|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
จดหมายจากอีสตันบูล (ฉบับที่ 1)
ถึงฝ้ายเพื่อนรัก
วันนี้เราเดินทางมาถึงที่อิสตันบูลแล้วนะ อยากให้ฝ้ายมาเที่ยวด้วยกันจังเลย เอ่อ ก่อนอื่นเลยต้องบอกก่อนนะว่าเมืองหลวงของตุรกีคือ กรุงอังการ่า ส่วนอีสตันบูลเป็นเมืองที่ใหญ่และเจริญที่สุด เป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศจ้า แว๊ปแรกเห็นนะ โอ้ว เมืองอีสตันบูลใหญ่มากๆเลยจ้า มีประชากรไม่น้อยหน้า กทม บ้านเรานะ ราวๆ 10 ล้านคนเห็นจะได้
เรานั่งเครื่องออกจากบ้านก็ราวๆเที่ยง มาถึงอีสตันบูลเย็น ท้องฟ้าใสดีนะ ฝ้ายช่วยภาวนาให้อากาศที่อีสตันบูลดีด้วยเถอะ หนาวไม่เป็นไร แต่ไม่อยากให้เจอฝน
ว้า เราโชคไม่ดีเลยฝ้าย มาถึงอีสตันบูลฝนดันตก หมดมู๊ดไปเลยเนอะ เราให้ทาง รร จัดรถมารับที่สนามบิน อืมมมม สนามบินนานาชาติที่อีสตันบูลทันสมัย ใหญ่โตไม่เบาเลยหละ ทาง รร บอกว่าจะให้คนมารับที่ทางออก โดยเขาจะถือป้ายชื่อเราเอาไว้ พอเราเดินออกมานะ หาไม่เจอเลย เดินดูป้ายชื่อที่เขาถือกันเรียงแถวหน้ากระดาน แหม อายจัง เดินดูราวกับประกวดนางงาม ฮ่า ฮ่า ฮ่า รอบแรกหาไม่เจอ เอ ทำยังไงดีหละ ใจไม่ดีเลยฝ้าย ถ้าฝ้ายมาเที่ยวด้วยกันนะก็คงใจชื้นมาบ้าง มีอะไรจะได้ช่วยกัน แบบว่า คนเดียวหัวหาย สองคนเพื่อนตายเนอะ
เราเลยลองเดินดูป้ายชื่ออีกรอบ เย้ คราวนี้เจอคนมารับแล้ว จากสนามบินไป รร ก็ราวๆครึ่ง ชม เห็นจะได้ ถนนเลียบทะเลมาร์มาร่า แต่อากาศไม่ดี ฟ้าปิด ฝนตกปรอยๆ รร ที่เราพักนั้นตั้งอยู่ในเขตเมืองเก่าของอิสตันบูล ชื่อว่าย่าน Sultanhamet (อ่านออกเสียงแบบภาษาอังกฤษว่าย่าน เซา - ทัน - นา - เมด) ง่ายๆก็คือชื่อของ สุลต่านฮาเมด นั่นแหละจ้า
รร ที่จองเป็น รร ขนาดเล็กแค่ 20 ห้องนอนเอง เป็นบูติกโฮเทลจ๊ะ ห้องพักดีใช้ได้เลย ตกแต่งสไตย์เรียบง่าย แต่แอบหรูนิดๆ รร ตั้งอยู่ย่านเมืองเก่า เลยทำให้สามารถเดินไปเที่ยวสถานที่ต่างๆได้สะดวกมากๆเลย
ฝ้ายรู้ไหมว่าที่ตุรกีนี้ เราสามารถเข้าไปชมภายในมัสยิดได้นะ สมัยที่เราไปโมร็อคโคนั้น เขาให้เฉพาะคนมุสลิมเข้าไปเท่านั้นเอง เออ มาตุรกีหรือประเทศอิสลามก็ต้องได้ยินเสียงอิหม่านประกาศออกลำโพง 5 ครั้งต่อวัน เขาประกาศให้รู้ว่านี่ถึงเวลาสวดมนต์ต่อพระเจ้าแล้วนะอะไรประมาณนั้น แต่ที่เราชอบมากๆเลยก็คือว่า อิหม่านจะไม่ประกาศแบบเสียงตามสายแบบที่เราเคยได้ยินนะ เขาประกาศแต่เหมือนกับขับร้องเป็นเพลง มีท่วงทำนอง บ้านเราก็คือเหมือนพระสวดมนต์เนอะ มีจังหวะ มีเสียงสูงๆ ต่ำๆ ขึ้นๆลงๆ เออนะ ฟังอิหม่านประกาศแล้วก็แปลกและประทับใจดี
ที่แรกที่ต้องไปก็คือเป็นมัสยิดสีน้ำเงินจ๊ะ (Blue Mosque) เราสามารถเข้าไปชมภายในได้นะ แต่ต้องไม่ใช่เวลาที่ชาวมุสลิมสวดมนต์ ฝ้ายรู้ไหมว่าใครเป็นคนสร้างมัสยิดสีน้ำเงินที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ คนที่สร้างก็คือสุลต่านฮาเมดที่ 1 ในปี คศ 1603 ถึงปี คศ 1617 จ้า เหตุผลหลักๆที่สร้างให้ใหญ่โตมโหฬารนั้นก็คือเพื่อต้องการให้มัสยิดแห่งนี้ยิ่งใหญ่เหนือคู่แข่งกับมัสยิด Haghia Sofia (ภาษากรีกอ่านว่ามัสยิด ฮา - เกีย - โซ - เฟีย)
มัสยิดฮาเกียโซเฟียสร้างมาก่อนนานมากๆเลยนะ ใหญ่โตมโหระทึกจริงๆ เดี๋ยวจดหมายฉบับหน้าจะเอารูปมาให้ชมประชันกันกับมัสยิดสีน้ำเงิน
คนตุรกีก็เหมือนกับแขกขาวทั่วไปนะที่นิสัยดี เป็นกันเอง เฟรด์ลี่ย์มากๆเลย หากฝ้ายมาเที่ยวคนเดียวนะ ฝ้ายจะไม่เหงาเลย เพราะเขาจะเข้ามาทักทาย ถามว่า เราชื่ออะไร มาจากไหน สบายดีไหม จะไปเที่ยวที่ไหน ชอบที่นี่ไหม เป็นต้น แรกๆนะ เราก็รู้สึกไม่ชินกับคำถามเหล่านี้ เพราะเดินไปทุกๆ 5 เมตร เขาก็จะถามทักทายเราทุกครั้ง และเราก็จะต้องตอบทุกครั้งตามมารยาท แต่ฝ้ายรู้ไหมว่า เราไม่ชินเลยหละในตอนแรกๆ เพราะคำถามที่เขาถามเราว่า ชื่ออะไร หรือ สบายดีไหม คำถามพวกนี้คนไทยไม่ถามกันเนอะ คนไทยทักฝรั่งนักท่องเที่ยวก็แค่ ฮัลโหล เวย์ ยู คัม ฟรอม์ จากนั้นหากคุยกันไปนานๆ อาจจะค่อยมาถามชื่อแซ่ แต่คนตุรกีจะถาม ฮาว์ อาร์ ยู เลยในทันที เออ เราก็ไม่รู้จะตอบอะไร ก็แค่ เยส ไอ เอม ฟายด์ แต่อย่างว่าไง ถามบ่อยๆ ทีหลังเราเลยขี้เกียจตอบ แบบว่าเมื่อยปากไง ฮ่า ฮ่า ฮ่า เลยได้แค่ยิ้มให้ก็พอ อย่างน้อย นี่ก็คือน้ำใจที่คนตุรกีมีให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ
ตอนที่เราไปถึงมัสยิดสีน้ำเงินนั้น เขากำลังสวดมนต์พอดี เลยต้องรอข้างนอกก่อน ระหว่างนั้นก็เดินเล่นรอบสวนก็ได้ สวยดี ถ่ายรูปมุมดีๆได้เยอะเลย
เราอ่านเจอมานะว่า ปกตินักท่องเที่ยวจะเดินเข้ามัสยิดสีน้ำเงินทางด้านสวน แต่หนังสือไกด์แนะนำเรามาว่า ให้เราเดินเข้าทางด้านข้างดีกว่า เพราะคนน้อย และที่สำคัญ เวลาเราเดินเข้าทางด้านข้างนี้จะเห็นลานของมัสยิด และจะเห็นตัวมัสยิดได้เต็มๆกว่าเลยจ้า ถ้าฝ้ายมาเที่ยวด้วยกันนะ จะต้องชอบและตะลึงในความยิ่งใหญ่แน่นอนเลย
ตรงกลางลานนี้จะเป็นน้ำพุ ที่จริงก็คือที่ล้างเนื้อตัว ล้างมือ ล้างเท้าสำหรับสุลต่านเท่านั้น เพราะตามแบบอย่างมุสลิมแล้ว การจะไปเข้าหาพระเจ้านั้น จะต้องมีร่างกายที่สะอาดบริสุทธ์เสียก่อน
ว้า ฝ้ายได้สวดมนต์ขอพรให้เราไหม ที่ว่าขอให้อากาศดีๆหนะ วันนี้อากาศที่อิสตันบูลก็โอเคนะ เอาเถอะนะ จะยังไงก็ตาม ขออย่าให้ฝนตกเป็นพอเนอะ วันนี้ฝนไม่ตก แต่ท้องฟ้าไม่เปิด เลยถ่ายรูปออกมาไม่สดใสเลย
อ้าว ตอนนี้เขาสวดมนต์กับเสร็จพอดีเลย เราเตรียมตัวเข้าไปขมภายในมัสยิดสีน้ำเงินได้แล้วหละ ที่นี่เขาจะมีถุงพลาสติกเอาไว้ให้ใส่รองเท้าถือเข้าไปข้างในนะ อ้อ ไม่เสียตังค์ค่าเข้าด้วยนะจ๊ะ แว๊ปแรกเมื่อเข้าไปข้างในเลยเนี่ย โอ้ว ฝ้าย มันใหญ่โตอลังการงานสร้างมากๆเลย ดีนะที่เรามาแต่เช้า คนเลยยังไม่เยอะ เพดาน ฝาผนังตกแต่งด้วยโมเสกและกระเบื้องลวดลายวิจิตรงดงาม ทุกอย่างล้วนเป็นสีน้ำเงิน นี่ไงหละถึงเป็นที่มาของชื่อที่ว่า มัสยิดสีน้ำเงิน หรือ Blue Mosque ยังไงหละจ๊ะ
ระหว่างที่เราเดินๆชมนั้น ก็มีชาวตุรกีเข้ามาทักทาย (อีกแล้ว) ก็เป็นลักษณะเฟรนด์ลี่ย์ของแขกขาวเลยหละ เขาก็มาอธิบายเป็นไกด์ให้เราฟังโน่นฟังนี่ ฝ้ายรู้ไหมว่า นอกจากที่กระเบื้องโมเสกจะเป็นสีน้ำเงินแล้ว เขายังบอกว่าชื่อมัสยิดสีน้ำเงินยังมีที่มาอีกอย่างนะ เขาบอกว่า สมัยที่สุลต่านฮาเมดที่ 1 สร้างมัสยิดแห่งนี้นั้น พระองค์ทรงมีพระชายา 4 พระองค์ โดยที่พระชายาองค์ที่ 2 นั้นโปรดสีน้ำเงินเป็นการส่วนพระองค์มากๆ ด้วยเหตุนี้สุลต่านจึงประดับประดาตกแต่งมัสยิดแห่งนี้เป็นสีน้ำเงินจ๊ะ แหม งานนี้ต้องขอบคุณไกด์ชาวตุรกีจริงๆเลยเนอะ
ฝ้ายเอ่ย เราตาลายไปหมดแล้วหละ แบบว่ามองไปทางไหนก็วิจิตรอลังการมากๆเลย เราชอบมากๆเลยนะ แต่ก่อนเที่ยวยุโรปก็เห็นความสวยในแบบของเขา จะโกธิค จะบาร็อค จะนีโอคลาสสิค หรือจะเรอแนสซ๊อง ก็เห็นจนชินตาแล้ว แต่วันนี้ได้มาเห็นศิลปะอิสลาม ก็งดงามไปอีกแบบ แปลกตาดี นี่แหละนะเขาว่า การเดินทางไปที่ต่างๆนั้นทำให้เรามีโลกทัศน์ที่กว้างขึ้น เราจะได้รู้ว่าในโลกนี้ยังมีที่งดงาม มีอารยธรรมอีกเยอะที่น่าค้นหา ไม่ใช่มีแค่ตะวันตกที่เดียวเท่านั้น
ฝ้ายดูรูปนี้ให้ดีๆนะจ๊ะ ฝ้ายเห็นเสาต้นใหญ่ๆนี้ไหม เขาเรียกว่า เสาเท้าช้าง คือมัสยิดสีน้ำเงินมีขนาดใหญ่โตมากๆๆๆๆ และตุรกีนี้ก็เป็นพื้นที่ๆเสี่ยงต่อแผ่นเดินไหว ดังนั้น เสาแต่ละต้นจะต้องสร้างให้มีขนาดมหึมาเพื่อความแข็งแกร่ง
ปิดท้ายมัสยิดสีน้ำเงินด้วยรูปตอนกลางคืนบ้างนะจ๊ะ เราก็ออกชมไฟตอนกลางคืนด้วย โชคดีว่าวันนี้อากาศไม่หนาวมากเท่าไร ราวๆ 10 องศา(อีสตันบูลในหน้าวหนาวนี่หนาวมากเลยนะ ปกติเดือน มค ก็ราวๆ 7 องศาเอง) และฝนก็หยุดตกแล้วด้วย ก็ดีนะมี่ รร เราอยูในเขตเมืองเก่า เดินชมบ้างชมเมืองสวยแปลกตาดี บ้านเมืองที่นี่ตอนกลางคืนประดับประดาไฟสวยงามมากเลย โดยเฉพาะตามมัสยิดต่างๆ เปิดไฟแล้วงดงามอร่ามตาจริงๆ หากฝ้ายมาเห็นต้องชอบแน่ๆเลยจ๊ะ
เอ่อ ฝ้ายรู้ไหมว่าที่นี่เป็นเมืองที่ปลอดภัยสูงมากๆนะ ไม่แพ้เมืองในยุโรปที่เรียกตนเองว่าศิวิไลซ์เลย เราเดินเล่นคนเดียวตอนกลางคืนไม่เคยมีปัญหาเลยนะ เพียงแค่ระวังตัวในระดับทั่วๆไปเท่านั้นเอง ผู้คนเป็นกันเองมากๆเลยจ๊ะ ปกติเนอะ เราก็ฟังแต่สื่อตะวันตก จนเราเองโดยครอบงำไปเลยว่าประเทศอิสลามนั้นต้องมีแต่ความวุ่นวาย จริงๆแล้วไม่ใช่เลยจ้า ผู้คนที่นี่ nice มากๆเลย
ฝ้ายรู้ไหมว่าที่ตุรกีนี่เขามีขนมที่อร่อยมากกกกกกกกกกก ขึ้นชื่อมากเลยจ๊ะ เราอ่านหนังสือไกด์นะ เขาแนะนำว่า หากมาตุรกี ต้องไปลองทานขนมที่ชื่อ Baklava (อ่านว่า บั๊ค - ลา - วา) เราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำมาจากอะไร แต่ก็ลองดูเนอะ ไม่เสียหายอะไร เราเลยเข้าไปที่ร้านขายขนมใกล้ๆกับ รร เราเองแหละ ซื้อ Baklava มาทาน 5 ชิ้น ราคาไม่แพงนะ ชิ้นละ 1 Turkish Lira ก็ราวๆชิ้นละ 40 บาทเท่านั้นเอง
ฝ้ายมาทานนะ จะต้องชอบมากเลยหละ เพราะขนมจะไม่หวานจัดแบบทองหยิบ ทองหยอดบ้านเรา จะหวานนิดๆ อืมมมมมมมมมม อร่อยจริงๆด้วย พ่อค้าที่นี่ก็ nice มาก เราบอกเขาว่าอยากลองชิม baklava เพราะเขาบอกกันมาว่าอร่อย แต่ก็อยากลองทางขนมชนิดอื่นบ้าง เราก็เลยซื้อขนมอีกชนิดหนึ่งเพิ่ม 1 ชิ้น คนขายก็เลยแถมให้เราฟรีๆ โห ประทับใจมากๆเลยจ๊ะ เนี่ยฝ้ายเห็นไหมว่า ที่จรีงๆแล้ว คนที่นี่ไม่ได้ดูวุ่นวายแบบที่เราเห็นตามสื่อตะวันตกเลยนะจ๊ะ
ฝ้ายก็รู้เนอะว่าเราไม่ดื่มชากาแฟ แต่ที่นี่เราลองชาตุรกีดูนะ อืมมมมมมมม อร่อยไม่เบาเลยหละ เราชอบรสหวานนิดๆของชาตุรกี ที่จริงเราไม่ได้ออกเงินไปซื้อชาตุรกีมาดื่มเองหรอก แต่ว่าเราเข้าไปทานอาหารตุรกีที่ร้านใกล้ๆ รร ไปติดๆกัน 3 วัน จนเจ้าของร้านคงจำเราได้ เสียดายบลืมถ่ายรูปอาหารตุรกีมาให้ดู ฝ้ายรู้ไหมเอ่ยว่าอาหารประจำชาติตุรกีคืออะไร บ้านเราคงนึกถึงผัดกะเพรา ที่นี่ก็ต้อง เคบับ (Kebab) จ๊ะ แต่เราเรียกเก๋ๆเองว่า แฮมเบอร์เกอร์แขก เราว่ามันอร่อยกว่าทานแม็คโดนัลด์เป็นไหนๆเลย
แต่ที่ร้านเราไม่ได้สั่ง เคบับ หรอกนะ เพราะทานบ่อยเหมือนกันที่ปารีส เราสั่งเมนูหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ละ ที่สั่งเพราะมันมีข้าวด้วย แบบว่าหิวข้าวไทยมากๆเลย แม้ที่ตุรกีจะไม่ใช่ข้าวหอมมะลิอย่างดีเหมือนบ้านเรา แต่การได้ทานข้าวที่เมืองนอกนี้ประเสริฐที่สุดเลยจ้า ทานข้าวแล้วมีแรงเดินเที่ยวมากๆเลย ฮ่า ฮ่า ฮ่า
คือพอไปทานที่ร้านนี้บ่อย ตบท้ายในแต่ละมื้อ เจ้าของร้านจะนำชาตุรกีมาให้ฟรีๆ เคยอ่านหนังสือไกด์ว่า หากคนตุรกีเชื้อเชิญให้ดื่มน้ำชา ครั้งแรกเราปฏิเสธตามมารยาท แต่หากเขายังเชื้อเชิญอีก เราไม่ควรปฏิเสธแล้ว เพราะนี่คือมิตรภาพที่ชาวตุรกีมีมอบให้กับเรา เราก็เลยลองดื่มชมนี่ดู อร่อยไม่เบาเลย ทานกับขนมหวานของที่นี่ โดยเฉพาะกับ Baklava นะ ฝ้ายจะต้องชอบแน่ๆเลยจ๊ะ
อิ่มท้องแล้วเราไปเที่ยวที่มิวเซียมทางด้ายโบราณคดีต่อเลยเนอะ ฝ้ายรู้ไหมว่าที่นี่จัดดีสเพลย์สิ่งของเก่าๆได้เยี่ยมมากๆเลย ขนาดเราไม่ใช่ "ขาเที่ยวชมมิวเซียม" นะ เรายังประทับใจมากๆเลย หากไปตุรกีแล้วต้องมาที่นี่เลยจ้า เอาแค่ตึกก็สวยแล้วเนอะ
ค่าเข้าชมก็ไม่แพงเลยนะฝ้าย แค่คนละ 3 Turkish Lira หรือราวๆ 120 บาทเอง
ภายในจัดแสดงได้ดีจริงๆ ไม่เสียดายที่แวะมาชมเลย คือว่าเขาจะจัดแสดงของทางโบราณคดีที่ขุดพบในตุรกีทั้งหมด แบบว่าจะเอามารวบรวมไว้ ณ ที่แห่งนี้เลย มีรูปปั้นหินอ่อนที่เด่นๆเยอะนะ เช่น รูปปั้นเทพีอะธีน่า ฝ้ายรู้เคยได้ยินชื่อเทพีนี้ใช่ไหมจ๊ะ นี่ไง หน้าตาเป็นแบบนี้เองแหละ
หรือเทพซีอุส ซึ่งเป็นเทพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตามความเชื่อของชาวกรีกโบราณ หน้าตาเป็นแบบนี้จ้า
ฝ้ายสังเกตุดีๆสิจ๊ะ จะเห็นความแตกต่างระหว่างงานปั้นแบบตะวันตก กับงานปั้นแบบไทย ของบ้านเราจะเน้นที่ความสวยงามเหนือธรรมชาติ ไม่เหมือนจริง เช่น พระพุทธรูปต่างๆ พระกร พระศอ อะไรต่างๆนั้นจะงดงามอ่อนช้อย ไม่เหมือนมนุษย์แบบเราๆ ทั้งนี้เพราะว่าสิ่งนี้สูงค่ายิ่งเกินกว่าที่มนุษย์ธรรมดาๆจะเหมือนได้
แต่ในทางศิลปะตะวันตกนั้น เขาจะเน้นความเหมือนจริง ร่างกายรูปปั้นจะเหมือนคนจริง มีเส้นเลือก มีมัดกล้ามชัดเจน ถึงขนาดที่มีคำกล่าวที่เราได้ยินเสมอๆเลยว่า หล่อเหมือนเทพบุตรกรีก แกะสลัดงดงามสมสัดส่วน อะไรประมาณนี้
ตัวอย่างแบบใกล้ๆของเทพซีอุสนะจ๊ะ ในรูปนี้เป็นบริเวณหน้าท้องที่นายแบบทั้งหลายฝันอยากจะได้นักหนา
นี่ก็เป็นรูปปั้นอีกรูปหนึ่งที่บ่งบอกให้เห็นถึงความสมจริงในแบบศิลปะตะวันตก
แม้แต่ปลายเท้าก็เหมือนมากๆเลยเนอะฝ้าย
มิวเซียมที่นี่ใหญ่โตมากๆ จัดดีสเพลย์เยี่ยมไม่แพ้ลูฟว์หรือบริติส มิวเซียมเลยหละ เดินชมแบบเร็วๆจนเหนื่อย แต่น่าเสียดายนะที่ไม่ค่อยมีคนมาชมมากเท่าไร เดินมาเรื่อยๆจะพบรูปนี้จ้า ฝ้ายเดาออกไหมว่าคืออะไร ม้าไม้ไง สงครามม้าไม้แห่งกรุงทรอย
เฮ้อออออออออออ ขอนั่งพักก่อนนะฝ้าย เดินจนเมื่อยขาไปหมดเลย ก่อนออกจากที่นี่ก็ทิ้งภาพสวยๆเอาไว้ให้ฝ้ายดูละกันนะ เราว่าแสงสีมันเหมาะมากๆเลยนะว่าไหม ในรูปนี้หากเราจำไม่ผิดนะ คือรูปเทพเจ้าแห่งทะเล
เล่านิดละกัน ตอนเราถ่ายรูปนี้เสร็จนะ สัญญานมันร้องดังลั่นเลย อ้าว ซวยหละสิฉัน ฉันทำอะไรผิดเหรอเนี่ย แต่ปรากฏว่ามันร้องผิดเอง เฮ้อออออออออออ รอดตัวไป เล่นเอาเหงื่อตกเลยเรา
ปกติเวลาฝรั่งมาเที่ยวบ้านเรา ก็ไปวัดพระแก้ว แต่เมืองไทยก็มีวัดสวยๆมากมายให้ชมใช่ไหม ที่ตุรกีนี่ก็เช่นกัน อย่างที่อีสตันบูลนั้นก็ไม่ใช่มีแค่มัสยิดสีน้ำเงินที่น่าสนใจเท่านั้น ในหนังสือไกด์ได้แนะนำมัสยิดที่ชื่อว่า Rustem Pasa (อ่านว่ามัสยิด รัด- สะ - เทม - ปา - ชา) เป็นมัสยิดขนาดเล็กๆเองจ๊ะ แต่ความงดงามทางศิลปะแล้วไม่แพ้ใครเลย เสียดายที่นักท่องเที่ยวมักไม่สนใจ ก็ดีไปอย่าง คนน้อยดีเนอะ
แต่ว่านะฝ้าย โอ๊ยยยยยยยยยย หายากมากๆกว่าจะเจอมัสยิดนี้ เพราะหนังสือไกด์บอกว่ามัสยิดนี้ไม่ได้ตั้งริมถนน ต้องเดินหาดีๆ ลัดเลาะไปในตลาดขายของ กว่าจะเจอ ขาลากเลยจ้า ในใจคิดนะว่า หากมาแล้วไม่สวยจริงๆ น่าดูเลยนะเจ้าหนังสือ Lonely Planet แต่ในใจคิดว่าต้องสวยตามที่หนังสือบอกมาแหละ เพราะจะว่าไปแล้ว ยี่ห้อนี้เขาคือ "ไบเบิ้ล" สำหรับคนเที่ยวด้วยตนเองเลยเนอะ และที่ผ่านๆมาก็ไม่เคยผิดหวังสักครั้ง
เย้ ฝ้าย ในที่สุดก็มาถึงจนได้ เล่นเอาเหนื่อยไปเลย แว๊ปแรก เออ มัสยิดนี้มันเล็กจริงๆ แถมอยู่ในตลาดขายของจริงๆ หากไม่ถามคนแถวๆนั้น รับรองว่าหาไม่เจอแน่เลยจ๊ะ
ฝ้ายรู้ไหม ตอนที่เราเดินหามัสยิดนี้ไปตามตลาดนั้น แม้จะหลงบ้าง แม้จะเหนื่อยบ้าง แต่เรากลับประทับใจนะ เพราะระหว่างทางนั้น เราได้เห็นคนตุรกีจริงๆที่ซื้อขายของกัน เวลาถามทาง แม้บางคนจะพูดอังกฤษไม่ได้ แต่ก็เต็มใจชี้ไม้ชี้มือบอกทางเรา นี่แหละเนอะที่เขาว่า ภาษากายมันก็สื่อสารได้ ระหว่างทางนั้น เราก็เห็นวิถีชีวิตของผู้คนจริงๆว่าทำมาหากินกันยังไง มันเป็นภาพที่น่าจดจำและทำให้เราได้เปิดโลกกว้างมากๆเลยจ้า
มัสยิด Rustem Pasa นี่เรียกว่า เล็กพริกขี้หนู จริงๆนะฝ้าย เพราะประดับประดางดงามมากๆ ที่โดมก็สวยงามวิจิตรบรรจงไม่แพ้มัสยิดขนาดใหญ่ ลวดลายของกระเบื้องโมเสกก็งดงาม ตอนเราเข้าไปนั้นเป็นช่วงที่ชาวมุสลิมสวดมนต์ตอนเที่ยงๆ แต่ที่นี่เราเข้าไปได้ ไม่ต้องรอ แต่เราก็ต้องสำรวม ไม่ส่งเสียงดังรบกวน
การมาเที่ยวตุรกีในวันแรกนั้น เราก็ประทับใจมากๆเลย ทั้งในด้านความงดงามของศิลปะที่แปลกตา และโดยเฉพาะความมีน้ำใจและความเป็นกันเองของชาวตุรกี ซึ่งก็ไม่แตกต่างกันกับชาวโมร็อคโคที่เราไปมาเดือนที่แล้ว
คนตุรกีนี่เหมือนกับแขกขาวผสมฝรั่งนะ หน้าตาหล่อเหลาเอาการมากๆเลยหละจ๊ะ ฝ้ายมาเห็นอาจจะตกหลุมรักก็ได้นะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า พวกนี้ตัวสูง ผิวสีแทนออกขาว จมูกโด่ง ตาโต นันย์ตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วเข้ม ขนตางอนยาว ว่าแล้วก็เลยเอารูปเด็กๆ (ที่เริ่มจะเข้าช่วงวัยรุ่น) ที่เราไปเจอที่มัสยิดแห่งหนึ่งมาฝากฝ้ายนะจ๊ะ พวกเด็กๆเหล่านี้จะเข้ามาทักทายเรา จะพาไปดูที่นั่นที่นี่ เหมือนขันอาสาเป็นไกด์ให้เราโดยไม่คิดเงิน ตรงนี้เองแหละจ๊ะที่ทำให้การเดินทางในประเทศตุรกีมีเสน่ห์ เราถึงอยากให้ฝ้ายมาเที่ยวด้วยกันไงหละ ฝ้ายต้องชอบแน่ๆเลย
เอาหละ ฉบับนี้เราเขียนมายาวแล้ว แล้วเดี๋ยวฉบับหน้าจะเล่าอะไรใหม่ๆให้ฝ้ายอีกนะจ๊ะ รักษาตัวเองนะ แล้วเจอกันจ้า
คิดถึงเพื่อนมากๆจ้า
จาก พลอย เขียนที่อิสตันบูล วันที่ 15 มค 2551
Create Date : 21 มกราคม 2551 |
|
130 comments |
Last Update : 21 มกราคม 2551 4:14:18 น. |
Counter : 3124 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 21 มกราคม 2551 4:18:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: KOok_k 21 มกราคม 2551 5:12:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: Dublina 21 มกราคม 2551 5:47:34 น. |
|
|
|
| |
โดย: D*U*A*N (thisisduan ) 21 มกราคม 2551 7:29:21 น. |
|
|
|
| |
โดย: Leslie IP: 210.213.25.106 21 มกราคม 2551 8:19:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: biebie999 IP: 202.183.206.214 21 มกราคม 2551 9:06:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: maru 21 มกราคม 2551 10:53:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดาวทะเล 21 มกราคม 2551 11:13:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: janeko 21 มกราคม 2551 11:37:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: ostojska 21 มกราคม 2551 12:25:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: yibby 21 มกราคม 2551 13:06:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 21 มกราคม 2551 13:22:49 น. |
|
|
|
| |
โดย: เราสองคน (ฝากเธอ ) 21 มกราคม 2551 13:31:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: Madmonkey (Neilnuch_T ) 21 มกราคม 2551 13:51:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) 21 มกราคม 2551 14:01:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 21 มกราคม 2551 14:29:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: BeachBum 21 มกราคม 2551 15:29:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: bebek 21 มกราคม 2551 15:34:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: So Girls 21 มกราคม 2551 16:24:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: chinging 21 มกราคม 2551 16:27:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: fahtsuki 21 มกราคม 2551 16:41:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ณ มน 21 มกราคม 2551 17:24:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: boatboat 21 มกราคม 2551 18:10:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 21 มกราคม 2551 18:43:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: grippini 21 มกราคม 2551 18:48:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: boatboat 21 มกราคม 2551 19:32:27 น. |
|
|
|
| |
โดย: ชิงดวง 21 มกราคม 2551 20:47:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: narellan 21 มกราคม 2551 22:03:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: จูหน่านพ 21 มกราคม 2551 22:10:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 21 มกราคม 2551 22:47:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: nuiorji IP: 124.120.92.62 22 มกราคม 2551 1:39:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 22 มกราคม 2551 1:54:14 น. |
|
|
|
| |
โดย: Malee30 22 มกราคม 2551 3:24:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: A'Jim 22 มกราคม 2551 8:00:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดวงลดา 22 มกราคม 2551 10:46:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: โตมานาน 22 มกราคม 2551 12:02:06 น. |
|
|
|
| |
โดย: photch 22 มกราคม 2551 12:10:48 น. |
|
|
|
| |
โดย: nanyath 22 มกราคม 2551 16:00:42 น. |
|
|
|
| |
โดย: เนระพูสี 22 มกราคม 2551 18:11:10 น. |
|
|
|
| |
โดย: Memaviemeo IP: 82.234.246.25 22 มกราคม 2551 18:16:47 น. |
|
|
|
| |
โดย: DUNHILL 22 มกราคม 2551 20:00:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: aomamm (Forest-ic ) 22 มกราคม 2551 20:01:13 น. |
|
|
|
| |
โดย: i_lllive 22 มกราคม 2551 21:17:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 22 มกราคม 2551 23:04:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: narellan 22 มกราคม 2551 23:07:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: ann_269 22 มกราคม 2551 23:24:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนี่หนีหนี้ (แพรวขวัญ ) 22 มกราคม 2551 23:55:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey 23 มกราคม 2551 0:23:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: fzero 23 มกราคม 2551 1:06:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: Puchido 23 มกราคม 2551 2:00:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: nuiorji IP: 124.120.96.195 23 มกราคม 2551 2:22:00 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 23 มกราคม 2551 6:14:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: roslita 23 มกราคม 2551 7:41:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ann_269 23 มกราคม 2551 9:33:12 น. |
|
|
|
| |
โดย: สปันงา 23 มกราคม 2551 10:09:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: mae-art 23 มกราคม 2551 11:49:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 23 มกราคม 2551 13:13:40 น. |
|
|
|
| |
โดย: บลูยอชท์ 23 มกราคม 2551 13:15:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: เจกเบ่ง 23 มกราคม 2551 14:14:37 น. |
|
|
|
| |
โดย: @panzy@ 23 มกราคม 2551 14:32:46 น. |
|
|
|
| |
โดย: rainwindy (rainwindy ) 23 มกราคม 2551 15:10:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนไม่เจียม.. IP: 61.90.219.122 23 มกราคม 2551 15:15:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: sananda (sananda ) 23 มกราคม 2551 18:05:02 น. |
|
|
|
| |
โดย: JewNid 23 มกราคม 2551 20:02:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: akiko_ka 23 มกราคม 2551 20:11:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: nzmum 23 มกราคม 2551 20:47:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: oa (rosebay ) 23 มกราคม 2551 21:24:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: pumorg 23 มกราคม 2551 23:51:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: ClayAnn 24 มกราคม 2551 1:15:01 น. |
|
|
|
| |
โดย: Opey 11 กุมภาพันธ์ 2551 11:47:34 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Paris Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ผมเป็นคนที่รักการแต่งบ้านและทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เราคลายเหงาไปได้มาก ยามเมื่ออยู่ไกลบ้านและมีโอกาสได้ดูรูปภาพเหล่านี้ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านอีกครั้ง ผมยังชอบเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้วิสัยทัศน์กว้างขึ้น
|
|
|
|
|
|
|
ผมตั้งใจว่าอยากจะนำเสนอการท่องเที่ยวแบบใหม่ดู แต่ก่อนก็บรรยายภาพไปเรื่อยๆว่าที่นี่สร้างเมื่อไร ใครเป็นคนสร้าง แต่ครั้งนี้ ผมใช้วิธีการเล่าเรื่องราวต่างๆโดยผ่านตัวละครที่ผมสุมมติขึ้นมาสองคน คือ พลอย และ ฝ้าย การเล่าเรื่องทำโดยผ่านทางจดหมาย ซึ่งผมคิดว่าอาจจะทำให้ทุกๆท่านอ่านแล้วสนุก เพราะเหมือนกันได้ไปเที่ยวด้วย ภาษาในจดหมายระหว่างเพื่อนก็ดูง่ายๆ อ่านแล้วเห็นภาพ เข้าใจง่าย ยังไงลองติดตามชมกันนะครับ