อ่านบทความ “การเลือกกองทุนรวมอย่างรวดเร็วโดยใช้ Risk Map” ได้ที่ //www.bloggang.com/viewdiary.php?id=topstock&month=12-2012&date=29&group=2&gblog=5

การลงทุนในปัจจุบันส่วนมากมีลักษณะเป็น Multi-Asset Investment คือ นักลงทุนนิยมลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท เช่นหุ้น ตราสารหนี้ อัตราแลกเปลี่ยน ทองคำ น้ำมัน อินเด็กซ์ และอื่นๆ เป็นต้น ซึ่งสินทรัพย์ต่างๆเหล่านี้มีความเสี่ยงที่ไม่เท่ากัน เช่น ตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำสุด ทองคำมีความเสี่ยงปานกลาง น้ำมันและแร่ธาตุเงินมีความเสี่ยงสูง (ดูรูป 1, ค่าความเสี่ยงอยู่ในแกนนอน เรียกว่า Volatility ส่วนแกนตั้งเป็นผลตอบแทน)

รูปที่1 Risk Map สร้างจากข้อมูลย้อนหลัง 1ปี จากปลายเดือน August 2011

คำถามที่สำคัญคือเราควรจะถือสินทรัพย์เหล่านี้ในสัดส่วนเท่าไร??  เช่น หุ้น 70% และ ตราสารหนี้ 30% เป็นต้น นักลงทุนคงต้องประเมินจากผลตอบแทนและความเสี่ยง วิธีที่สามารถทำได้ง่ายๆ คือการตรวจสอบวัดผลตอบแทนและความเสี่ยงเป็นระยะ เช่น 3 เดือนย้อนหลัง, 1 ปีย้อนหลัง เป็นต้น พิจารณาเหตุการณ์หุ้นตกทั่วโลกในเดือนสิงหาคม 2011 ที่ผ่านมา(รูป 1) ใช้ข้อมูลย้อนหลัง 1 ปี เห็นได้ว่าทองคำเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงแต่ความเสี่ยงปานกลางตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนปานกลางแต่มีความเสี่ยงต่ำสุด สำหรับกลุ่มหุ้นทั้งหมด (จุดสีส้ม) ส่วนมากมีผลตอบแทนติดลบเป็นที่เรียบร้อย เราสามารถใช้ Risk Map คาดเดาสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้นได้ว่านักลงทุนส่วนมากอาจไปถือสินทรัพย์ประเภททองคำแทนหุ้น ลองพิจารณาข้อมูล 1 เดือนย้อนหลังก่อนเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ในรูปที่ 2 เห็นได้อย่างชัดเจนว่าตราสารหนี้รัฐบาลเยอรมันและสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่วนสินทรัพย์ประเภทอื่นติดลบเกือบหมด (นี่เป็นสภาวะที่เรียกว่า flight-to-safety) 

รูปที่2 Risk Map สร้างจากข้อมูลย้อนหลัง 1 เดือนจากปลายเดือน August 2011

ดังนั้นหากนักลงทุนใช้ Risk Map เพื่อติดตามแนวโน้มของสินทรัพย์ต่างๆทั่วโลกเป็นระยะๆ และสม่ำเสมอก็สามารถคาดการณ์ทิศทางการไหลของเงินทุนระหว่างประเทศได้ และสามารถตัดสินใจเลือกประเภทของสัดส่วนสินทรัพย์ที่จะลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นครับ

ถูกใจบทความ คลิ๊ก LIKE Fanpage ได้ที่นี่  

Create Date : 30 ธันวาคม 2555
Last Update : 12 มกราคม 2556 14:58:46 น.		0 comments
Counter : 3127 Pageviews.
Share Tweet