|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
เรื่องของม้า...1
เวลาก็มีน้อยพอได้แตะคอมพ์ ใจก็อยากจะเข้าเน็ต แต่ถ้าทำเช่นนั้น คงไม่ได้เริ่มเรื่องใหม่ฉันชั่งใจว่าจะทำการบ้านของตัวเอง หรือจะเขียนเรื่องม้าก่อน ฉันตัดสินใจเลือกม้าเหตุผลคือ ฉันเห็นม้ามาตลอด ฉันยังไม่เคยเขียนเรื่องเกี่ยวกับท่าน ฉันมีข้อมูลดิบอยู่แล้ววันนี้เรา(ฉันและพวกคุณผู้อ่านที่เคารพ)จะได้รู้จักแม่ฉันไปพร้อมๆกัน ฉันจะเขียนไปตามสิ่งที่ฉันเห็นมันคือมุมมองของฉัน ในขณะเดียวกันจะได้สำรวจถึงสิ่งที่ฉันเป็นว่ามีสิ่งใดบ้างที่ฉันรับมาบ้าง ฉันเคยเกริ่นถึงแม่ฉันไว้ ว่าเป็นลูกจีนอพยพ ม้ามีพี่น้องหลายคนนะ แต่รอดมาจนโตแค่2คน คือตัวม้ากับอากู๋(พี่ชายของม้า) พูดถึงอากู๋สั้นๆ ฉันว่าท่านน่าสงสารพอโตมาไม่นานท่านมีอาการหูหนวกไปข้าง แล้วก็มาเสียนิ้วมือให้กับการทำงานช่วงวัยหนุ่มพอพ้นวัยสี่สิบไม่นาน ท่านก็มีอาการหูหนวกอีกครั้ง ท่านคิดมากจนในที่สุดก็จบชีวิตด้วยการแขวนคอตัวเอง ตอนนั้นฉันอยู่ประถม1 ฉันยังจำภาพได้นะมันยังลางเลือนอยู่ในความทรงจำ กลับมาที่ม้า ด้วยความที่อากู๋เป็นอย่างที่ฉันเล่าม้าจึงเลือกเรียนตัดเสื้อผ้าตั้งแต่เด็ก และเรียนหนังสือตอนกลางคืนสมัยก่อนม้ากับอาม่าอยู่แฟลตชั้น4 ย่านถนนเจริญกรุง เส้นเดียวกับวัดมังกรอากู๋แยกตัวไปอยู่คนเดียว ม้าตัดเย็บเสื้อผ้าโหล โดยอาม่าจะเป็นคนหาบไปขายวันไหนอาม่าขายไม่ได้ อาม่าจะไม่กินอะไรเลยนอกจากน้ำเปล่า ฉันไม่ได้พูดเกินจริงนะคนรุ่นปู่ย่าตายายที่มาจากเมืองจีน ส่วนใหญ่จะเป็นแบบนี้แหละ บ้านม้าที่ฉันอยู่ปัจจุบัน เดิมที่ก็เช่าเขาอยู่นะ อาม่าบอกม้าว่าอยู่แฟลตไม่ไหวพวกท่านคงมองถึงการสร้างเนื้อสร้างตัว พออาม่าทราบว่าเจ้าของบ้านจะขายบ้านนี้ท่านรีบเอาเงินเก็บไปดาวน์บ้านก่อน ตอนนั้นม้าจะคิดอะไรหรือรู้สึกยังไง ฉันไม่รู้ สิ่งที่ม้าทำได้ตอนนั้นคือทำงานหาเงินมาผ่อนบ้าน ฉันเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้แหละว่า เพื่อผ่อนบ้านให้จบไวๆท่านตั้งแชร์ไว้ 5วง ฉันไม่รู้รายละเอียดไปมากกว่านั้น ม้ามีเพื่อนดีๆ 2คนที่ช่วยให้วงแชร์เหล่านี้ผ่านพ้นไปด้วยดี ฉันเพิ่งถามม้าเรื่องการเล่นแชร์ว่ามันคืออะไร เค้าเล่นยังไง จ่ายยังไง ฉันถามจริงจังมากกว่าเรื่องเสื้อผ้าอีกมันงงๆสำหรับฉันนะ แต่ตอนนี้เข้าใจแล้ว คนสมัยก่อนเวลาต้องการใช้เงินเขาขึ้นแชร์กัน สิ่งที่คุณต้องมีคือ ความซื่อสัตย์ ซื่อตรงใครแนะนำคนมาเล่น ถ้าคนเล่นหนี คนแนะนำบางคนต้องมารับผิดชอบแทนมีคนอธิบายเรื่องแชร์ไว้เยอะแล้ว ไปหาอ่านกันเองเนอะ พูดถึงเรื่องงานตัดเสื้อของม้า สมัยก่อนม้ามีช่างเย็บผ้า 5คนได้ มีลูกจ้างกินนอนที่บ้านอีก2คน ซึ่งทำจะทุกอย่าง งานบ้าน งานสอยผ้า ช่วยดูแลฉันและเฮียยกเว้นงานครัวเพราะอาม่าคือแม่ครัวใหญ่ ตั้งแต่ฉันเกิดก็อยู่บ้านนี้แล้วสิ่งที่ฉันเห็นคือ ม้าเป็นคนรับลูกค้า+ออกแบบ+ตัดงาน แล้วก็ส่งให้ช่างเย็บเย็บเสร็จลูกจ้างที่บ้านสอยงาน ลมหายใจม้ามีแต่งานเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่ก่อนฉันเกิด ยิ่งใกล้ตรุษจีนทุกปี คือทำงานโต้รุ่ง ช่วงปี 32 นายกคือชาติชาย สมัยนั้น อสังหาบูมมาก เพื่อนม้าอีกกลุ่มชวนม้าไปซื้อที่ต่างจังหวัด ส่วนตัวม้าเองมีซื้อตึกแถวของตัวเอง ใช้เวลาผ่อน 5ปี พอผ่อนหมดก็หุ้นกับอาอี๊(คนที่ฉันเคยเล่าให้ฟัง)ไปดาวน์ตึกแถวย่านนวมินทร์ต่อ พออาอี๊เสียท่านต้องตัดใจขายตึกที่หุ้นทิ้งเพราะผ่อนไม่ไหว ตึกที่ท่านดาวน์เองท่านก็ปล่อยเช่า มีช่วงที่เจอลูกเช่าไม่ดี ท่านเกือบจะขายทิ้งหลายทีแล้วแต่เฮียฉันบอกให้อดทน จนเราได้เจอลูกบ้านซึ่งเช่ามาจนถึงปัจจุบัน หลังพิษต้มยำกุ้งปี 40 สภาพเศรษฐกิจ ส่งผลกระทบกับร้านตัดเสื้อของม้าบวกกับเสื้อผ้าระบบอุตสาหกรรมมีมาก ทำให้เสื้อผ้าราคาไม่แพง ซื้อหาได้ง่ายคนที่มาตัด ส่วนใหญ่คือหาซื้อไม่ได้ ไม่ก็คนมีฐานะ ไม่เดือดร้อน และชอบฝีมือม้า... ม้าฉันเป็นคนแบบไหนเหรอ?...พูดตรงๆฉันว่าฉันไม่รู้นะ แต่ฉันว่าตอนม้าอายุเท่าฉันท่านไม่มีเวลามาดราม่าแบบฉันเลย จักรวาลทดสอบท่านให้ท่านก้าวขึ้นมาเป็นหลักของครอบครัวตั้งแต่อายุยังไม่ถึงสิบห้าด้วยมั้ง และท่านก็พยายามอย่างดีที่สุดในแบบของท่านแล้ว จากเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆดิ้นรนจนมีกิจการร้านตัดเสื้อเล็กๆของตนเองสิ่งที่ฉันเห็นมาตลอด คือความเป็นมืออาชีพ ผู้เชี่ยวชาญในอาชีพ ความใส่ใจต่อลูกค้าม้าแทบไม่ไปไหนเลย นอกจากวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุด เป็นวันที่จะออกไปซื้อของใช้เท่านั้นวันอื่นไม่เคยหยุด ม้าไม่เที่ยว ม้าไม่ฟุ่มเฟือย ม้าไม่ค่อยเจอเพื่อนฝูงยกเว้นงานแต่ง งานศพ ม้าจะให้ความสำคัญ นอกนั้นส่วนใหญ่จะใช้คุยโทรศัพท์ซึ่งก็นานๆที ม้าให้เหตุผลของการไม่ไปไหนว่า เดี๋ยวลูกค้ามาแล้วไม่เจอตัวลูกค้าเสียเวลามาหาเรา ม้าพร้อมต้อนรับลูกค้าเสมอ ในสถานะซิงเกิลมัมลูกสอง ม้าส่งเสียพวกเราจนถึงระดับ ป.ตรีให้ได้มีโอกาสมากมายในชีวิต ในแบบที่ม้าไม่เคยได้ ความสัมพันธ์แบบแม่ลูกฟรุ้งฟริ้งไม่มีหรอก มันไม่ใช่สไตล์ เราไม่มีกอด ไม่มีหอมแก้ม เคยมีบางทีที่ฉันเนียนๆกอดม้าบ้างนะนานๆครั้งแหละ ม้าเป็นคนตึงเครียดเกินไป ระดับความจุกจิกโครตเยอะจนบางทีฉันต้องแขวะไม่ก็ดักคอ บางครั้งที่เราโต้เถียงกัน ม้าจะพยายามเอาชนะเสมอไม่ว่าสิ่งที่ฉันพูดจะเป็นเหตุผลหรือไม่ก็ตาม เดี๋ยวนี้เวลาม้าฉันงอน ท่านจะสร้างสนามพลังคอสโมรอบตัวคุณสามารถสัมผัสระดับพลังงานนั้นได้ไม่ยาก ล่าสุดฉันโดนเต็มๆ เรื่องมีแค่ว่าฉันลงมากินเตี๋ยวที่ฝากเฮียซื้อ มันก็เป็นเวลาตีหนึ่ง พอฉันกินเสร็จก็ตั้งใจว่าจะพิมพ์งานเขียนเพื่ออัพบล็อก ม้าเดินมาบ่นฉันว่าไม่ยอมนอนฉันตอบโต้กลับไปอย่างไว แล้วม้าไมไม่นอน ไป ไป ไปนอนซักทีเหอะ มัวแต่บ่นอยู่นั่นแหละม้าเดินเข้าห้อง เก็บคำพูดฉันไปคิดมาก เช้ามาเมื่อฉันสัมผัสพลังคอสโมม้าฉันถามว่าเป็นอะไร ม้าบอกว่า ฉันไล่ท่าน อ้าวเฮ้ย! ซวยสิกู ฉันกล่าวคำขอโทษทันที ฉันบอกให้ม้ารู้ว่าฉันเป็นแบบนี้ฉันมีปัญหากับการพูด พูดอะไรกับใครก็มีปัญหาตลอดฉันบอกให้ท่านจู้จี้จุกจิกน้อยๆหน่อย ก็ไม่รู้ว่าได้ผลมั้ยนะ แต่หลังจากวันนั้นฉันว่าท่านจู้จี้กับฉันน้อยลง...
Create Date : 06 มีนาคม 2560 |
Last Update : 6 มีนาคม 2560 13:42:31 น. |
|
1 comments
|
Counter : 638 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|