ไม่ใช่แค่การสั่นสะเทือนวงการแฟชั่นเมืองไทยเท่านั้น แต่ยังสะเทือนไปถึงผู้บริหารระดับผู้ใหญ่ของดิออร์ ที่ต้องบินตรงจากฮ่องกงเพื่อมาเจรจาการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้ ตอนที่ตัดสินใจลาออก ก็บินไปแจ้งผู้ใหญ่ด้วยตัวเองที่มาเลเซีย จากนั้นทางผู้ใหญ่ก็ให้ HR บินมาจากฮ่องกง เพื่อมาคุยกับเราที่เมืองไทยว่าเกิดอะไรขึ้น? เราก็ยืนยันว่าไม่มีอะไร เราอิ่มตัวแล้วจริงๆ เขาก็เริ่มจะเอื้อนเอ่ยเพื่อให้เราลองตัดสินใจใหม่ แต่เรารีบบอกเลยว่าเราอิ่มตัวจริงๆ เราไม่ได้เอาเรื่องการลาออกมาเป็นข้อต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น แล้วก็ยื้อกันมาตั้งแต่เดือน กรกฎาคม คุยกันเขาก็ยังอยากให้ช่วยงานในส่วนของ Dior Homme ที่จะเปิดที่เมืองไทยให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งก็จะแกรนด์โอเพ่นนิ่งปลายเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นก็จะเตรียมเคลียร์งาน เตรียมความพร้อมไว้ให้คนที่จะมาทำงานต่อจากเรา โดยการลาออกครั้งนี้จะมีผลตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคมเป็นต้นไป โดยตลอด 10 ปีที่ผ่านมา ป็อป ดิออร์ ที่เรารู้จักก็เป็นคนที่มุ่งมั่น ตั้งใจในการทำงาน ดูแลทุกอย่างชนิดไม่ขาดตกบกพร่อง แต่เมื่อเขาจะจากตำแหน่งนี้ไปจริงๆ ก็ยังคงแฝงความอาลัยไว้ลึกๆ ด้วยน้ำเสียงที่เราสามารถสัมผัสได้ การทำงานที่ดิออร์ถือเป็นประสบการณ์ที่ดีมาก เป็นโอกาสที่ดีที่สุดโอกาสหนึ่งในชีวิตเลยก็ว่าได้ พอบอกจะลาออกพี่ๆ น้องๆ ที่ดิออร์ก็ใจหายนะ เขาบอกว่าจะขอพาไปเลี้ยงส่ง แต่เราบอกว่าไม่เป็นไร ขอบคุณมาก เพราะเรารู้ว่าถ้าไปเลี้ยงส่งกัน เราร้องไห้แน่ๆ เขิน ไม่อยากร้องไห้ให้ใครเห็น (หัวเราะ) เพราะเราอยู่กันมาเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว อีกหน่อยเราคงจะต้องเปลี่ยนจากการเรียกเขาว่า ป็อป ดิออร์ มาเป็น ป็อป วราวุธ ให้ติดปากเหมือนเวลาที่เราเห็นเขาในบทบาทของพิธีกร แต่แม้ว่าจะเรียกเขาว่าอย่างไรก็ตาม เขาก็ยังเป็น ป็อป คนเดิมที่น่ารักจริงใจ และมีเรื่องมาเม้าท์กับเราอยู่เสมอๆ แถมล่าสุดแอบไปรู้มาอีกว่าตอนนี้หัวใจ ป็อป วราวุธ กำลังเป็นสีชมพูอีกครั้ง เพราะเพิ่งรีเทิร์นกลับไปอินเลิฟกับดาร์ลิ่งคนเดิมที่คุ้นเคย ยังไงก็ขอให้ทั้ง Lucky in love และ Lucky in game นะคะ :: Text by FLASH
|