bloggang.com mainmenu search





....ใต้ความฮอตฮิตของ LANCOME Advance Genifique
จนเค้าพัฒนาเพิ่มออกมาอีกสูตร คือ
Advance Genifique Sensitive
ได้ยินเสียงร่ำลือมานานว่านางเริ่ดมาก
ซึ่งตอนนี้เค้ามีวิธีใช้แบบแพ็คคู่ที่ท้าแบบเคลมแรงมาเลยว่า

เมื่อใช้ร่วมกันจะช่วยต่อโปรให้ผิวเราดูอ่อนเยาว์ขึ้นใน 3 วัน!!!

สาเหตุที่ใช้คำว่า ต่อโปร คือ เค้าเทียบให้ง่ายๆว่า
ตอนเรายังวัยสะรุ่นต่อให้ใช้ชีวิตเหนื่อยเหน็ดเพียงไหน
ไม่ว่าจะนอนดึก ทำงานหนัก พักผ่อนน้อย ทานอาหารไม่เลือก
ผิวก็ยังไม่ดูโทรมเท่าที่ควรจะเป็น เพราะมันเป็นช่วยผิวยังอยู่ในโปรโมชั่นไง
อายุน้อยๆกระบวนการฟื้นฟูตัวเองของผิวก็ยังทำงานได้เต็มที่

แต่พออายุเพิ่มเท่านั้นแหละ....อื้อหื้มมมหมดโปรแล้วจ้า
นอนน้อยแค่คืนเดียวหน้าหมองเป็นของเข้า
ผิวก็ดูแห้งกร้าน ไม่เปล่งปลั่งอิ่มฟู
และสิ่งที่ตามมาแน่นอน.....ริ้วรอยนั่นเอง เหอๆ
นี่แหละความน่ากลัวของผิวหมดโปร
ซึ่งแต่ละคนก็มีช่วยโปรต่างกัน บางคนก็หมดไว๊ไวเนาะ

ดังนั้นเมื่อผิวฟื้นฟูตัวเองได้ช้าลงเราจึงต้องมีตัวช่วย
ไปค่ะไปท้าพิสูจน์กันว่า LANCOME Advance Genifique
และ
LANCOME Advance Genifique Sensitive
จะต่อโปรให้ผิวใน 3 วันได้จริงไหม?



LANCOME
Advance Genifique


------------------------------------------------------------------

LANCOME Advance Genifique
เป็นสกินแคร์ในกลุ่มที่เน้นเรื่องการดูแลโครงสร้างผิว
และเสริมปราการผิวให้แข็งแรง เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์
ดังนั้นจึงเหมาะกับทุกวัย ยี่สิบต้นๆก็สามารถใช้ได้
เพื่อเป็นการรักษาความแข็งแรงของโครงสร้างผิวไว้
ก่อนที่จะเกิดปัญหาเมื่อผิวมีอายุที่มากขึ้น

ในไลน์นี้จะมีผลิตภัณฑ์หลายชิ้นแต่ตัวเด่นที่เป็นนางเอก
ก็ต้องยกให้เซรั่ม 2 ขวดนี้ ที่มีส่วนผสมของสารออกฤทธิ์มากที่สุด
นั่นก็คือ
สารสกัดจาก Probiotics Fractions ที่เป็นเอกสิทธิ์จากลังโคม
(จะดีต่อผิวอย่างไรเดี๋ยวเล่าให้ฟังด้านล่างนะจ๊ะ)

ความต่างของทั้งสองสูตรคือ

LANCOME Advance Genifique
จะเน้นเรื่องการดูแลโครงสร้างผิวให้แข็งแรง
เพื่อให้ผิวดูอิ่มฟู กระชับ เปล่งปลั่ง และยังช่วยเรื่องความกระจ่างใสอีกด้วย

ส่วน
LANCOME Advance Genifique Sensitive
จะเน้นหนักเรื่องการช่วยปลอบประโลมผิวที่อยู่ในภาวะอ่อนแอ
ไม่ได้หมายความกว่าสำหรับคนผิวแพ้ง่ายเท่านั้นนะฮะ
แต่เราทุกคนมีช่วยที่ผิวล้า ดูโทรม ผิวลอก ขึ้นผดผื่น อะไรแบบนี้
นั่นหล่ะคือช่วงที่ผิวอ่อนแอกว่าปกติ
ซึ่งเซรั่มสูตรนี้ก็จะช่วยให้ผิวกลับมาแข็งแรงได้ไวขึ้นนั่นเอง



รายละเอียดราคา

LANCOME Advance Genifique
Youth Activating Concentrate

30ml ราคา 4,100 บาท

50ml ราคา 4,900 บาท

LANCOME Advance Genifique Sensitive
Dual Concentrate

20ml ราคา 3,500 บาท



สำหรับ
LANCOME Advance Genifique Sensitive
มีความพิเศษในวิธีการใช้อยู่คือเป็นเซรั่มแบบผสมสด
ซึ่งหลังการผสมแล้วควรใช้ให้หมดภายใน 2 เดือน
เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดคุ้มค่าเงินที่จ่ายไป
นี่คือสาเหตุว่าทำไมเค้าถึงทำออกมาเป็นไซส์เล็กขนาด 20ml ขนาดเดียว

เมื่อเปิดใช้ครั้งแรกฝาที่ใส่มาจะมีแกนหลอดด้านในสีฟ้า
ที่บรรจุส่วนผสม Blue Concentrate เอาไว้
ส่วนในขวดจะเป็น Base Concentrat ลักษณะเป็นเซรั่มใส

วิธีผสมคือบิดฝาเกลียวลงไปจนสุด หลอดด้านในจะถูกเจาะให้เปิดออก
น้ำสีฟ้าก็จะไหลลงมาในขวด...สวยมากกกอ้ะ แล้วก็ทำการเขย่าให้เข้ากัน
เซรั่มจะเปลี่ยนเป็นสีฟ้าอ่อนๆ เสร็จแล้วก็ทำการเปลี่ยนเป็นฝาดรอปเปอร์สีเงิน
ชอบการผสมแบบนี้ง่ายดี และเป็นการผสมที่สารบำรุงไม่ต้องสัมผัสอากาศก่อนผสมกันเลย



รายละเอียดส่วนผสม

ส่วนผสมที่เป็นจุดขายของไลน์นี้คือ

สารสกัดจาก Probiotics Fractions ที่เป็นเอกสิทธิ์จากลังโคม
คำนี้ฟังดูคุ้นๆเนอะ เรามักได้ยินคำนี้กับอาหารประเภทหนึ่งนั่นก็คือ "โยเกิร์ต"
เพราะ Probiotics เป็นจุลินทรีย์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในกระบวนการหมักบ่ม
ที่มีคุณสมบัติช่วยในการย่อยอาหาร ปรับสมดุลให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ
รวมถึงเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย
จนกลายมาเป็นอาหารเสริมในกลุ่มนี้มากมาย

ซึ่งจากการวิจัยของลังโคมพบว่า
นอกจาก
Probiotics จะเป็นประโยชน์แก่ร่างกายแล้ว
ยังช่วยฟื้นฟูโครงสร้างผิว เสริมปราการผิวให้แข็งแรง
ให้ผิวอิ่มฟูชุ่มชื่น มีความกระชับและเรียบเนียนมากขึ้น

-----------------------------------------------------------------------------------

ในเซรั่มทั้ง 2 อย่างก็ใส่ส่วนผสมที่เป็น
Probiotics Fractions มาเหมือนกัน
คือ Bifida Ferment Lysate สารที่ได้จากการหมักบ่มแบคทีเรีย

ที่ชื่อว่า Bifidobacterium ซึ่งมีความสามารถในการฟื้นฟูและกระตุ้นให้เกิด
กระบวนการซ่อมแซมของเซลล์ผิวในระดับ DNA กันเลยทีเดียว
โดยใส่มาในลำดับที่สองของส่วนผสมทั้งคู่ ปริมาณเยอะถึงใจกันไปเลย
รักในจุดนี้ว่าใส่ส่วนผสมที่เป็นจุดขายมาเยอะจริงในระดับที่น่าคาดหวังผล

และ
Probiotics Fractions อีกหนึ่งชนิดที่ใส่มา
คือ Yeast Extract ที่สกัดได้จากยีสต์สายพันธ
ุ์ Saccharomyces Cerevisiae
ช่วยกระตุ้นการสร้างสารในกลุ่ม Glycosaminoglycans (GAGs)
ซึ่งเป็นสารเคลือบเซลล์ ที่ช่วยดูดซับน้ำให้เซลล์ผิวชุ่มชื่นยืดหยุ่น
ซึ่งสารนี้จะผลิตลดลงเมื่อเรามีอายุเพิ่มขึ้น

แต่ในสูตร
Sensitive จะมีพิเศษเพิ่มมาอีกหนึ่งตัว
คือ Lactobacillus Ferment อันนี้คุ้นชื่อแน่นอนแบบเดียวกับในยาคูลท์ อิอิ
ช่วยเร่งการฟื้นฟูปราการผิว ผิวจึงแข็งแรงขึ้นลดปัญหาผิวระคายเคืองง่าย

-----------------------------------------------------------------------------------

ส่วนผสมที่แตกต่างกันคือใน
LANCOME Advance Genifique
จะมี
Hydroxyethylpiperazine Ethane Sulfonic Acid (HEPES)
ที่ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น

มีอนุพันธ์วิตามินซี Ascorbyl Glucoside (AA2G) ที่มีความเสถียรสูง
มีคุณสมบัติในการเป็นไวท์เทนนิ่ง ปรับสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำ
รวมถึงเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนด้วย

และมี Salicyloyl Phytosphingosine ที่ช่วยเรื่องลดเลือนริ้วรอย
กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ให้ผิวแน่นขึ้น รูขุมขนกระชับ ฟื้นฟูผิวที่ถูกทำร้ายจาก UV

***มีส่วนผสมของ Alcohol Denat และ Fragrance ซึ่งกลิ่นค่อนข้างชัดนิดนึง
ผิวแห้งแบบเค้าใช้แล้วโอเค แอลกอฮอล์ที่ใส่มาไม่มีผลเรื่องทำให้ผิวแห้งลง
เพราะใส่มาน้อยกว่าส่วนผสมที่ให้ความชุ่มชืน แต่ใครผิวแพ้ง่ายเทสต์ก่อนก็ดีเนอะ


-----------------------------------------------------------------------------------

ส่วนผสมที่แตกต่างของ
LANCOME Advance Genifique Sensitive
ดูจากใน Blue Concentrate อย่างแรกเลยคือ Tocopherol หรือวิตามินอี
ใส่มาลำดับที่สองเลย ก็ช่วยเรื่องให้ความชุ่มชื่นผิวและต้านอนุมูลอิสระ

ตามมาด้วย Ferulic Acid เป็นสารที่พบได้ในธัญพืชหลายชนิด
ถือเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชั้นยอด ที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระให้กับผิว
และต้านอนุมูลอิสระให้วิตามินอื่นๆที่อยู่ในส่วนผสม
ช่วยป้องกันกระบวนการทำลายผิวที่เกิดจากรังสี UVB
แต่ข้อเสียของสารตัวนี้คือมีความเสถียรต่ำ
จึงเป็นเหตุให้เมื่อผสมเซรั่มตัวนี้แล้วควรใช้ให้หมดภายใน 2 เดือน

นอกจากนี้ก็ยังมีสารสกัดจากพืชอีกมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็น


Centaurea Cyanus Flower Water

สารสกัดจากดอกคอร์นฟลาวเวอร์ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนชุ่มชื่น ลดการอักเสบของผิว

Pineapple Fruit Extract , Papain

สารสกัดจากสับปะรด และเอนไซม์ที่พบได้มากในยางมะละกอ ช่วยเสริมการผลัดเซลล์ผิว

Madecassoside
สารสกัดที่ได้จากใบบัวบก ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ลดการสร้างเม็ดสีเมลานิน


Leontopodium Alpinum Extract
สารสกัดจากดอก Edelweiss
ต้านอนุมูลอิสระ ปกป้องผิวจากมลภาวะ

Argenine
ลดเลือนริ้วรอย สมานแพล ให้พลังงาน ATP กับเซลล์ผิว

Caffeine

ต้านอนุมูลอิสระ ลดเลือนริ้วรอย กระตุ้นการหมุนเวียน


***ไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ แต่มีน้ำหอม(Fragrance)กลิ่นแค่จางๆ
ใครผิวแพ้ง่ายมากๆจะเทสต์ก่อนก็ได้จ้า แต่ส่วนผสมที่หลักๆเค้าก็เน้นอ่อนโยนหล่ะ



ลักษณะเนื้อและกลิ่น


ถ้าเทียบกันเนื้อของ
Advance Genifique
จะให้ความรู้สึกหลังทาแห้งเบาสบายผิวมากกว่าสูตร
Sensitive นิดนึง
แต่เอาจริงๆก็ถือว่าเนื้อเหลว ให้ความรู้สึกเบา และซึมไวทั้งคู่นะ
ต่างแค่ความรู้สึกหลังทาแค่เล็กน้อยมากจริงๆ

ด้วยลักษณะของสัมผัสหลังทา เมื่อใช้คู่กันเค้าจึงแนะนำให้ใช้
Advance Genifique ตอนกลางวัน และใช้สูตร Sensitive ตอนก่อนนอน

มีน้ำหอมทั้งคู่กลิ่นคล้ายๆกันแต่
Advance Genifique
จะกลิ่นชัดกว่าเล็กน้อย มีกลิ่นแอลกอฮอล์ผสมอยู่
ส่วน
Sensitive กลิ่นน้ำหอมแค่เบาๆ คาดว่าใส่มาเพื่อกลบกลิ่นส่วนผสมอื่น
เพราะดมๆดูแล้วมันมีความเป็นกลิ่นตุๆเปรี้ยวๆมากกว่ากลิ่นน้ำหอมอีก แหะๆ




สำหรับตอนเช้าหลังล้างหน้าและปรับสภาพผิวด้วยเอสเซนส์หรือโทนเนอร์แล้ว
ก็ใช้
LANCOME Advance Genifique
ลงในขั้นตอนเซรั่ม
ปริมาณที่ใช้ก็แล้วแต่สภาพผิว ส่วนตัวเค้าผิวแห้งรู้สึกตัวนี้ซึมไวเลยชอบลงเยอะหน่อย
จากนั้นก็ทามอยส์เจอร์และกันแดดตาม



สำหรับตอนก่อนนอนก็ใช้เป็น
LANCOME Advance Genifique Sensitive แทนในขั้นตอนเซรั่ม



ทีนี้ก็มารอวัดผลกันค่ะ เค้าท้าให้ลองต่อเนื่อง 3 วัน
ซึ่งได้จังหวะช่วงชีวิตที่ยุ่งเหยิงมาก นอนเช้าติดกันทุกวันเลย เหอๆ



ท๊าาาาดาาา....นี่ก็คือผลลัพธ์การใช้ต่อเนื่อง 3 วันของเค้า
เอาในเรื่องความรู้สึกที่สัมผัสได้เองก่อนนะ
ชัดสุดเลยคือรู้สึกว่าผิวมันแน่น มันอิ่มฟู จับแล้วแบบเฮ้ยมันรู้สึกได้

และเมื่อเทียบความต่างด้วยผลลัพธ์จากภาพถ่ายแบบโนฟิลเตอร์
นี่ใช้เลนส์มาโครถ่ายแบบซูมรูขุมขนให้เลยนะ
หลังใช้สามวันแอบเห็นผลอยู่นะเรื่องรูขุมขนว่ามันแลดูเล็กลงนิดนึง
คาดว่าเพราะผิวมันชุ่มชื่นดีไม่ได้แห้งขาดน้ำแหละ
พอผิวอิ่มฟูเซลล์ผิวเบียดตัวแน่นรูขุมขนเลยดูไม่กว้างใหญ่

แต่ในเรื่องความกระจ่างใสหรือพวกรอยสิวอะไรแบบนี้ไม่ต่างนะ
มันต้องใช้เวลามากกว่านี้หล่ะถึงจะเทียบได้ว่าเห็นผลไหม



เอาจริงตอนแรกที่เค้าท้ามาบอกให้ลอง 3 วัน
นี่ก็คิดนะว่ามันจะเห็นผลอะไรในเวลาแค่นี้
ยิ่งเค้าเป็นคนที่ดูแลตัวเองทาสกินแคร์ตลอด
แต่พอได้ลองก็ต้องยอมรับว่ามันสัมผัสได้อยู่
แม้ไม่ได้ถึงขั้นผิวเปลี่ยนแต่เทียบการใช้ชีวิตในช่วงที่ลอง
ก็แสดงให้เห็นว่าช่วยให้ผิวดูไม่โทรมเท่าที่ควรจะเป็น

แต่การดูแลผิวมันก็ควรเป็นการป้องกันไม่ใช่มารอแก้ปัญหา
ดังนั้นรู้ว่าใช้ชีวิตหนักหน่วงและอายุเริ่มเพิ่มขึ้น
ก็ควรใส่ใจเรื่องการฟื้นฟูผิวก่อนที่ผิวจะแก่กว่าวัยเพราะหมดโปรนะจ๊ะ

สุดท้ายฝากไว้ว่าผิวแต่ละคนต่างกัน
ผลของการทดลองก็เกิดจากผิวเค้าจะเอามาเทียบกันมิได้
ยิ่งเรื่องอาการแพ้และอุดตันยิ่งไม่มีใครตอบได้ถ้าไม่ได้ลองด้วยตัวเองจ้า

หวังว่าข้อมูลในบล็อคนี้จะเป็นประโยชน์กัน
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้านะค้า

Smiley XOXO Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

Disclaimer : Sponsored Content by LANCÔME Thailand
***All opinions are my own
Information : https://www.facebook.com/LancomeThailand/
Create Date :14 กุมภาพันธ์ 2561 Last Update :16 กุมภาพันธ์ 2561 22:25:37 น. Counter : 5562 Pageviews. Comments :1