bloggang.com mainmenu search






สวัสดีค่า....บล็อคนี้พาป๋าบัวมาทักทาย
เพราะจะมารีวิวไอเท็มนึงที่บอกเลยว่าทาสแมวควรมีติดบ้านไว้
สิ่งนั่นก็คืออออ....."ครีมลบเลือนรอยแผลเป็น" นั่นเอง
ทาสแมวใดไม่มีรอยสักยันต์จากเจ้านายนั้นถือว่าผิดปกติยิ่งนัก
จะแผลเล็กแผลใหญ่ก็ไม่อยากให้เห็นรอยแผลเป็นทั้งนั้นเนอะ
ดังนั้นไปดูกันดีกว่าว่าเค้ามีวิธีดูแลอย่างไรไม่ให้เป็นรอยแผลเป็น




ครีมลบเลือนรอยแผลเป็นสูตรเข้มข้นจากธรรมชาติ
Made in Natherlands

-------------------------------------------------------------------

ขนาด 10g 450 บาท และ 18g 760 บาท

หาซื้อได้ที่ Home Fresh Mart
ที่ The Emporium, Emquartier, Paragon,
The Mall สาขาบางกะปิ งามวงศ์วาน และบางแค,
ร้านขายยา Apex , ร้านขายยา Ucare
ทุกสาขา
และตามร้านยาชั้นนำทั่วไปค่ะ



คุณสมบัติตามคำเคลม

สการ์ครีมสูตรเข้มข้นที่รวม 5 ประสิทธิภาพในหนึ่งเดียว คือ

1. ช่วยสมานผิว เพิ่มความยืดหยุ่นและลดการเกิดรอยแผลเป็น
2. ลดอาการอักเสบ รอยแดง หรือไหม้เกรียมจากการตากแดด
3. บรรเทาอาการแผลพุพองจากไฟไหม้ น้ำร้อนลวก
4. ใช้บำรุงผิวหลังการทำเลเซอร์ ทรีทเมนต์ หรือการผ่าตัด
5. ลดอาการคันและการอักเสบเนื่องจากผิวแห้งขาดความชุ่มชื่น


ส่วนผสมมีสารสกัดเข้มข้นจากธรรมชาติ ได้แก่
ว่านหางจระเข้จากเกาะอะรูบาแถบทะเลคาริบเบียน
ที่ได้ชื่อว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ว่านหางจระเข้
ที่มีคุณภาพดีที่สุดโดยใช้วิธีสกัดเย็นแบบดั้งเดิม,
โจโจบาออยล์จากต้นโจโจบา, วิตามินอี และวิตามินซี
ที่บำรุงผิวจากภายในด้วยการคืนความชุ่มชื่นให้กับผิว
จึงช่วยให้ผิวนุ่มและรอยแผลเป็นจางลงอย่างเป็นธรรมชาติ

ซึมซาบไว ไม่เป็นคราบ ไม่มีน้ำหอม ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้
ผ่านการรับรองโดยแพทย์ผิวหนังว่ามีความปลอดภัย
สามารถใช้ในผู้ที่มีผิวบอบบางแพ้ง่ายได้



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมหลักที่ใช้เป็นตัวชูโรงคือ

Aloe Barbadensis Leaf Juice = สารสกัดจากว่างหางจระเข้
มีคุณสมบัติในการลดอาการอักเสบ/ระคายเคือง
ช่วยสมานผิว เร่งการแบ่งตัวของเซลล์ผิว ให้ความชุ่มชื้น
เป็นส่วนผสมหลักที่ใส่มาเยอะสุดสามารถคาดหวังผลได้มากสุด

Tocopherol = วิตามินอี
ช่วยบำรุงผิวให้ชุ่มชื้น ทำให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดความหยาบกร้านของผิว
ลดรอยแดง เป็นสารต้านอนุมูลอิสระลดการเกิดริ้วรอยและแผลนูน

Ascorbic Acid = วิตามินซี
เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
เสริมการทำงานของวิตามินอี
ในการลดริ้วรอยและจุดด่างดำจากรังสี UV
ช่วยซ่อมแซมบริเวณผิวที่เป็นแผลโดยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว**

**การที่วิตามินซีจะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้นั้น
ต้องมีความเข้มข้นใน%ที่ค่อนข้างสูง แต่ในส่วนผสมใส่มาในอันดับค่อนไปทางท้ายๆ
จึงน่าจะคาดหวังผลในเรื่องการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระมากกว่า

Simondsia Chinensis (Jojoba) Seed Oil = ออยล์จากต้นโจโจบา
มีโครงสร้างใกล้เคียงน้ำมันผิวตามธรรมชาติจึงให้ความชุ่มชื่นได้ดีไม่อุดตัน
มีวิตามินอีสูงจึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดี
ช่วยปกป้องผิวจากความร้อน แสงแดด และบรรเทาอาการแสบไหม้จากแดด

ส่วนผสมอื่นๆก็เป็นพวกสารเคลือบผิวและสารให้ความชุ่มชื้น
ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม และแอลกอฮอล์
(Cetearyl Alcohol และ Stearyl Alcohol
ไม่ใช่แอลกอฮอล์นะฮะจัดเป็นกรดไขมันให้ความชุ่มชื้น)

สารกันเสียที่ใช้คือ Methylparaben, Propylparaben,
Sodium Benzoate, Potassium Sorbate
<<htmlentities('< ')สารกันเสียที่ใช้ในอาหาร



ลักษณะบรรจุภัณฑ์

เป็นหลอดพลาสติกสีขาวทึบแสง
ขนาดที่เค้าถือคือไซส์เล็กขนาด 10g



ลักษณะเนื้อและกลิ่น

เนื้อครีมสีขาวข้น แต่เกลี่ยให้ซึมผิวได้ง่าย
หลังซึมผิวไม่ทิ้งความเหนอะหนะ  ไม่ขึ้นเงา ไม่มีความมัน
ให้ความรู้สึกสบายผิว ชุ่มชื้น และนุ่มขึ้นทันทีหลังทา

สามารถใช้ทารอยแผลเป็นหรือรอยสิวบนใบหน้าได้
โดยที่ไม่ไปจับตัวกับกันแดดหรือเมคอัพแล้วขึ้นเป็นขุยหรือเป็นคราบ
ไม่มีกลิ่นใดๆเพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม



วิธีใช้

ทาครีมบางๆลงบนรอยแผลเป็น หรือบริเวณผิวหนังที่ต้องการความชุ่มชื้น
โดยแบรนด์แนะนำให้ทา 3-4 ครั้งต่อวัน
คือไม่ต้องทาหนาแต่เน้นทาถี่ๆ
และควรใช้ต่อเนื่องสม่ำเสมอ
แต่ไม่ควรทาลงบนแผลเปิดหรือแผลที่ยังไม่แห้งสนิทดี



และนี่คือตัวการที่ทำให้เกิดรอยแผลที่ใช้ในการรีวิวครั้งนี้
ป๋าบัวไม่ชอบให้อุ้ม วันนั้นจับอุ้มแป๊บเดียวป๋าก็ดีดตัวเพื่อถีบตัวออกจากอ้อมแขน
จังหวะนั้นกรงเล็บขาหน้าจิกลงมาที่หน้าอกเลยจร้า
ข่วนฟืดดดดดด.....ได้แผลอย่างที่เห็นในภาพด้านล่าง
Smiley



ผลการทดลองใช้
Natcare ต่อเนื่อง
เป็นระยะเวลา 30 วัน


ลักษณะแผลตอนแรกเป็นรอยข่วนทางยาวที่มีอาการอักเสบและแดง
มีจุดที่เข้าเนื้อลึกกว่าจุดอื่นอยุ่ด้านขวา ซึ่งเป็นจุดที่เค้ากังวลว่าจะเป็นแผลเป็น

หลังโดนข่วนก็ใส่ยารักษาแผลสดกันการติดเชื้ออยู่ 1-2 วัน จนแผลเริ่มแห้งเป็นสะเก็ด
พอสะเก็ดเริ่มหลุดออกสภาพแผลดูแห้งดีเค้าก็เริ่มทา
Natcare
โดยทาวันละ 2 ครั้งหลังอาบน้ำ ถ้ากลางวันนึกได้ก็หยิบมาแต้ม
แต่ส่วนใหญ่จะลืมและขี้เกียจ แหะๆ

หลังใช้ไปประมาณ 20 วันสิ่งที่เห็นได้ชัดคือรอยแดงลดลงมาก
และแผลไม่นูนขึ้น ลองลูบแบบไม่ส่องกระจกคือคลำหาแผลไม่เจอ
แต่ในภาพเค้าถ่ายซูมมากด้วยความที่ผิวจุดที่เป็นรอยมันยังไม่เสมอกับผิวปกติ
เลยอาจจะดูเหมือนนูนแต่ของจริงไม่นูนเน่อ

เมื่อครบ 30 วันสภาพรอยโดยรวมโอเคมาก สีเริ่มใกล้เคียงผิวปกติ
รอยยังไม่หายไปทั้งหมด แต่ก็จัดว่าจางไวใช้ได้เลย

ที่เหลือก็ต้องทาบำรุงแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆอ่านะ รอยแบบนี้ต้องใช้เวลา

 ที่เค้าคือในเรื่องการให้ความชุ่มชื่น
เพราะหลังสะเก็ดหลุดปกติมันจะมีอาการคันๆตึงๆผิว
แต่ทา
Natcare แล้วไม่รู้สึกเลย ถือว่าให้ความชุ่มชื้นได้ดี



ภาพแอบสยองนิดนึงมาโครหลุมสิวชัดเกิ๊น
อันนี้เค้าลองเทสทากับรอยสิวบนหน้าด้วย
ภาพแถวบนคือตอนแรกสิวมันปะทุแล้วแห้งไปแล้วรอบนึง
เค้าก็ทา
Natcare มาเรื่อยๆ ก็สงสัยว่าทำไมมันไม่ยุบลงเสียที
แถมตรงกลางยังดูขึ้นเป็นไตแข็งๆด้วย

สรุปคือหัวสิวยังออกไม่หมดจร้าาาา....ต้องเปิดหัวใหม่แล้วดึงไส้ออกมา
แหม่ก้อนไขมันคาอยู่ข้างในเม็ดบะเริ่ม แบบนี้ทาให้ตายก็ไม่ยุบ

แต่พอเคลียร์สิ่งที่อุดตันอยู่ได้หมด
แต้ม
Natcare ต่อเนื่องไม่ถึงสองอาทิตย์ดี
รอยแดงและความนูนก็ยุบไวเฟร่อ
คือถ้าไม่ถ่ายซูมโครตจะมาโครก็หารอยแทบไม่เจอแล้วฮะ

ก็ถือว่ามาแชร์เป็นประสบการณ์ให้ไว้เนาะว่าถ้าจะแต้มรอยสิว
ต้องมั่นใจก่อนว่าเคลียร์หัวสิวหรือสิ่งที่อุดตันออกเกลี้ยงหมดแล้ว แหะๆ



เทียบสภาพแผลตอนแรกกับหลังใช้ 30 วันให้เห็นชัดๆ
จางลงแบบสัมผัสได้ รอยที่เหลือขอให้หายหมดโดยไวด้วยเถิดเพี้ยงงง!

***ความไวในการฟื้นตัวของแผลขึ้นอยู่กับ
สภาพผิวและการดูแลของแต่ละคนนะฮะ




สรุปความรู้สึกโดยรวมหลังทดลองใช้


จากส่วนผสมจัดว่าเป็นสกินแคร์ไม่ใช่ยา
ใช้ทาต่อเนื่องได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียง
เน้นหลักๆในเรื่องให้ความชุ่มชื่นด้วยส่วนผสมของว่านหางจระเข้
ซึ่งมีข้อดีคือได้คุณสมบัติในเรื่องของการลดการอักเสบไปด้วย
จึงเหมาะสำหรับการใช้ในหลายๆกรณีที่มากกว่าแค่ทาแผลเป็น
จากการลองใช้เองก็พบว่าช่วยให้รอยจางไวใช้ได้โดยเฉพาะรอยแดงจากการอักเสบ

โดยรวมก็ถือว่าเป็นครีมสารพัดประโยชน์ที่ใช้ทาได้หมดละกัน
จะรอยแผล ผิวแห้ง ผิวไหม้แดด แผลพุพอง หรือผิวหลังทำเลเซอร์
ซึ่งส่วนตัวเค้าว่าเนื้อครีมแบบนี้ให้ความชุ่มชื้นได้ดีกว่า
และยาวนานกว่าสารสกัดว่านหางจระเข้แบบที่เป็นเนื้อเจล
อย่างเค้าผิวแห้งสามารถใช้สการ์แคร์ตัวนี้ทาทั่วผิวหน้าแทนมอยส์เจอร์ได้เลย
ชุ่มชื่นดีมาก สบายผิวไม่เหนอะด้วย....แต่เปลือง555

ฝากทิ้งท้ายไวให้ว่าถ้าไม่อยากเป็นรอยแผลเป็นหรือรอยสิว
สิ่งสำคัญสุดคือการดูแลแผลตั้งแต่เนิ่นๆด้วยการรักษาความสะอาดแผลให้ดี
ระวังพยายามอย่าให้แผลโดนน้ำหรือโดนสิ่งสกปรกเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ยิ่งแผลหายได้ไวเท่าไหร่ก็จะยิ่งลดความเสี่ยงในการเกิดแผลเป็นเท่านั้น
และเมื่อแผลแห้งสนิทการใช้ครีมทาลดรอยแผลเป็นก็จะช่วยเพิ่มความชุ่มชื่นให้ผิวหนัง
ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่นดีไม่แห้งตึง ผิวจะฟื้นตัวได้ไวขึ้นจ้า

------------------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by
Natcare
***All opinions are my own
Information :
www.facebook.com/NatcareThailand

Create Date :09 ธันวาคม 2559 Last Update :31 ธันวาคม 2559 11:49:11 น. Counter : 13173 Pageviews. Comments :3