bloggang.com mainmenu search
เรื่อง พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า
เขียนโดย เจิ้งฟง แปลโดย น. นพรัตน์

ในคำนำบอกว่าเมื่อปี 2006 สำนักพิมพ์จงหัวฮ่องกงร่วมกับเว็บไซต์จีนแผ่นดินใหญ่ จัดประกวดนวนิยายกำลังภายในขึ้น และเจิ้งฟง (Zheng Feng) คุณแม่ลูกสี่ชาวไต้หวัน เคยเขียนนิยายไว้ตั้งแต่สมัยลาคลอดแต่ขายไม่ออก ก็ได้แก้ไขส่ง 'เทียนกวนซวงเสวีย' ประกวดจนได้รางวัลเกียรติยศและรางวัลยอดนิยมอันดับหนึ่ง ทำให้สำนักพิมพ์จงหัวจัดพิมพ์เป็นรูปเล่มในปี 2007 ในชื่อ ตัวฉิงลั่งจื่อชือฉิงเสีย (คนเสเพลมากรักผู้กล้างมงายรัก) หรือ The Tale of Wanderer and the Hero

ขอใช้เรื่องนี้ตอบโจทย์เริงร่าอ่านท้าร้อน ปี 2 ข้อซีรีย์ 6 เล่มจบค่ะ

--- SPOILER ALERT ---

เกิดการแย่งชิงของวิเศษในราชสำนักหมิง องครักษ์ต้องการจับเด็กหญิงวัยเยาว์ เจิ้งเป่าอัน เป็นตัวประกัน เมื่อรู้ว่าทำงานพลาด จึงหลบหนีและเอาเด็กที่จับผิดตัวไปตระเวนขายหอนางโลมในซูโจวเป็นทุน แต่ยังโชคดีที่ได้ จ้าวกวน บุตรชายโทนของ หลิวชีเหนียง เจ้าของเรือนท่วงทำนองรักอันหอนางโลมชั้นดีที่ไม่บังคับขู่เข็ญ (ใครเป็นพ่อไม่ทราบ แต่จากการสอบถามภายหลังพบว่ามีอยู่ 3 คนที่เข้าข่าย) ช่วยหนีและเดินทางพันลี้กลับบ้านได้

งานนี้ทำให้หลิวชีเหนียงที่มีชื่อจริงว่า จีฮัวเฮ่อ หัวหน้าตึกในสำนักร้อยบุปผา สำนักกึ่งอธรรมที่เชี่ยวชาญการใช้พิษและต้องการช่วยเหลือหญิงตกยากและเด็กกำพร้า พอใจมาก จนรับจ้าวกวนเป็นศิษย์สำนักเมื่ออายุครบ 12 ปี

แต่อีก 2 ปีให้หลัง เรือนท่วงทำนองรักถูกฆ่าล้าง จ้าวกวนได้รับตำแหน่งหัวหน้าตึกและหนีโดยได้ คนเสเพล เฉิงต๋า ช่วยไว้ เฉิงต๋าอาจเป็นบิดาจ้าวกวนและได้สอนวิชาดาบให้ เฉิงต๋านี่ไม่ธรรมดา เพราะมีบุณคุณอย่างสูงต่อพรรคชิงปาง (พรรคอันดับ 1) ที่ทำธุรกิจขนส่งทางเรือใหญ่ที่สุด แต่ไม่นาน หวินหลงอิง หัวหน้าพรรคมังกร (พรรคอันดับ 3) ก็อ้างว่าอาจเป็นพ่อเช่นกัน (แต่ดันไม่รู้เบื้องหลังของหลิวชีเหนียง) จ้าวกวนไปอาศัยอยู่กับหวินหลงอิงถึงหนึ่งปี

หัวหน้าพรรคมังกรรุ่นที่แล้วคือ หิมะเฉิดฉัน ฉินเอี้ยนหลง เป็นภรรยา หลิงเซียว แพทย์ผู้กล้าแห่งภูพยัคฆ์ ทั้งคู่มีลูกชาย 3 คน คือ หลิงปี่อี้ หลิงซวงเฟย และ หลิงเฮ่าเทียน ทั้งหมดเป็นอัจฉริยะอายุเยาว์ โดยเฉพาะหลิงเฮ่าเทียนที่กลอกกลิ้งเป็นพิเศษ

เจ้ากวนอยู่พรรคมังกรไม่ได้ฝึกฝนอะไรเพราะโดนภรรยาของหวินหลงอิงเกลียดชัง จึงหนีไปหาหลิงเซียวที่เฉิงต๋าเคยแนะนำไว้และสามารถติดต่อสำนักร้อยบุปผาได้ เมื่อเดินทางไปถึงสำนักกลับพบว่าเจ้าสำนักรุ่นที่ 2 เพิ่งเสียชีวิต เกิดการต่อสู้ชิงตำแหน่งเจ้าสำนักของเหล่าหัวหน้าตึก จนกระทั่งจ้าวกวนได้กลายเป็นเจ้าสำนักด้วยวัย 15 ปี

ในฐานะเจ้าสำนักร้อยบุปผา เมื่อปรากฏตัวต่อคนภายนอก จ้าวกวน (หน้าตาดีมาก) ปลอมตัวเป็นหญิงใช้ชื่อ ซ่างกวนเชียนฮุ่ย และได้ขยายอำนาจสำนักร้อยบุปผาออกไปจนเป็นสำนักฝ่ายอธรรมที่มีอิทธิพลสูง เมื่ออายุ 18 ก็ปลอมตัวอยู่ในเมืองหังโจว ในฐานะคุณชายสำรวยชื่อ เจียงเฮ่อ จนได้รู้จักกับหัวหน้าสาขาพรรคชิงปาง หลี่ซื่อเปียว และบุตรสาว

เมื่อเกิดเรื่องยุ่ง เจียงเฮ่อได้ช่วยหลี่ซื่อเปียวอย่างมาก จนหลี่ซื่อเปียวชักชวนเข้าสำนักชิงปางรับตำแหน่งหัวหน้าสาขาที่ว่างลง ทำให้เจียงเฮ่อถูกม้วนเข้าไปยุ่งกับเรื่องชิงอำนาจภายในพรรคโดยเป็นฝ่ายหัวหน้าพรรค กว่าเรื่องราวจะเรียบร้อย เจียงเฮ่อก็กลายเป็นคลื่นลูกใหม่ของพรรคชิงปาง รั้งตำแหน่งหัวสาขาถึงสองแห่ง

ตัดไปยังด้านภูพยัคฆ์ หลิงปี่อี้ไปชอบพอกับเจิ้งเป่าอันที่หลิงเซียวรับอุปการะไว้จนถอนหมั้นกับลูกสาวหวินหลงอิง แต่ไม่เกิดเรื่องเพราะฝ่ายหญิงไปชอบพอกับหลิงซวงเฟยแทน ทั้งหมดแฮปปี้ ยกเว้นหลิงเฮ่าเทียนที่แอบหลงรักเจิ้งเป่าอันจนอกหักก็ลงจากเขา ได้ช่วยพรรคกระยาจก (พรรคอันดับ 2) ต้านศัตรู และแก้ไขความเข้าใจผิดระหว่างพรรคกระยาจกและสำนักอู่ตังหรือบู๊ตึ้ง (ที่มีคนแทรกแซงเบื้องหลัง) จนเป็นที่ยอมรับของหัวหน้าพรรคกระยาจก เจ้าสำนักอู่ตัง และหลวงจีนวัดเส้าหลินที่ทำหน้าที่เป็นตัวกลางเจรจา (แต่ไม่ทันเกมส์)


เอาล่ะค่ะ นี่คือสปอยล์ราว 2 เล่ม ที่เพิ่งเป็นการวางพื้นตัวละครเท่านั้นเอง หลังจากนี้ก็จะเป็นการผจญภัยของตัวเอกสองคนที่แตกต่างกัน จ้าวกวน (ฉายา วีรชนหน้าหยกผู้พิทักษ์บุปผา) เกิดจากสำนักนางโลม ชาติกำเนิดไม่แน่ชัด แต่ประสบการณ์มาก นิสัยหนักแน่นเพราะทำงานให้พรรคร้อยบุปผาแต่เด็ก มีวิชาพิษสูงส่ง วิชาการต่อสู้ก็ไม่เลว เวลาเกิดเรื่องมีเครือข่ายแบ็คให้เยอะโดยเฉพาะสำนักร้อยบุปผาและพรรคชิงปาง นิสัยออกเพลย์บอยเห็นสาวที่ไหนหัวใจว่างก็มักจีบดะ ส่วน หลิงเฮ่าเทียน เป็นคุณชายสามของครอบครัวที่โด่งดังในยุทธจักร เคยได้รับการเลี้ยงดูจากอัจฉริยะหลายแขนงจนมีความรู้กว้างขวางแต่ไม่ค่อยสนใจฝึกวิชาตอนเด็กที่ชอบหนีออกจากบ้านไปเที่ยว แต่ได้รับปาฏิหาริย์และภูมิปัญญาสูงส่งจนฝีมือสูงเยี่ยม ปกติเป็นกระเรียนโดดเดี่ยว (ทั้งๆ ที่ไปช่วยใครต่อใครเยอะแยะ แต่กลับลุยเดี่ยวเป็นหลัก แถมอาจมีทะเลาะกับคนที่ช่วยไว้ซ้ำ) มีใจรักเดียว ถึงมีบุปผางามจงใจร่วงหล่น สายน้ำกลับพัดพาไม่สนใจ

ส่วนเรื่องผจญภัยก็เยอะจังค่ะ ไล่ตั้งแต่เรื่องแก่งแย่งชิงอำนาจในยุทธจักร ทั้งเรื่องผลประโยชน์ บุญคุณความแค้นยุคก่อน การทรยศหักหลังชิงตำแหน่งภายในและภายนอกพรรค การไล่ล่าของราชสำนักหมิงที่เหลวแหลก ลามะจากธิเบตที่มาตามหาธรรมาจารย์เกิดใหม่ในจีนและรับงานราชสำนักจีนไปพลางๆ องค์หญิงราชสำนักเกาหลี แถมด้วยนินจาญึ่ปุ่น แน่นอนว่ามีตกเขาออกทะเล (ทั้งรูปธรรมและนามธรรม)

เจิ้งฟงได้รับการโปรโมตในฉายากิมย้งหญิง ซึ่งอ่านแล้วก็บอกว่าเป็นนิยายกำลังภายในรุ่นใหม่ที่สนุกพอใช้ (ยิ่งหายากอยู่ ส่วนใหญ่มีแต่ของเก่าเล่าใหม่) แต่ยังไม่ถึงขั้นกิมย้งหรอกค่ะ ทำให้นึกถึงที่เร็วๆ นี้มีคนวิจารณ์สำนักพิมพ์ไทยที่ดันนักเขียนใหม่ที่ขายดีอย่างมากใน Pantip ห้องสมุด คนเขียนในกระทู้มีความเห็นว่าการดันมากและเร็วเกินไป ก็ไม่น่าจะดีต่อนักเขียนในระยะยาว น่าจะให้ค่อยๆ โตขึ้นไปโดยไม่มีแรงกดดันมากนัก ซึ่ง จขบ. คิดว่าน่าจะเข้าเค้ากับกรณีนี้เลย

ความไม่น่าเป็นไปได้โผล่มาเรื่อย อย่างขันทีผู้บัญชาการทหารองครักษ์วังหลวงค่ายตะวันออก ยังมีเวลาปลอมตัวไปเป็นพระวัดเส้าหลินนานขนาดได้เป็นหัวหน้าตึกปัญญาบารมี หรือจ้าวกวนที่ไม่ชอบม้า ยังไปเป็นนักฝึกม้าชื่อดังนอกกำแพงใหญ่ได้ (หรือจะใช้วิชาพิษทำให้ม้าหลง -_’ ) ฯลฯ พูดง่ายๆ คือ โครงเรื่องออกจะตุปัดตุเป๋ไปหน่อยน่ะค่ะ นอกจากนี้ พระเอกสองคนที่แทบไม่เจอกัน ทำให้มีเรื่องราวสองแทรค ระหว่างอยู่ในแทรคหนึ่งอาจมีอ้างถึงเรื่องในอีกแทรคที่ยังไม่ได้เล่าก็ได้ ถ้าไม่งงก็ไม่ได้ลุ้น ตัวละครก็ออกมาเยอะมาก อันนี้ปกติไม่มีปัญหานะคะ แต่ถ้าบรรยายแล้วทำให้จำไม่ได้ ก็ทำให้สับสนพอดู นึกไม่ค่อยออกว่าคนนี้เป็นใครมาจากไหน บวกกับตรรกะและการหักเหลี่ยมที่งั้นๆ เลยทำเอามึนไปหน่อย แต่ก็สรุปว่าให้ใช้ได้นะคะ อ่านได้เรื่อยๆ ไม่ได้ไม่ชอบ แต่ก็ไม่เด่นขนาดที่โฆษณาหรอกค่ะ (ความจริงเลิกเชื่อโฆษณาของสยามมานานแล้ว ต้องพิสูจน์เองเท่านั้น!)

ความรู้สึกตอนนี้คือนิยายกำลังภายในปัจจุบันอยู่ในขาลงชัดๆ ไม่มีนักเขียนใหม่ที่งานโดดเด่นจนอยากอ่านซ้ำหลายๆ รอบ ที่เก๋าก็ดองเค็มชนิดไม่ทราบเมื่อไหร่ไหจะแตก ในขณะที่นิยายจีนในรูปแบบอื่น (อิงประวัติศาสตร์ แฟนตาซี ร่วมสมัย หรือแม้แต่นิยายรัก) กลับโดดเด่นกว่ามากทั้งด้านคุณภาพและปริมาณ ระยะหลังกลายเป็นว่ากำลังภายในจากเกาหลีอาจจะมาแรงกว่าจีนอีกค่ะ

ที่มา
[1] เจิ้งฟง (น. นพรัตน์ แปล), พยัคฆ์คู่ผงาดฟ้า. สยามอินเตอร์บุ๊คส์, พิมพ์ครั้งที่ 1, 6 เล่มจบ, 270 + 270 + 280 + 278 + 277 + 296 หน้า, 2553-2554.
Create Date :26 พฤษภาคม 2554 Last Update :11 เมษายน 2557 21:57:03 น. Counter : Pageviews. Comments :3