ตอนที่ 5
5 ผมตรวจสอบมาแล้วครับ คุณอาโปเธอทำงานอยู่ที่บริษัททัวร์ของเราจริงๆไม่ได้เป็นไกด์แต่เป็นพนักงานทั่วไปที่อยู่ประจำสำนักงาน ได้ข่าวว่าเธอกำลังต้องการเลื่อนระดับตัวเองขึ้นมาเป็นไกด์อยู่เหมือนกันครับบุคคลผู้ได้รับหน้าที่ให้สืบหาประวัติบุคคลทำการรายงานอย่างละเอียด เป็นไกด์ในประเทศเราไม่ใช่เรื่องยากนี่นาหรือเพราะความรู้ด้านภาษาต่างประเทศของเธอไม่ดีพอ ชายหนุ่มผู้เป็นนายจ้างเอ่ยถาม ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ...เธอไม่ได้อยากเป็นไกด์ในประเทศแต่เธออยากเป็นไกด์ไปประจำอยู่สาขาต่างประเทศมากกว่า... ไกด์ต่างประเทศ?...ประเทศไหน...ของเรามีระบบส่งไกด์คนไทยไปประจำที่ต่างประเทศด้วยเหรอชลธิศเอ่ยถามด้วยความสงสัย นี่เขาแบบไม่รู้ระบบงานของบริษัททัวร์แห่งนี้เลยจริง ๆหรือ ก็อาจใช่ เพราะงานที่ให้ความสำคัญหลักจะเป็นงานเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ซะส่วนใหญ่ เท่าที่ดูจากใบสมัครเธอเน้นประเทศแถบยุโรปครับ...ปกติบริษัททัวร์แห่งนี้คนที่จะถูกส่งไปทำงานในตำแหน่งไกด์นำเที่ยวต่างประเทศได้จะต้องผ่านการทดสอบจากบริษัททั้งด้านภาษาและความรู้ด้านการท่องเที่ยว ก็ถือว่าเป็นการทดสอบที่ยากเอาการ...แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่เคยพลาดที่จะเข้าสมัครทดสอบสักครั้ง...ถึงแม้ว่าจะไม่ผ่านเลยก็ตาม ถ้าเป็นไกด์ประจำต่างประเทศก็ต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศน่ะสิ ครับ...ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว...อาจจะห้าปีหรือสิบปี อันนี้ก็แล้วแต่สัญญาที่ระบุเอาไว้ แต่ถ้าไกด์ที่มีผลงานดีเป็นที่ถูกอกถูกใจในการให้บริการนักท่องเที่ยว ก็อาจจะขอทำเรื่องอยู่ต่อไปเรื่อยๆหรือไม่ก็อาจแต่งงาน และใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นแบบถาวรไปเลย คำตอบของถวิลทำเอาชายหนุ่มถึงกับอึ้งด้วยความคิดกังวลใจในบางอย่างซึ่งล้วนแล้วก็มีสาเหตุมาจากการรายงานของคนสนิททั้งนั้น ร่างสูงลุกขึ้นเดินออกไปยืนปล่อยความคิดอยู่ที่ผนังกระจกเหม่อมองออกไปยังสวนเล็ก ๆบนดาดฟ้ากว้างที่ถูกจัดให้เป็นที่พักสายตาหรือพักผ่อนหย่อนใจสำหรับผู้บริหารระดับสูงเท่านั้น เที่ยงแล้วนะครับ...วันนี้คุณชายจะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไหนดีผมจะได้โทรสั่งจอง... ถวิลเอ่ยถาม เมื่อเหลือบมองดูเวลาที่นาฬิกาติดผนัง สั่งข้าวกล่องขึ้นมาทานบนนี้เร็วๆด้วย อย่าให้เกินสิบนาที ผู้เป็นนายสั่งทั้งที่สายตาของเขายังทอดมองไปยังภายนอกกระจกใสพิเศษที่สามารถมองเห็นได้เพียงด้านเดียวคือด้านที่เขายืนอยู่เท่านั้น ถ้าต้องการเร็วขนาดนั้นจะมีเฉพาะอาหารที่โรงอาหารของบริษัทเท่านั้นนะครับ สั่งมาเถอะ...วันนี้อะไร ๆ ก็กินได้หมด... ถวิลมองแผ่นหลังกว้างของคุณชายด้วยความไม่เข้าใจ...แต่พอคิดไปว่าเมื่อเช้าท่านอาจจะยังรับประทานอาหารไม่อิ่มดี ก็ต้องลุกออกมาทำงานเพราะไม่ต้องการให้คุณย่ากับคุณแม่ซักไซ้เกี่ยวกับว่าที่เจ้าสาวของคุณชายมากเกินไปพอถึงเวลาเที่ยง จึงดูเหมือนท่านจะหิวมากกว่าปกติ ได้รับ...ตามคำสั่งเดี๋ยวนี้เลยถวิลตอบรับคำสั่ง ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างเร่งด่วน ชลธิศทอดมองไปยังชุดโต๊ะเก้าอี้เหล็กดัดสีขาวที่วางอยู่เกือบชิดผนังกระจกที่เขาอยู่มีชายคาตึกยื่นออกมาให้ร่มเงาพอเหมาะ บรรยากาศดูเย็นสบายด้วยสายลมที่พัดเอื่อยจนเส้นผมสลวยของคนที่นั่งอยู่ที่นั่นพลิ้วปลิวไปตามแรงลมเป็นระยะๆ ดูท่าทางเธอจะยังสนใจทิวทัศน์ข้างหน้ามากกว่ากล่องข้าวที่วางอยู่บนโต๊ะ ได้แล้วครับคุณชายเสียงของถวิลดังขึ้นให้ชายหนุ่มหันไปมองแต่เขายังไม่ขยับออกไปจากจุดที่สามารถบดบังการมองเห็นบุคคลภายนอกจากบุคคลภายในคนอื่นได้ วางไว้ที่โต๊ะนั่นแหละครับ...ออกไปเถอะไว้บ่ายโมงค่อยเข้ามาชายหนุ่มสั่ง เขารอจนผู้ติดตามออกจากห้องไปแล้วค่อยเดินไปหยิบข้าวกล่องที่ดูเหมือนจะไม่ใช่ข้าวกล่องแบบธรรมดาอยู่ที่ควรจะเป็น โต๊ะกลางของชุดรับแขกถูกเลื่อนให้ชิดผนังกระจก จนดูเหมือนมันจะเชื่อมต่อกับโต๊ะตัวที่ตั้งอยู่ด้านนอกเขาเลือกนั่งในฝั่งตรงข้ามกับที่หญิงสาวที่อยู่ภายนอกนั่งเวลานี้เธอหันมาสนใจข้าวกล่องของเธอแล้วในขณะที่เขาเองก็เริ่มจะแกะกล่องอาหารออกเพื่อรับประทานเช่นกัน อดชำเลืองดูสิ่งที่เธอเตรียมมาเพื่อรับประทานไม่ได้ในนั้นนอกจากข้าวสวยที่ดูเหมือนจะมีปริมาณมากกว่าที่เขาเคยเห็นบรรดาผู้หญิงที่ถูกจัดให้เขาดูตัวเคยรับประทานแล้วในกล่องก็ยังมีไข่ต้ม หมูทอด และแตงกวาหั่นเป็นแท่งยาวๆ สองหรือสามชิ้นเขาเองก็เห็นไม่ค่อยชัดเจนนัก เป็นกับข้าวพื้น ๆที่ต่างจากกับข้าวเร่งด่วนของเขาราวฟ้ากับเหว ดีใจมากเลยครับที่วันนี้ผมมีโอกาสได้กินข้าวกับคุณอีกครั้ง...ทานให้อร่อยนะครับชายหนุ่มเอ่ยเบาๆ กับคนที่อยู่นอกกระจก แล้วก็รู้สึกร้อนวูบไปทั้งหน้าเมื่อสบตาคมหวานของคนที่หันมามองทางเขาเข้าพอดี เฮ้ย...มองเห็นด้วยเหรอ ชายหนุ่มอึ้งไปครู่สายตาเขายังจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าน่ารัก ๆ นั้นนิ่ง ก่อนจะยกมือโบกผ่านใบหน้าของหญิงสาวไปมา เมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายแสดงท่าทีอะไรเสียงผ่อนลมหายใจออกจากอกก็ดังขึ้น ตกใจอะไรกัน...นี่มันกระจกมองด้านเดียวใครจะสามารถมองทะลุผ่านเข้ามาได้เล่าว่าแล้วก็ยิ้มให้กับท่าทางของคนภายนอกที่กำลังรับประทานอาหารไม่ว่าอาหารตรงหน้าจะเป็นอย่างไรจะเลิศหรูเป็นอาหารภัตตาคารอย่างที่เขาเคยสั่งให้เธอรับประทานหรือจะเป็นกับข้าวพื้นๆบ้านๆ อย่างที่เห็นอยู่ตรงหน้าเธอก็ยังคงรับประทานอย่างเอร็ดอร่อยอย่างนี้เช่นเดิม ข้าวในกล่องข้าวที่อาโปเตรียมมารับประทานเพื่อเป็นการประหยัดค่าใช้จ่าย หมดลงชนิดที่ไม่เหลือติดกล่องแม้ข้าวสักเม็ดเธอดื่มน้ำจากขวดที่เตรียมมาด้วย ก่อนจะเก็บรวบรวมอุปกรณ์ทุกอย่างใส่ลงไว้ในกระเป๋าผ้าใบกะทัดรัดแล้วลุกเดินไปยืนชมความงามของวิวเมืองหลวงที่ริมกำแพงกั้น อาโปชอบบรรยากาศบนดาดฟ้าที่นี่สวนหย่อมได้รับการตกแต่งและดูแลให้สวยอยู่เสมอ ร่มรื่น เย็นสบายนัก โดยเฉพาะที่นี่มีความเป็นส่วนตัวที่หาได้ยากนักในเขตพื้นที่ใช้สอยของตึกสูงระฟ้าเช่นนี้เธอก็พอจะทราบอยู่บ้างว่าที่นี่สงวนไว้สำหรับผู้บริหารระดับสูงแต่ก็พอจะรู้อยู่บ้างว่า ไม่บ่อยนักที่ผู้บริหารเหล่านั้นจะออกมาชมสวนสวยแห่งนี้ หากปล่อยความงามให้ไร้คนชื่นชมก็น่าเสียดาย คิดไปถึงเหล่าผู้บริหารระดับบิ๊กพวกนั้นแล้วก็ทำให้คิดต่อไปเรื่องงานของเธอในอนาคต... อย่าว่าแต่ชมสวนเลยแม้แต่การเข้ามาดูแลเยี่ยมเยียนการทำงานของลูกน้อง ปีหนึ่งนับครั้งได้คงมีเฉพาะครั้งนี้ล่ะที่ท่านประธานใหญ่ระบุว่าจะเข้ามาตรวจสอบการทำงานทุกระบบในทุกแผนก พรุ่งนี้แล้วสิ...แล้วอย่างนี้เราจะยังสามารถมานั่งกินข้าวที่นี่ได้อยู่หรือเปล่าถามตัวเองแล้วก็หันไปมองผนังกระจกสีชาที่เธอไม่อาจมองเห็นอะไรภายในได้เลยนอกจากเงาของตัวเองเท่านั้น จึงทำให้ไม่อาจทราบได้ว่าห้องภายในกระจกใสแห่งนี้ใช้ทำอะไรเป็นห้องประชุม เป็นทางผ่านของผู้บริหารใหญ่ หรือใช้ทำอย่างอื่น นาฬิกาข้อมือบอกเวลาว่าอีกไม่นานจะถึงเวลาทำงานภาคบ่ายแล้วงานในส่วนของเธอยังตรวจความเรียบร้อยไม่เสร็จและเธอเองยังถูกใช้ให้เป็นคนนำงานของแผนกอื่นไปเสนอ คงต้องเร่งมือให้เสร็จโดยเร็วก่อนที่เธอจะไม่มีเวลาได้จัดการกับงานของตัวเองอย่างเต็มกำลังแบบวันนี้ เอาล่ะ...หมดเวลาแล้วอาโป...ไปทำงานต่อกันเถอะ แล้วถุงผ้าที่ใช้บรรจุกล่องอาหารก็ถูกคว้าติดมือไปกับเจ้าของเดินห่างออกไปจนพ้นสายตาของใครคนหนึ่งที่นั่งมองเธออยู่เนิ่นนานโดยไม่ได้ขยับไปไหนถึงแม้ใจจะอยากเปิดประตูออกไปหามากเท่าไหร่ก็ตาม คุณชายครับคุณถวิลเอ่ยเรียกเป็นสัญญาณบอกให้รู้ว่าเขามาแล้ว ตามเวลาที่เจ้านายกำหนด พรุ่งนี้สั่งแม่ครัวทำข้าวกล่องให้ผมด้วย...ชลธิศบอก สายตาของเขายังจับอยู่ที่ทิวทัศน์ภายนอกแม้จะรู้สึกว่าความสวยงามน่ามองของมันลดลงไปแล้วกว่าครึ่ง ข้าวกล่องเหรอครับ ถวิลถามเพื่อความแน่ใจ ผมต้องตรวจงาน...ไม่อยากเสียเวลาไปหารับประทานข้างนอกเขาเอ่ยถึงเหตุผล เมื่อจับน้ำเสียงแสดงความสงสัยของผู้ติดตามได้ ได้ครับ...ผมจะแจ้งให้แม่ครัวจัดการให้ อีกอย่างนะคุณถวิล...นับจากนี้เป็นต้นไปผมตัดสินใจแล้วว่าจะใช้ที่นี่...ผมหมายถึงห้องนี้ เป็นห้องทำงานหลัก เพราะฉะนั้นหากมีการติดต่อเรื่องธุรกิจไม่ว่าจะที่ไหนก็ตามให้เขาเข้ามาติดต่อผมที่นี่ก็แล้วกัน ครับคุณชาย ถึงจะไม่รู้ความคิดอ่านของนายน้อยหนุ่มรูปงามที่ยืนอยู่ตรงหน้านี้ซักเท่าไหร่แต่ถวิลผู้เปรียบเสมือนพี่เลี้ยงที่คอยดูแลติดตามคุณชายน้อยมาตั้งแต่เด็กก็พอจะรู้พอจะดูออกว่ากิริยาอาการและการกระทำเช่นนี้เกิดจากสาเหตุอะไร...สาเหตุหลักก็น่าจะเป็นคุณผู้หญิงที่ชื่ออาโปที่ทำงานอยู่ในบริษัททัวร์ชั้นล่างคนนั้น นายน้อยของเขาคงหลงรักเธอเข้าเต็มเป่า... ทว่า...เรื่องความรักที่สมหวังระหว่างเจ้าชายรูปงามและหญิงสาวสามัญชนคงมีได้เฉพาะในเทพนิยาย หรือนิทานก่อนนอนเท่านั้นแต่ในชีวิตจริงมันยากยิ่งกว่าเข็นครกขึ้นภูเขา...ครกที่ว่าไม่ใช่เป็นแค่เพียงครกตำน้ำพริกทั่วๆอย่างที่เด็กสมัยใหม่รู้จักแต่มันหมายถึงครกกระเดื่องใบใหญ่ที่แม้จะเก่าแก่แต่ก็ยังมีอำนาจล้นฟ้าอยู่เวลานี้ อาโปกลับมาทำงานที่แผนกของเธอซึ่งเวลานี้ก็เริ่มที่จะมีคนอื่นๆทยอยเข้ามาทำงานกันบ้างแล้ว รวมไปถึง ไอรดาเพื่อนสนิทหนึ่งเดียวที่มีอยู่ กลับมาแล้วเหรออาโปเดินแวะเข้าไปทักทายที่โต๊ะ ฮื่อ... เสียงตอบรับเบาๆที่ไม่ได้มีสายตาส่งมาสบตาคนถามเลยแม้แต่น้อย และไม่อาจจับสังเกตได้ว่ามันกำลังพุ่งตรงไปยังจุดใดที่เบื้องหน้าตอนนี้ รู้หรือเปล่าว่าบริษัทเรากำลังจะถูกตรวจสอบงานในทุกแผนก อาโปถามต่อ ฮื่อ...เฮ้อ... คำตอบยังคงเป็นเสียงที่ส่งผ่านออกมาแทนคำพูดเช่นเดิมคราวนี้เพิ่มเสียงถอนหายใจเบา ๆ ยาวๆ เพิ่มขึ้นมาอีกอย่างทำให้อาโปถึงกับขมวดคิ้วด้วยความสงสัยในพฤติกรรมที่ไม่ใช่จะเห็นบ่อยจนฟันธงถึงสาเหตุได้ ยัยไอยรา...นี่ฟังที่ฉันพูดหรือเปล่าเนี่ยแกจะใจลอยไปถึงไหนกัน..เรียกสติของแกกลับคืนมาเดี๋ยวนี้อาโปเขย่าร่างที่เหมือนวิญญาณหลุดลอยออกไปจากร่างให้คืนสติ เฮ้ย...ทำอะไรนี่อาโป...โธ่...ภาพฝันของฉันสลายเป็นอากาศธาตุไปหมดแล้วไอรดาทำท่าไขว่คว้าอากาศเหมือนต้องการจับบางสิ่งบางอย่างที่กำลังหลุดไปให้กลับคืนมา บ้าไปแล้วแก...ไปดีกว่า...ไม่อยากคุยกะคนบ้าเดี๋ยวคนจะหาว่าเราบ้าไปด้วย ว่าแล้วก็หมุนตัวกะว่าจะเดินกลับไปยังโต๊ะทำงานของตัวเอง แต่มือที่เพิ่งจะคว้าอากาศอยู่หยก ๆเปลี่ยนมาคว้าข้อมือขอองเธอเอาไว้แทน เดี๋ยวสิ...อย่าเพิ่งไปนะ...ไอรดาทำตาละห้อย มีอะไร...ฉันจะรีบไปทำงานส่วนแกก็ต้องรีบเคลียร์ของแกให้เรียบร้อยด้วยพรุ่งนี้ไม่รู้จะเป็นคิวของฝ่ายไหนเป็นที่แรก เกิดเป็นของแกขึ้นมา งานไม่เรียบร้อยแกถูกด่าหูดับแน่ คือว่า... แก้มใสๆ ของไอรดาสุกปลั่งเมื่อคิดถึงเรื่องคับอกที่อยากระบายให้เพื่อนรักฟังแต่...เมื่อคิดถึงเรื่องราวหลายๆ อย่างประกอบกันนั้นก็ทำเอาเธอพูดไม่ออก คืออะไร...ทำเป็นอ้ำอึ้งอยู่ได้...จะหาเรื่องอู้ล่ะสิอาโปพูดดัก เฮ้อ...ช่างเถอะ...ฉันลืมไปแล้วว่าอยากจะพูดอะไรไอรดาบอกพลางคลายมือที่ยึดเพื่อนไว้ ทำทีหันไปเปิดคอมพิวเตอร์ตรงหน้า เออยัยนี่...แปลกบ่นให้คนเปลี่ยนใจกะทันหันพลางส่ายหน้าระอาแล้วเดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ไอรดาเหลือบตามองตามเพื่อนแว่บหนึ่งก่อนจะถอนหายใจอีกรอบ...เธอคงไม่อาจเล่าเรื่องราวที่ไร้ความชัดเจนนี้ให้เพื่อนฟังได้เพราะขนาดแค่คิดก็ถือว่าผิดแล้ว ทำงานๆๆ เลิกคิด เลิกหวังลมๆ แล้งๆซะที บอกตัวแล้วก็พยายามรวบรวมสมาธิทั้งหมดไปที่จอคอมพิวเตอร์แทนการเหลือบตามองห้องกระจก แล้วก็ต้องรีบหลบสายตา เมื่อหนุ่มร่างสูงของคนที่เพิ่งจะเลี้ยงข้าวกลางวันเดินผ่านเข้าไปนั่งประจำโต๊ะทำงาน ทั้งยังส่งยิ้มอันทรงเสน่ห์แจกจ่ายมาให้... ทำงานๆๆ อย่าเขว...บอกตัวเองอีกรอบด้วย สติสะตัง ที่แทบจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เมื่อเข้าสู่ช่วงการจัดการงานที่เร่งด่วนดูเหมือนเวลาก็พลอยจะเดินรวดเร็วกว่าปกติ...ไม่เท่าไหร่อาโปก็รู้สึกได้ถึงผู้ร่วมงานคนอื่นๆต่างลุกขึ้นเก็บข้าวของกันผลุบผลับ... อ้าว...เลิกงานแล้วนี่... อาโปเหลือบมองนาฬิกาบนผนัง ก่อนจะหันไปดูเพื่อนสนิทที่ยังง่วนอยู่กับงานตรงหน้าเธอเก็บแฟ้ม เก็บอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าที่ คว้ากระเป๋าสะพายพร้อมถุงผ้าใส่กล่องอาหารกลางวัน ลุกเดินไปหาเพื่อน เลิกงานแล้ว กลับกันเถอะ ถึงจะทำต่อบริษัทก็ไม่มีเงินค่าทำโอทีให้หรอก กลับก่อนเลยขอฉันทำตรงนี้เสร็จก่อน... ไอรดาบอก สายตายังให้ความสนใจงานตรงหน้า งั้น...ฉันกลับก่อนนะเดี๋ยวลูกชายจะรอ อาโปตบบ่าเพื่อน อย่างให้กำลังใจ เออ...ฝากจุ๊บหลานชายด้วย ทำไมแกไม่แวะไปจุ๊บเองล่ะอาโปถามขึ้น ยี๊...ไม่เอาหรอก...ให้อุ้มนะพอได้แต่จะให้จุ๊บลูกชายแก ฉันหาหนุ่มๆหล่อๆ มาไว้รอจุ๊บยังจะดีกว่า ไอรดาทำท่าขนลุก เออ...หาให้ได้ก็แล้วกันฉันจะรอดูหนุ่มหล่อของแก...จะน่ารักสู้ลูกชายของฉันได้หรือเปล่า...ไปล่ะ...คิดถึงเจ้าตัวเล็กใจจะขาดอยู่แล้ว เออ... อาโปเดินออกมาทางประตูกระจกบานใหญ่พร้อมๆกับพนักงานคนอื่นๆ มายืนรอหน้าลิฟต์ที่กำลังเคลื่อนตัวจากชั้นบน ลงสู่ชั้นล่าง ประตูลิฟต์เปิดออกมีพนักงานจากบริษัทอื่นๆ ที่อาศัยอยู่ชั้นเหนือขึ้นไปอยู่จำนวนหนึ่ง หลายคนรีบก้าวเข้าไปภายในก่อนคนอื่นเพื่อจะได้ไม่ต้องรอเที่ยวต่อไปหากน้ำหนักบรรจุจะเกินจนเกิดเสียงเตือนและคนสุดท้ายก็จะต้องรับผิดชอบ รอลิฟต์เที่ยวต่อไป แต่ครั้งนี้ ถือว่าโชคดีไม่น้อยเมื่อคนที่ยืนรอต่างได้ลงไปสู่ชั้นล่างพร้อมๆกันถึงแม้ว่าจะค่อนข้างเบียดเสียดอยู่บ้าง คุณชายจะกลับทางนั้นจริงๆ เหรอครับเสียงที่ถามแผ่วเบา...จะเรียกว่ากระซิบก็พอได้ อืม...ชายหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่ด้านในสุดตอบรับในลำคอ คุณหญิงท่านจะไม่ว่าเอาเหรอครับ...เผลอๆผมอาจถูกไล่ออก ถวิลใช้ผ้าเช็ดหน้าปาดเหงื่อบนหน้าผาก ใครจะกล้าล่ะ เสียงทุ้มๆ เอ่ยแหมราบเรียบแต่ จุดประสงค์ก็คือให้ความมั่นใจว่าไม่เกิดอันตรายแน่นอนหากทำตามที่เขาต้องการ ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ก็ได้นี่ครับ...ใครจะกล้าปฏิเสธคุณชาย...ไม่มีหรอกครับ มีสิ... มีผู้หญิงโง่ขนาดนั้นด้วยเหรอครับถวิลถามกลับ ไม่อยากเชื่อในสิ่งที่นายน้อยของเขาเอ่ย ตั้งสองคนแหนะ จริงเหรอครับ...สองคนนี่ใครกัน...ไม่อยากจะเชื่อ คนหนึ่ง...ผมไม่เคยเห็นหน้าเธอหรอก...แต่เธอปฏิเสธที่จะมาดูตัวกับผม คุณไอรดา... อืม...คนนั้นผมไม่สนใจหรอก...เธออยากจะสละสิทธิ์ มันก็เป็นสิทธิ์ของเธอ...ผมสนใจอีกคนมากกว่า ใครครับ คนนั้นไง ที่ยืนอยู่หน้าสุดตรงนั้น ถวิลมองตามตำแหน่งของสายตาคมกล้าที่ทอดมองผ่านช่วงไหล่ของคนหลายคนจนหยุดลงตรงเจ้าของกลุ่มผมดำขลับที่ถูกรวบไว้เป็นหางม้า...ที่แท้ก็คนที่คุณชายเขามีคำสั่งให้ค้นหาประวัติของเธอคนนี้ทันทีที่การดูตัวครั้งนั้นผ่านพ้นไป... เบื้องหน้าเบื้องหลังของผู้หญิงที่มีชื่อว่าอาโปคนนี้แทบจะไม่มีอะไรเด่นสะดุดตาเลยสักอย่างไม่ว่าจะเป็นความรู้ที่จบเพียงปริญญาตรีในสาขาวิชาทั่วๆไปพื้นฐานทางสังคมที่เปรียบได้แค่ทรายเม็ดเล็กๆ ที่มองด้วยตาเปล่าแทบจะไม่เห็น เป็นเด็กกำพร้าไร้บิดามารดาอบรมเลี้ยงดูเติบโตมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าโดยแท้ หน้าตาก็แสนจะธรรมดาหากเทียบกับผู้หญิงหลายต่อหลายคนที่ได้รับการติดต่อทาบทามมาให้คนชายของเขาดูตัว ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าเธอมีเสน่ห์ตรงไหนที่สามารถดึงดูดความสนใจของคุณชายไปได้... หรือเพราะเธอทำทีปฏิเสธ ไม่สนใจใยดีเพื่อเรียกร้องความสนใจ...และมันก็ใช้ได้ผลกับคุณชายที่น้อยนักจะได้รับการถูกปฏิเสธเช่นนี้...แต่...คุณไอรดาก็ปฏิเสธคุณชายเหมือนกันนี่นา...ใช่จะมีแค่คุณอาโปคนเดียวซะเมื่อไหร่ ขับรถกลับบ้านไปก่อนนะ...ไว้เสร็จธุระผมจะโทรติดต่อให้ไปรับชลธิศเอ่ยกับผู้ติดตาม เมื่อประตูลิฟต์เปิดออกให้บุคคลภายในทยอยออกมา คุณชายจะไปธุระที่ไหนครับ...ทำไมต้องไปคนเดียวโดยไม่ให้ผมตามไปด้วยถวิลเอ่ยถาม ทั่งเร่งฝีเท้าตามเจ้านายไปติดๆ ธุระสำคัญที่ผมอยากจะไปทำด้วยตัวเองคนเดียว อย่าหาว่าละลาบละล้วงเลยครับ...ผมอยากรู้...ถ้าไม่บอกเห็นทีผมจะปล่อยให้คุณชายไปคนเดียวไม่ได้ ถวิลยื่นคำขาด ชลทิศหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวตามใครบางคนมุ่งตรงไปยังประตูออาคารเพื่อออกสู่ภายนอกเขาหันมามองผู้ติดตามด้วยสีหน้าไม่สู้จะพอใจนักก่อนจะถอนหายใจปรับอารมณ์และความรู้สึกของตัวเองให้เข้าสู่สภาวะปกติเมื่อคิดได้ว่าชายสูงวัยตรงหน้ากำลังปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัด ผมจะตามไปดูการดำเนินชีวิตของว่าที่ภรรยา...หวังว่าคุณถวิลคงไม่คิดคัดค้านหรือขัดขวางนะครับ เพราะผมยังไม่อยากที่จะเปลี่ยนตัวผู้ดูแลคนใหม่ พูดจบชายหนุ่มก็หมุนตัวกลับ ทั้งเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อตามใครบางคนไปให้ทันปล่อยให้ผู้ติดตามที่เพิ่งจะถูกข่มขู่ยืนนิ่งอึ้ง ปลดปลงกับชะตาชีวิตของตนเอง... >>>>>>>>>>>>>> ถึงแฟนๆนิยายทุกคน... แหะๆๆ...ดูท่าทองหลางจะเหมาะกับนิยายแนวนี้จริงๆ เพราะทุกครั้งที่คิดจะเขียน...ถอยความคิดต่างๆ ก็หลั่งไหลออกมาเป็นประปาแตก... แต่ปัญหาเรื่องความล่าช้าก็อาจจะยังมีอยู่ เพราะช่วงนี้ต้องจัดการนิยายให้ผันเป็นค่าเทอมลูก...ด้วยการนำมาปัดฝุ่นทำอีบุ๊ค...ซึ่งนิยายที่ทำอีบุ๊คทุกเรื่องแทบจะต้องรีไรท์ใหม่ก็ว่าได้...เลยใช้เวลาเยอะหน่อยกว่าจะแล้วเสร็จในแต่ละเรื่อง พูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ถึงโครงเรื่องในนิยายจะเหมือนกัน แต่เนื้อความแตกกันแน่นอน ระหว่างหนังสือเล่มและอีบุ๊ค.... ขอบคุณที่ติดตามกันอย่างเหนียวแน่นนะคะ... ^_^
Create Date : 16 กุมภาพันธ์ 2560 |
Last Update : 16 กุมภาพันธ์ 2560 18:21:55 น. |
|
3 comments
|
Counter : 994 Pageviews. |
|
|