4
เช้าวันต่อมา ณ คฤหาสน์นรานุรักษ์ที่ดูเหมือนวันนี้คุณชายของบ้านจะมีพฤติกรรมที่ดูแปลกไปกว่าปกติ ให้สมาชิกของบ้านจับสังเกตได้
ไปอะไรไป...ทำไมวันนี้ดูเหม่อ ๆล่ะลูก แล้วเรื่องดูตัวเมื่อวานเป็นยังไงบ้าง นพมาศเอ่ยถามบุตรชายที่ยังถือแก้วกาแฟค้างไม่มีทีท่าว่าจะยกขึ้นจิบ อีกทั้งหนังสือพิมพ์ที่กางอยู่ตรงหน้านั่นอีกดูเหมือนจะไม่ได้รับการใส่ใจจากความอ่านเลยแม้แต่น้อย
ตาเดี่ยว...ได้ยินแม่ถามหรือเปล่าคุณนพมาศเพิ่มระดับความดังของเสียงอีกเท่าตัว
เอ่อ...อุ้ย...กาแฟถึงกับกระฉอกออกจากถ้วย เมื่อคนถูกถามสะดุ้งตื่นจากภวังค์
อะไรนะครับ... ชายหนุ่มถามกลับ
แม่แกถามเรื่องดูตัว...เป็นยังไงบ้างเมื่อวานหายไปตั้งครึ่งค่อนวัน พาคู่ดูตัวไปเที่ยวไหนต่อหรือเปล่าคุณหญิงกัลป์ยาผู้เป็นยายเป็นคนถามซ้ำอีกรอบ
ก็ดีครับ ไม่ได้พาไปไหนต่อพอดีเขาปวดท้องผม ผมพาไปโรงพยาบาลแล้วไปส่งเขาที่อพาร์ตเม้นต์ชลธิศเอ่ยตามความจริงที่เกิดขึ้น
ทำไมถึงปวดท้องล่ะหรือว่าเขาสุขภาพไม่ดี...นี่แม่นพเธอจะหาสะใภ้ขี้โรคมาให้ฉันเหรอคุณย่ากัลยาหันไปเอาเรื่องกับสะใภ้
เปล่านะคะคุณแม่...เท่าที่สืบประวัติมาหนูไอรดาสุขภาพร่างกายแข็งแรงดีค่ะ...ว่าแต่ลูกพาไปกินอะไรผิดสำแดงหรือเปล่าจ๊ะนพมาศอธิบายเรื่องราวให้ แม่สามีฟัง ก่อนจะหันไปถามความจริงจากบุตรชาย
ไม่หรอกครับ อาหารอร่อยมากผมสั่งมาเยอะไปหน่อย นี่ยังบ่นให้ผมด้วยนะครับ ว่าสั่งมาเยอะแยะสิ้นเปลืองเขากลัวเสียของเลยรับประทานเข้าไปเยอะเกิน
อืม...ก็ถือว่าใช้ได้ล่ะคุณยายพยักหน้ายอมรับว่าผ่านการพิจารณาไปอีกข้อ สรุปแล้วว่าไง ผลการดูตัวคุณย่าถามปิดท้าย
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่ใหญ่สมองของเขาประมวลเรื่องราวต่าง ๆตั้งแต่เริ่มพบกันครั้งแรกบนรถไฟฟ้า จนกระทั่งถึงบ่ายวานกับการดูตัวที่ดูเหมือนจะผิดฝา ทว่าเขากลับพอใจที่มันเป็นเช่นนั้น
ผมไม่มีปัญหาครับชายหนุ่มตอบออกไปในที่สุด
ฮะ! แม่หูไม่ฝาดใช่ไหมลูก
ทั้งมองบุตรชายเขม็งเพื่อดูการยืนยันคำตอบของเขาแล้วก็แทบกระโดดตัวลอยที่เห็นใบหน้าคมคายนั้นพยักหน้าช้าๆเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าสิ่งที่นางได้ยินและเข้าใจนั้นถูกต้องแล้ว
คุณแม่ขา...ตาเดี่ยวโอเคแล้วค่ะ...นางหันไปเอ่ยกับแม่สามีด้วยความดีใจ เมื่อภารกิจหาลูกสะใภ้ ในที่สุดก็เป็นผลสำเร็จอย่างนี้ต้องโทรไปบอกคุณพ่อกับคุณแม่ของหนูไอรดาแล้วล่ะ
ด้วยความตื่นเต้นดีใจทำให้นพมาศลืมไปว่าเวลานี้คือเวลาอาหารเช้าและสถานที่ที่นางจะต้องติดต่อโทรศัพท์ไปถึงเป็นช่วงเวลาที่ห่างจากประเทศไทยหลายชั่วโมง
เดี๋ยวครับคุณแม่ ชลธิศเรียกไว้ก่อนความเข้าใจของมารดาจะก่อให้เกิดความยุ่งยาก
อะไรจ๊ะใบหน้ายังเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
คือว่า...คนที่ผมดูตัวไม่ได้ชื่อไอรดาครับ...เธอชื่ออาโป
ว่าไงนะ!เสียงที่ร้องถามของของแม่สามีและลูกสะใภ้ดังขึ้นพร้อม ๆ กันทั้งมองเขม็งตรงไปยังคนที่บัดนี้วางหนังสือในมือลงแล้วเริ่มลงมือรับประทานอาหารเงียบ ๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เธอชื่ออาโปครับ...ผมจะแต่งงานกับเธอชลธิศตอบ หลังจากรับประทานอาหารเช้าไปได้หลายคำ แล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มบอกให้รู้ว่าอิ่มวันนี้ผมจะเข้าไปที่บริษัททัวร์ของเราสักหน่อย จะไปดูระบบงานที่นั่น...บางทีอาจจะย้ายตัวเองไปนั่งบริหารงานที่ตึกนั้นเลย...ผมไปล่ะครับคุณย่า...คุณแม่
เฮ้ย...เดี๋ยวสิตาเดี่ยว...ธุรกิจท่องเที่ยวมันเป็นแค่กิจการเล็กๆ เท่านั้นนะ เสียงมารดาตะโกนตามหลังไปติด ๆ
แล้วแม่อะไรนั่นที่แกจะแต่งงานด้วยเป็นลูกเต้าเหล่าใครกลับมาเล่าให้ย่าฟังเดี๋ยวนี้
ทว่าร่างสูงของชลธิศก็เดินจากไปโดยไม่ได้หันกลับมาอธิบายอะไรเพิ่มเติมคงมีแต่ผู้ติดตามที่หิ้วกระเป๋าเอกสารเดินตามหลังไปติด ๆ ไม่มีโอกาสได้แสดงความคิดเห็นหรือตอบคำถามใดๆที่ประมุขของบ้านอยากรู้เลยแม้แต่ข้อเดียวเช่นเดียวกัน
ในวันทำงานที่อาโปก็ยังต้องมาทำงานตามปกติถึงแม้อารมณ์ยังค้างความหงุดหงิดอันเกิดจากเหตุการณ์ระทึกที่เกิดขึ้นเมื่อวันวานยังไม่ทันจางจากใจไปเลยแม้สักครึ่งซึ่งสิ่งที่พอประเมินได้สำหรับสาเหตุของอารมณ์บูดที่พกพามาทำงานด้วยก็เห็นจะเป็นความหงุดหงิดให้ตัวเองที่ไม่อาจปฏิเสธความช่วยเหลือผู้ชายรูปหล่อคนนั้นทั้งเรื่องเล็กๆ ไปจนถึงเรื่องใหญ่ ตั้งแต่การพาเธอไปส่งโรงพยาบาลโดยที่เธอไม่มีโอกาสได้เดินเข้าพบแพทย์เลยสักก้าวไม่ยอมแม้จะวางเธอลงบนรถเข็น ทั้ง ๆที่อาการท้องอืดเฟ้อจากการรับประทานอาหารมากเกินไป ไม่ใช่ภาวการณ์เจ็บป่วยที่ร้ายแรงอะไรเลยเสร็จจากหาหมอ รับยา จ่ายค่ารักษาพยายามเรียบร้อยแล้ว
แน่นอนเมื่อเขาบังคับให้เธอไปโรงพยาบาลหน้าที่รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทั้งหมด เธอยกให้เขาอย่างไม่คิดอิดออด เท่านั้นยังไม่พอเขายังทำการบังคับให้เธอบอกทางไปส่งถึงที่พักซึ่งเวลานั้นเธอโทรศัพท์หาเพื่อนจนมือแทบหงิกแต่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการตอบกลับเลยสักครั้ง
ยัยไอซ์นะยัยไอซ์คอยดูเถอะเจอหน้าจะเฉ่งให้หูชาเลยเชียวโทษฐานที่โทรไปแล้วไม่ยอมรับสาย อาโปคาดโทษให้เพื่อนรักที่หมายหัวให้เป็นจำเลยที่หนึ่ง
มันก็ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วหากไอรดาไม่ยัดเยียดให้เธอไปทำหน้าที่คนบอกปัดการดูตัวครั้งนี้ ก็คงไม่ต้องมาเจอผู้ชายที่มีดวงไม่สมพงศ์กันคนนี้เจอกันครั้งไหนก็มีแต่เหตุให้เกิดเรื่องขายหน้าซะทุกครั้ง และเธอก็คงไม่ต้องมารู้สึกอึดอัดกลืนไม่เข้าคลายไม่ออกเพราะถูกบังคับให้รับข้อเสนอเรื่องแต่งงาน
บ้า...พูดอะไรเป็นการ์ตูนไปได้รู้จักก็ไม่รู้จัก แถมไม่ได้มาทำหน้าที่ดูตัวแทนสักหน่อยจะให้มารับผิดชอบเรื่องพรรค์นั้น...มั่วไปแล้วบ่นพลางค้อนปะหลับปะเหลือกให้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่เพิ่งจะเปิดหน้าหลักขึ้นโชว์
เป็นอะไรอาโปพูดกับคอมพิวเตอร์ก็เป็น...ดูท่าจะอาการหนัก
เสียงต้นเหตุดังขึ้นอย่างคนอารมณ์ดีทว่าคนที่ถูกทักทายไม่ได้อารมณ์ดีตามเธอเพียงหันไปส่งสายตาพิฆาตไปยังเพื่อนที่ดูเรื่อเริงอารมณ์ดีผิดปกติเหมือนไม่รู้ความผิดของตัวเองที่ก่อเอาไว้เมื่อวาน
โอ๊ย...อย่ามองด้วยสายตาอย่างนั้นสิ...มันทำให้ฉันคิดไปถึงคุณยายวรนาถไอรดาเอ่ยถึงชื่อตัวละครในละครสยองขวัญที่เธอชอบดู
ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี เมื่อวานไปไหนฉันโทรไปทำไมไม่รับสาย แถมยังปิดเครื่องเงียบกริบ ห้ามบอกเด็ดขาดนะว่าแบตเตอรี่หมดอาโปได้โอกาสคาดคั้น
ฉันก็ไปรอแกที่ร้านกาแฟร้านนั้นไงที่เราตกลงกันไว้...อย่ามาพูดดีเลย รออยู่เป็นชั่วโมงไม่เห็นแกมาสักทีแค่ให้ไปปฏิเสธการดูตัว มันปฏิเสธยากเย็นขนาดนั้นเชียวเหรอ ไอรดาสวนกลับทำเอาคนที่ตั้งท่าคิดบัญชีถึงกับอึ้ง
ก็...ก็...มันเป็นมารยาทนี่นา...อะไรกันจะให้เดินไปบอกว่า ขอโทษด้วยนะคะ คุณไอรดาไม่สนใจการดูตัวครั้งนี้หรอกค่ะเธอมีแฟนแล้ว เชิญคุณหาคนใหม่เถอะ อย่างนั้นเหรอ... ถ้าไม่คิดถึงมารยาทก็ต้องคิดเห็นอกเห็นใครคนที่เขาอุตส่าห์เสียเงินจองห้องวีไอพีสั่งอาหารระดับที่ให้เงินเดือนฉันสามเดือนรวมกันก็ไม่รู้จะจ่ายไหวหรือเปล่าเตรียมเอาไว้รอ...ฉันไม่ได้รวยเป็นเศรษฐี มีเงินถุงเงินถังอย่างแกนี่หว่าที่จะปล่อยให้อาหารบนโต๊ะไร้การเหลียวแล...ก็แค่ไม่อยากให้เสียของ
สรุปที่ช้าเพราะเห็นแก่กินว่างั้นเถอะไอรดามองเพื่อนเขม็ง
เปล่าซักหน่อย ไม่ได้เห็นแก่กินแต่... ฉันไม่สบายต่างหากล่ะ อาโปแก้ตัวเสียงอ้อมแอ้ม ซึ่งจริง ๆแล้วเหตุที่ทำให้ไม่สบายก็มาจากเรื่องกินล้วน ๆ
ฮะ! แกไม่สบาย เป็นอะไรมากหรือเปล่าแล้วนี่หาหมอหรือยัง...ถ้าป่วยก็น่าจะลาหยุดนอนพักอยู่บ้าน จะฝืนสังขารมาทำไมไอรดาโพล่งขึ้นมาด้วยความตกใจ
เห็นท่าทีเป็นห่วงเป็นใยของเพื่อนแล้วอารมณ์บูด ๆ ที่มีก็พลอยดีขึ้น เรื่องคิดบัญชีจึงค่อยถูกลบเลือนลงไปด้วย ไปหาหมอแล้ว หายแล้ว
ไม่อยากเชื่อ อย่างแกนี่นะไปหาหมอขี้เหนียวตังเมเรียกพี่นี่นะ ไอรดามองเพื่อนด้วยสายตาที่บอกชัดเจนว่าไม่เชื่อ
คู่ดูตัวของแก เขาเป็นคนพาไปน่ะ...ฉันเองก็ไม่อยากจะไปหรอกแกก็รู้ แถวนั้นมีแต่คลินิกกับโรงพยาบาลเอกชน ค่ารักษาแพงหูฉี่ให้ฉันจ่ายค่ารักษาที่เป็นแค่อาการอาหารไม่ย่อยฉันไปหาซื้อยาจากร้านขายยายังจะถูกกว่า แต่...เขาออกค่ารักษาให้เสร็จสรรพแถมยังพาไปส่งที่ อพาร์ตเมนต์อีก ไม่ต้องเสียค่าหมอ ไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารก็พอหยวนๆ ล่ะ
อืม...นอกจากจะมีความหล่อ และความรวยเป็นคุณสมบัติหลักแล้วยังเป็นสภาพบุรุษด้วย...ถือว่าไม่เลวเลย
แกรู้จักเขาด้วยเหรอหญิงสาวหันไปมองเพื่อนด้วยสีหน้างุนงง
หล่อ รวย ชาติตระกูลดีการศึกษาสูงส่ง แบ็คกราวด์เยี่ยมขนาดนั้น ใครไม่รู้จักก็อยู่หลังเขาแล้ว
ฉันไม่เห็นจะรู้จักเลยคนแย้งทำหน้ามุ่ย...
แกอยู่หลังเขาไง
บ้า...มีอย่างอื่นที่น่าสนใจว่าออกจะเยอะแยะทำไมฉันต้องมาสนใจผู้ชายที่ไม่ได้เกี่ยวดองเป็นญาติเป็นเชื้อด้วยล่ะ...ว่าแต่...ตอนที่ฉันเข้าโรงบาล ฉันพยายามโทรหาแก ทำไมแกไม่รับ บอกมาเดี๋ยวนี้ แล้วเธอก็คิดออกถึงสิ่งที่คาใจหลังถูกเพื่อนดึงให้ไขว้เขวออกทะเลไปไกล
คือว่าฉัน...ไอรดาคิดไปถึงใบหน้าคมคายของผู้จัดการหนุ่มและเด็กหญิงตัวน้อยที่มีแรงดึงดูดมากพอจะทำให้เธอลืมนัดหมายที่มีไว้กับเพื่อนแล้วไปเที่ยวสวนสนุกกับพวกเขาแทน
เอ่อ...เฮ้ย...ลืมไปเลยฉันมีงานด่วนที่ต้องออกเก็บข้อมูลส่งผู้จัดการก่อนเที่ยงนี่นา...ไว้ค่อยคุยกันนะ...ไปล่ะ
แล้วไอรดาก็หาช่องหนีเอาตัวรอดไปในทันทีทำให้คนที่กำลังต้องการคำตอบอันเป็นเหตุผลที่ทำให้เธอต้องมาตกกระไดพลอยโจนครั้งนี้มีอันอ้าปากค้างมองเพื่อนเดินแกมวิ่งไปคว้ากระเป๋าถือบนโต๊ะทำงานแล้วผ่านออกไปทางประตูกระจก
โอ๊ย...หนีไปจนได้นะยัยไอยรา...เฮ้อ...
ไอรดาวิ่งออกยืนลูบอกหอบหายใจอยู่ที่หน้าลิฟต์...รู้สึกโล่งอกที่หาเรื่องหนีจากการซักฟอกออกมาได้แต่เมื่อนึกไปถึงบางสิ่งที่เธอยังไม่ทันได้รู้ผล ก็ต้องหายใจเฮือก...
เฮ้อ...ยังไม่รู้เลยว่าส่งอาโปไปช่วยปฏิเสธทางฝ่ายนั้นจะว่ายังไง แม้จะอยากรู้แต่เชื่อว่าอีกไม่นานเธอก็ต้องรู้อยู่ดีเรื่องนั้นจึงไม่ได้สำคัญกับเธออีกต่อไปเมื่อเทียบกับเรื่องที่เธออยากเก็บไว้เป็นความทรงจำคนเดียวเพราะคงไม่ใช่เรื่องดีแน่หากจะเล่าเรื่องหัวใจที่ไปข้องแวะกับคนมีเจ้าของให้คนอื่นฟังถึงแม้คนนั้นจะเป็นเพื่อนรักเพื่อนสนิทกันขนาดไหนก็ตาม
จะออกไปธุระเหรอครับ
เสียงทุ้ม ๆ ดังขึ้นข้างหลังฟังคุ้นหูชวนให้นึกถึงใครบางคนที่แค่เงาของเขาก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่เป็นส่ำ แต่นี่ไม่ใช่แค่เงาทว่าเขามายืนเคียงข้างเธอแบบตัวเป็น ๆ เลยที่เดียว
เอ่อ...ค่ะ...คือ...เรื่องงาน...ไอรดาตอบเบา ๆ กลัวเขาจะเข้าใจผิดว่าเธออู้งาน จึงต้องมีคำอธิบายเล็ก ๆ แนบไปด้วย พลางมองซ้ายมองขวาว่าจะมีพนักงานคนไหนต้องการโดยสารลิฟต์เที่ยวนี้ด้วยกันกับเธอบ้าง
ผมก็กำลังจะไปข้างนอกอยู่พอดีผู้จัดการหนุ่มเอ่ย ทั้งก้าวเท้าเข้าไปในลิฟต์ก่อนหญิงสาวไปยืนกดบังคับการเปิดปิดประตูกระทั่งผู้ร่วมเดินทางเข้ามายืนเรียบร้อยชั้นไหนครับ
ชั้นหนึ่งค่ะ...
ไม่ใช่ติดต่องานแผนกอื่นเหรอครับผู้จัดการหนุ่มถามด้วยความสงสัย
เปล่าค่ะ...ดิฉันจะไปติดต่อเรื่องข้อมูลที่สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยค่ะ
โอเค...ผมกำลังจะไปที่นั่นพอดีชายหนุ่มเอ่ย แล้วเขาก็หันไปกดลิฟต์ให้หยุดลงที่ชั้นล่างสุดซึ่งนั่นไม่ใช่ชั้นหนึ่งอย่างที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาบอกตอนแรก
ไอรดาขยับเข้ามาใกล้ทั้งเอื้อมมือจะกดหมายเลขทว่าเธอก็ต้องชะงักมือเมื่อคนที่อยู่ใกล้กว่าขยับเข้ามาบังทั้งยังเอ่ยในบางสิ่งที่ทำให้หัวใจเธอกระตุกวาบ
ทางเดียวกัน ไปด้วยกันเถอะครับถือเป็นการแสดงความขอบคุณเรื่องเมื่อวาน ที่คุณอุตส่าห์พายัยหนูของผมเข้าห้องน้ำ วสันต์หันมายิ้มอบอุ่นให้
โอ๊ย...แค่ขยับมายืนใกล้ๆ ใจก็หวิวๆนี่เล่นส่งยิ้มมาอีก ละลายแล้วใจฉัน...
เรื่องเล็กน้อยค่ะบอสเธอยิ้มตอบบ้าง
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นการขอบคุณที่คุณสละเวลาไปเที่ยวสวนสนุกเป็นเพื่อนยัยหนู...ทำให้คุณต้องมาเสียเวลา...วสันต์หาเหตุผลใหม่
ไม่เป็นไรค่ะ...ตอนนั้นกำลังว่างอยู่พอดีอย่าถือเป็นบุญคุณเลยนะคะ...
เมื่อนี่คือโอกาสที่จะได้อยู่ใกล้ชิดคนที่ชอบถึงเขาจะมีเจ้าของแล้ว เป็นชู้ทางใจก็ไม่ใช่ปัญหานี่นะเธอควรสร้างความสนิทสนมกับเขาเอาไว้ อย่างน้อยก็จะได้เข้าใกล้ได้ชื่นอกชื่นใจกันแบบเนียน ๆ ล่ะ...ความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในสมองทันที แต่ถ้าบอสอยากจะตอบแทนจริง ๆ ก็ได้ค่ะ...ปีนี้ขอเงินเดือนขึ้นอีกสิบเปอร์เซ็นต์นะคะ
พอไอรดาเอ่ยออกไปเท่านั้นบรรยากาศในลิฟต์ก็เงียบกริบแม้กระทั่งสีหน้าของเจ้าของดวงตาคมกริบคู่นั้นยังนิ่งสนิท ชวนให้คนพูดถึงกับใจฝ่อทำหน้าไม่ถูก
เอ่อ...ไอซ์...แค่ล้อเล่นค่ะ
ไอรดาถึงกับล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดเหงื่อกิริยาท่าทางของเธอคงดูตลกจนบอสของแผนกถึงกับระเบิดเสียงหัวเราะออกมา...
อ่า...ครับ...อันนี้ต้องดูผลงานและผลกำไรประกอบถ้าเข้าเป้า ผมจะคิดถึงคุณเป็นคนแรกเลยครับ ฮ่าๆๆๆ
แหะๆๆๆ ...ขอบคุณค่ะ...แหม...บอสเล่นแบบนี้ทำเอาไอซ์ขวัญกระเจิงไปไหนแล้วก็ไม่รู้หญิงสาวลูบอกปรอยๆ
ชอบจังครับ
คะ?รู้สึกได้ถึงอาการร้อนฉ่าที่ใบหน้า
ชื่อไอซ์น่ะครับคุณเรียกชื่อแทนตัวแบบนี้ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเข้าถึงและเป็นกันเองกับพนักงานขึ้นเยอะ...อย่าเปลี่ยนนะครับเรียกชื่อแทนตัวเองแบบนี้แหละ
เอ่อ...ค่ะ...เฮ้อ...สุดท้ายเธอก็ต้องแอบถอนหายใจ เมื่อสิ่งที่คิดไม่ได้เป็นไปอย่างที่ต้องการให้เป็นแต่ก็ยังดี อย่างน้อย เขาก็ยอมรับว่าต้องการความสนิทสนมกับพนักงานอย่างเธออยู่เหมือนกัน
ในขณะที่อาโปกำลังพยายามปลดปลงกับชีวิตพยายามเลิกคิดถึงใบหน้าหล่อเหลาคมคายของชายหนุ่มที่เพียงครั้งแรกที่เจอเธอก็ถลาเข้าไปซุกอยู่กับอกกำยำของเขา เท่านั้นยังไม่พอ เจอกันเพียงหนที่สองเธอยังต้องตกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอีก ยังไม่พอ ยังจะมายัดเยียดความเพ้อฝันที่ยังไงก็ไม่มีทางเป็นจริงไปได้มาให้ซะอีก
คุณก็ต้องรับผิดชอบแต่งงานกับผมแทนเพื่อนของคุณ...ชิชิพูดออกมาได้...ยอมตามก็โง่แล้วหญิงสาวบ่นงึมงำ ก่อนพยายามเบนความสนใจไปที่จอคอมพิวเตอร์ที่เปิดอยู่ข้างหน้าทว่าไม่เท่าไหร่ ก็มีสิ่งที่สามารถดึงความสนใจของเธอออกไปอีกจนได้
ทุกคนฟังทางนี้...
เสียงแหลมเล็กแต่ทรงอำนาจดังขึ้นไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมองก็รู้ว่าเป็นนางมารลี้มกโชว หรือในชื่อจริง ๆ ว่าคุณไพลินไม่รู้ว่าวันนี้นางมีข่าวอะไรมาป่าวประกาศ ดูท่าว่าคงสำคัญและเร่งด่วนอยู่ไม่น้อยเพราะนางใช้วิธีป่าวประกาศแทนวิธีเรียกประชุม ฉะนั้นอาโปจึงคิดว่าเธอสมควรจะเงยหน้าสบตานางหน่อยเพื่อแสดงออกให้รู้ว่าเธอยังให้ความสนใจในเรื่องที่นางจะบอกอยู่เช่นกัน
ในสัปดาห์นี้จะมีคณะกรรมการฝ่ายบริหารเข้ามาตรวจสอบกิจการของเราข่าวแจ้งมาว่าท่านประธานกรรมการมาตรวจสอบด้วยตัวเอง ท่านจะดูทุกงาน ทุกระบบเพราะฉะนั้น ขอให้ทุกคนเคลียร์งานของตัวเองให้เรียบร้อยและเป็นปัจจุบันออย่างเร่งด่วน
พอไพลินพูดจบก็มีเสียงอื้ออึงจากเหล่าพนักงานดังขึ้น...ก่อนจะมีคำถามอีกหลายๆ คำถามตามมาให้คุณไพลิน ผู้ดำรงตำแหน่งหลายตำแหน่งได้ตอบคำถาม
ได้ข่าวว่าท่านประธานยังโสดแถมยังหนุ่มฟ้อหล่อเฟี้ยว ใช่ไหมคะ เสียงพนักงานสาวคนหนึ่งถามขึ้น
โสดจริงแต่ถ้าเธอคิดจะอ่อยล่ะก็...กรุณาเก็บเงินไว้ให้เยอะ ๆ หน่อยก็แล้วกัน คุณไพลินตอบ
ทำไมคะ...ท่านรังเกียจคนจนเหรอคะ
เปล่า...
อ้าว...
เธอจะได้เอาเงินไปทำศัลยกรรมที่เกาหลีไง...แต่ฉันว่าอย่างเธอทำบุญเยอะๆแล้วไปเกิดใหม่น่าจะง่ายกว่า
โห...เสียงโห่แกมเสียงหัวเราะดังสนั่นห้อง
เอ...มันเกิดอะไรขึ้นนะ กิจการทัวร์ของเราก็อยู่ในเกณฑ์ดีทำกำไรทะลุเป้าทุกปี ทำไมจู่ ๆถึงมีการเข้ามาตรวจสอบกิจการ...หรือว่าบริษัททัวร์ของเรากำลังจะถูกขายทอดตลาดพนักงานหนุ่มอีกคนแสดงความสงสัย ทำให้พนักงานคนอื่นๆ พลอยคิดตามไปด้วย
อันนี้ฉันเองก็ยังไม่ทราบรายละเอียดแต่เชื่อว่าคงไม่มีเรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นแน่นอน
ว่าแต่...ท่านจะเริ่มเข้ามาตรวจสอบงานของพวกเราวันไหนคะ
ได้รับแจ้งมาว่าเริ่มวันพรุ่งนี้...อาโป...ไพลินหันไปเรียกพนักงานที่ถูกเสนอชื่อให้ประสานงานกับกรรมการผู้ตรวจสอบ
คะ... หญิงสาวรีบขานรับหน้าตื่น
งานนี้เธอจะเป็นคนรับผิดชอบตามงานของทุกคนแล้วนำขึ้นไปส่งให้คณะกรรมการเดี๋ยวจะมีตารางคิวออกมาว่าของใครจะถูกตรวจสอบเป็นลำดับแรก
ให้ดิฉันเหรอคะ
ใช่...เธอนั่นแหละมีปัญหาอะไรหรือเปล่า
มะ...ไม่มีค่ะ
ถ้าไม่มีคำถามอะไรอีก...ก็ขอให้ทุกคนตั้งใจทำงานกันให้ดีโบนัสปีนี้อาจขึ้นอยู่กับการตรวจสอบงานครั้งนี้ก็เป็นได้ สู้ ๆ นะพวกเราไพลินให้กำลังใจก่อนจะจบประกาศที่เร่งด่วนนั้นแล้วเดินกลับเข้าห้องทำงานของตนไป
นี่เธอต้องรับผิดชอบหอบเอกสารไปส่งที่ชั้นบนสุดของตึกเหรอ...จริงๆ มันก็ไม่ใช่ภาระใหญ่โตอะไรหรอก แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่า บนชั้นนั้นเธอไปเคยเหยียบย่างเข้าไปเลยแม้แต่ครั้งเดียวนอกจากที่ระเบียงด้านนอกของตึกที่เธอใช้เป็นที่รับประทานข้าวกล่องอยู่บ่อยครั้งในช่วงเดือนที่มีความจำเป็นต้องรัดเข็มขัด
เอาเถอะ...คงไม่มีอะไรน่ากลัวสำหรับเธอหรอกน่า...คิดแล้วก็ให้รู้สึกหิว เมื่อมองนาฬิกา ก็พบว่าเข็มสั้นและเข็มยาวของนาฬิกาได้ทาบทับลงบนหมายเลขสิบสองเรียบร้อยแล้ว
ไปเถอะพวกเรากินข้าวกัน...เสียงชวนดังอื้ออึงราวกับนัดหมาย
อาโป ไปกินข้าวกันเถอะเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งเอ่ยชวน
เชิญตามสบายเลย...วันนี้ทำข้าวกล่องมากินเองเธอบอกพลางยกตลับบรรจุอาหารกลางวันขึ้นโชว์
จะขี้เหนียวไปถึงไหนเนี่ย...
อาโปได้แต่ยิ้มรับคำเหน็บแนมของเพื่อนโดยไม่ได้พูดอะไรถึงแม้ว่าเธอ อยากจะตอบไปเหลือเกินว่าจนกว่าเธอจะได้ไปทำงานที่สาขาต่างประเทศสมดังใจปรารถนาเมื่อนั้นเธอคงจะเริ่มใช้ชีวิตตามปกติเหมือนคนทั่ว ๆ ไปเขาใช้ชีวิตกัน