กุมภาพันธ์ 2553

 
1
2
3
4
5
6
7
8
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
 
 
All Blog
รวมมิตร John Legend # 2 ผู้ชายโดนทิ้ง เพราะหญิงตีจาก

ความสัมพันธ์ เมื่อมีวันเรื่ม ย่อมต้องมีวันจบ แต่จะจบยังไง บางครั้งความสัมพันธ์จบ แต่คนไม่จบ

เช่นเดียว กับพี่ John Legend ในเพลงนี้ เมื่อเกี้ยวพาสาวเจ้าจนไฟเขียวในเพลงที่แล้ว วันดีคืนดี โดนหญิงตีชิ่งซะงั้น

งานนี้เลยออกอาการ รับไม่ได้ขึ้นมาซะงั้น อึ้งกิมกี่ จนเริ่มพูดกับตัวเองในกระจกได้ จิตตกขนาดนั้นน

ซึ่งงานนี้ได้พี่ Kanye West มาร่วมแร็บเสริมให้เพลงมันส์คูณสอง

ซึ่งจะว่าไปแล้วพี่ Kanye West เป็นขวัญใจของเจ๊เลยทีเดียว ถึงแม้ว่าเร็วๆนี้ พี่ท่านจะทำปากเสียใส่ น้อง Taylor Swift กลางเวทีประกาศผลแกรมมี่อวอร์ด จนสาวเจ้าอึ้งกิมกี่ไปเลยก้อเถอะ แต่จะว่าไปแล้ว พี่ Kanye ที่เป็นคนมีความสามารถล้นเหลือ เป็นโปรดิวเซอร์มือทองตั้งแต่อายุยังน้อย และพี่ท่านนี่เองที่เป็นคนปลุกปั้นพี่ John Legend มาเป็นศิลปินในสังกัดของตัวเอง แถมสไตล์การแต่งตัวที่เก๋ไก๋ เนี๊ยบไม่เหมือนแร็ปเปอร์ทั่วไป ส่งผลให้กลายเป็นหนึ่งในผู้มีชื่อเสียงที่ทาง Louis Vuitton ขอให้มาร่วมออกแบบคอลเลคชั่นพิเศษ ซึ่งพี่แกได้ออกไลน์รองเท้าของตัวเองใต้แบรนด์หลุยส์

พี่เค้าเจ๋งจริง ขอยกนิ้วให้

ว่าแล้วเรามาดูความหมายของเพลงนี้ แบบแปลตามใจฉันกันดีกว่า


It's Over"
(feat. Kanye West)


I don't wanna be what you want me to be
So when I call you're just yelling at me
I'm sorry it's my fault
It's over


ก้อไม่อยากจะให้มันเป็น อย่างที่เธออยากให้เป็น
พอโทรไป เธอก้อเอาแต่ตวาดใส่ชั้น
ผมขอโทษ ผมผิดเอง
มันจบละ


Now what do you keep calling for
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
It's over, it's over
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)

แล้วทีตอนนี้แกจะเอาแต่โทรไปหาพระแสงอะไร

(It's over)

มันจบไปแล้ว


In the back of my mind I question why I keep calling
I guess I'm just used to getting my way I'm spoiled
I don't wanna be what you want me to be (don't wanna be)
So when I call you're just yelling at me
I'm sorry it's my fault

ลึกๆลงไป ชั้นก้อสงสัยว่าทำไมชั้นยังโทรไปอยู่ได้
คงเป็นเพราะมันเป็นความเคยชิน ที่โดนสปอย์มาแบบนี้
ก้อไม่อยากจะให้อะไรมันเป็น อย่างที่เธออยากให้เป็น
พอชั้นโทรไปหา เธอเลยเอาแต่ตะคอกใส่
ผมขอโทษ ผมผิดเอง


Oh, the clothes I bought you could still wear (still wear)
Did you destroy the cards and teddy bears (ooh)
See there I go again sticking my nose
I'm sorry it's my fault (hey, hey, hey, hey)

เสื้อผ้าที่ซื้อให้ เธอจะใส่ต่อก้อได้
เธอทำลายการ์ด กับ ตุ๊กตาหมีที่ชั้นให้ไปหมดรึยัง
นี่ไง เห็นมะ ชั้นก้อสู่รู้อีกละ
ผมขอโทษ ผมผิดเอง

Now what do you keep standing there for
It's over, it's over
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
Don't you know it is

แล้วตอนนี้แกจะยืนอยู่ตรงนั้นหาพระแสงอะไร
มันจบแล้ว จบแล้ว


Now what do you keep calling for
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
It's over, it's over
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
Yeah, yeah


แล้วทีตอนนี้แกจะเอาแต่โทรไปหาพระแสงอะไร
โทรไปหาพระแสงอะไรอีก


Girl talking to myself in the mirror is strange enough (strange enough)
So you gotta know sharing this with you is painful, yeah (painful)
You know we used to talk about our future
It ain't just all my fault (I know, I know, I know we used to talk about it, babe)
So say goodbye to the way the leaves would fall (leaves would fall)
The way we stand in the rain and we would bawl (we would cry)
Just say goodbye
To the walks and talks and the dark in the park
And it ain't just all my fault (hey, hey, hey, hey)

ที่รัก แค่พูดกับตัวเองในกระจก มันแปลกไม่พอเหรอไง
งั้นเธอคงรู้ว่า มาพูดตรงนี้ มันเจ็บปวดแค่ไหน
เธอก้อรู้เราเคยพูดกันแม้แต่เรื่องอนาคตของเรา
มันไม่ใช่ความผิดของผมคนเดียว (ที่จิตตกแบบนี้) (หญิงเสริม: ชั้นรู้ๆ ว่าเราเคยพูดถึงมันนะ ที่รัก)
งั้นก้อบอกลา ให้สุดแล้วแต่ชะตาชีวิตนำพาไป
อย่างที่เรายืนท่ามกลางสายฝน สะอื้นให้ (ร้องให้ไป)
บอกลาไปเลยละกัน
แด่ทั้งความหลัง คำพูด เรื่องด่างๆ ทั้งหลาย
ที่ไม่ใช่ความผิดของผมทั้งหมด


Now what do you keep calling for
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
Oh it's over, it's over (over)
(What do you keep calling for, what do you keep calling for)


แล้วทีตอนนี้แกจะโทรไปหาพระแสงอะไรอีก
โทรไปหาพระแสงอะไรอีก
มันจบแล้ว

[Kayne West เสริม]
(It's over)
We lost a four leaf clover
Don't ask why shorty be over
News flash shorty we over
We like Def Jam and Hova
We like Bobby and Whitney
Except without the kiddies
Like Pamela Anderson's career
Except without the titties

เราหมดสิ้นชะตาฟ้าลิขิตต่อกันแล้ว
ไม่ต้องมาถามอีกว่าทำไมมันต้องจบ
ข่าวรู้กันไปทั่วแล้วว่าคอนเวิร์ส
เหมือนพี่โก้ กับ มาริโอ้ (เปรียบเทียบเป็นดาราไทย จะได้ไม่งง)
เหมือน สิเรียม กับ บิลลี่
ยอมรับซะเหอะไอ้น้อง ไม่ต้องแย้ง
จบเห่ เหมือนอาชีพการงานของนาธาน
จบแบบไม่เป็นท่า

We had some good times didn't we
I know I won't forget that
But we had some bad times and
That's time I wish I could get back
We coulda had it all
But I guess we'll never know
You been around me long enough
To know that now it's over

พวกแกก้อเคยมีเวลาดีๆให้กันไม่ใช่เรอะ
ชั้นรู้ และก้อคงไม่ลืมมันหรอก
แต่เราก้อมีเวลาแย่ๆเหมือนกัน
เวลาเหล่านั้น ชั้นก้ออยากได้กลับคินมาเหมือนกัน
เราน่าจะสมหวังทุกอย่าง
แต่ชั้นว่า เราไม่มีทางรู้หรอก
เธออยู่กับชั้นมานานพอ ที่จะรู้ได้ว่าตอนนี้มันจบแล้ว

(What do you keep calling for, what do you keep calling for)
Yeah, it's nothing we can do with it
So you might as well forget it
Like we never ever did it, oh it's over

แล้วทีตอนนี้แกจะโทรไปหาพระแสงอะไรอีก

เออ.. ไม่มีอะไรที่ทำได้อีกต่อไป
งั้นเราก้อควรลืมมันได้แล้ว
ให้เหมือนว่า เราไม่เคยมีกันเลย มันจบ


Nothing we can do with it
So we might as well forget it
Like we never ever did it, oh hey

เออ.. ไม่มีอะไรที่ทำได้อีกต่อไป
งั้นเราก้อควรลืมมันได้แล้ว
ให้เหมือนว่า เราไม่เคยมีกันเลย โว้ววว.. ไปเรื่อย


===========================================

อืม ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะยอมรับความสัมพันธ์ที่ต้องเลิกรากัน ซึ่งบางครั้งอาจไม่มีใครถูกหรือผิด แต่อาจเพราะเดินมาถึงทางตัน และการยอมรับ ก้อไม่ใช่เรื่องง่าย หากชีวิตยังต้องเดินหน้า เพื่อค้นหาสิ่งที่ดีกว่า ต่อไป หวังว่าเพื่อนคงไม่ต้องมาเจอทางตันของความสัมพันธ์แบบในเพลงนี้ และมีความรักที่มั่นคง ยืนยาวตลอดไป รับวันวาเลนไทน์นะจ๊ะ

รักนะ จุ๊บๆ




Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2553 3:20:26 น.
Counter : 960 Pageviews.

1 comments
  
ผมชอบเพลงนี้เหมือนกันครับ(ชอบ john legend)
ขอชมว่าคุณแปลได้ดีเลยทีเดียว

โดย: นู๋หิวขนม IP: 210.213.57.5 วันที่: 24 สิงหาคม 2553 เวลา:14:15:49 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

COS Stylist
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]



การไตร่ตรองและคิด วิเคราะห์ เป็นหนทางสู่การพัฒนาสมอง การพัฒนาตนเอง และพัฒนาสังคม

คนเรามักสนใจแต่การปรุงแต่งรูปลักษณ์ภายนอก บุคคลิกภาพ พื้นฐานทางสังคม และความสุขส่วนตัว หากมีซักกี่คนที่มุ่งเน้นการพัฒนา "ใจ"

บล็อคนี้ เขียนจากคนธรรมดา ที่ไม่มีอะไรโดดเด่น หากแต่ชอบคิด ชอบเขียน และ อยากพัฒนา"ใจ"ของตนเอง ให้พบกับความสุขที่ยั่งยืน ที่ไม่มีวัตถุเป็นตัวกำหนด พร้อมทั้งยังอยากให้เพื่อนๆร่วมโลกได้ประโยชน์จากประสพการณ์และเรื่องเล่าต่างๆ ให้เป็นสาระแก่การดำเนินชีวิต และได้ข้อคิดแล้วต่อจะไปปรับใช้ในชีวิตของแต่ละคน

ทั้งนี้ ผู้เขียนขอไม่ประสงค์ออกนามของทั้งตนเอง และผู้ใดก้อตามที่ได้กล่าวอ้างถึง ไม่ให้พาดพิงต่อสิทธิส่วนบุคคลของทั้งตนเองและผู้อื่น

ทั้งนี้ข้อคิด และ เรื่องราวต่างๆนานาๆ ผู้เขียนไม่อาจรับรองได้ว่าเป็นวิธีคิด การกระทำ หรือทางเลือกที่ดีที่สุด สิ่งที่นำเสนอ เพียงแต่เป็นมุมมองของแต่ละบุคคล และขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของผู้อ่านเป็นหลัก

ทั้งนี้ อยากให้เพื่อนๆเพียงแค่ได้นำสิ่งที่เขียนไปคิดพิเคราะห์ คนเขียนก็ปลื้มใจมากมายแล้ว

ทั้งนี้ในฐานะชาวพุทธ ขอยกคำสอนของพระพุทธเจ้าผู้ปราดเปรื่องให้ข้อเตือนใจก่อนจะรับฟังเรื่องใดๆดังนี้

กาลามสูตร แปลว่า พระสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ชาวกาลามะ หมู่บ้านเกสปุตติยนิคม แคว้นโกศล (เรียกว่า เกสปุตสูตร ก็มี[1]) กาลามสูตรเป็นหลักแห่งความเชื่อที่พระพุทธองค์ทรงวางไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงายโดยไม่ใช้ปัญญาพิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ มีอยู่ 10 ประการคือ

อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
เมื่อใด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า ธรรมเหล่านี้เป็นกุศล
ธรรมเหล่านี้ไม่มีโทษ ธรรมเหล่านี้ท่านผู้รู้สรรเสริญ
ธรรมเหล่านี้ใครสมาทานให้บริบูรณ์แล้ว เป็นไปเพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุข
เมื่อนั้น ท่านทั้งหลายควรเข้าถึงธรรมเหล่านั้นอยู่
ปัจจุบันแนวคิดและหลักสูตรที่สอนให้คนมีเหตุผลไม่หลงเชื่องมงาย ในทำนองเดียวกับคำสอนของพระพุทธองค์เมื่อ 2500 ปีก่อนได้รับการบรรจุเป็นวิชาบังคับว่าด้วยการสร้างทักษะการคิดหรือที่เรียกว่า "การคิดเชิงวิจารณ์" (Critical thinking) ไว้ในกระบวนการเรียนรู้ในมหาวิทยาลัยของประเทศพัฒนาแล้ว

ที่มา: http://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A3

New Comments
MY VIP Friend