"สิ่งที่จะสูญเสียไปนั้นมีค่ามหาศาล หากคุณไม่กระทำตามที่ควรจะทำ"
จดหมายเปิดผนึกจาก ธงชัย วินิจจะกุล : "สิ่งที่จะสูญเสียไปนั้นมีค่ามหาศาล หากคุณไม่กระทำตามที่ควรจะทำ" ที่มา เวบไซต์ประชาไท โดย ประชาไท 28 กรกฎาคม 2550
ประชาไท ได้รับจดหมายฉบับนี้จาก ธงชัย วินิจจะกุล แห่งมหาวิทยาลัยวิสคอนซิล สหรัฐอเมริกา ที่เขียนถึงเพื่อนนักสิทธิมนุษยชน ในเวลาก่อนที่องค์กรสิทธิมนุษยชนในประเทศไทยและในระดับสากลจะขยับตัวเพื่อปกป้องสิทธิของผู้ชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (ปราบกบฏ) หรือ นปก. ที่ปะทะกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเมื่อคืนวันที่ 22 ก.ค.ต่อเนื่องมาถึงการเชิญตัวและจับกุมแกนนำทั้ง 9 เมื่อวันที่ 26 ก.ค.โดยกระบวนการยุติธรรมไทย
-----------------
ถึง ทุกคน
เมื่อปีที่แล้ว ตอนที่รายการของสมัคร สุนทรเวช ถูกถอดถูกเซ็นเซอร์ออกไป เพราะพูดจาไม่สุภาพต่อเปรม ติณสูลานนท์ ไม่มีกลุ่มสิทธิมนุษยชนหรือปฏิรูปสื่อกลุ่มไหนเลยที่จะออกมาวิพากษ์วิจารณ์หรือประท้วง ผมก็เกลียดสมัคร แต่ผมก็คิดว่าการนิ่งเฉยดังกล่าวเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ การนิ่งเฉยบ่งบอกว่านักสิทธิมนุษยชนและนักปฏิรูปสื่อเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าผู้รับใช้การเมืองที่แบ่งฝักแบ่งฝ่าย อุดมการณ์สูงส่งของพวกเขาอาจเป็นสิ่งจอมปลอม คนของพวกเขาก็อาจจะจอมปลอมไม่แพ้กัน
คุณอยากจะได้คำสรุปอย่างนี้ไหม? ถ้าไม่อยาก ก็กรุณาเถอะ.....ผมขอร้อง.....คราวนี้ ทำในสิ่งที่ถูกต้อง
ผมเชื่อว่าพวกเราทุกคนต่างเคยได้ยินคำกล่าวอันโด่งดังที่มักอ้างกันในหมู่นักสิทธิพลเมืองอยู่เสมอที่ว่า พวกเขาจะต่อสู้เพื่อปกป้องสิทธิของฝ่ายตรงข้าม ไม่ว่าพวกเขาจะเห็นต่างจากคนเหล่านั้นมากเพียงใดก็ตาม และผมยังเชื่ออีกด้วยว่าพวกคุณหลายคนคงทราบว่า ทนายที่ว่าความให้กับคลูคลักซ์แคลนนั้น ส่วนใหญ่เป็นทนายจากสมาคมเสรีภาพพลเมืองอเมริกัน (American Civil Liberty Union (ACLU)) แม้ว่าสมาคมนี้คือหนึ่งในเป้าหมายหลักของคลูคลักซ์ แคลนก็ตาม มีทนายอยู่ไม่มากนักที่เต็มใจจะว่าความให้กับพวกนั้น
ACLU เชื่อในสิทธิของผู้ใดก็ตามที่จะมีทนายและได้รับการพิจารณาคดีด้วยความเป็นธรรม ไม่เว้นแม้แต่พวกคลูคลักซ์แคลน
ACLU เป็นองค์กรที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูงจากทุกฝ่าย นั่นเป็นเพราะการยึดมั่นในหลักการและความกล้าหาญของพวกเขา
คุณคิดไหมว่าประเทศไทยก็ต้องการคนอย่างนี้และองค์กรอย่างนี้ แทนที่จะเป็นพวกที่เลือกข้างและสายตาสั้น?
การประท้วงที่จบลงด้วยการปะทะและความรุนแรงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาอาจจะมีวาระซ่อนเร้นทางการเมืองของพวกเขาอยู่ (เช่นเดียวกับพันธมิตรฯ เมื่อปีที่แล้ว) การตอบโต้อย่างทันควันของพวกเขาต่อการกดดันของตำรวจอาจดูไม่น่ารัก เรียบร้อย ถูกต้อง หรือสมบูรณ์แบบตามรสนิยมและประสบการณ์อภิชนของเราสำหรับการชุมนุมประท้วง แต่สิทธิในการประท้วงของพวกเขาควรต้องได้รับการปกป้อง อย่างน้อยก็ให้ได้เท่าเทียมกับพันธมิตรในปีที่แล้ว
มาตรการที่ไม่จำเป็นของตำรวจและทหารควรได้รับการประท้วง การยกเปรมให้อยู่ในสถานะที่สูงกว่าพลเมืองทั่วไปนั้น เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และต้องได้รับการวิพากษ์วิจารณ์
ถ้าหากองค์กรสิทธิมนุษยชนจะไม่ทำอะไรในคราวนี้เพื่อปกป้องสิทธิที่เท่าเทียมของคนทุกคน ก็รังแต่จะเป็นการตอกย้ำว่า นักสิทธิมนุษยชนและนักเคลื่อนไหวในไทยนั้น เป็นเพียงแค่พวกจอมปลอมและเครื่องมือทางการเมือง พวกเขาไม่ได้ยืนหยัดเพื่อหลักการและอุดมการณ์อันสูงส่ง นั่นจะเป็นจุดจบของขบวนการสิทธิและเสรีภาพในเมืองไทย ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น?
เพราะประชาชนไม่สามารถอุ่นใจได้อีกแล้วว่า คราวถัดไปที่เขา/เธอประท้วงอะไรสักอย่าง เขา/เธอจะได้รับการปกป้องหรือไม่ เขา/เธอจะต้องเลือกข้างที่ถูกต้อง ซึ่งเป็นข้างที่นักสิทธิมนุษยชนเลือก
สิ่งที่จะสูญเสียไปนั้นมีค่ามหาศาล หากคุณไม่กระทำตามที่ควรจะทำ
นับถือ (อย่างเศร้าๆ)
ธงชัย วินิจจะกุล
Create Date : 29 กรกฎาคม 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2550 9:56:43 น. |
Counter : 672 Pageviews. |
|
|
|
การนับถือผู้มี "อภิสิทธิ์" ทางสังคม ผ่านการเกาะยึดสถาบันเบื้องสูงเป็นข้ออ้าง นับเป็นมรดกทางสังคมของระบบขุนนาง ที่ยังมักคิดว่าประชาชนคนสามัญ ก็คือ "ไพร่" มาก่อนนั่นเอง
และด้วยความที่ "เราคนไทย" ทุกคน เคารพรักและเทิดทูน สถาบันเบื้องสูง ไว้เหนือเศียรเหนือเกล้า จึงทำให้เหลือบที่อาศัยเกาะธุลีพระบาทลุแก่อำนาจ ทำร้ายประชาชน
เมื่อไหร่ "คนไทย" จะตื่นซักทีหนอ จักรักและหวงแหน "ประชาธิปไตย" มากกว่าการนั่งอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร กับ พวกที่ชอบใช้อาวุธปล้นประชาธิปไตยไปจากเรา ตลอด 75 ปีมานี้