Hostel Wasabi Osaka Bed with Library

ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นโฮสเทลคือลักษณะเป็นเหมือนตู้นอน ใช้ห้องน้ำส่วนกลางร่วมกันห้องน้ำอยู่ชั้นเดียวกับที่นอน โดยจะแยกเป็นห้องอาบน้ำและห้องสุขา ห้องน้ำถือว่าสะอาดดีมีโซนโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับแต่งหน้า มีไดร์เป่าผม และโลชั่นให้ใช้ฟรีส่วนของที่นอนสามารถเลือกได้ว่าจะเป็นห้องรวม ห้องผู้ชาย หรือห้องผู้หญิงข้อเสียของการพักแบบโฮสเทลอาจจะลำบากเล็กน้อยเรื่องการเก็บสัมภาระแต่ไม่ต้องกังวลค่ะ ใครที่มีของมีค่าที่กลัวหายที่นี่มีตู้ล็อคเกอร์ให้เช่าจุดเด่นของที่นี่คือจะมีชั้นหนังสือเยอะมาก หยิบอ่านฟรีหนังสือส่วนใหญ่เป็นพวกการ์ตูน แต่ว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดเราเลยไม่ได้อ่านอยู่ดี ส่วนข้อด้อยของที่นี่คือไม่มีลิฟต์กับไม่มีผ้าเช็ดตัวให้ใช้ฟรีนะคะ(แต่มีให้เช่า) ใครที่คิดจะพักที่นี่ถ้ากระเป๋าเดินทางใบใหญ่แล้วได้พักชั้น 4-5 รับรองว่าหิ้วกันหน้ามืด

Kyoto Morris hostel

ที่นี่เป็นโฮสเทลแบบแยกเป็นห้องค่ะถือว่าเป็นส่วนตัวกว่าโรงแรมแรก ไม่ต้องกังวลเรื่องของหาย มีลิฟต์มีผ้าเช็ดตัวให้พร้อม ภายในห้องจะมีแค่เตียง กับโต๊ะและเก้าอี้ 1 ตัวมีห้องสุขาอยู่ชั้นเดียวกับห้องพักส่วนห้องอาบน้ำจะรวมกันอยู่ที่เดียวคือที่ชั้นใต้ดิน แยกเป็นฝั่งหญิงและชายห้องอาบน้ำก็สะอาด สะดวกสบาย มีโต๊ะเครื่องแป้งและไดร์เป่าผมให้เช่นกันและที่นี่มีเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญไว้บริการด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีชั้นที่เป็นห้องอาหารใครจะเอาของไปนั่งกินเฉยๆก็ได้ หรือจะซื้อของสดไปทำเอง ก็มีหม้อ กระทะจานชามให้ยืม แต่ใช้เสร็จก็ต้องล้างให้เรียบร้อยด้วยค่ะ

The millennials Kyoto

โรงแรมนี้เราให้เป็นไฮไลท์ของทริปนี้เลยเริ่มตั้งแต่ตอนไปติดต่อที่ Reception พนักงานจะเปิดvideo จาก ipad แนะนำกฎการเข้าพักให้ดูพอเช็คอินเสร็จ ก็จะได้รับ ipod คนละ 1 เครื่องพร้อมกุญแจ 1ดอก และให้เลือกของจากโรงแรมเลือกได้คนละ 1 อย่าง มี น้ำดื่ม 1 ขวดชุดครีมบำรุงหน้า และชุดนอนแบบยูคาตะให้ยืมฟรี เลือกของแล้วก็ลงลิฟต์ไปยังชั้นที่พักพอออกจากลิฟต์ จะเจอประตู ให้ใช้ ipod แตะที่เครื่องสแกนประตูจะเปิดออกให้เราเข้าไปโซนที่พักได้ ที่นอนเป็นลักษณะตู้นอนเหมือนโรงแรม Hostel Wasabi Osaka Bed with Libraryแต่เตียงกว้างกว่า เป็นเตียงควีนไซส์ นอน 2 คนยังได้ ระบบควบคุมในตู้นอนสั่งการด้วย ipod ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิด-หรี่ไฟเปิดพัดลมที่เพดาน ปรับระดับเตียงว่าจะเป็นแบบโซฟา แบบเตียงนอน และเลือกระดับความเอนของเตียงได้ ส่วนของผ้าม่านที่กั้นปิดตรงปลายเตียงเพื่อความเป็นส่วนตัว ถ้าเป็น Hostel Wasabi Osaka Bed with Library ก็จะเป็นผ้าม่านธรรมดาแต่ของที่นี่มันคือตัวจอรับภาพโปรเจคเตอร์ ใช่แล้ว มันคือจอรับภาพโปรเจคเตอร์จริงๆตู้นอนที่เราเลือกไม่มีเครื่องฉายโปรเจคเตอร์เพราะถ้ามีโปรเจคเตอร์จะต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นอีกใครที่เลือกตู้ที่มีเครื่องฉายโปรเจคเตอร์จะสามารถเชื่อมต่อมือถือตัวเองกับเครื่องฉายโปรเจคเตอร์นี้แล้วดูหนังบนจอรับภาพได้ พูดง่ายๆคือจะมีจอฉายหนังส่วนตัวไว้นอนดูได้เลยนอกจากนั้น เวลาจะออกไปไหน เจ้าตัวผ้าม่านที่เป็นจอรับภาพโปรเจคเตอร์นี้ก็สามารถล็อคได้โดยใช้กุญแจที่ได้มาพร้อม ipod ไม่ต้องกังวลว่าของมีค่าจะหาย

วิธีใช้งาน ipodก็ง่ายๆ มี video สอนใช้ ipod อยู่ในตัวเครื่องนั่นแหละ นอกจากนี้ทางโรงแรมยังให้รองเท้า และกระเป๋าเล็กๆที่ภายในมีชุดเครื่องอาบน้ำประกอบด้วย แปรงสีฟัน ยาสีฟัน ไม้พันสำลี และทิชชู่ให้ด้วย ของ 2 อย่างนี้โรงแรมให้คนที่เข้าพักเลย ส่วนผ้าเช็ดตัวแค่ให้ยืมใช้(อย่าเผลอเอากลับนะคะ)ห้องอาบน้ำ กับห้องสุขาก็อยู่ชั้นเดียวกับที่นอนแน่นอนว่าก็ไม่ต่างกับที่อื่นๆ คือ สะอาด มีโต๊ะเครื่องแป้ง ไดร์เป่าผมเช่นเดิมชั้นบนสุดของโรงแรมมีห้องนั่งเล่นและห้องครัวให้บริการเหมือนกับ Kyoto Morris hostel เลยค่ะแต่ข้อดีของที่นี่คือมีห้องแยกที่คล้ายๆห้องประชุมเล็กๆ และห้องคุยโทรศัพท์(เป็นห้องทรงเหมือนตู้โทรศัพท์ สำหรับใครที่ต้องการคุยเรื่องส่วนตัวไม่อยากให้คนอื่นได้ยินหรือรบกวน) ให้ด้วย

Tokyo Ueno newizu hotel

มาถึงโรงแรมสุดท้ายแล้วที่นี่เป็นแบบโรงแรมทั่วไป มีห้องน้ำในตัวส่วนที่นอนเราเลือกแบบเป็นฟูกปูนอนกับพื้น เพราะถูกกว่าแบบเตียงนอนภายในห้องกว้างพอสมควร มีโต๊ะญี่ปุ่น ที่มีกาต้มน้ำและชาให้ชงฟรีมีตู้เย็นเล็กๆไว้แช่ของ มีตู้เสื้อผ้าพร้อมไม้แขวน ที่นี่มีทั้งผ้าเช็ดตัวและชุดนอนยูคาตะให้ยืมฟรี แต่เราไม่ได้ใช้ชุดนอนที่เค้าให้ยืมหรอกเพราะทั้งตัวใหญ่และใส่ไม่ถนัด ส่วนห้องน้ำจะแบ่งเป็นห้องสุขาและห้องอาบน้ำเช่นกัน ในห้องอาบน้ำมีทั้งอ่างอาบน้าและฝักบัวและมีชุดแปรงสีฟันยาสีฟันให้ด้วย

ครบทั้ง 4โรงแรมแล้ว เรื่องราคาก็จะขึ้นลงแล้วแต่เทศกาลแนะนำให้กดเข้าไปดูราคาจากเว็บไซต์โรงแรมจะดีกว่า ลืมบอกไปว่าทุกโรงแรมมี สบู่เหลวแชมพู ครีมนวดผม และโฟมล้างหน้า รวมทั้งน้ำอุ่นให้นะคะ

ป.ล. ดีใจมากที่เขียนทริปญี่ปุ่นจบสักที เขียนกันข้ามปีเลยทีเดียว