สิงหาคม 2553

1
2
3
4
5
6
7
8
9
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
25
27
28
29
30
31
 
 
Orientation in New York
ออแพร์มือใหม่จะต้องมาปฐมนิเทศน์กันที่นิวยอร์คก่อน แล้วค่อยแยกย้ายกันเดินทางไปปฎิบัติหน้าที่ตามบ้านโฮสค่ะ

เอเจนซี่ของบีบีจะให้ออแพร์บินทุกวันจันทร์ และก็ใช้บริการของ United airline แต่รุ่นที่บีบีบิน ปรากฏว่าได้บินวันอาทิตย์ ของสายการบิน Israel airline โอ้วแม่เจ้า จากฝรั่งหัวทอง กลายเป็นแขกโพกหัวซะงั้น อันนี้ไม่ได้เหยียดผิวนะ แต่ว่า การที่ไปเปลี่ยนเครื่องที่ ญี่ปุ่น มันก็น่าจะดูดีกว่าไปเปลี่ยนเครื่องที่ อิสราเอลนะ

และแล้ววันเดินทางก็ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ในขณะที่บีบีรู้สึกว่า ไม่อยากไปแล้วอ่ะ กลัวอ่ะ กลัวไปแล้วปรับตัวไม่ได้ กลัวว่าเราจะฟังเขาพูดไม่รู้เรื่อง กลัวอยู่ไปแล้วโดนรีแมช กลัวไปอยู่นั่นแล้วไม่มีเพื่อนคนไทยอยู่ใกล้ๆเลย กลัวไปหมดทุกอย่างเลย แต่ the show must go on จะเปลี่ยนใจตอนนี้คงไม่ได้แล้ว

วันที่ขึ้นเครื่อง หน้าตาของบีบีเหมือนคนจะไปตายยังไงยังงั้นเลย กระซิบบอกพี่ออย (พี่ที่เอเจนซี่ที่ดูแลบีบีอยู่) ก่อนขึ้นเครื่องว่า ไม่อยากไปแว้วว พี่ออยปลอบว่า เอาน่า เดี๋ยวอยู่ไป 6-7 เดือน จะมีจดหมายจากเอเจนซี่มา ถามว่าจะต่อโครงการการรึป่าว ถึงตอนนั้นบีบีอาจจะไม่อยากกลับแล้วก็ได้ บีบีก้อนึกในใจว่า “แล้วเราจะอยู่ได้ถึงหกเดือนรึป่าวนะ”

บีบีบินวันที่ 10 สิงหาคม 2551 เที่ยวบินนั้น บรรทุกออแพร์ไทย 8 คน เราก็ทำความรู้จักกันบนเครื่อง เราจะรู้สึกรักเพื่อนมาก นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เท้าเหยียบย่างขึ้นบนเครื่องบิน เพราะว่าเรา “ลงเครื่องบินลำเดียวกันแล้ว”

พอมาถึงสนามบินเจเอฟเค ที่นิวยอร์ค ก็ต้องผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง บีบีก็หัวหมอ เดินตามหลังเพื่อนอยู่คนเกือบสุดท้ายเลย เพราะกะว่ามาด้วยกันเป็นกลุ่ม เจ้าหน้าที่ต้องถามแค่คนแรกแล้วคนต่อไปเค้าก็ไม่ถามแล้วแน่ๆ แต่ปรากฏว่า แถวที่ต่อกันยาวเกินไป เจ้าหน้าที่เลยให้มาต่อแถวใหม่อีกแถวหนึ่ง แล้วบีบีอยู่เป็นคนแรก อะไรกันเนี่ยะ ทำไมเหตุการณ์อย่างนี้ต้องเกิดกะชั้นอีกแล้ว ตั้งกะขอวีซ่าเข้าเมริกาล่ะ จะถามอะไรชั้นหนักหนาคะ หน้าตาชั้นเหมือนฆาตกรโรคจิตมากเลยรึไงคะ ภาษาอังกฤษชั้นยิ่งเก่งๆอยู่ แล้วก็เป็นไปตามคาด ซักประวัติบีบีคนเดียว อีก 7 คนที่เหลือ ถามแค่ว่าเป็นแค่ออแพร์เหรอ แค่นั้นเอง!!! ชิ

หลังจากนั้นเราก็มารอรับกระเป๋า ปรากฏว่า กระเป๋าเพื่อนคนหนึ่งหาย หายทั้งสองใบเลย คาดว่าคงหายตอนที่เปลี่ยนเครื่องที่อิสราเอล ประมาณสี่วันถึงจะได้กระเป๋าคืนมา ระหว่างที่อยู่นิวยอร์ค เพื่อนๆแต่ละคนก็เอื้อเฟื้อชีโดย คนหนึ่งให้ยืมเสื้อ คนหนึ่งให้ยืมกางเกง คนหนึ่งให้ยืมผ้าพนคอ เสื้อกันหนาว กระเป๋า เมื่อเสื้อผ้าหลายคนมา mix and match ชีก็เลยเหมือนหลุดออกมาจากแมกกาซีน แบบว่าดูดีมาก เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ทุกวัน ไม่เหมือนคนกระเป๋าหายเลย

ระหว่างที่ปฐมนิเทศน์ที่นิวยอร์ค รุ่นบีบีมีออแพร์มาเกือบ 150 คน จาก เยอรมัน ออสเตรีย สวีเดน นอร์เวย์ สวิสเซอรแลนด์ บราซิล โคลัมเบีย เอกวาดอ จีน เนปาล ฯลฯ พอไปถึงแคมปัสที่มหาลัยเซนต์จอห์น เจ้าหน้าที่ก็จะแจกกุญแจห้องให้ ห้องพักห้องหนึ่งพักได้ 3-4 คน สภาพห้องพักเหมือนหอพักในมหาลัย มีเตียงสองชั้นสองเตียง ตู้ โต๊ะ 4 ชุด รูมเมทบีบีเป็นเยอรมันกะออสเตรีย อยู่ในห้องเขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าแบบถอดออกหมดอ่ะ ยกเว้นกางเกงใน โอ้แม่เจ้า ขาวจังเลย หุหุ วันแรกบีบีก็อายไม่กล้าเปลี่ยนเสื้อผ้าในห้อง แต่วันที่สองก็บีบีก็ถอดมั่งละกัน เป็นไงล่ะ ไซส์มินิของคนไทย เยอรมันกะออสเตรียถึงกะอึ้งไปเลย หุหุ




เนื่องจากออแพร์จำนวนมาก เลยต้องแบ่งห้องเรียนย่อยออกไป ห้องละประมาณ 30 คน ห้องที่บีบีเรียน ไม่มีเพื่อนคนไทยเลย ตายละกู รอดมั้ยเนี่ยะ คือว่าเค้าจะแบ่งตามโซนของรัฐที่เราจะไปเป็นออแพร์ แล้วเพื่อนคนไทยอีก 7 คน อยุ่ฝั่ง East กันหมดเลย มีบีบีคนเดียวที่ไปเป็นออแพร์ฝัง West แต่ก็ดี โครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม ไปหาเพื่อนเอาข้างหน้าก็ได้(วะ) ในห้องก็ได้เพื่อนใหม่มาหลายคน เป็นบราซิล โคลัมเบีย เนปาล พอคุยไปอ้าว เป็นออแพร์รัฐเดียวกัน จากนั้นมา บีบีก้อกลายสภาพจากคนเป็นเห็บ 555

ปฐมนิเทศน์ที่นี่ตอนแรกบีบีคิดว่ามันไม่สำคัญนะ แต่พอมานั่งเรียนจริงๆ มันสำคัญมากเลย เพราะบางเรื่องที่เราลืมไป รึบางเรื่องที่เราควรให้ความสำคัญมันอยู่ในคลาสนี้จริงๆ เช่น เรื่องการ safe เด็ก เรื่องโรคที่สามารถเกิดกับเด็ก การวางตัวเวลาที่อยู่ที่อเมริกา




เวลากลางคืนทุกคนต้องมารวมกันที่ห้องประชุมใหญ่ แล้วจะมีการแสดงจากแต่ละประเทศ โดยให้แต่ละประเทศมาร้องเพลงเกี่ยวกับเด็ก ประเทศไทยภายใต้การนำของบีบี เราก็นำเสนอเพลงทะเลแสนงาม (โอ้ทะเลแสนงาม ฟ้าสีครามสดใส) และเราได้มีการอแดปท่าเต้นมาจากเพลงอื่นๆอีกหลายเพลงมาก ฮามาก กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่



วันสุดท้ายของการเรียนที่นิวยอร์ค เราเรียนแค่ตอนเช้า แล้วตอนบ่ายเรามีทัวร์ในเมืองกัน ถ้าใครอยากไปก็ซื้อทัวร์ในราคา 30 ดอลล่า แต่โฮสบีบีใจดีมาก โฮสซื้อทัวร์แล้วก็ของที่ระลึกให้ เลยเหมือนกับว่า เราได้ไปทัวร์ first class ในขณะที่คนอื่นที่จ่ายค่าทัวร์เอง เป็นการทัวร์แบบ economy class ทัวร์ของบีบีจะพิเศษตรงที่ว่าเราสามารถขึ้นไปชมวิวบนตึก Rockefeller center (จริงๆอยากไปตึก Empire State มากกว่า) วันนั้นเราก็ได้ไปย่ำ Time square, 5th Avenue, Central park, Broadway, Liberty Lady Island, ซากตึก world trade center(ไม่รู้จะพาไปดูทำไม) และที่สำคัญในเมืองอีกหลายที่ เนื่องจากเป็นทัวร์ first class เราก็จะมีที่ไปเที่ยวมากกว่าปกติ ในทางกลับกันหมายความว่า เรามีฟรีทามน้อยลง จากสามชั่วโมง เหลือแค่ชั่วโมงเดียว แล้ว..ไกด์ก็ทิ้งเราไว้ที่ตึก Rockefeller center ให้เราเดินกลับไปจุดนัดพบกันเอง แล้ว..ตึก Rockefeller center ห่างจากจุดนัดพบ 16 บล็อค แล้ว..ฝนตก แล้ว..หนาวด้วย แล้ว..หิวด้วย แล้ว..เหนื่อยด้วย 16 บล็อค..ตอนแรกก็เดิน แต่หลังจากดูเวลาที่เหลือน้อยลงและปริมาณของฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ เลยวิ่งเอาละกัน สุดท้ายได้ซื้อแมคโดนัลขึ้นมากินบนรถ นี่หรือ first class ในขณะที่เพื่อนกลุ่ม economy class สนุกสนานเฮฮามาก เวลาชอปปิ้งเหลือเฟือ แล้วไกด์พาไปกินอาหารจีนด้วย อิจฉาอ่ะ ตั้งกะมาอเมริกาเกือบอาทิตย์ยังไม่ข้าวตกถึงท้องสักเม็ดเลยอ่ะ ต้องมากินแมคโดนัล ฮือๆ แมคโดนัลที่ไทยก็มี ทำไมชั้นจะต้องลำบากมากินถึงนิวยอร์คด้วยนะ



ไปถึงนิวยอร์คซิตี้แล้ว สาวไทยเสน่ห์แรงมีเรื่องหนุ่มๆมาเม้าท์ให้ฟัง แบบว่ามีหนุ่มมาจีบด้วยล่ะ เป็นพี่มืดอ่ะ แบบว่าตอนที่วิ่งร้อยเมตรมาขึ้นรถกลับ บีบีกับเพื่อนสาวแวะที่ร้านขายเครื่องใช้ไฟฟ้าเพื่อจะหาซื้อปลั๊กไฟ แค่ซื้อปลั๊กไฟตัวเดียว พี่มืดออกมาเทคแคร์ลูกค้าอย่างเราถึงสามคน พี่มืดก้อถามนั่นถามนี่ บีบีก็บอกมาจากไทย เป็นนักศึกษา เรียนที่มหาลัยเซนต์จอน์ห อายุ 20 ปี พอบอกว่า 20 เท่านั้นล่ะ เพื่อนสาวที่ไปด้วยกันถึงกับหันหน้ามามองบีบีด้วยสายตาที่เป็นคำถามมาว่า “อายุแกหายไปไหนอีก 5 ปีวะ”

เช้าวันสุดท้ายที่นิวยอร์ค เราต้องเช็คเอาท์ห้องพักแต่เช้า แล้วก็มารอรถบัสที่จะไปส่งเราตามจุดต่างๆ ถึงเช้าวันนั้น รู้สึกเศร้าแล้วก้อกลัวมาก เพราะเป็นครั้งแรกที่ต้องเดินทางคนเดียว จริงๆ ต่อจากนี้คือไม่มีใครมาช่วยแล้ว ตอนที่เพื่อนมาส่งขึ้นรถบัสบีบีก้อร้องไห้ เพื่อนก็แปลกใจมาก เพราะปกติบีบีจะเป็นผู้นำและเข้มแข็ง รู้สึกกลัวมาก เพื่อนที่มาพร้อมกัน อยู่ฝั่งตะวันออกกันหมด อยู่ใกล้กันทุกคนเลยด้วย แล้วเราคนเดียวดันไปอยู่อีกฝั่งเลย ต้องนั่งเครื่องบินสองต่อกว่าจะถึงบ้าน แล้วถ้าเกิดเราหลงทางตอนเปลี่ยนเครื่องบินละ จะทำไงหว่า ยิ่งคิด ยิ่งกลัว

สนามบินที่บีบีต้องขึ้นเครื่องชื่อสนามบินลากาเดีย (la gardiar airport ) คนขับรถก็จอดให้ลงตามจุด ใครขึ้นสายการบินนี้ลงตรงนี้ บีบีขึ้นของยูไนเต็ดแอร์ไลน์ ที่หน้ากระดาษที่ปรินท์มาเพื่อเช็คอินพิมพ์ตัวย่อสายการบินว่า UA เราก็มองหาเค้าเตอร์เช็คอินของ UA ไม่มีเลยอ่ะ จนคนลงรถเกือบหมดแล้ว เลยต้องลงด้วย พอลงมาก้อพอดีเห็นเคาเตอร์เชคอินของ US พอดี ด้วยความที่กลัวหลง เลยถามคนขับรถอีกรอบหนึ่งเพื่อความชัวร์ว่า เราขึ้นสายการบินนี้ ต้องเชคอินตรงนี้ใช่มั้ย คนขับรถก้อใจดีบอกว่าใช่ พร้อมกันช่วยลากกระเป๋ามาส่งให้ด้วย พอถึงเคาเตอร์เชคอิน เราก้อยื่นพาสปอร์ตพร้อมกับกระดาษที่ปรินท์รายละเอียดของไฟลท์ให้เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่เลยบอกว่า คุณเชคอินตรงนี้ไม่ได้ ต้องไปเชคอินอีกเทอมินอลหนึ่ง เราก็งงสิ เค้าเลยบอกว่าที่นี่มีสามเทอมินอล บีบีต้องไปขึ้นเครื่องอีกเทอมินอลหนึ่ง เค้าเลยบอกว่าให้ลงไปชั้นล่างแล้วขึ้น shuttle bus ไป เอาแล้วไง และแล้ว เรื่องที่กลัวที่สุด ก็เกิดขึ้นจนได้ บีบีก็หาทางลงไปขึ้นรถบัส ก็ถามทางเจ้าหน้าที่ผิวขาว ซึ่งบอกทางได้งงมาก ยังไงก็ลงไปชั้นล่างไม่ได้สักที เลยเดินมาที่เดิม เจ้าหน้าที่ก้อใจดีมากเลย เค้าเขียนแผนที่ให้ แล้วก้อเขียนสายรถ shuttle bus ที่จะต้องขึ้นให้ด้วย (เชลเตอร์บัสภายในสนามบิน มี สามสาย คิดว่าถ้าขึ้นผิดสายอีก คงจะได้กลับเมืองไทยก่อนกำหนดแน่ๆ) นึกถึงสภาพออแพร์ไทยตัวน้อยๆที่ต้องลากกระเป๋าใบใหญ่ๆสองใบ แล้วยังหลงทางอยู่คนเดียวในสนามบินนิวยอร์คออกมั้ยคะ แบบว่า กว่าจะหาทางมาถูกเทอมินอลได้ เล่นเอาหัวใจแทบวายอ่ะ

บีบีต้องเปลี่ยนเครื่องบินที่ North Carolina ด้วยความที่หลงมาแล้วครั้งหนึ่ง รู้สึกเสียขวัญมาก เพราะกลัวว่าจะหลงตอนเปลี่ยนเครื่องอีก บีบีเคยนั่งเครื่องบินจากเชียงใหม่ไปอุดรธานี แล้วต้องมาเปลี่ยนเครื่องที่สุวรรณภูมิ มันก็มีขาเข้า และขาออก และบีบีก็หลง จำได้ว่าเคยไปเปลี่ยนเครื่องที่นั่นสามครั้ง แล้วก็หลงทั้งสามครั้ง หลงแล้ว หลงอีก ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า สนามบินเค้าทำให้มันดูเข้าใจยาก รึตัวเองสับสนไปเอง มาคราวนี้ต้องเปลี่ยนเครื่องที่เมืองนอก ตายละทำไงดีเนี่ยะ แต่ปรากฎว่า สนามบินที่นี่มีระบบขาเข้าขาออก เหมือนกัน บขส บ้านเราเลย คือผู้โดยสารขาเข้าลงจากเคื่องปุ๊ป เก็บขยะสามสิบนาที ผู้โดยสารขาออกขึ้นเครื่องได้เลย โล่งอกมาก บีบีลงเครื่องที่เกต 15 ปุ๊ป เดินไปรอขึ้นเครื่องที่เกต 8 ได้เลย

ตกลงวันนั้น ใช้เวลาอยู่ที่สนามบินและเครื่องบินรวมทั้งสิ้น เกือบ 15 ชั่วโมง เป็นอะไรที่ยาวนานมาก 15 ชั่วโมงนั้น ในใจมีแต่ความกลัวแล้วก็กังวล กลัวว่าถ้าเรามาถึงสนามบินแล้วโฮสไม่มารับ เราจะทำไงดี กลัวว่าถ้าอยู่ไปแล้วเราเข้ากะที่บ้านไม่ได้ ดูแลเด็กไม่ดี รึฟังโฮสพูดไม่รู้เรื่อง เราจะทำยังไงดี คิดแล้วก็อยากกลับบ้าน ตกลงเราคิดถูกคิดผิดที่มาเป็นออแพร์นะ




Create Date : 10 สิงหาคม 2553
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2554 9:04:13 น.
Counter : 2318 Pageviews.

2 comments
  
อ่านสนุกจังค่ะ แอบลุ้นตอนที่สนามบินด้วยนะคะ ห้า้ห้า เล่าสนุกจังค่ะคุณบีบี ชอบ ๆ ติดตามอ่านนะคะ ขออนุญาตเก็บเป็นข้อมูลนะคะ เพราะน้ำสนใจอาจจะไปปีหน้าน่ะค่ะ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงก่อนนะคะ
โดย: princess of rock วันที่: 28 สิงหาคม 2553 เวลา:22:09:35 น.
  
โห เจ๊สุดยอดมากเลย อ่านแล้วแบบตายแล้วพี่ชั้นไปลำบากขนาดนี้เลยหรือ 5555
โดย: Malang Por IP: 114.128.15.32 วันที่: 14 มกราคม 2554 เวลา:2:57:13 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Sugar lip
Location :
Seattle  United States

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 156 คน [?]



วันหนึ่ง เราจะต้องทำบล็อคหน้าตาสวยๆออกมาให้ได้ คอยดูสิ หึ

บีบีได้มาใช้ชีวิตอยุ่ที่อเมริกาถึงวันนี้ก้อเกือบ 3 ปีล่ะค่ะ การได้มาใช้ชีวิตต่างแดนตัวคนเดียว เวลามีปัญหาหรือข้อสงสัยขึ้นมา มันก้อไม่รุ้จะไปถามใคร ภาษาเราก้อไม่ดี บีบีก้อจะหาข้อมูลในเวป google แล้วบีบีก้อจะได้คำตอบออกมาในรูปแบบของ bloggang บีบีเลยรู้สึกถึงความสำคัญของบล็อค รู้สึกขอบคุณคนเขียนบล็อคทุกๆคน ที่เสียสละเวลามาเล่าประสบการณ์ต่างๆที่เป็นประโยชน์อย่างมากมายกับคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างบีบี ดังนั้นบีบีก้อเลยตั้งใจไว้ว่าจะทำบล็อคเพื่อบอกเล่าเรื่องราวประสบการณ์ และ how to ต่างๆ ของบีบี เผื่อว่าจะได้เป็นประโยชน์แก่คนอื่นๆมั่งค่ะ
New Comments