bloggang.com mainmenu search


สำนักพิมพ์ เนชั่นบุ๊คส์
เจฟฟรีย์ กิโตเมอร์ : เขียน
ศันสนีย์ วรรณางกูล : แปล

INTERNATIONAL BESTSELLER


เป็นหนังสือ Bestseller อีกละ แต่ความจริงแล้วเล่มนี้นะ ประเด็นดึงดูดไม่ใช่คำว่า Bestseller
แต่เป็นคำว่า "คัมภีร์"


คัมภีย์สุดยอดทัศนคติ ใช่เลย!



ดูคำชวนเชื่อแล้ว ??

อืม .. ก็สมแล้ว ที่ผู้เขียน เจฟฟรีย์ กิโตเมอร์ เป็นคนเขียนหนังสือ

LITTLE RED BOOK OF SELLING - คัมภีร์สุดยอดการขาย
LITTLE RED BOOK OF SALES ANSWERS - คัมภีร์สุดยอดคำตอบนักขายมือทอง

เพราะเขาเป็นหนึ่งในสุดยอดนักขายที่ประสบความสำเร็จสูงสุดในสหรัฐอเมริก และที่มาแห่งความสำเร็จสูงสุดของเขาไม่ใช่อะไรอื่น ทว่าคือการมีทัศนคติแบบ YES! Attitude นั่นเอง (คำนำสำนักพิมพ์)
ถ้าคุณหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาพลิกดู นั่นแปลว่าคุณเป็นใครคนหนึ่งที่เห็นถึงความสำคัญของพลังแห่งทัศนคติที่มีต่อทุกข์-สุข และความล้มเหลว- ความสำเร็จในทุกมิติของชีวิต (จากผู้แปล)

ไม่ว่าจะปกหน้า ปกหลัง คำนำสำนักพิมพ์ หรือคำนิยมชมชื่นจากผู้แปล นี่คือสุดยอดคำโฆษณาหนังสือ
ที่ชวนเสียตังค์ซื้อหาอย่างที่สุด!

และที่สำคัญ มันเป็นหนังสือที่เต็มไปด้วย "คำคม"

"คุณจะเป็นอย่างที่คุณครุ่นคิดตลอดทั้งวัน" - เอิร์ล ไนติงเกล

คำคมนี้ทำให้นึกถึงหลักการ 90/10 principle ของ Stephen R. Covey
(ผู้เขียนหนังสือ "The 7 Habits of Highly Effective People")

"10% ของชีวิตเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองโดยบังเอิญ
ส่วนอีก 90% นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจากปฏิกิริยาของคุณในการตอบสนองต่อเหตุการณ์"

เป็นความหมายที่สอดคล้องกันนะ เพราะสิ่งที่คุณคิดจะมีผลต่อการตอบสนองเหตุการณ์ และผลของเหตุการณ์นั้น ก็คือรูปแบบชีวิตในวันนั้นของคุณ สุข ทุกข์ อารมณ์ดี อารมณ์เสีย กระทบกันเป็นทอดๆ ต่อเหตุการณ์อื่นๆ ต่อเนื่องไป

เหมือนที่เจฟฟรีย์กล่าวไว้ว่า

มันไม่ใช่ฝน หิมะ เจ้านาย
การแข่งขัน เงิน รถ งาน หรือ ลูกๆ
มันคือคุณ! และมันเป็นอย่างนี้เสมอมา

บางส่วนจากหนังสือ

ความแตกต่างที่ล้ำลึกระหว่างทัศนคติในทางบวก กับทัศนคติแบบใช่เลย!

ทัศนคติทั้งสองแบบนี้ยอดเยี่ยม แต่ทัศนคติแบบ ใช่เลย! นี้มีพลังมากกว่านิดหน่อย
ทั้งนี้ เพราะมันครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณพูดและทำ โดยเริ่มต้นคำว่า "ใช่เลย!"
แม้กระทั่งในตอนที่มัน "ไม่ใช่เลย"

ทัศนคติในทางบวก มีความสำคัญอย่างไร ต่อการประสบความสำเร็จ?
ทัศนคติหมายถึง ทุกสิ่ง และ ทัศนคติเป็นรากฐานสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง

ทัศนคติในทางบวกคืออะไร?

คำจำกัดความง่ายๆ คือ วิธีที่คุณอุทิศตัวเองให้กับวิธีคิดของคุณ ที่น่าสนใจคือ เป็นคำจำกัดความของทัศนคติในทางลบด้วยเช่นกัน

คำจำกัดความที่ซับซ้อนกว่านี้คือ วิธีที่คุณเลือกที่จะอุทิศตัวเองให้กับวิธีที่คุณคิด วิธีที่คุณเลือกที่จะอุทิศตัวเองให้กับการเป็นบุคคลในทางบวก และวิธีที่คุณเลือกที่จะอุทิศตัวเองให้กับการตอบสนองในทางบวก และทางเลือกของคุณจะต้องมั่นคง

ทัศนคติในทางบวกไม่เกี่ยวอะไรกันกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวคุณ
มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับ วิธีการที่คุณสนองตอบกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับคุณ


ส่วนสำคัญที่จะทำให้ทัศนคติของคุณเปลี่ยนจากลบ เป็น บวก และจากบวกเป็นทัศนคติแบบ "ใช่เลย!" คือการตอบสนองด้วยการพูดในสถานะของคนอื่น ไม่ใช่ .. ในสถานะของตัวคุณเอง

(พูดง่ายๆ แบบไทยเราคือการ เอาใจเขามาใส่ใจเรานั่นแหละ)

คนที่หยิ่งยโสและอวดดี พูดว่า "ฉันรู้หรอกน่า" แล้วก็ก้าวต่อไป
คนที่มีความมั่นใจและเป็นบวก ถามตัวเองว่า "ฉันทำเรื่องนั้นได้ดีแค่ไหนนะ" และหาทางพัฒนาให้ดีขึ้น

จิม รอห์น ผู้ยิ่งใหญ่กล่าวไว้ว่า..
(ผู้เขียนหนังสือ 7 Strategies for Wealth and Happiness)

ปรัชญาขับเคลื่อนทัศนคติ
ทัศนคติขับเคลื่อนการกระทำ
การกระทำขับเคลื่อนผลที่เกิดขึ้น
ผลที่เกิดขึ้นขับเคลื่อนรูปแบบชีวิต
..
ถ้าคุณไม่ชื่นชอบรูปแบบชีวิตของคุณ จงมองดูผลที่เกิดขึ้นของคุณ
ถ้าคุณไม่ชอบผลที่เกิดขึ้นของคุณ จงมองดูที่การกระทำของคุณ
ถ้าคุณไม่ชอบการกระทำของคุณ จงมองดูที่ทัศนคติของคุณ
ถ้าคุณไม่ชอบทัศนคติของคุณ จงมองดูที่ปรัชญาของคุณ



ทัศนคติแบบ ใช่เลย! ของคุณ คือ คำอนุญาต..

ให้มองเห็นคุณความดีของสรรพสิ่ง ไม่ใช่ความเลวร้าย
ให้มองเห็นว่าจะทำอย่างไรให้สิ่งที่เลวร้ายดีขึ้นมาได้
ให้มองเห็นโอกาสและทางแก้ปัญหา ในยามที่เผชิญหน้ากับอุปสรรค
ให้มองเห็นสรรพสิ่งว่าด้านไหนถูก ไม่ใช่ด้านไหนผิด
ให้ปฏิบัติต่อผู้อื่นเช่นเดียวกันกับที่คุณต้องการให้ผู้อื่นปฏิบัติต่อคุณ
ให้กำลังใจผู้อื่นในยามที่พวกเขาต้องการกำลังใจ
ไม่ยอมให้อะไรๆ ในทางลบ มีผลกระทบถึงคุณเกินกว่าห้านาที
(แทบจะ) ไม่ยอมให้มี "วันที่เลวร้าย"
ให้มีอะไรดีๆ หรืออะไรขำๆ ที่จะพูดให้มีความสุขตลอดไป
ให้บำรุงรักษาทัศนคติทุกวัน

เมื่อคุณสามารถแทนคำว่า "ให้" ด้วยคำว่า "ฉัน" และเติมคำว่า "ตลอดเวลา"
ในตอนท้ายของประโยค คุณก็จะมีทัศนคติแบบ ใช่เลย !

****

ความเห็น ...


เป็นหนังสือที่ดีมากเรื่องหนึ่ง อันที่จริงหนังสือทุกเล่มที่เกี่ยวกับทัศนคติและการมองโลกในแง่แง่ดี ก็ล้วนแล้วแต่เป็นหนังสือที่ดีเหมาะกับการศึกษาหามาอ่าน คงไม่ต้องไปหาจาก Bestseller หรือหลักการยิ่งใหญ่จากนักเขียนนักขายที่ประสบความสำเร็จใดในโลก เพราะมันหาได้ง่ายๆ จากหลักธรรมคำสั่งสอนในพระพุทธศาสนาเรานี่แหละ หนังสือธรรมะมากมายที่คนไม่ค่อยนิยมอ่าน หาได้ถมถืด

บางคนอาจจะบอกว่า เรื่อง ทัศนคติในทางบวก เรื่อง Positive thinking ใครๆ ก็รู้ อ่านไปก็แค่นั้น
อ่านไปก็ไม่ช่วยอะไร มันช่วยเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้หรอก

เห็นด้วย จริง 1,000 % ค่ะ เพราะหนังสือมันก็เป็นแค่หนังสือ

ในหนังสือเล่มนี้ ผู้เขียน (เจฟฟรีย์) ยังอุตส่าห์แจ้งไว้ให้ทราบ

"คุณไม่มีวันได้ทัศนคติทางบวก โดยอ่านจากหนังสือหรอก!"

ทั้งหมดที่คุณต้องทำ คือ ประยุกต์ความีวินัยในตนเองเล็กน้อย
และปฏิบัติตามหลักการนิดๆ หน่อยๆ

และไม่ว่าหนังสือดีเล่มไหน ก็ควรทำเหมือนเช่น เจฟฟรีย์ กล่าวไว้

จงอ่านในวันนี้
ศึกษาในวันรุ่งขึ้น
ฝึกปฏิบัติเป็นประจำทุกวัน
นึกถึงบ่อยๆ
รักษาไว้ตลอดไป

อ่านน่ะอ่านแน่ ประเด็นคือ เรา - พวกเรา ได้ทำหรือเปล่า

ความจริง ก็ใช่ว่าจะไม่ได้อะไรจากหนังสือหรอกนะ มีบางเรื่องบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรา และเราตอบสนองต่อเหตุการณ์นั้นๆ ไปแล้ว แบบที่ ...ไม่ดีนัก บางทียังนึกเสียใจ และนึกถึงมุมมองแนวคิดที่เราเคยอ่านจากในหนังสือ แต่กลับไม่ได้นึกถึงมันและยับยั้งตัวเองก่อนเหตุการณ์จะเกิดขึ้น

และเป็นที่รู้กันว่า

เมื่อไรก็ตามที่เราเอ่ยคำว่า "ถ้ารู้อย่างนี้" แปลว่า สายไปเสียแล้ว

แต่ถึงแม้เราจะนึกถึง นึกขึ้นได้ในภายหลัง อย่างน้อยนั่นก็แปลว่าเราสำนึกในบทเรียน และได้บอกกับตัวเองว่า จะไม่ปล่อยให้ตัวเองทำเรื่อง (ด้วยอารมณ์นางมารร้าย) แบบนั้นอีก

บางคนอาจจะเห็นว่าการอ่านเรื่องเหล่านี้เพื่อหวังเปลี่ยนแปลงตัวเอง มันเป็นเรื่องงี่เง่า บางคนอาจเจอ
คำพูดแบบว่า พวกคนที่อ่านหนังสือเหล่านี้ ก็ไม่เห็นจะเป็นคนดีได้สักแค่ไหน

ถ้าเป็นคุณ คุณจะตอบสนองต่อเหตุการณ์นี้อย่างไร?

จงอย่าเสียความเชื่อมั่นในประโยชน์ที่คุณเคยคาดหวังจากหนังสือและหยิบมันขึ้นมาอ่าน

ก็แค่ยักไหล่และแสดงอาการ I don't care ตอกหน้าไปเลยว่า

"ก็ขนาดอ่าน (เรียนรู้ และศึกษา) ฉันยังดีได้แค่นี้เลย"

(เออสิ .. ถ้าไม่อ่าน ไม่มีความคิดในแง่บวกต่อเรื่องของทัศนคติในทางบวกในใจบ้าง จะขนาดไหน)

เห็นมั้ยล่ะ ? ว่าแล้วก็ลากมาจบที่ทัศนคติในแง่ลบเข้าจนได้

กลับมาบนทางบวกตรงนี้ค่ะ





เป็นการตั้งชื่อได้เก๋ไก๋บนปกหนังสือสีทองสุดไฉไล
และไม่ได้ตั้งใจมาช่วยขาย แค่อยากเปิดโอกาสให้หนังสือขายตัวมันเอง

Create Date :20 พฤษภาคม 2553 Last Update :7 พฤษภาคม 2557 22:13:55 น. Counter : Pageviews. Comments :2