มุมสงบติดผนังกระจกของร้านกาแฟชื่อดังในห้างสรรพสินค้าใหญ่กลางกรุงกลายเป็นสถานที่นัดหมายที่ไอรดาใช้เป็นที่นั่งรอเพื่อนที่เธอไหว้วานให้ปฏิบัติภารกิจสำคัญบางอย่างแทนเธอ...นาฬิกาข้อมือถูกยกขึ้นมามองถี่ขึ้นเมื่อเวลาล่วงผ่านเลยไปกว่าชั่วโมงดูผิดปกติจากที่ได้นัดแนะตกลงกันไว้
ฉันจะเข้าไปบอกเขา...จะปฏิเสธแทนแกแล้วจะรีบออกมาไม่เปิดโอกาสให้เขาได้โต้แย้ง...เชื่อมือเถอะ
คำสัญญานั้นหนักแน่นช่วยเชื่อถือและเธอก็รู้ดีว่าอาโปไม่เคยผิดคำสัญญา หรือผิดนัด หากไม่เกิดเหตุจำเป็นจริงๆ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ...จะโทรศัพท์มารายงานหน่อยสักนิดก็ไม่ได้บ่นอยู่กับตัวเองคนเดียวอย่างหงุดหงิด
เวลาล่วงผ่านไปเรื่อยๆ จนป่านนี้แล้วไอรดาก็ยังไม่เห็นวี่แววว่าเพื่อนจะเดินผ่านเข้ามาในสายตาเลยแม้แต่เงา...นอกจากร่างสูงคุ้นตาที่กำลังเดินตรงมาทางร้านกาแฟที่เธอนั่งอยู่คุณวสันต์นี่นา...
จู่ๆหัวใจก็เต้นถี่รัวเมื่อรู้สึกเหมือนเขาคนนั้นกำลังมองมาที่เธอเช่นกัน...ไม่หรอก...ต่อให้เห็นเขาก็คงจำไม่ได้ว่าเธอเป็นพนักงานคนหนึ่งของบริษัทที่อยู่ใต้ปกครองของเขา
ไอรดามองเลยไปยังเด็กหญิงอายุประมาณห้าขวบที่เจ้านายหนุ่มกำลังจูงมือเดินเข้ามาใกล้พลันหัวใจที่กำลังเต้นไม่เป็นส่ำก็มีอันหล่นวูบเหมือนตกจากที่สูง เธอพยายามมองหาใครอีกคนเพศหญิงที่น่าจะร่วมทางมาด้วยเพื่อไขข้อกังขา แต่ผู้หญิงที่เดินขวักไขว่ไปมาใกล้ๆดูเหมือนจะไม่มีใครเข้าข่ายต้องสงสัยเลยสักคน แต่บทสรุปหนึ่งที่น่าจะชัดเจนที่สุดจนเป็นที่เข้าใจได้จากภาพที่เห็นนั่นก็คือ...คุณวสันต์เจ้านายของเธอไม่ใช่หนุ่มโสด...
เฮ้อ...หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับภาพที่เห็น ทั้งก้มมองถ้วยกาแฟที่เธอใช้ช้อนเล็กๆคนจนน้ำสีดำหมุน เลิกสนใจทิศทางที่จะไปทำให้เธอรู้สึกแสลงใจอย่างที่กำลังเป็น...ทว่า...
ก๊อกๆๆ...
เสียงเคาะกระจกดังใกล้มากจนเธอต้องเงยหน้าขึ้นมองคราวนี้ตาสบตาเข้าอย่างจังประกอบกับรอยยิ้มอย่างดีใจที่อัดแน่นไปด้วยเสน่ห์ร้ายกาจนั้นทำเอาหัวใจเต้นระรัวขึ้นมาอีกรอบ...เอ๊ะ!..ทำไมต้องดีใจ...
กว่าจะระงับอาการให้เข้าสู่โหมดปกติได้ก็ใช้เวลาเป็นนาทีเธอยิ้มตอบก่อนจะยกมือขึ้นไหว้...ท่าทางเขาดูประหลาดเหมือนกำลังจะเดินเข้ามาในร้าน...คงจะพาลูกสาวมากินโดนัท...
ร้านที่ไอรดานั่งอยู่ไม่ได้มีขายเฉพาะกาแฟเท่านั้นแต่ยังประกอบด้วยโดนัท และเค้กหลากหลายรูปแบบรวมไปถึงน้ำผลไม้รสชาติต่างๆจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่เขาจะพาลูกสาวเดินเข้ามาใช้บริการ แต่ที่เห็นว่าแปลกก็คือสองพ่อลูกนั้นเดินตรงมายังโต๊ะที่เธอกำลังนั่งอยู่
สวัสดีครับคุณ... ชายหนุ่มทำท่าคิดอยู่ครู่ก่อนจะยิ้มออกมาพร้อมเปล่งเสียงทุ้มๆ เรียกขานหญิงสาวตรงหน้าได้อย่างถูกต้องไอรดา
ไม่อยากจะเชื่อ...เขาจำชื่อฉันได้ด้วย...คนถูกเรียกแทบกรี๊ดด้วยความดีใจ
สวัสดีค่ะผู้จัดการ หญิงสาวทักตอบ ทั้งเหลือบตาลงมาส่งยิ้มให้เด็กน้อยน่ารักเหมือนตุ๊กตาที่กำลังยืนมองเธอตาแป๋วสวัสดีค่ะ เธอเอ่ยทักทายตุ๊กตาตัวเล็กบ้างทว่าเด็กน้อยกลับหันไปกระตุกชายเสื้อของคุณพ่อสุดหล่อ
ป๊ะป๋าๆๆ
นั่นไง...ชัดไหมล่ะ...คิดแล้วก็ต้องถอนหายใจ พลางปรับอารมณ์ความรู้สึกให้เข้าสู่โหมดปลง
ครับๆๆ...รู้แล้วครับ...ชายหนุ่มยิ้มให้เด็กน้อย ก่อนจะส่งต่อรอยยิ้มนั้นเผื่อแผ่มาให้เธอ คุณไอรดาครับ...พอมีเวลาว่างสักหน่อยไหมครับ...ผมมีเรื่องจะรบกวนคุณนิดนึง...ทั้งนำเสียงและสีหน้าดูเกรงใจไม่น้อย
คะ?
คือ...
แล้วใบหน้าหล่อๆ นั้นก็โน้มเข้ามาใกล้...ใกล้มากจนหญิงสาวต้องเอนตัวหนี...โอ๊ย...แค่สบตาหัวใจก็เต้นกระหน่ำเป็นกลองรบแล้ว...จู่ๆก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้...นี่กะจะให้ฉันหัวใจวายตายลงตรงนี้เลยใช่มั๊ยบอส...
ณอีกสถานที่หนึ่งที่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งนั้น
อาหารญี่ปุ่นหลากชนิดบนโต๊ะทรงเตี้ยที่ดูเหมือนจะมากเกินไปสำหรับคนที่นั่งรับประทานกันเพียงสองคนหมดเกลี้ยงแทบทุกจานอย่างไม่น่าเชื่อ เพราะความรู้สึกเสียดายหากมันเหลือแล้วต้องกวาดทิ้งลงขยะ
จะรับอะไรเพิ่มอีกไหมครับเจ้าภาพเอ่ยถามอย่างใจดี ดวงตาเป็นประกายเมื่อมองอิริยาบถยามเผลอของหญิงสาวตรงหน้า
พะ...พอ...พอแล้วค่ะถ้าขืนกินเข้าไปอีกมีหวังท้องแตกเป็นชูชกแน่ๆ... อาโปโบกมือปฏิเสธว่อนก่อนจะลูบท้องไปมาราวกับว่ากำลังช่วยให้ผิวหนังบริเวณขยายตัวให้มากกว่าขึ้นอีกทั้งบ่นต่อ คุณนี่นะ...สั่งอาหารมาทำไมตั้งมากมาย...
ผมก็เห็นคุณกินหมดนี่ครับ
สั่งมาแล้วกินไม่หมด เสียของแย่สิแบบนี้...ไม่ใช่ว่าคุณมีเงิน มีอันจะกินจะทำอะไรก็ได้ จะกินทิ้งกินขว้างก็ได้ คิดถึงคนที่เขาไม่มีจะกินซะบ้างสิ...บางคนข้าวจะกินสักมื้อก็ยังไม่มีบ่นไปแล้วก็นึกขึ้นได้ว่าทั้งเธอและเขาไม่ได้สนิทชิดเชื้อกันมากพอที่จะพูดคุณในลักษณะนี้ขอโทษค่ะ ลืมไปว่าฉันไม่มีสิทธิ์พูดกับคุณแบบนี้
ไม่เป็นไรครับ...ต่อไปคุณจะมีสิทธิ์มากกว่านี้ในทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตผม
เฮ้อ... หญิงสาวถอนหายใจออกมาดังๆโดยไม่คิดเก็บอาการ ใช่แล้ว...เธออยากให้เขารู้ความรู้สึกของเธอในเวลานี้ ความรู้สึกหงุดหงิดที่ต้องพูดกับคนดื้อด้าน
เอาล่ะค่ะ...ฉันได้พูดในสิ่งที่ฉันพูดไปแล้วคุณได้พูดในสิ่งที่คุณพูดแล้วเช่นกัน ส่วนอาหาร เราก็รับประทานกันเรียบร้อยตามมารยาทที่ควรปฏิบัติ ฉันเห็นจะต้องของตัวก่อนนะคะ...เพื่อนรออยู่ขอคุณสำหรับอาหารอร่อยๆ มื้อนี้นะคะ พูดหญิงสาวถือโอกาสลุกขึ้นก่อน คราวนี้เขาคงไม่มีข้ออ้างอันใดที่จะยับยั้งเธอเอาไว้หรอกนะ...
อุ๊ย...อาการเจ็บจี๊ดที่ลิ้นปี่ที่เกิดขึ้นกะทันหันทำให้ร่างที่เตรียมจะชิ่งหนีมีอันต้องทรุดลงนั่งอีกครั้งทั้งทำหน้านิ่ว
เป็นอะไรครับ ร่างสูงรีบลุกเข้ามาใกล้ถามไถ่อาการ
สงสัยกินมากไปหน่อย ก็เลยจุก...พักซักหน่อยคงจะดีขึ้นเธอบอกพรางยิ้มให้อีกฝ่ายคลายกังวล...ซึ่งจะว่าไปแล้ว เขาอาจไม่ได้มีความกังวลใจอะไรเกี่ยวกับเธอก็เป็นได้ดูได้จากสีหน้าที่ราบเรียบ ปราศจากความรู้สึกนั่น และดวงตาที่ทอดมองมาก็พอจะอ่านออกได้บางส่วนว่ากำลังตำหนิ
เอาเถอะเดี๋ยวผมพาไปหาหมอชายหนุ่มเอ่ย
ไม่ต้องค่ะ...แต่จุกเสียด ออกไปซื้อยาลดกรดรับประทานเดี๋ยวก็ดีขึ้น หญิงสาวปฏิเสธหน้าตื่น เงินเดือนยิ่งน้อยๆ อยู่ แถวนี้มีแต่คลินิกกับโรงพยาบาลเอกชนถ้าขืนเข้ารักษามีหวังได้จ่ายค่ายาตนล้มละลายแน่
ดูท่าทางคุณจะลุกไม่ไหว...ไปเถอะ...ผมจะพาไปเอง
ยังไม่ทันที่อาโปจะอ้าปากปฏิเสธร่างเธอก็ถูกช้อนขึ้นอุ้ม...ง่ายดายยังกับเธอเป็นเพียงหมอนข้างยัดนุ่นทั้งๆที่น้ำหนักตัวก็ใช่จะน้อยซะเมื่อไหร่
คุณปล่อยฉันลง...ฉันเดินเองได้ หญิงสาวพยายามขืนตัว มันน่าอายน้อยซะที่ไหนที่ถูกผู้ชายตัวโตๆอุ้มเดินผ่านสายตาใครต่อใครมากมาย...แต่ดูเหมือนเขาจะไม่สนใจฟังเธอสักนิด
อย่าดิ้นสิ...ถ้าร่วงลงพื้นไปตอนนี้...น่าอายกว่าเยอะเลยนะ
อาโปถึงกับอ้าปากหวอ...ผู้ชายคนนี้...เป็นคนแบบไหนกันทำไมถึงได้เป็นคนช่างเอาเปรียบได้แบบนี้นะ...เอาเปรียบแม้กระทั่งความคิด เขารู้ในสิ่งที่เธอคิดเธอรู้สึกแต่เขากลับไม่ยอมให้เธอได้รู้ความนึกคิดของเขาบ้างช่างเก็บซ่อนอำพรางได้แนบเนียนนัก ภายใต้สีหน้าแววตาที่ราบเรียบดังทะเลไร้คลื่น...เอาเปรียบกันเกินไปแล้ว...