Everything is illuminated
Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2552
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
29 มิถุนายน 2552
 
All Blogs
 
Bye Bye Kids

ใจหายเล็กๆ กับวันสุดท้ายของการฝึกงานที่โรงเรียนเด็กพิเศษแห่งหนึ่ง ย่าน Hight Point โดยในช่วงตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา (มี.ค.-มิ.ย.) Anis ได้ไปคลุกคลีกับเด็กๆ(พิเศษ)ที่นั่น ทุกๆวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ของสัปดาห์ ตอนนี้ชั่วโมงฝึกงานในสถานที่แห่งแรก ครบ 140 ชั่วโมงแล้วค้าาาาาาา (เปิดเทอมหน้า Anis ก็จะต้องฝึกงานในสถานที่แห่งใหม่อีก 140 ชั่วโมงเช่นกัน)

นึกถึงวันแรกๆ ในโรงเรียนแห่งนี้ ซึ่งมีเด็กทั้งสิ้น 45 คน อายุตั้งแต่ 5 ขวบไปจนถึง 18 ปี ชีวิตที่แสนฉุกละหุกก็เกิดขึ้น เพราะชั่วโมงบินที่แสนต่ำของ Anis "เกี่ยวกับเด็กๆ" ก็ได้แต่คิดว่า..จะทำทุกตามทฤษฎีที่เรียนมา ผนวกกับจะทำทุกอย่าง "ด้วยใจ" ซึ่งก็โชคดีมาก Mr.Robe--- รองผู้อำนวยการที่มีฐานะเป็น Supervisor เป็นคนที่ใจดีมาก ช่วยสอน ช่วยเสริมความรู้ให้ สำหรับ Mr.Robe ---เป็นบุคคลที่อุทิศตนเพื่อคนพิการอย่างแท้จริง มาทำงานแต่เช้าตรู่ ทำงานค่อนข้างหนัก Anis แอบเห็น Mr. Robe ใช้ทั้งลูกล่อลูกชนกับเด็กๆ ที่แผลงฤทธิ์ร้ายเหลือ โดยถ้าเด็กถูกขู่ว่า จะเรียก Mr.Robe แล้วนะ เด็กก็จะสงบ นิ่งลง ทั้งๆ ที่ Mr.Robe ก็ไม่ได้จะทำอะไรเด็ก หรือลงโทษเด็กแต่อย่างใด แต่เพราะเด็กๆ รักและเคารพนั่นเอง

Anis ยอมรับว่าเหนื่อยมาก ในการฝึกงานครั้งนี้ เพราะต้องเปลี่ยนหน้าที่ทุกๆ ชั่วโมง อาทิ 9 โมงเช้า จะต้องดูแลเด็กเล็ก พอ 10 โมง ก็ต้องวิ่งไปอีกตึก ห้องเด็กที่เริ่มจะโต ทำหน้าที่ช่วยเหลือครูผู้สอน เท่าที่จะทำได้ และ 11 โมง ก็ช่วยครู สอนวิชาคณิตศาสตร์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันแก่เด็กโต ช่วงเที่ยงก็ต้องดูแลเด็กที่วิ่งเล่นในสนาม ช่วงบ่าย 1-3 กลับมาดูแลเด็กเล็กอีกครั้ง จนกระทั่งส่งเด็กขึ้นรถบัสโรงเรียนกลับบ้าน ขณะที่ตารางวันพฤหัสฯ ก็จะต่างกันวันศุกร์ โดยวันศุกร์ช่วงเช้า Anis ก็ต้องไปอยู่ที่ "บ้านใหญ่" ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับโรงเรียน เป็นสถานที่ๆ ฝึกเด็กอายุ 17-18 ปี ที่ช่วยเหลือตนเองได้น้อยมากๆ ก็จะมีการ "ติวเข้ม" กันที่นี่ ก่อนที่จะจำหน่ายออกจากโรงเรียน (จะเล่าให้ฟังครั้งต่อไปว่าพวกเค้าไปไหนกัน หลังจากอายุเกิน 18 ปี) จะเห็นได้ว่าตารางเวลาการฝึกงานของที่นี่ ดูๆ แล้วเหมือนเล่นเกมส์เลยค่ะ ซึ่งครูทุกๆคนรวมทั้ง Anis ต้องคอยดูบนกระดานในห้องพักครูในตอนเช้า ว่าวันนี้เราจะไปอยู่จุดไหนของโรงเรียน แรกๆ หัวกระเซิง และมึนตึบ ทำผิดทำถูกเป็นประจำ เช่น จะต้องไปคุมเด็กเล็กในสนามเล่นเด็ก (Yard Duty) ก็เผลอไปคุมเด็กโตในสนามเล่นเด็กโต(Main Yard) กว่าจะเข้าที่ก็เกือบเป็นอาทิตย์ (รู้ไหมคนที่เก่งที่สุดโรงเรียนนี้คือใคร? --- คนที่ออกแบบตาราง กำหนดว่าครูคนไหนและเจ้าหน้าที่คนไหน ว่าทำอะไรในแต่ละวัน สุดยอดค่ะ !!!!! )

เด็กๆ พิเศษที่นี่ สามารถพึ่งพาตนเองได้ทั้งหมด ไม่ต้องอาศัยรถเข็น โดยร้อยละ 60 เป็นเด็ก IQ ต่ำกว่าปกติ ดูเผินๆทั่วไปก็เหมือนเด็กปกติ แต่ถ้าได้พูดคุยแล้ว ก็จะจำแนกได้ ส่วนเด็กที่มีหน้าตา-รูปร่าง และพฤติกรรมชัดเจน คือเด็กประเภทออทิสติก และดาวน์ซินโดรม ซึ่งก็มีอยู่จำนวนหลายคน และบางครั้งไม่สามารถสื่อสารกันได้ ก็ต้องใช้เครื่องมือ Personal Communication Dictionary : PCD เข้าช่วย ซึ่งเป็นรูปภาพขนาดเล็ก เคลือบพลาสติกและมีแถบกาวอยู่ด้านหลัง เด็กพิเศษเหล่านี้ชอบทำอะไรที่เป็น routine ไม่เปลี่ยนแปลง เช่น ถ้าเปลี่ยนกิจวิตรประจำวัน เปลี่ยนครู จะทำให้พฤติกรรมของเด็กแสดงออกมาอย่างชัดเจน หงุดหงิด ฉุนเฉียว ขณะที่เวลาพูดคุยด้วยกับเด็กพิเศษ ก็ควรจะรอ 5-10 วินาที ที่เค้าจะตอบสนอง พูดจาโต้ตอบกลับมา เพราะระบบการทำงานของเส้นประสาทกับสมองไม่สัมพันธ์กันนั่นเอง

ทุกๆเช้า ครูก็จะใช้ PCD ติดบนบอร์ด บอกเด็กว่า วันนี้เราจะทำอะไรกันบ้าง ครูก็พยายามสอนให้อ่านหนังสือ ออกเสียง และให้ความรู้ด้านวิชาการเท่าที่จะทำได้ รวมทั้งด้านศิลปะ ส่วนเด็กโต ครูก็สอนให้พึ่งพาตนเอง ใช้โปรแกรม excel คำนวนเงินในการซื้อผักและผลไม้ เพื่อนำมาประกอบอาหาร พาเด็กไปซุปเปอร์มาเกตเพื่อซื้ออาหารดังกล่าว และสอนเด็กปรุงอาหารด้วยตัวของเด็กเอง

เด็กพิเศษบางคน มีพฤติกรรมก้าวร้าวมาก โมโหรุนแรง แจก F... (ไม่ใช่สอบตก...นะตะเอง) ให้บรรดาครูๆตลอด บางครั้งก็ถึงกับทำร้ายเพื่อนร่วมชั้น ครูก็มีวิธีแก้คือ บอกกับเด็กที่ทำความผิดว่า You are unsafe now!!!! ไปเลยไป ไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้อง และให้นับ 1-10 จากนั้นเด็กจะถามครูว่า Am I safe? เด็กจะรอจนครูตอบ Yes, และอนุญาตให้ออกมาจากบริเวณมุมห้องนั้น นอกจากนี้ Anis เรียนรู้อีกอย่างหนึ่ง คือเวลาพูดคุยกับเด็กที่แสดงพฤติกรรมก้าวร้าว เราควรย่อตัวนั่งลงในระดับเดียวกับเด็ก และใช้เสียงที่ต่ำและโอนโยน มองตาเด็ก และพูดคุยกับเด็ก

Anis พยายามนำทฤษฎีความรู้ในชั้นเรียน ประยุกต์ใช้กับเด็กพิเศษ นั่นคือ พยายามหาทางให้เค้าเหล่านั้น มีความภาคภูมิใจในความเป็นมนุษย์ (Dignity) : โดย Anis จะคอยให้กำลังใจ เช่น พูดว่า good boy, good girl and beautiful เป็นต้น, สามารถพึ่งพาตนเองได้ (Empowerment) อาทิ Anis มักจะให้เด็กพิเศษหิ้วกระเป๋า ใส่รองเท้า หรือทำอะไรต่างๆ ด้วยตนเอง, มีอำนาจตัดสินใจต่างๆด้วยตนเองได้ (Self Determination) อาทิ เด็กๆ จะสามารถเลือกตัดสินใจ สิ่งใดที่ตนต้องการและไม่ต้องการ เช่น เลือกอาหารกลางวันที่ตนชอบ, มีความเสมอภาคเช่นเดียวกับผู้ไม่พิการ (Human Rights) อาทิ พวกเค้าสามารถเดินทางไปในทุกๆที่ ที่เค้าต้องการจะไป, สามารถมีความเป็นส่วนตัวในเรื่องที่ไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับรู้ (Privacy and Confidentiality) อาทิ เวลาเด็กเข้าห้องน้ำ ก็จะดูเรื่องปิดประตูห้องน้ำให้ และจะเห็นได้จาก Anis ได้ใช้โปรแกรมคอมฯ ปิดตาเด็กๆไว้ ในภาพที่แสดงในบล๊อกนี้ เป็นต้น และ Anis จะต้องคอยเป็นกระบอกเสียง พูดแทนเด็กพิเศษเหล่านี้ (Advocacy)เพราะบางคร้ังเด็กไม่สามารถพูดหรือบอกใครให้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ว่าใครเป็นฝ่ายถูกหรือใครเป็นฝ่ายผิด

เมื่อวันสุดท้ายของการฝึกงานมาถึง Anis ก็ซื้อขนม Jelly Beans ไปแจกเด็กเล็กๆ ทุกคน ขณะที่เด็กโต Anis ก็ซื้อเค้กไปตัดกินกับเด็กๆ เพราะเป็นวันเดียวกับวันส่งท้ายปิดภาคเรียนของโรงเรียนนี้ ผู้อำนวยการประกาศให้เด็กๆมาเรียนครึ่งวัน พอช่วงบ่ายก็จะมีปาร์ตี้เล็กๆ ระหว่างครูและพนักงานทั้งหมด มีการเลี้ยงพิซซา และที่ขาดไม่ได้คือเบียร์ (ออสซี่ โอ๋ย โอ๋ย เลิฟดริ้งค์ค่ะ) Ms. Katie ผู้อำนวยการปิดท้ายกล่าวขอบคุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกคน จากนั้น Anis ก็ขออนุญาตกล่าวขอบคุณผู้อำนวยการ ที่อนุญาตให้มาฝึกงานที่นี่ และขอบคุณครูและเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ช่วยเพิ่มพูนความรู้และประสบการณ์เช่นกัน และมอบการ์ดขอบคุณ ซึ่ง Mr.Robe นำไปติดไว้บนบอร์ดของโรงเรียน ตอนใกล้กลับบ้าน แอบเปิดการ์ดที่เด็กๆร่วมกันทำไว้ให้ Anis ซึ้งใจมากๆ แอบน้ำตาซึมเล็กๆ ... Bye Bye Kids.

NB : The names used herein are fictitious. (บุคคลในเรื่องนี้ Anis ใช้ชื่อสมมติทั้งสิ้น และได้ขออนุญาตทุกคนที่เกี่ยวข้อง นำรูปมาลงในบล๊อกนี้แล้วค่ะ)




Photobucket

Mr.Robe


Photobucket

อุปกรณ์ช่วยในการสื่อสารกับผู้พิการ Personal Communication Dictionary : PCD


Photobucket

การ์ดจากเด็กๆ



Photobucket

ด้านหลังของการ์ด
















Create Date : 29 มิถุนายน 2552
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 11:00:48 น. 0 comments
Counter : 859 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

The Anis
Location :

เมลเบิร์น
Australia

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ผู้หญิงจากเมืองไทย ที่ออกตามหา "ชิ้นส่วนที่หายไปของชีวิต" ด้วยการหันหลังให้กับงานนักวิจัยเศรษฐกิจที่ทำมาเนิ่นนาน มาลองเป็นอาร์ทติส อินทีเรียดีไซน์ที่เมลเบิร์น ต่อมาได้แรงบันดาลใจจากเพื่อนที่มีลูกเป็นออทิสติก ตอนนี้กลายเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลให้ความช่วยเหลือผู้พิการหรือคนด้อยโอกาส ยังไม่อาจบอกได้ว่าชีวิตข้างหน้าจะเปลี่ยนไปอีกหรือไม่ รู้แต่เพียงว่า ยังคงตามหาชิ้นส่วนที่หายไปนั้นอยู่...
Friends' blogs
[Add The Anis's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.