BlogGang.com : : sirivinit : สุดยอดคุณป้า รู้ลึกน้ำมันรั่ว ชาวเน็ตชม สืบพบเป็นถึงด็อกเตอร์!

สุดยอดคุณป้า รู้ลึกน้ำมันรั่ว ชาวเน็ตชม สืบพบเป็นถึงด็อกเตอร์!

ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ หรือคุณป้าที่ใครหลายคนรู้จัก
จากคลิปอธิบาย : สรุปการเข้าไปช่วยเหลือโดยใช้ชีวภาพ
ผู้ที่ออกมาพูดถึงเหตุน้ำมันรั่วไหลที่ระยอง

เป็นอีกหนึ่งบุคคลที่กำลังถูกพูดถึงในโลกออนไลน์ขณะนี้ หลังจากเกิดกรณีน้ำมันดิบรั่วไหลที่ จ.ระยอง โดยเธอเป็นคุณป้าที่จู่ ๆ ก็มีคลิปเผยแพร่ออกมา ซึ่งคลิปดังกล่าว เป็นคลิป "อธิบาย : สรุปการเข้าไปช่วยเหลือโดยใช้ชีวภาพ" ที่ผู้ใช้ชื่อ HFclub TH นำมาเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ยูทิวบ์ เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม 2556

การปรากฎตัวบนยูทิวบ์ของบุคคลท่านนี้ ทำให้ใครหลายคนตั้งข้อสงสัยกันว่า เป็นแค่ชาวบ้านคนหนึ่ง แต่ทำไมถึงอธิบายเรื่องน้ำมันได้อย่างเข้าใจ และมีหลักการเช่นนี้ ซึ่งหลายคนก็ออกมาชื่นชม ในขณะที่อีกหลายคนก็ไม่เชื่อ และมองว่า เป็นแค่คุณป้าธรรมดา ๆ คนหนึ่งจะไปรู้อะไร

แต่ใครจะไปรู้ เธอไม่ใช่คุณป้าธรรมดา หรือคุณป้าที่ความรู้น้อยด้อยการศึกษาในสายตาของใครหลายคน แต่เธอคือ ดร.รสสุคนธ์ พุ่มพันธุ์วงศ์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาเอก Doctor of Science ด้านแพทย์ทางเลือกจากคาลูดโบวิลล่า ฮอสปิตอล ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเปิดที่ประเทศศรีลังกา และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโท จากคณะศึกษาศาสตร์ และปริญญาตรี จากคณะเกษตรฯ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์

ในเนื้อหาของคลิปดังกล่าว ด็อกเตอร์ในคราบคุณป้าท่านนี้ ได้กล่าวสวัสดีเพื่อนสมาชิกภูมิปัญญาสากลเครือข่ายเฝ้าสุขภาพ พร้อมเล่าต่อโดยมีใจความดังนี้

"วันก่อนได้ลงพื้นที่่เพื่อไปฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ว่าจะทำอย่างไรกับคราบน้ำมัน และก็มีชาวบ้านคนหนึ่งชื่อลุงแบน ที่เป็นชาวบ้านในพื้นที่ได้กล่าวว่า เมื่อมีชาวบ้านเข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติในครั้งนี้

กลับไม่มีใครเข้าไปดูแลชาวบ้านเลย ทั้งยังโยนทัพพีและกระบวยให้ชาวบ้านไปตักคราบน้ำมันกันเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก เพราะคราบน้ำมันเหล่านี้มันมีไอเบนซิน เพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ บางส่วนยังส่งผลให้หายใจติดขัดได้ นี่คือผลกระทบด้านสุขภาพ ที่ไม่มีใครลงมาสนใจพวกเขา และอยากขอเตือนชาวบ้านว่าอย่าเข้าไปใกล้

นอกจากนี้ ภาพประชาชนและกลุ่มอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) เข้าไปเก็บขยะนั้น เป็นสิ่งที่ไม่เห็นด้วย ซึ่งมันไม่ได้ ต้องมีหน่วยจากเจ้าหน้าที่ที่รู้เรื่องน้ำมันจาก ปตท. เข้าไปดำเนินการ เพราะเป็นผู้ที่รู้เรื่องน้ำมันเป็นอย่างดี การให้ประชาชนและทหารเข้าไปจัดการเช่นนี้นั้น เป็นการทำงานที่แสดงถึงความปล่อยปละละเลย

ซึ่งเป็นสิ่งที่น่าเสียใจว่าทำไม ปตท. ถึงไม่รู้ว่าตัวเองควรจะเตรียมกำลังพลซึ่งมีจำนวนมากพอเข้าไปจัดการเรื่องนี้ เพราะจริง ๆ แล้วทาง ปตท. นั้นควรจะมีหน่วยเซฟตี้ไว้รองรับต่อเหตุเช่นนี้อยู่แล้ว มันเป็นหัวใจของอุตสาหกรรม การที่ทาง ปตท. ปล่อยไว้เช่นนี้แสดงว่าพวกเราทุกคนกำลังอยู่ในกระบวนการผลิตที่ไม่ปลอดภัยเลย มันไม่ใช่

แล้วดิฉันไปฟังชาวบ้าน หดหู่มาก อยู่ๆ ก็มีคนนำเฮลิคอปเตอร์ หรือเครื่องบินอะไรก็ไม่รู้ มาปล่อยสารเคมีเพื่อจับคราบน้ำมันในทะเลให้จมลงไปใต้ทะเล ซึ่งชาวบ้านไม่รู้ตัวเลยว่า สารชนิดนั้น ๆ จะเกิดอะไรขึ้นกลับพวกเขาบ้าง แค่ชาวบ้านสงสัยก็ป่วยแล้ว

ผู้รับผิดชอบควรจะรู้ดีว่า สารเคมีทุกชนิดเมื่อนำมาโปรยในอากาศย่อมลดออกซิเจนในอากาศอย่างแน่นอน ซึ่งการแยกส่วนจุลชีพไม่สามารถตรวจสอบทางกายวิภาคได้ หรือไม่สามารถตรวจสอบเดี๋ยวนั้นได้ เพราะคุณได้ปฏิบัติการไปแล้ว

โดยผลที่ปล่อยออกไป กลุ่มเกษตรกรในพื้นที่บริเวณนั้นต่างได้รับสารพิษจากสารเคมีชนิดนั้น ๆ เข้าไปเต็ม ๆ คุณลงไปสำรวจไหมว่าสารเหล่านั้นทำอะไรกับเกษตรกร แล้วครอบครัวเกษตร ชาวประมงที่ได้รับสารพิษนั้น อยู่ที่ไหน ซึ่งจุดนี้อยากเรียกร้องให้รัฐบาลเข้ามาดูแล โดยขึ้นทะเบียนกลุ่มผู้ที่ได้รับสารพิษอย่างด่วนที่สุด ไม่มีตัวจริง ตัวปลอม ดิฉันต้องขอบอกแบบนี้ เพราะมันเป็นบาป

ส่วนอีกเรื่อง คือ เป็นไปไม่ได้ที่น้ำมันซึ่งลอยในทะเลจะจมลงไป ยังไงก็ต้องพัดเข้าหาฝั่งอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นอยากขอวิงวอนให้ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายที่เกี่ยวข้อง ออกมาแสดงตัวรับผิดชอบ ไม่อย่างนั้นพวกคุณจะกลายมาเป็นผู้ที่น่าสงสาร น่าอับอายมาก

เพราะถือเป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้สูง กลับมาทิ้งสิ่งปฏิกูลไว้กับธรรมชาติ ปล่อยทิ้งไว้กับผู้ที่ไม่ได้รับการศึกษาในระบบแทนตัวเอง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ควรจะต้องประกาศเป็นภาวะวิกฤติทางการศึกษาของผู้รู้ และถือเป็นความรุนแรงทางจิตวิญญาณอย่างมาก การไม่ออกมารับผิดชอบ ถือว่าพวกท่าน ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญอย่างแท้จริง และเป็นสิ่งที่เสียหน้าอย่างยิ่ง

ในการรับมือต่อภัยพิบัติที่เกิดขึ้นอย่างไร้ความรับผิดชอบ จากกลุ่มผู้ประกอบการนั้น เป็นสิ่งที่น่าหดหู่อย่างมาก ทั้งต่อความไม่รับผิดชอบ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ภัยพิบัติ และหดหู่ต่อผู้ที่ทำให้เกิดเหตุซึ่งไม่ได้เตรียมการรับมือใด ๆ ทั้งที่ตัวเองต้องมีการรับมือต่อภัยพิบัติ มีการคุ้มครองภัยพิบัติต่อประชาชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นเหมือนคำประกาศและคำมั่นสัญญาก่อนก่อตั้งอุตสาหกรรม ซึ่งตอนนี้สัญญาเหล่านั้นไปสลายไปหมดแล้ว

การที่ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลายออกมาบอกว่าสารชีวภาพสามารถช่วยสถานการณ์ตรงนี้ได้นั้น มันเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ อีกทั้งคนที่เข้าไปจัดการต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ ไม่ใช่ว่าจะใช้ชาวบ้านตาดำ ๆ ที่ไม่รู้เรื่องไอพิษหรือเบนซินใด ๆ เลยเข้าไปจัดการกันเอง มันเป็นความไม่รู้ของคนที่ใช้ให้ชาวบ้านเหล่านั้นเข้าไป ซึ่งเป็นความรู้ที่เห็นแก่ตัวมาก

และส่วนตัวเองไม่อนุญาตให้ใครก็ตาม ที่ไม่มีความรู้เข้าไปจัดการ สำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นมันเป็นเงื่อนไขระดับโลก และหลังจากนี้จะเขียนเรื่องนี้ภาคภาษาอังกฤษส่งให้องค์การอนามัยโลก (WHO) ด่วน ขอบคุณค่ะ"

นี่คือสิ่งที่เธอออกมาพูดในฐานะประธานมูลนิธิภูมิปัญญาสากล และฝากจี้รัฐบาล และ ปตท.ดูแลชาวบ้าน หลังเกิดเหตุน้ำมันดิบรั่วที่ จ.ระยอง ซึ่งสะกิดใจ และสะท้อนให้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่าง

ทั้งนี้ หากสืบให้ลึกลงไปเกี่ยวกับด็อกเตอร์ท่านนี้ หลังจากจบปริญญาตรี เธอเคยไปเป็นอาสาสมัครขึ้นไปทำงานบนเขาค้อ ซึ่งขณะนั้น ยังมีปัญหาการสู้รบระหว่าง ทหารกับคอมมิวนิสต์ ตามโครงการพัฒนาลุ่มน้ำเข็กของกองทัพภาคที่ 3 ช้าวบ้านบนเขาค้อ มีสภาพที่ไม่มีกิน เสื้อผ้าไม่ค่อยมีใส่

เป็นอาสาช่วยเด็ก ๆ ชาวเขา ทำงานโดยไม่มีเงินเดือน ทำอยู่นานถึง 4 ปี และได้ทุนไปเรียนต่อประเทศอิสราเอล

หลังจากนั้น 1 ปี เธอกลับมาก็มาร่วมงานกับกองทัพภาคที่ 3 ตอนนั้นทำวิจัยเรื่องการศึกษาให้แก่เด็ก ชนบท เป็นงานวิจัยระหว่างที่เรียนปริญญาโท หลังจากนั้น ได้ทุนไปเรียนต่อที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เป็นทุนขององค์กรชื่อ Moral RE-Armanent (MRA) เป็นองค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อให้เกิดสันติภาพขึ้นในโลก และเป็นสมาชิกพูลไทม์ ทำงานให้องค์กรนี้ด้วย

หลังจากเรียนจบ ก็กลับเมืองไทยทันที เพื่อประชุมสันติภาพในเมืองไทย แล้วก็บินไปสวิสเซอร์แลนด์ แล้วกลับมาเมืองไทยเพื่อเริ่มมาช่วยคนเป็นอัมพาตแถวสำโรง จ.สมุทรปราการ โดยวิธีฟังเข็มและคุมอาหาร ซึ่งมีคนไข้มาให้รักษาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ต้องเปิดเป็นบ้านสุขภาพ รักษากันเป็นเรื่องเป็นราว

ข่าวโดย ASTV ผู้จัดการ Live

ขอบคุณ
ผู้จัดการออนไลน์
ASTV ผู้จัดการ Live

สิริสวัสดิ์จันทรวารค่ะ

Create Date : 05 สิงหาคม 2556

Last Update : 5 สิงหาคม 2556 8:52:01 น.

1 comments

Counter : 1349 Pageviews.

"...เมื่อมีชาวบ้านเข้าไปขอความช่วยเหลือจากผู้ที่เป็นต้นเหตุของภัยพิบัติในครั้งนี้

กลับไม่มีใครเข้าไปดูแลชาวบ้านเลย ทั้งยังโยนทัพพีและกระบวยให้ชาวบ้านไปตักคราบน้ำมันกันเอง ซึ่งเป็นสิ่งที่น่ากลัวมาก

เพราะคราบน้ำมันเหล่านี้มันมีไอเบนซิน เพียงแค่ตัวอย่างเล็ก ๆ บางส่วนยังส่งผลให้หายใจติดขัดได้ นี่คือผลกระทบด้านสุขภาพ ที่ไม่มีใครลงมาสนใจพวกเขา และอยากขอเตือนชาวบ้านว่าอย่าเข้าไปใกล้"

หากเป็นจริง... โยนทัพพีและกระบวยให้ชาวบ้าน....
ช่าง "เอกอุจัญอัป" จังเลยค่ะ

อุ คือ อุบาทว์
จัญ คือ จัญไร
อัป คือ อัปรีย์ค่ะ

โดย: sirivinit

วันที่: 5 สิงหาคม 2556 เวลา:8:55:48 น.