เป็นไงมาไงถึงได้มาเป็นอาจารย์

หัวใจเต้นไม่ค่อยเป็นจังหวะเลยเมื่อรู้ว่าจะต้องจากงานเดิมที่ทำอยู่เกือบ 2 ปีไปเป็นอาจารย์หน้าใหม่อีกหน หลังจากได้ไปลองชิมลางการเป็นอาจารย์มา 1 เทอมที่วิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ เมื่อ 2 ปีก่อน ก็ไม่คิดว่าจะได้กลับไปเป็นอาจารย์อีกในระยะเวลาอันใกล้ขนาดนี้ การที่คนๆ หนึ่งทำงานอย่างหนึ่งแล้วต้องเปลี่ยนสายงานไปเป็นอีกอย่างหนึ่ง มันทำให้เกิดความรู้สึกหวิวๆ ได้เหมือนกันนะ

อย่างที่บอกความรู้สึกนี้ได้เกิดขึ้นมาก่อนแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนที่เราตัดสินใจลาออกจากงานเลขาของผู้จัดการทั่วไปของโรงแรมใหญ่ย่านสีลมเพื่อมาเป็นอาจารย์สอนการจัดการโรงแรม หลายคนก็ถามว่าลาออกทำไม มาเป็นอาจารย์ทำไม เงินเดือนน้อยจะตาย

เอาคำตอบง่ายๆ ไปก่อน ก็คือ เบื่องานที่ทำอยู่มากๆ งานก็ดีนะ แต่มันเหมือนๆ กันทุกวัน จนบางทีต้องถามว่ามาทำอะไรอยู่ คำตอบแบบยากๆ และมีสาระขึ้นมาหน่อย ก็คือ เราอยากเป็นอาจารย์มาตั้งแต่เรียนจบโทแล้ว แต่เนื่องจากคิด (เอาเอง) ว่าควรหาประสบการณ์ในโรงแรมซักพักก่อน ได้งานแรกก็เป็น เลขา GM เลย จากนั้นก็เป็นเลขา GM ของโรงแรมมาตลอด ย้ายโรงแรมไปเรื่อยๆ



จนวันนึงงานเริ่มถึงจุดอิ่มตัว (เบื่อสุดขีด) เราก็ร่อนใบสมัครงานไปเรื่อยๆ รออยู่ประมาณ 1 ปี มีเรียกไปสัมภาษณ์ที่ม. ธุรกิจบัณฑิตย์ เขาให้สอบสอน ทำได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ก็ไม่มีประสบการณ์การสอนเลยนี่นา ก็ตกไปตามระเบียบ ต่อมาได้ไปสัมภาษณ์ที่ ม. สยาม ไม่มีสอบสอน เขารับ แต่เราปฏิเสธไปเพราะได้เงินเดือนน้อย กลัวไม่พอใช้ บอกตามตรงตอนนั้นค่อนข้างซีเรียสเรื่องนี้เหมือนกัน รู้ว่าการเป็นอาจารย์ เงินเดือนน้อยกว่าที่ได้อยู่เป็นหมื่นแน่ๆ แต่ถ้าน้อยจนใช้ไม่พอก็ไม่ไหวเหมือนกัน หลังจากนั้นมีไปสัมภาษณ์ที่วิทยาลัยเล็กๆ แถวสะพานใหม่) วันจะไปสัมภาษณ์เกือบจะไม่ไปแล้วเชียว เพราะเป็นวันเสาร์ซึ่งตอนนั้นยังต้องทำงานครึ่งวัน แต่งตัวจะไปทำงานแล้วเกิดเปลี่ยนใจไปสัมภาษณ์ซะงั้น แล้วมันก็เหมือนเป็นดวงมากๆ ก็ได้งานนี้มาอย่างนึกไม่ถึง วันแรกที่ไปสอนจำได้ว่า เครียดมากๆ ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง แต่ต่อๆ มาก็เริ่มปรับตัวได้ เพื่อนอาจารย์ที่เข้างานพร้อมกันก็ดีมาก ทำงานที่นี่ได้สอนภาษาอังกฤษด้วย ซึ่งไม่ได้อยู่ในข้อตกลงเลย เอาไปเอามาให้เราสอนภาษาอังกฤษมากกว่าที่สอนวิชาจัดการโรงแรมซะอีก





ช่วงนั้นพอดีพี่ที่ทำงานเก่าได้งานที่รีสอร์ท 5 ดาว เปิดใหม่ที่เกาะสมุย เขาชวนให้ไปเป็นเลขา GM ไปสัมภาษณ์แล้วผ่าน ตอนนั้นยอมรับว่าคิดหนักเหมือนกัน เพราะเป็นคนติดเมืองไปซะแล้ว ไม่อยากย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดซักเท่าไหร่ ประกอบกับเริ่มชอบการเป็นอาจารย์ ได้คิดได้ทำในสิ่งทำเราอยากทำ เริ่มสนิทกับเด็กนักศึกษา ถึงแม้จะไม่ค่อยพอใจระบบบริการงานการศึกษาของที่นี่เอาซะเลย ก็ยังคิดว่าทนไหว แต่การได้เข้าทำงานรีสอร์ทเครือข่ายดังระดับ 5 ดาว ก็เป็นโอกาสที่ดีมากๆ ซะด้วย ผลสุดท้ายเราก็เลือกที่จะไปชาวเกาะที่เกาะสมุย



ทำงานอยู่เกาะสมุยได้เกือบ 2 ปี ได้อะไรใหม่เยอะมาก ปกติเลขา GM จะไม่ค่อยได้มีโอกาสเท่านี้ แต่อยู่ที่นี่เลขา GM เป็นระดับ manager คนหนึ่ง ได้ทำงานหลายอย่างที่นอกเหนือไปจากงานประจำที่เกี่ยวข้องกับเอกสารเป็นส่วนใหญ่ เช่น ได้สัมภาษณ์เคัดเลือกพนักงานบื้องต้นช่วงก่อนเปิดรีสอร์ท ได้เป็น facilitator หรือ ผู้ช่วยการฝึกอบรม ได้จัดดอกไม้ จัดสถานที่ของงานเลี้ยง เป็นผู้ต้อนรับแขก แนะนำห้องพักให้แขก ได้เป็น manager on duty ไปคุยกับแขก สอบถามปัญหาที่แขกเจอ





เราผูกพันกับที่นี่มาก ที่นี่เป็นมากกว่าที่ทำงาน ตั้งแต่ทำงานมา ที่นี่เป็นที่ทำงานที่ทำแล้วมีความสุขมากที่สุด เพื่อนร่วมงานและหัวหน้างานดีสุดยอด ตัวงานเป็นสิ่งที่ทำให้เราเบื่อ เหมือนไม่ค่อยได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน หลังจากกลับจากเที่ยวสวิสกับครอบครัวก็ตัดสินใจลาออก น้องสาวส่งรายละเอียดการรับสมัครอาจารย์ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งมาให้ ชุกละหุกสุดๆ ในการตัดสินใจขึ้นเครื่องบินจากสมุยมาสัมภาษณ์ที่กรุงเทพถึง 2 ครั้ง ที่นี่มีสอบสอนด้วย ซึ่งตอนแรกก็เป็นกังวลเหมือนกันเพราะไม่ได้สอนมานานแล้ว แต่พอเอาเข้าจริงเรากลับทำตัวสบายๆ เพราะตอนนั้นคิดเอาว่าถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ไหนๆ วิทยาลัยก็ไกลบ้านอยู่แล้ว แต่ยังไงไม่รู้อยู่ๆ ก็ได้รับการแจ้งว่าทางวิทยาลัยตัดสินใจว่าจ้างในตำแหน่งอาจารย์ประจำ และแล้วก็ถึงวันหนึ่งที่ทำให้เราได้มีโอกาสได้กลับมาเป็นอาจารย์อีกครั้งหนึ่ง คราวนี้เหมือนฟลุ๊คๆ และชุกละหุกมากๆ หลังจากเคลียร์งานที่เก่าถึง 4 ทุ่ม เราก็ต้องย้ายของและขับรถกลับกรุงเทพในวันรุ่งขึ้น เหนื่อยเหมือนตัวจะขาดออกจากกัน หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วัน อาจารย์หน้าใหม่คนนี้ก็ได้เริ่มงานอีกครั้ง เป็นกำลังใจให้อาจารย์ใหม่คนนี้ด้วยนะ

Create Date : 24 มิถุนายน 2551		4 comments
Last Update : 7 สิงหาคม 2551 9:57:25 น.
Counter : 2765 Pageviews.
Share Tweet