.
.
วัดนี้เป็นวัดเล็ก ๆ ที่ท่านเจ้าอาวาส คือหลวงพ่อเทพใจดีมีเมตตา ทั้งวัดมีพระอยู่แค่สองรูปเท่านั้นเอง ท่านว่าแถวนี้มีวัดเยอะเกินไป จนชาวบ้านก็แบ่งกระจายกันไปขึ้นตามวัดใหญ่ ๆ กันหมด ท่านเพิ่งมาอยู่วัดนี้ได้ปีเดียว และดูเหมือนจะมีงานโยธาให้ท่านทำไปอีกนาน
.
.
บริเวณวัดนอกจากเสมาเก่าและโบสถ์หลังน้อยแล้ว ก็มีเพียงศาลาการเปรียญไม้ขนาดใหญ่ สภาพค่อนข้างทรุดโทรม สมภารท่านว่ามันเป็นศาลาพิสดารนอกรีต เพราะไปเอาศาลาตั้งไว้ติดกับเตาเผาศพ เขาไม่ทำกัน แล้วท่านก็กรุณาสอนวิธีวางผังวัดว่าวางอย่างไรจึงจะเป็นมงคลตามทิศต่างๆ
วิธีวางผังแบบคร่าว ๆ ที่ท่านสอนก็ง่ายมาก คือเอาพระอุโบสถและพระประธาน เป็นหลัก
หน้าโบสถ์ห้ามตั้งอะไรเด็ดขาด ท่านเรียกว่าทิศปราชิก ถ้ากุฏิสมภารไปอยู่ตรงนั้น มีการสึกแน่นอน
.
.
หลังโบสถ์ก็ห้ามเอาอะไรไปสร้างเด็ดขาด ท่านเรียกทิศอะไรจำไม่ได้แล้ว แต่ท่านว่าทางเหนือเขาเอาเจดีย์ไปตั้งไว้ เรียกว่าเอาพุทธคุณไปค้ำ หรือมิฉะนั้นก็กันไม่ให้ใครอุตริไปสร้างกุฏิอยู่หลังโบสถ์
.
.
ส่วนทิศทั้ง 4 นั้นวางตามแนวทแยง จะสร้างกุฏิเจ้าอาวาสตรงไหนก็ดีทั้งหมด มีทิศลาภ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) ทิศอุตตมะ (ทิศตะวันตกเฉียงใต้) ทิตสมถะ (ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ) ส่วนอีกทิศนึงจำไม่ได้เรียกว่าทิศอะไร
.
ท่านว่ากุฏิสมภารของทางแม่กลองกับทางเมืองเพชรนั้นวางต่างกัน กุฏิของทางแม่กลองนั้น มักจะวางในทิศอุตตมะ ดังนั้นเมืองแม่กลองจึงมีพระเก่งๆทางด้านพุทธคุณหลายรูป เรียกได้ว่าเป็นเมืองที่มีเกจิอาจารย์มากเป็นอันดับต้นๆในประเทศไทยที่เดียว
.
ส่วนทางเมืองเพชรนั้นเขานิยมวางกุฏิทางด้านลาภะ
ส่วนที่ตั้งเมรุของวัดแห่งนี้ ท่านว่าดันไปตั้งอยู่เลยหน้าโบสถ์ขึ้นไป ซึ่งถือกันว่าผิดธรรมเนียมเพราะว่าโบสถ์ควรจะอยู่หน้าสุด เขาเรียกว่าผีมันแรง ดังนั้นโครงการหลักของท่านในการปรับปรุงวัดแห่งนี้ก็คือย้ายเมนออกไปตั้งอยู่ในทิศสมถะ ซึ่งเป็นทิศสำหรับสุสาน ป่าช้าและเมรุโดยเฉพาะ
.
.
ท่านสมภารยังกรุณาสอนอีกว่าการมาเป็นสมภารนั้น ถ้าจะอยู่ให้ยืดไม่ควรดูดวงสะเดาะเคราะห์ แก้กรรม เพราะของพวกนี้จะเข้าตัวคนทำเสียเอง ฉิบหายวายป่วงกันมาเยอะแล้ว
.
.
และมีสิ่งก่อสร้างหลัก ๆ ในวัดที่ไม่ควรจะไปยุ่งกับเขาเลยก็คือ เจดีย์ ต้นไม้ใหญ่ และบ่อน้ำ ของพวกนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่มีเจ้าของเขาหวงห้ามรักษาอยู่ สมภารที่ไปแตะต้องมักจะมีอันเป็นไป ท่านว่าวัดท่านก็มีตะเคียนอยู่ต้นนึง ว่าง ๆ ท่านก็ไปคุยด้วย มีคนมาขอหวยเหมือนกันแต่ว่าไม่ได้ครึกครื้นนัก
.
.
ก็เป็นเรื่องที่น่าสนใจดีสำหรับการวางผังวัดในสมัยรัตนโกสินทร์ว่า วัดบ้านนอกเขาไม่สนใจเรื่องแผนภูมิจักรวาลเท่าไหร่นัก แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับโหราศาสตร์เสียมากกว่า ถ้ามีตำราเล่มไหนเขียนออกมาอย่างชัดเจนน่าจะสนุกในการวิเคราะห์ผังวัดของต่างจังหวัด
.
.
ลืมเล่าเรื่องธรรมาสน์ไปเสียเลย เอาเป็นว่าเป็นธรรมาสน์ฝีมือช่างพื้นบ้านอายุไม่เกินรัชกาลที่ 7 ครับ สลักลายสิงห์บ้าง กวางบ้าง ทรงงามดีพอสมควรครับ
โดย: ประสิทธิ์ IP: 171.5.230.64 10 กรกฎาคม 2566 11:25:49 น.