศึก, น้ำพระทัยสู่ชายแดน, ผ้าขาวเปื้อนสี

ภาคผนวก

บันทึก ๓ คนไทย บนปราสาทพระวิหาร

กระสุนเขมร ๒ นัด กับจุดยุทศาสตร์ ๔.๖ ตร.กม.

ขบวนการเฟซบุ้ค กู้แผ่นดิน

เส้นสมมติบนผืนแผ่นดิน

เอ็มโอยู ๒๕๔๓ เจ้าปัญหา

ประวัติศาสตร์พระวิหาร ฉบับวิกิพีเดีย

--

และในเมื่อเราปฏิเสธไม่ได้ว่า นี่คือการเขียนจากมุมมองของนักข่าวสายทหารคนหนึ่ง  ดังนั้น เรื่องมุมมองความรู้สึกนึกคิดที่เราได้สัมผัส ก็จำเป็นต้องรับรู้อย่างมีวิจารณญาณ  ตามหลัก กาลามสูตร  (หลักความเชื่อ ๑๐ ประการ) คือ อย่าเพิ่งเชื่อโดยฟังตามกันมา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะข่าวเล่าลือ อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดเดาเอาเอง อย่าเพิ่งเชื่อโดยคิดคาดคะเนอนุมานเอา อย่าเพิ่งเชื่อเพราะเห็นว่าต้องกับความเห็นตน อย่าเพิ่งเชื่อว่าผู้พูดควรเชื่อได้ ฯลฯ  ดังนั้น จึงอย่าเพิ่งเชื่อ คุณวาสนา นาน่วม จึงอ่านเพื่อรับรู้ ไม่ได้อ่านเพื่อตัดสิน

ตามประวัติเล่าว่า คุณวาสนา นาน่วม เป็นนักข่าวสายทหารแท้ๆ ที่ทำงานกับทหารอาชีพ ทหารพันธุ์แท้ ในภารกิจของทหาร ดูแลข่าวทหารและความมั่นคงทั้งหมด ทั้งเรื่องการต่อสู้แย่งชิงอำนาจในศูนย์กลางอำนาจของกองทัพ ตรวจสอบพฤิกรรมผู้นำทหาร การแต่งตั้งโยกย้ายนายทหาร ติดตามทำข่าวภารกิจทหารเพื่อปกป้องรักษาอธิปไตยชายแดน รอบบ้าน การต่อสู้ ปราบปรามสกัดกั้นยาเสพติด การพัฒนา ช่วยเหลือประชาชน  เคยเดินตามหลังทหารพรานที่แบกจรวดอาร์พีจียิงต่อสู้กับโจรเขมร เคยฝ่าดงระเบิดการยิงต่อสู้กันระหว่างทหารไทยพม่าและว้าแดง เคยเดินข้ามเขา ข้ามชายแดนไปพบปะกับชนกลุ่มน้อย เคยเข้าไปในเขตว้าแดงที่ผลิตยาบ้าในพม่าและพูดคยกับผู้นำว้าที่ถูกมองว่าเป็นราชายาบ้า  เคยทำข่าววิจารณ์ขุดคุ้ยพม่าจนมีชื่อติดแบล็กลิสต์ห้ามเข้าประเทศ เคยใส่ชุดเกราะ ลุยทะเลทรายไปกับทหารไทยในภารกิจเพื่อสันติภาพที่ติมอร์ตะวันออก ไม่ว่าจะปัญหาชายแดนไทยพม่า ปัญหาไฟใต้ลุกโชนที่สามจังหวัดภาคใต้ หรือแม้กระทั่งการยึดอำนาจในเมืองหลวง เธอก็อยู่ตรงนั้น เรียกได้ว่าทหารอยู่ที่ไหน ต้องอยู่ที่นั่น ทหารไทยทำอะไร ต้องรู้และตรวจสอบ เจ๋งไหมล่ะ นักข่าวคนนี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเชื่อในมุมมองทั้งหมด

เพราะบางข้อมูลลึก ข่าวคลุกวงใน ข่าวลือ ข่าวสะพัดที่ว่า แม้แต่คุณวาสนาเอง เธอเพียงทำหน้าที่ ชี้ให้คิด ชวนให้สังเกต แต่ก็ไม่ได้ฟันธงว่ามันใช่หรือไม่ เพราะเรื่องบางเรื่องที่ไม่มีหลักฐาน ไม่ได้ยินกับหู ไม่ได้เห็นจะๆ กันกับตา ใครจะไปรู้

ทำให้นึกถึง ข้อคิดดีๆ อย่างหนึ่งจากนวนิยาย ของคุณปิยะพร ศักดิ์เกษม เรื่อง "สะพานแสงคำ"  เพราะมันถูกใจ มันจึงผุดขึ้นมาเตือนใจเมื่ออ่านเรื่องนี้

ถ้าจะเปรียบเทียบให้ชัด  ผมว่าคนยุคเราก็เหมือนกับคนที่ยืนอยู่บนยอดเขาแล้วมองลงไปข้างล่าง เห็นชัดว่าตรงไหนป่าทึบ ตรงไหนเหว แต่คนในยุคนั้นก็เหมือนกับคนที่กำลังเดินอยู่ในความทึบของป่าข้างล่างน่ะ คุณเม เขามองอะไรม่เห็นหรอก นอกจากพื้นที่รอบๆ ตัว"

"ทำให้เขาต้องตัดสินใจไปตามสถานการณ์น่ะหรือคะ"

"ก็ทำนองนั้นแหละครับ ... ผมว่าเขาก็ต้องตัดสินใจว่าจะเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาตามวินาทีที่เขาเดินไปพบอุปสรรค เจอเหว เขาก็ต้องอ้อมเหว เขาไม่มีทางรู้หรอกว่าถ้าอ้อมไปทางซ้ายจะใกล้กว่าอ้อมไปทางขวา เราเอาความรู้ของคนที่ยืนมองย้อนหลังไปตัดสินการกระทำของคนที่อยู่ในเหตุการณ์ไม่ได้หรอก และถ้ามองย้อนกลับไป เราก็ได้รู้แค่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราไม่มีทางได้รู้ซึ้งถึงความรู้สึก เท่าๆ กับไม่มีทางได้รู้สึกถึงแรงผลักดันของสิ่งที่คนสมัยนี้เรียกว่ากระแส"

"คุณก็เชื่อตามเหตุผลของคุณ เขาก็เชื่อตามเหตุผลของเขา ... ผมคิดว่าคนเราก็เลือกคิด เลือกเขียน นอกจากจะตามสติและปัญญาแล้ว ก็ต้องตามจุดยืนของตัวเองด้วย จุดยืนนี่แหละที่จะทำให้เราเลือกฟังด้านใด เลือกเชื่อใคร เลือกหยิบข้อมูลตรงจุดไหน ..."

"และคนเราทุกคนต่างก็มีจุดยืนที่ต่างกัน เราควรเคารพในจุดที่เขาเลือกยืน ไม่ใช่ค่อนขอดเขาในจุดยืนที่แตกต่างจากเรา"

คิดว่ามันใช่เลย กับการรับรู้ คำพูด การกระทำ การตัดสินใจต่างๆ ของผู้มีบทบาทหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาข้อพิพาทฯ ไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองหรือทหาร เราคือคนที่อยู่บนยอดเขา ส่วนพวกเขาคือคนที่เดินอยู่ในความทึบของป่า ไม่ว่าการตัดสินใจหรือแผนการใดในอดีตจะส่งผลกระทบและยืดเยื้อยาวนานมาอย่างไรในปัจจุบัน มันเป็นการกระทำในป่าที่ทำไปแล้ว แต่กรณีนี้หมายถึงเฉพาะทหารหรือนักการเมืองที่มุ่งหวังจะแก้ไขปัญหาและรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริงนะ ไม่เกี่ยวกับอะไรกับพวกเล่นเกมการเมือง คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน หรือผลพวงทางการเมือง

ดังนั้น ถึงเรื่องราว ลับลวงพราง ศึกพระวิหาร จะทำการ "แฉ" ที่เขย่าวงการทหารให้สะเทือนพอสมควร แต่ทหารก็ยังเป็นฮีโร่ในความรู้สึกนึกคิดของเราอยู่นะ  อ่านไปได้ครึ่งเรื่อง มีชื่อหนึ่งผุดขึ้นมาในใจ อยากจะตั้งเป็นชื่อเรื่องเฉพาะตนไว้ "Band of Commanders" เพราะพัวพันกับนายทหารระดับผู้บังคับบัญชาเป็นอย่างมาก ดังนั้น พอจะบอกกับตัวเองได้เลยว่า ถ้าได้อ่าน คนเหนือคน Super Seal สุดยอดนักรบมนุษย์กบพันธุ์ไทย  นั่นอาจจะเป็น  Band of Brothers ฉบับไทยแลนด์ก็ได้นะ แม้ภารกิจ Sea-Air-Land ถ้าเทียบกับสหรัฐฯ แล้วจะเป็น หน่วยซีลของกองทัพเรือ ไม่ใช่หน่วยพลร่มของกองทัพบกเหมือนอย่างเรื่อง Band of Brothers ของ สตีเฟ่น อี แอมโบรส ก็เถอะ

"ทหารจะยืนอยู่ในจุดที่ทหารจะต้องยืน และต้องรักษาอธิปไตยแนวชายแดนให้ได้"

"ขอแค่สั่งมาเท่านั้น ทหารไทยทำให้ได้ทุกอย่าง"

"เราอยากทำอะไรที่มากกว่านี้ ดีกว่านี้ เพื่อศักดิ์ศรีและดินแดนองเรา ทหารทุกคนพร้อมทำอยู่แล้ว ขอให้สั่งมา แต่ "นาย" ไม่กล้าสั่ง ก็ต้องปล่อยให้วางกำลังเผชิญหน้ากันต่อไปอย่างนี้ ไม่รู้นานแค่ไหน แล้วจะปะทะกันอีกเมื่อใดก็ได้ ฝ่ายตั้งรับย่อมเป็นฝ่ายเสียเปรียบ เราต้องรุกไปพร้อมๆ กับการตั้งรับด้วย"

บทอาขยานท่องอักษรไทยสำหรับเด็กอนุบาลหัดเรียนที่ว่า "ทอ ทหารอดทน" นั่นเป็นคคำที่จริงนะ เป็นทหารไทยต้องอดทน อดทน และอดทน อดทนต่อการถูกยั่วยุ ถูกดูหมิ่น และอดทนต่อการถูกยิงด้วย 

จะไทยหรือเขมร เป็นความจริงที่ว่า เราต่างทำหน้าที่ของกันและกัน เราต่อสู้เพื่อดินแดนของเรา เขาต่อสู้เพื่อดินแดนของเขา (ที่มันดันทับซ้อนเป็นดินแดนเดียวกัน) เราเข้าใจว่ามันเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อชาติบ้านเมือง และทหารต้องเชื่อฟังคำสั่งของผู้บังคับบัญชาและผู้บังคับบัญชาต้องกระทำตามกรอบนโยบายของรัฐบาลปกครองประเทศ  แต่การเดินหมากเดินเกมแบบตระบัดสัตย์ ไม่รักษาวาจา ทำมึนลืมสัญญาที่ตกลงกันไว้อยู่หลัดๆ ทั้งหักหลัง แทงข้างหลัง กลับคำ หักหน้า ใส่ร้ายป้ายสี ตกลงกันหยกๆ ว่าหยุดยิงแล้วยิง บอกกันอีกทีว่าหยุดก็ยังยิง  บอกว่าไม่ทำแล้วยังทำ ประท้วงได้ประท้วงไป กูจะทำ ทำสำเร็จด้วย

ความดื้อด้าน นี่แหละ ที่ทำอารมณ์รักชาติพลุ่งพล่าน สงสาร ทอ ทหารไทยอดทน  และเกลียดมัน สัน-ดานเขมร!  (นี่ขนาดพยายามไม่อินแล้วนะ) 

นอกเหนือจากที่มองหนังสือเล่มนี้เป็นเหมือนบันทึกประวัติศาสร์แล้ว สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ มันอ่านสนุก เพราะความ ลับ ลวง พราง นี่แหละ นั่นอาจจะเป็นเหตุผลเดียวกันกับคนที่ชอบอ่านนิยายฆาตกรรม สืบสวนสอบสวน เพียงแต่ลับลวงพราง ไม่มีคำตอบเฉลย  ใครฆาตกรรมดินแดน 4.6 ตร.กม. ของไทย เว้นแต่ถ้าพรุ่งนี้ .. ผลคำตัดสินไม่เป็นไปอย่างที่เราคาดหวัง คาดว่าไม่ใครก็ใครจะทำหน้าที่ยัดเยียดผู้ต้องสงสัยเพื่อลากออกมาเป็นจำเลยสังคม โทษกันไปก็โทษกันมา

เชื่อเถอะ บางครั้งความเข้มข้นของเรื่องจริงก็ยิ่งกว่านิยาย

อ่านหนังสือเล่มนี้เพื่อตั้งสติ เตรียมใจ กับคำพิพากษา

ภาวนาสุดหัวใจ ขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายในสากลโลก

ได้โปรดปกป้องคุ้มครอง อย่าให้ไทยของเราต้องสูญเสีย 

---

สุดท้าย ขอเล่าถึงความเซ่อของตัวเอง ที่เข้าใจผิดเองมาตลอดว่า วาสนา นาน่วม เป็นผู้ชาย ยังนึกค่อนขอดว่า ทำไมตั้งชื่อเป็นผู้หญิงอย่างนั้น สุดแปลก  ก็นักข่าวสายทหารที่ตามติดภารกิจทหาร บางครั้งต้องกินนอนอยู่ในหลุมบังเกอร์เพื่อติดตามทำข่าวการปฏิบัติภารกิจ  รู้เรื่องภูมิศาสตร์ ยุทธวิธี อาวุธสงคราม ใครจะไปคิดว่าเป็นผู้หญิงล่ะคะ ภาพถ่ายเงาดำ ปลายนิ้วชี้ตะวันที่เปิดมาเจอ ยังงงว่าเงาผู้หญิงผมยาวคนนี้เป็นไใคร เอ หรือว่าจะเป็นผู้ชายไว้ผมยาว  อ่านไปจนจบเรื่องก็ยังเข้าใจว่า วาสนา นาน่วม เป็นผู้ชายที่ชื่อเหมือนผู้หญิง (ผู้ชายบางคนที่รู้จักยังชื่อ ลำดวน นพรัตน์ ภานุมาศ ได้นี่นา)  ในสำนวนก็ไม่ได้เป็นการเล่าแบบมีสรรพนามคนเล่าเป็น "ผม" หรือ "ฉัน"  จนกระทั่งมาเจอภาคผนวกที่เป็น บันทึก ๓ คนไทย กับรูปถ่ายนักข่าวสาวผมยาวผู้ผอมบาง และประวัติผู้เขียนที่เธอถูกเรียกว่า "เธอ" นั่นแหละ จึงถึงบางอ้อ  ผู้หญิงนี่!!!! 

นั่นน่ะ ทึ่งที่สุดในสามโลก

Create Date :11 พฤศจิกายน 2556 Last Update :14 พฤษภาคม 2557 23:23:50 น. Counter : 1874 Pageviews. Comments :3