ตอนที่ 6
6 สายตาคมจับจ้องอยู่ที่เจ้าของผมหางม้าที่ถูกมัดรวบไว้จนตึงเธอเกาะห่วงพยุงตัวเองเอาไว้ในท่าที่สบายที่สุดมีกระเป๋าสะพายทำจากผ้าเนื้อหนาใบค่อนข้างใหญ่คล้องอยู่ที่หัวไหล่ผู้คนทยอยขึ้นมาเบียดเสียดยัดเยียดในทุกสถานีที่จอดทำให้ร่างสูงผู้มีใบหน้าสะดุดตาใครต่อใครหลายคน พลอยขยับเข้าไปด้านในและเริ่มจะเข้าใกล้หญิงสาวผู้ครอบครองสายตาของเขาเอาไว้ทั้งหมด ขบวนรถไฟฟ้าในช่วงเวลาเลิกงานไม่ได้ความแตกต่างอะไรมากมายนักกับเวลาเช้าที่ทุกคนต่างก็เร่งรีบที่จะเดินทางไปปฏิบัติภารกิจประจำวันของตนความแออัดของผู้โดยสารเช่นนี้ก็ยากที่จะหลีกเลี่ยง เมื่ออาโปต้องการที่จะเดินทางให้ถึงจุดหมายด้วยระยะเวลาที่รวดเร็วและราคาไม่แพงจนเกินไป ความเหนื่อยล้าทำให้เธอเผลอหลับตาทั้งๆ ที่มือยังเกาะห่วงเอาไว้แน่น ไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหนอีกและไม่คิดที่จะแย่งชิงเก้าอี้ว่างตัวใดหากมีผู้โดยสารลุกเพื่อลงจากสถานี...เธอจึงไม่รู้ว่ามีใครบางคนมองเห็นโอกาสและอาศัยมันในการขยับเข้าไปใกล้จนเกือบชิดแผ่นหลังนั้น เสียงประกาศแจ้งเตือนก่อนถึงสถานีถัดไปดังขึ้นเป็นสถานีปลายทางที่อาโปจะต้องลง หญิงสาวเปิดเปลือกตาขึ้นพลางขยับตัว อ๊าก!... หญิงสาวหันกลับไปทางเสียงร้องที่ดังอยู่ใกล้ๆนั้นก่อนจะผละออกจากจุดที่ยืนอยู่ด้วยความตกใจเมื่อสิ่งที่เห็นคือเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่เธอไม่เคยคิดที่จะอยากเจอเขาอีกกำลังบิดข้อมือของชายคนหนึ่งที่ในมือของผู้ชายคนนั้นปรากฏใบมีดโกนเล็กๆอยู่ ตายแล้ว...แม่หนูถูกกรีดกระเป๋า...ดูสิกระเป๋าขาดเป็นรูเลย เสียคุณป้าคนหนึ่งร้องเอะอะขึ้น...อาโปรีบปลดกระเป๋าสะพายออกมาดูทันที...รอยขาดที่เห็นแม้จะยังไม่มากพอที่จะให้ทรัพย์ของเธอเล็ดลอดออกมาแต่มันก็สร้างความเสียหายอยู่ไม่น้อย ตายแล้ว...กระเป๋าเพิ่งจะซื้อมาใช้ได้ไม่ถึงเดือนเลย ขาดซะแล้ว อาโปทำหน้านิ่ว มองกระเป๋า มองคนร้าย และมองพลเมืองดีด้วยความรู้สึกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง จับมันส่งตำรวจเลยคุณ...เสียงผู้โดยสารร่วมขบวนรถร้องเชียร์ ปล่อยนะถ้าแกไม่อยากตาย คนร้ายขู่ทั้งที่ข้อมือข้างที่ถูกยึดเอาไว้ยังได้รับความเจ็บปวดจากแรงบิด...แต่ดูเหมือนหนุ่มหล่อที่แต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าไม่ได้แสดงสีหน้าใส่ใจคำขู่นั้นเลยแม้แต่น้อย ดูมันสิ...ขนาดนี้แล้วยังทำปากดีอีกกระทืบให้มันสำนึกหน่อยดีมั้ยพวกเรา เสียงหนึ่งดังแทรกขึ้น อย่าเลยค่ะ...จับส่งตำรวจก็พอแล้วอาโปขอร้อง เพราะไม่อยากให้เรื่องมันบานปลายมากไปกว่านี้ ผมตามใจคุณ เสียงทุ้มๆที่เอ่ยกับเธอนั้นนุ่มนวลจนเกิดความรู้สึกร้อนไปทั้งหน้า...อาโปถึงกับนึกด่าตัวเองในใจที่เกิดความรู้สึกหวั่นไหวกับแค่เสียงและสายตาที่มองนิ่งๆ คู่นั้น... เสียงประกาศเมื่อถึงสถานีที่หมายของผู้โดยสารหลายคนดังขึ้นประตูรถไฟฟ้ากำลังจะเปิดออก พร้อมกับผู้โดยสารที่เริ่มขยับตัวไปที่ทางออกแม้จะระวังตัวเท่าไหร่ แต่พื้นที่ว่างก็ที่น้อยนิดนั้นไม่อาจทำให้ชลธิศหลบคมมีดคัตเตอร์อีกเล่ม ที่คนร้ายชักออกมาวาดเข้าที่แขนของเขาเพื่อให้หลุดจากพันธนาการมือที่กำข้อมือคนร้ายเอาไว้มีอันปล่อยออกปล่อยให้มันวิ่งผ่าฝูงชนออกนอกประตูไป เฮ้ย...มันนี้ไปแล้ว...ใครก็ได้เรียกยามที... แย่จริงปล่อยให้คนพกอาวุธเข้ามาได้ยังไงกัน เสียงเอะอะโวยวายลั่นไปทั้งห้องโดยสารในขณะที่ชายหนุ่มยังคงกุมข้อมือที่บัดนี้มีเลือดไหลซึมผ่านเชิ้ตแขนยาวออกมาให้เห็น เป็นยังไงบ้างคะ...ไหนขอดูหน่อย อาโปคว้าข้อมือข้างที่ได้รับบาดเจ็บเข้ามาดูทว่าเลือดที่ซึมออกมานั้นบดบังจนไม่อาจมองเห็นได้ชัด แม่หนูพาพ่อรูปหล่อคนนี้ไปหาหมอเถอะแล้วอย่าลืมแวะแจ้งความด้วยล่ะ เร็วเข้า ประตูจะปิดแล้ว คุณป้าคนเดิมเตือนสติ ค่ะๆๆ...ไปเถอะ...ฉันจะพาคุณไปทำแผลอาโปไม่มีเวลาคิดอ่านสิ่งใด เมื่อเธอพยุงร่างสูงให้เร่งเท้าออกสู่ชานชาลาอันเป็นสถานีที่เธอเองก็ต้องลงที่นี่เหมือนกัน จำได้ว่าแถวนี้มีคลินิกแพทย์อยู่ใกล้ๆนะ...ไหวหรือเปล่า เลือดออกเยอะเลย สีหน้าแสดงออกถึงความกังวลใจของหญิงสาวอยู่ในสายตาของชายหนุ่มแทบจะตลอดเวลาที่ถูกจับจูงไปตามเส้นทาง...บาดแผลที่ได้รับไม่ได้เจ็บปวดหนักหนายิ่งเมื่อเห็นความห่วงใยฉายออกมาจากแววตาที่มักจะหันมามองเขาอยู่บ่อยๆ นั้นอีกทั้งมือนุ่มๆ ที่กระชับอยู่ต้นแขนดั่งว่าเขาได้รับบาดเจ็บแสนสาหัสนั้นชลธิศบอกตัวเองได้เลยว่าเขากำลังมีความสุข ต้องขอขอบคุณคุณจริงๆที่เข้ามาช่วยเหลือจนต้องเจ็บตัว แต่ถ้าต้องมาเสียเลือเสียเนื้อแบบนี้...ฉันยอมให้มันทำงานสำเร็จซะยังจะดีกว่าอาโปบ่นพลางเดินพลาง สายตาก็สอดส่ายมองหาสถานพยาบาล ไม่เป็นไรมากหรอกครับ แผลแค่นี้เองชลธิศเอ่ยปากเป็นประโยคแรก หลังเดินมาได้ไกลพอควร แผลแค่นี้ได้ไง...ดูสิเลือดโชกเลยอาโปหันมาค้านสีหน้ายุ่งเหยิงก่อนจะมองสบตาเขานิ่งดั่งต้องมนต์เมื่อเธอหยุดเดินชั่วขณะ มีอะไรเหรอครับ ชลธิศเอ่ยถามถึงจะชอบที่มีโอกาสได้เห็นใบหน้าของเขาเป็นเงาสะท้อนอยู่ในดวงตาสวยๆ คู่นั้นก็เถอะ ฉันต้องห้ามเลือดให้คุณก่อนสิ...ขืนจูงกันไปทั้งแบบนี้มีหวังเลือดไหลหมดตัวกันพอดี...เดี๋ยวนะคะ อาโปปลดกระเป๋าของเธอลงมาอีกรอบควานหาอะไรบางอย่างภายในนั้น ก่อนจะได้ผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่ออกมา พันห้ามเลือดหน่อยนะคะ...เธอบอกค่อนจะใช้ผ้าพันรอบบาดแผลที่เธอไม่กล้าจะดูละเอียดว่ากว้างลึกเท่าไหร่ อย่างน้อยการพันผ้าเอาไว้แบบนี้ก็ช่วยกันสายตาคนอื่นที่เดินผ่านไปมาได้บ้าง เอาล่ะ...เสร็จแล้ว...อ้าว...คลินิกอยู่ตรงนั้นไงรอยยิ้มผุดขึ้นด้วยความภูมิใจกับผลงานพันแผลของตนเองและดีใจที่สายตาของเธอเหลือบไปเจอสถานที่ที่เธอกำลังมองหาอยู่พอดีเมื่อพาเขาไปรักษาเรียบร้อยแล้วเธอจ่ายค่ายาตอบแทนที่เขาต้องมาเจ็บตัวเพราะช่วยเธอ จากนั้นเธอจะยอมกัดฟันเรียกแท็กซี่เหมาจ่ายส่งเขากลับ แล้วจากนี้ไปก็ทางใครทางมันส่วนเรื่องคนร้าย มันหนีไปได้ก็ปล่อยให้มันหนีไป ไม่นานกรรมก็จะสนองกรรมไปเอง... สิ่งต่างๆ ที่วางแผนเอาไว้กลับไม่เป็นไปตามที่คิดเมื่ออาโปกลับมาถึงอพาร์ตเมนต์ก็ยังคงมีร่างสูงของคนที่เริ่มอ้างบุญคุณเดินตามเข้ามาติดๆ นี่คุณ...ฉันว่าคุณควรจะกลับบ้านไปนอนพักผ่อนนะคะเสียเลือดมากแบบนี้เดี๋ยวได้หน้ามืดเป็นลมเป็นแล้งกันพอดีอาโปหันมาท้าวสะเอวมองเขม็ง นั่นสินะ...ตอนนี้ผมรู้สึกเวียนหัวยังไงก็ไม่รู้รู้สึกเหมือนกำลังจะหน้ามืด ดูท่าจะเพราะเสียเลือดมากอย่างที่คุณว่า ชลธิศเอ่ยทั้งยังทำท่าเหมือนจะเซ โอ๊ะๆ...นี่เป็นจริงๆ เหรออย่าเพิ่งเป็นลมตอนนี้นะ อาโปรีบเข้ามาพยุงเมื่อเห็นอาการโงนเงนของอีกฝ่าย ผมอยากนอนพักสักงีบ... ชายหนุ่มว่า งั้นเดี๋ยวฉันไปเรียกแท็กซี่ มือนุ่มที่จับอยู่ต้นแขนข้างบาดเจ็บถูกมือใหญ่กุมเอาไว้แน่นไม่ยอมให้ผละออกไปได้โดยง่าย ผมคงกลับบ้านไม่ไหว...ขอพักที่นี่... ไม่ได้ อาโปโพล่งออกมาทันควัน ผมจะยืนไม่ไหวแล้ว... ร่างสูงค่อยๆโน้มเข้าหาหญิงสาวตรงหน้า เดี๋ยวๆๆๆ...โอเค...แค่นอนพักครึ่งชั่วโมงนะ...มือนุ่มรีบดันอกกว้างนั้นเอาไว้ให้ห่างเมื่อเธอต้องตกเป็นเป้าสายตาของสมาชิกในอพาร์ตเมนต์เดียวกันรวมไปถึงผู้ดูแลร่างอวบที่เดินยิ้มมาแต่ไกล กลับมาแล้วเหรอคะคุณอาโป...แหม...วันนี้พาแฟนมาด้วยนางสุขใจยิ้มกว้างทั้งเผื่อแผ่รอยยิ้มไปให้ชายหนุ่มที่หญิงสาวตรงหน้าประคับประครองใกล้ชิดอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน คือมะ... สวัสดีครับ...ชลธิศเอ่ยทักทายแม่บ้านวัยดึกขัดคำปฏิเสธของอีกคน สวัสดีค่ะ... สุขใจถึงกับอายม้วนเมื่อได้สบตาคมกล้าของหนุ่มหล่อ ก่อนจะเปลี่ยนสีหน้าทันควันเมื่อนึกอะไรขึ้นได้อ้อ...คุณอาโป...เมื่อกี้ที่พี่เดินผ่านห้องของคุณได้ยินเหมือนมีเสียงอะไรสักอย่างหล่นดังโครมใหญ่...ดูท่าว่าลูกชายจะหาเรื่องซนแล้วนะคะ จริงเหรอพี่สุขใจ อาโปถามหน้าตื่น ค่ะ... แย่ล่ะ...ขอบคุณนะคะที่บอกอาโปพูดจบก็รีบพาร่างสูงเดินขึ้นบันไดตรงไปยังห้องพักที่เธอเช่าอยู่ทันที ลูกชายคุณอายุเท่าไหร่แล้วชลธิศถามขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วๆ ใบหน้าตึงเครียด จนมองดูเหมือนเขากำลังจะเป็นลมไปจริงๆ สามขวบ...กำลังซนเชียว...ว่าแต่เถอะคุณไหวหรือเปล่า...หน้าคุณซีดจัง จากที่ให้เดินขึ้นบันไดเอง เปลี่ยนมาเป็นช่วยพยุงอีกรอบเพราะกลัวว่าคนข้างๆ จะหน้ามืดตกบันไดไปจริงๆ สามขวบ?...แล้วคุณปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวแบบนี้นะเหรอ ไม่เป็นไรหรอกเขาอยู่จนชินแล้วล่ะ...ก็อาจมีทำบ้านเลอะเทอะบ้างตามประสาซน อาโปตอบยิ้มๆอารมณ์ดีขึ้นมาก ผมคงรบกวนคุณเกินไปแล้วล่ะ...หัวใจของเขารู้สึกหวิวๆ ไม่อยากจะเชื่อว่าข้อมูลที่ได้รับมาก่อนหน้านี้จะผิดพลาด มันช่วยไม่ได้นี่คะ...คุณช่วยฉัน...ฉันก็ต้องช่วยคุณตอบแทน...เดี๋ยวนะคะยืนรออยู่ตรงนี้ก่อนขอไขกุญแจเปิดประตูหน่อย อาโปพาร่างสูงมายืนพิงที่ผนังข้างประตูเหลือบมองเขาที่ยืนหลับตาถอนหายใจยาว ก็ให้คิดว่าเขาคงกำลังไม่สบายจริงๆไม่ได้มีลูกไม้อะไร ทันทีที่ประตูเปิดออกสิ่งมีชีวิตหนึ่งก็พุ่งออกมากระโดดเหยงๆด้วยกิริยาที่แสดงความดีอกดีใจที่สุด และสิ่งมีชีวิตที่ว่านั้นก็ทำให้ใบหน้าซีดเผือดของชลธิศดูมีสีสันขึ้นเขาผ่อนลมหายใจออกมาเบาๆ อย่างโล่งอก เมื่อได้ยินคำทักทายของเจ้าของห้องที่ย่อตัวโอบอุ้มเจ้าขนปุกปุยขึ้นแนบอก ว่าไงลูก...ทำซนอะไรอีกครับ...เสียงดังจนป้าสุขใจเอาไปฟ้องพูดพลางลูบหัวลูบหลังสุนัขพันธุ์ขนยาวหน้าสั้นอย่างเอ็นดู เอ่อ...ลูกชายที่คุณหมายถึงคือตัวนี้เหรอ ค่ะ...ทำไมเหรอคะ...หรือว่าคุณแพ้ขนสัตว์อาโปถามกลับ เปล่าครับ...น่ารักดี...พันธุ์อะไรครับชายหนุ่มเอ่ยถามเมื่อขยับตัวเดินผ่านประตูเข้าไปภายในโดยไม่รอให้เจ้าของห้องอนุญาต ชิสุห์ค่ะ...เอ่อ...คุณนอนพักผ่อนตรงนั้นก่อนก็ได้นะคะอาโปชี้มือไปยังเบาะยาวหุ้มด้วยปอกผ้าลายการ์ตูนน่ารัก ที่วางอยู่หน้าจอทีวี ก่อนจะหันไปสนใจขวดโหลพลาสติกที่เคยบรรจุดินสอสีเอาไว้เกือบเต็มแต่บัดนี้มันแตกกระจายอยู่เกลื่อนห้องด้วยฝีมือลูกชายของเธอ ฐานะอย่างคุณ ที่สามารถเข้าไปรับประทานอาหารชั้นดีในภัตตาคารหรูๆราคาแพงๆ ได้ ก็น่าจะมีรถขับ ไม่น่าจะต้องอาศัยรถไฟฟ้าในการเดินทางเลยนี่คะ...ทำไมฉันถึงได้เจอคุณบนรถไฟฟ้าถึงสองครั้งถามพลางเก็บกวาด โดยไม่ได้หันไปมองคนที่เดินเข้าไปเอนหลังลงนอนในที่ที่เธอบอก ผมมีธุระนิดหน่อย...เป็นธุระที่ไม่อยากใช้รถส่วนตัวชายหนุ่มบอก เขาเหลือบตามองหญิงสาวเจ้าของห้องด้วยอาการผ่อนคลาย ก่อนจะหลับตาลง ฉันเลยทำให้คุณเสียงานเสียการ คุณไม่ได้เป็นสาเหตุหรอกอย่ากังวลไปเลย จริงสินะ...เพราะไอ้โจรบ้าคนนั้นเชียวเฮ้อ...เสียดายกระเป๋าชะมัด ซ่อมได้หรือเปล่าก็ไม่รู้ว่าแล้วก็หันมาคว้ากระเป๋าผ้าสภาพใหม่ทว่ากลับมีรอยขาดขึ้นมาดูแล้วก็ถอนหายใจอีกรอบ เฮ้อ...นี่ล่ะนะประเทศไทยอาชญากรรมมีอยู่เกลื่อนเมือง...จนแทบจะไว้ใจใครไม่ได้เลย พอพูดจบเธอก็หันไปมองคนที่เธอเผลอไว้ใจเขาจนถึงขั้นปล่อยให้มานอนหลับตานิ่งอยู่ในที่ที่เป็นส่วนตัวเช่นนี้ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะหลับไปแล้ว...ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆว่า ทำไมเธอกล้าไว้ใจรู้จักมักจี่กันมานานก็ไม่ใช่หรือเพราะครั้งแรกที่เขาช่วยเป็นกำแพงให้เธอได้มีที่ยืนสบายๆ เรื่องแค่นั้นน้ำหนักไม่น่าจะมีพอสำหรับใช้เป้นเหตุผลหรือเพราะเขาเลี้ยงอาหารดีๆ แถมยังพาเธอไปโรงพยาบาลตอนปวดท้องนั่นก็เหมือนจะเห็นแก่กินเกินไป แต่เมื่อคิดถึงครั้งแรกรวมมาจนถึงครั้งสุดท้ายที่เขาช่วยเธอจนถึงกับต้องเลือดตกยางออกมันก็น่าพอจะมีระดับเหตุผลให้ไว้วางใจเขาได้บ้างล่ะ... ช่างเถอะ...จนๆ อย่างเรา จะมีอะไรให้ใครอยากปล้น...เมื่อได้บทสรุปชัดเจนแล้วความสนใจของเธอจึงถูกดึงไปยังสุนัขตัวน้อยที่เดินตามเธอต้อยๆ ทุกฝีก้าว วันนี้ตาเดี่ยวกลับดึกจังโทรหาก็ไม่รับสาย ไปทำอะไรอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้นะคะคุณแม่ คุณนพมาศเอ่ยกับคุณแม่สามีขณะที่กำลังดูรายการข่าวทางทีวีด้วยกันที่ห้องโถง ก็ทำไมไม่โทรถามถวิลดูล่ะ ประมุขของบ้านเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบติดไปทางห้วน จริงด้วยค่ะ...ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวดิฉันต่อสายไปที่คุณถวิลนะคะคุณนพมาศบอก ก่อนจะเดินไปยังแท่นวางโทรศัพท์ ทว่ายังไม่ทันกดหมายเลขเสียงรถก็ดังเข้ามาเป็นสัญญาณให้รู้ว่าคนที่นางรอคอย เดินทางกลับมาแล้ว คงกลับมาแล้วล่ะค่ะ แล้วก็จริงตามนั้นเมื่อทั้งคุณแม่และคุณย่าต่างหันไปมองร่างสูงที่เดินผ่านประตูเข้ามาด้วยท่าทางเหม่อลอย...ผิดปกติในสายตาของผู้สูงวัยทั้งสอง นี่จะไม่คิดทักทายแม่กับคุณย่าเลยเหรอตาเดี่ยวคุณนพมาศร้องทัก เอ่อ...ครับ...ผมกลับมาแล้วครับคุณแม่...คุณย่าชลธิศหันไปปฏิบัติตามคำเรียกร้อง ก่อนจะทำท่าเดินต่อ เดี๋ยว...แกไปไหนมากลับซะค่ำมืดคราวนี้เป็นเสียงซักฟอกห้วนๆ ของคุณหญิงกัลยา ทำงานครับ... ทำงานแล้วทำไมแกถึงกลับบ้านด้วยเสื้อตัวใหม่...ย่าจำได้ว่าเมื่อเช้าแกไม่ได้ใส่ตัวนี้ ชลธิศถึงกลับถอนหายใจเฮือกจะมีคนแกสักกี่คนที่มีความจำเป็นเลิศอย่างคุณย่าของเขานะ... พอดีว่าเสื้อตัวนั้นมันเลอะคราบกาแฟครับจะไปติดต่อลูกค้าก็ดูไม่เหมาะ ผมเลยให้คุณถวิลไปหาเสื้อตัวอื่นมาให้เปลี่ยน วันนี้แม่ถามเลขาฯหน้าห้องของลูกแล้วนะ...ไม่เห็นเขารายงานว่าลูกไปพบลูกค้าคุณนพมาศจ้องเขม็งราวต้องการหาความจริงที่อาจปรากฏอยู่บนใบหน้าหล่อๆ นั้น ผมไปหลังเลิกงาน...ว่าแต่มีอะไรหรือเปล่าครับทำไมวันนี้ถึงอยู่รอซักฟอก ยังกับว่าผมเป็นผู้ร้ายหนีคดีอะไรมาสักอย่างคราวนี้ชลธิศเป็นฝ่ายถามกลับบ้าง เปล่าจ้ะ...แค่เห็นกลับดึกแม่กับคุณย่าเป็นห่วง...แล้วนี่กินอะไรมาหรือยัง แม่จะได้ให้คนทำอาหารไว้รอ เรียบร้อยมาแล้วครับ...ถ้าไม่มีอะไร...ผมขอตัวนะ...เหนื่อยพูดจบชายหนุ่มก็ออกเดินต่อไปโดยไม่คิดสนใจหากใครจะเรียกเขาเอาไว้อีก เมื่อประตูห้องปิดลงชลธิศเดินมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้อง แกะกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวใหม่ที่เขาให้ผู้ติดตามแวะซื้อมาเปลี่ยนแทนตัวเดิมที่มีคราบเลือดเปื้อนแผลที่ข้อมือไม่ได้สาหัสอะไรมากนัก เพราะเขาระวังตัวอยู่แล้วคมมีดนั้นจึงได้สัมผัสผิวเนื้อเพียงแค่เฉี่ยวๆ แต่กระนั้นก็ยังเป็นรอยยาวให้เลือดไหลออกมากเขาก็ต้องระวังและรักษาความสะอาดของบาดแผลให้ดีเพื่อไม่ให้มีการติดเชื้อเกิดการอักเสบขึ้นและเขาก็มีมาตรการในการดูแลรักษาบาดแผลที่ดีที่สุดสำหรับตัวเขาเรียบร้อยแล้ว... ที่ห้องพักในอพาร์ตเมนต์ราคาย่อมเยา อาโปรวบรวมถ้วยชามจานช้อนที่เธอกับแขกที่ไม่เคยคิดว่าจะเชิญมาบ้านเพิ่งรับประทานเสร็จก่อนเขาจะเดินทางกลับตามเวลาที่เธอตั้งเอาไว้...คนอะไรตรงเวลาเป๊ะ...บอกว่าให้นอนพักได้ไม่เกินครึ่งชั่วโมงก็ครึ่งชั่วโมงจริงๆ นอกจากการตรงเวลาของเขาแล้วสิ่งหนึ่งที่อาโปสังเกตได้ก็คือ บุคลิกภาพที่ดูเหมือนทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องดำรงไว้ซึ่งความเป็นระเบียบแม้แต่การใช้ช้อนใช้ตะเกียบในการคีบอาหารส่งเข้าปาก การเคี้ยวการกลืนทุกอย่างล้วนเงียบกริบ ประหนึ่งว่าเธอกำลังนั่งรับประทานอาหารคนเดียวแต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้เธอต้องเก็บเอามาคิดจนถึงเดียวนี้เหมือนอย่างคำพูดก่อนจากของเขา คุณเป็นว่าที่เจ้าสาวของผม...ที่นี่ก็ควรจะมีแค่ผู้ชายคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้นั่นก็คือผม เฮ้ย...ฉันยังไม่ทันตกลงอะไรกับคุณเลยนะเธอคัดค้านด้วยใบหน้าที่ร้อนผ่าว เอาเถอะ...ตอนนี้อาจจะเร็วไปผมยังไม่เร่งรัดคุณ...เมื่อถึงเวลาผมค่อยกลับมาขอคำตอบจากคุณใหม่ก็แล้วกัน โห...ขนาดปฏิเสธไปชัดเจนแบบนั้นแล้วนะ...เฮ้อ... อาโปถอนหายใจเฮือก ยังไงเธอก็ยังคงเลือกที่จะทำตามความฝันตัวเองเธอไม่ยอมให้มีอุปสรรคไหนมาขัดขวางความฝันของเธอโดยเด็ดขาด...ต่อให้อุปสรรคนั้นจะมีอานุภาพมากถึงขนาดสั่นคลอนหัวใจของเธอทุกครั้งที่เห็นก็ตามทีเพราะเธอยังเชื่อว่าคำพูดพวกนั้น หาความเป็นไปได้แทบจะมีระดับความน่าเชื่อถืออยู่ที่ศูนย์เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2560 20:28:06 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1763 Pageviews. |
|
|