bloggang.com mainmenu search
{afp}
รุ่งสางของวันอาทิตย์ เสียงพลุที่ดังสนั่นขึ้นในพื้นที่นาของชาวบ้าน

ตามคลิป



กลายเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับหมู่บ้านมีรั้วที่ตั้งอยู่แนบชิดติดกันพื้นที่

ชาวบ้านพื้นถิ่นดั้งเดิมยังคงประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทั้งการปลูกข้าวและเลี้ยงปลา

แต่เมื่อความเจริญเติบโตของสังคมเมืองขยายตัวออกมา

ผืนนาแปรเปลี่ยนเป็นหมู่บ้านมีรั้ว ทำให้วิถีชีวิตแบบเกษตรกรรม

ปะทะเข้าอย่างจังกับวิถีคนเมือง เพราะพวกเขาต้องการกลับบ้านเพื่อพักผ่อน

จากการจราจรอันจอแจของกรุงเทพฯ ชั้นใน

ได้รับ ผลกระทบจากการจุดพลุไล่นกของเกษตรกร

ซึ่งมีพื้นที่ติดกับหมู่บ้านแห่งนี้เพียงแค่แนวรั้วกั้นลูกบ้านที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน

ต้องอดทนกับเสียงพลุที่ดังสนั่น เพราะคนงานที่นาจุดพลุตลอดทั้งวัน

เพื่อไล่นกที่มากินข้าวในนาและกินปลาในบ่อ บางวันเริ่มจุดตั้งแต่ตี 5 ไปจนถึง 6 โมงเย็น

คือเป็นคนชานเมืองต้องอดทน การจุดประทัดไล่นก



ไล่นกจิกกินข้าวในนา ด้วยการจุดประทัดไล่ ถูกต้องแล้วหรอ

ไม่ได้ แอนตี้ กระดูกสันหลังของชาติแต่อย่างใด แต่มันมีอีกหลากหลายวิธีที่ดีกว่านี้มั้ย ?

ถ้ามันไม่รบกวนใครก็ไม่กระไรหรอก แต่ถ้าจะทั้งวันยันค่ำแบบนี้ คือเราต้องทนเพื่อข้าวชิมิ

วันหยุดก็ต้องการพักผ่อน นอนตื่นสายๆ แต่ โป้งป้าง โป้งป้างแต่เช้าวันเสาร์และอาทิตย์ 

ต้องตื่นมานั่งนึกถึงเสียง ปัญหานกในนาข้าว ถือเป็นปัญหาที่เกษตรกรหลายท่านพบเจอ

นอกจากจะสร้างความรำคาญใจแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้กับข้าวในนาของเกษตรกร

ส่งผลให้ผลผลิตลดลง เราไม่ใช่ชาวนา แต่หากว่าโดนผลกระทบเต็มๆ ด้วยเสียงคล้ายปืน

แต่ด้วยความที่เราคุ้นกับเสียงปืนมากกว่าเสียงประทัด เลยแอบตั้งกล้องดู

ปรากฎว่าจริง มันคือเสียงประทัด ซึ่งดังมาก ไล่ทั้งวัน เช้า เย็น ยัน ค่ำ ที่นี่กรุงเทพฯ

ห้อมล้อมไปด้วยหมู่บ้านจัดสรร ซึ่ง วันหยุด เสาร์-อาทิตย์หน้าจะเป็นวันพักผ่อนสบายๆ

แต่คือพอฟ้าเริ่มสาง มาละเสียง โป้งป้าง โป้งป้าง

ไม่โทษชาวนาที่ทำนาขายข้าวให้พวกเราหรอกนะ แต่อยากให้พักบ้าง

อยากจะเดินไปบอกเขาเหลือเกินว่ามันมีอีกหลายวิธีในการไล่นก

แต่: เขาไม่รับแขก บ้านเราเคยทำโดรนตกบนที่ของเขา

เราต้องจ่ายให้เขา 5,000 บาทเพื่อที่จะได้ข้ามไปเก็บโดรนนั่น

ถ้าครั้งนี้ เราไปบอกเขา ไม่แน่ อาจโดนพลุยักษ์โยนใส่หน้า

การจุดประทัดไล่นก เป็นความผิดลหุโทษซึ่งมีโทษปรับเพียงไม่เกิน 100 บาทเท่านั้น

แต่ผลที่จะตามมาก็คือเกิดความหมางใจกับชาวบ้าน

ซึ่งเห็นว่าเป็นเรื่องน่าจะลอมชอมหรือเจรจากันมากกว่า

เพราะการที่เขาทำไปนั้นก็เพราะความจำเป็น หรืออาจจะลองเจรจาพูดคุยกันในเบื้องต้น

 หากลองแล้วไม่เป็นผลอาจจะลองให้คนที่เขานับถือหรือตำรวจ

มาช่วยพูดคุยก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

เป็นคนชานเมืองต้องอดทน
Create Date :31 พฤษภาคม 2563 Last Update :31 พฤษภาคม 2563 20:40:05 น. Counter : 6157 Pageviews. Comments :3