Group Blog
 
<<
กันยายน 2548
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
3 กันยายน 2548
 
All Blogs
 
วิถีชีวิตชาวสยาม เมื่อ ๑๕0 ปีที่ผ่านมา

. . . . .บรรยากาศของเมื่องสยามเมื่อ 150 ปีก่อนนั้น งดงามและเชื่องช้า ในสภาวะอากาศที่ร้อนอบอ้าว ผู้คนชาวสยามยังเป็นที่แปลกตาของผู้พบเห็นจากต่างถิ่น ชายไว้ผมเป็นกระจุกอยู่กลางศีรษะและนุ่งผ้าผืนเดียว ไม่สวมเสื้อหมวกและรองเท้า หญิงไว้ผมไม่ต่างจากชาย เพียงแต่มีจอนยาวข้างหู มีผ้าผืนเล็กๆปิดหน้าอก การแต่งกายของชาวบ้านเป็นแบบเรียบง่ายๆ เข้ากับสภาพอากาศที่ร้อนจัด มีข้อห้ามอย่างเคร่งครัดที่จะไม่ให้ประชาชนใส่ผ้าที่มีลวดลายสวยงามอย่างชนชั้นสูง


. . . . .เนื่องจากแม่น้ำเป็นสายเลือดสำคัญของชาวสยามในยุคนี้ ดังนั้นบ้านเรือนจึงเต็มไปด้วยเรือนแพนับพันๆหลัง ถ้าไม่ใช่เรือนแพก็จะเป็นเรือนไม้ไผ่ปลูกหยาบๆอยู่ริมน้ำเช่นกัน




. . . . .ท่านเซอร์จอห์น เบาริ่ง ราชฑูตแห่งอังกฤษ เดินทางเข้ามาเชื่อมสัมพันธไมตรี ได้จดบันทึกส่วนตัวอธิบายลักษณะบ้านเรือนของคนไทยในสมัยนั้นว่า “มองเห็นกระท่อมไม้ไผ่เป็นระยะๆที่อยู่อาศัยของพวกเขาโดยทั่วไปจะมีห้วยเล็กๆพร้อมด้วยเรือและหมา…” โดยในสมัยนั้นประชาชนยังไม่ได้รับอนุญาตให้ปลูกบ้านทรงไทย เพราะเป็นลักษณะบ้านของเชื้อพระวงศ์และขุนนางเท่านั้น

. . . . .ด้านริมน้ำเจ้าพระยาไม่ห่างจากพระราชวัง เป็นที่ตั้งของ Super market ที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น เสียงพ่อค้าแม่ขายร้องขายของกันเซ็งแซ่ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ทันขึ้น ที่นี่มีทุกอย่างทั้งของสดและของแห้งที่บรรทุกมากับเรือ คนทุกระดับชั้นจะมาพบแสดงตัวกันที่นี่ ทั้งที่มาซื้อของ มาพบปะกัน รวมถึงมาเล่นการพนัน การพนันจึงเป็นรายได้ทดแทนที่รัฐบาลยอมรับด้วยความยินดี เพราะรัฐบาลเสียรายได้จำนวนมากให้แก่สนธิสัญญาต่างๆที่ทำกับชาวตะวันตก

. . . . .ตลาดจึงเป็นตัวแทนที่ดี ในการสะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ของชาวสยามในยุคนั้น เรียกว่า นี่คือโรงละครโรงใหญ่ของชาวสยามยุคนั้นก็คงไม่ผิดนัก หนำซ้ำมันยังเป็นเครื่องวัดความอุดมสมบูรณ์ของบ้านเมืองอีกด้วย ตลาดจึงอยู่ในสายตาของนักประเมินคุณค่า เมืองขึ้น มากกว่าที่อื่นใด


. . . . .ตรงข้ามกับตลาดแห่งนี้คือ “Landmark” ของบางกอก พระเจดีย์สูงใหญ่ที่สร้างเสร็จเมื่อหลายทศวรรษที่ผ่านมาในรัชกาลก่อน บริเวณรายรอบของพระเจดีย์องค์นี้คือที่ตั้งของบ้าน ซึ่งใช้เป็นที่ทำงานของขุนนางที่มีอำนาจสูงสุดของสยาม หรือจะเรียกให้ง่าย ก็คือ “หมู่บ้านรัฐบาล” นั่นเอง
. . . . .จากฝั่งแม่น้ำมองเข้ามาทางทิศตะวันออกจะเห็นหอนาฬิกาได้อย่างชัดเจน นั่นคือ หมู่พระมหามณเฑียร ที่ประทับของ คิงมงกุฎ (ร. ๔) องค์ประมุขของประเทศ แม้จะมีชาวสยามไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ ที่มีนาฬิกาซึ่งใช้เป็นเครื่องประดับมากกว่าใช้ดูเวลา ร. ๔ ทรงคำนวณเวลามาตรฐาน (meantime) ไว้ก่อนที่โลกจะมีหอนาฬิกา “กรีนิช” อยู่หลายสิบปีทีเดียว แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้ชาวสยามหลุดพ้นไปจากการเป็นคนป่าเถื่อนอยู่ดี

. . . . .ภายในพระบรมมหาราชวัง เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และเคารพสูงสุดของชาวสยาม เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ที่เคร่งครัด ดำเนินต่อเนื่องมาหลายร้อยปี เป็นแหล่งรวมศิลปวิทยา ความเชื่อ ประเพณีอันงดงานไว้ได้อย่างไม่เสื่อมสูญ ที่นี่เป็นเมืองอีกเมืองหนึ่ง แต่เป็นโลกลึกลับของคนภายนอก และเป็นกำแพงสูงสำหรับคนที่อาศัยอยู่ภายใน พระมเหสี พระธิดาและพระราชโอรสที่ยังเด็ก รวมถึงเหล่าพระสนมนางในของพระมหากษัตริย์ อาศัยอยู่อย่างหนาแน่น จนกลายเป็น หมู่บ้านในนิทาน ของบุคคลภายนอกที่มีโอกาสได้เข้าไปสัมผัส

. . . . .ทั้งนี้ พระราชฐานชั้นใน อันเป็นที่ประทับของฝ่ายใน ประกอบไปด้วย ตำแหน่งที่ประทับของพระมเหสีเทวีและพระราชธิดา เรือนที่อยู่ของเจ้าจอม เรือนแถวของพนักงานชั้นผู้ใหญ่ และแถวเต๊ง ซึ่งเป็นที่อยู่ของพนักงาน ข้าหลวงฯ โดยบรรดาเจ้าจอมและนางใน จะมีกิจกรรมต่างๆ ทำร่วมกัน อาทิเช่น การร้อยมาลัย การทำเครื่องหอม การปักผ้า เป็นต้น

ฉะนั้นภายในพระราชฐานจึงเป็นอีกโลกหนึ่งของผู้หญิงชั้นสูงของสยาม เป็นโรงเรียนอบรมบ่มนิสัย สอนวิชาการต่างๆ ที่หญิงสยามภายนอกไม่มีโอกาสได้เรียนรู้ ที่นี่ จึงเป็น “ความใฝ่ฝัน” ของบรรดาพ่อแม่ทีมีลูกสาวทุกคน ที่ต้องการให้ลูกสาวได้มาอยู่ในที่แห่งนี้ ด้วยเหตุที่ใครก็ตามที่ได้เข้ามาอยู่ ณ ที่นี้ เมื่อกลับออกไปโลกภายนอกอีกครั้ง จะได้รับการยกย่องจากสังคมภายนอกว่าเป็นหญิงมีสกุล เป็น สาวชาววัง ผลก็คือเธอจะมีอนาคตที่ดีกว่าหญิงสยามทั่วไป

. . . . .ด้านการสัญจรของชาวสยามส่วนใหญ่มักจะใช้เส้นทางน้ำเป็นหลัก ส่วนการสัญจรทางบกนั้นมักไม่ค่อยเป็นที่นิยม เนื่องจากสภาพพื้นที่มักเป็นที่รกปกคลุมด้วยต้นไม้ จนมาถึงสมัยที่มีการพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญตามประเทศทางตะวันตก คือในช่วงรัชกาลที่ ๔-๕ เนื่องจากทรงเห็นความสำคัญของการสัญจรทางบก จึงได้มีการสร้างถนนหนทางขึ้นในพระนครหลายสาย ทำให้การสัญจรทางบกมีบทบาทต่อวิถีชีวิตคนมากขึ้นตามไปด้วย การสัญจรทางบกในระยะแรกๆ การเดินทางทำได้โดยใช้ เกวียน รถม้า และรถลาก หรือที่คนไทยสมัยก่อนเรียกว่า “รถเจ๊ก” เพราะส่วนใหญ่คนที่มารับจ้างลากเป็นคนจีนนั่นเอง


. . . . .ส่วนเรื่องอาหาร คนไทยกินข้าวเป็นอาหารหลัก ทั้งข้าวจ้าวและข้าวเหนียว ส่วนกับข้าวหรืออาหารเสริมอื่นๆ ก็มักเป็นสิ่งที่ได้มาจากธรรมชาติ ปลาเป็นอาหารประเภทเนื้อที่คนไทยนิยมกินมากที่สุด แปรรูปได้หลายอย่าง นอกจากนั้นผักและผลไม้ก็ยังมีให้บริโภคมากมาย แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ออกมาในรูปของการค้า หากแต่มีไว้กินกันในครอบครัว หรือแบ่งปันกันในหมู่ญาติมิตรและแลกเปลี่ยนกับสิ่งที่ตนไม่มี อาหารที่ทุกบ้านจะต้องมีติดครัวประจำบ้าน ได้แก่ ข้าว ปลา ปู กุ้ง เนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ กะปิ น้ำปลา พริก หอม กระเทียม ฯลฯ ซึ่งรสชาติอาหารของคนไทยจะมี ๒ แบบ คือรสจืดแบบคนจีนและรสเค็มปนเผ็ดแบบคนไทย

. . . . .ทั้งนี้การกินของคนไทย ในมุมมองของชาวต่างประเทศส่วนใหญ่ลงความเห็นว่า คนไทยยอดออมและไม่พิถีพิถันในเรื่องอาหารการกินเลย ยิ่งเมื่อเปรียบเทียบกับชาวตะวันตกซึ่งยึดถืออาหารการกินเป็นเรื่องสำคัญ เพราะคนต่างชาติจะมองว่า คนไทยกินน้อยและกินอาหารที่ไม่ค่อยมีคุณประโยชน์ แถมยังรังเกียจในบางครั้งที่คนไทยกินปลาร้า แมลง หนู หรือสัตว์แปลกๆที่ไม่เคยเห็น แต่ก็เป็นวิถีชีวิตของพวกไพร่ที่พบได้ทั่วไปในสยาม


* * * *



Create Date : 03 กันยายน 2548
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2548 21:18:43 น. 36 comments
Counter : 7063 Pageviews.

 
ยอดเยี่ยมครับ

เหมือนได้ย้อนยุคกลับไปเห็นจริงๆ


โดย: ตะเกียงลาน วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:20:45:06 น.  

 
เข้ามาเพราะที่จั่วหัวก่อนเลยล่ะค่ะ
เราก็นิยมของเก่า ๆ เรื่องราวเก่า ๆ ของบ้านเมืองเรานะ
เราว่า เวลาในแต่ละวันของช่วงนั้น ๆ
คงผ่านไปงดงามกว่านี้โดยไม่ต้องพยายามมอง


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:21:18:47 น.  

 
ชอบมากค่ะ

แต่ถ้าไม่รังเกียจ อยากจะรบกวนให้แบ่งช่องว่างระหว่างแต่ละย่อหน้าสักนิดได้ไหมคะ คิดว่า(ตัวเอง)จะอ่านสบายตาขึ้น และทำให้อ่านได้นานกว่าค่ะ

อ่านจากหนังสือฉบับหนึ่ง(ขอโทษที่จำชื่อไม่ได้จริงๆค่ะ)บอกว่าคนไทยเพิ่งรู้จักพริกเมื่อสมัยปลายอยุธยานี้เอง คนสุโขทัยไม่ได้ทานพริกเพราะสมัยนั้นพริกยังไม่ได้เข้ามาในดินแดนแถบนี้

แต่คนรัตนโกสินทร์ก็ได้ทานพริกกันแบบเต็มๆ
เก่งนะคะ รู้จักพริกกันมาไม่นาน แต่เราสามารถใช้พริกประกอบอาหารได้อย่างสนิทสนมและขาดไปไม่ได้เสียด้วย


โดย: จันทร์น้อย วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:21:27:58 น.  

 
ทำย่อหน้ายังไงง่าๆๆๆๆๆๆ


โดย: สมภพ เจ้าเก่า IP: 203.151.140.118 วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:21:51:29 น.  

 
เคาะเฉย ๆ แหละเจ้าค่ะ ..

ถ้ามันยังไม่ยอมย่อหน้าอีก .. พิมพ์วงเล็บปีกกา แล้วเอาตัว P ไว้ข้างใน

แบบเนี้ย



มันจะย่อให้เจ้าค่ะ



โดย: อยากตอบ (แ ม ง ป อ ) วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:22:45:55 น.  

 
อ่า ตัวที่บอกไม่ติด เอาเป็นว่า พิมพ์เจ้าตัวเนี้ย <
กะปิดด้วยตัวเนี้ย >
แล้วเอา p ไปใส่ไว้ข้างในนะเจ้าคะ

แต่ปกติเวลาเราเคาะ enter
แล้วขึ้นใหม่เหมือนเวลาพิมพ์ word
มันก็ย่อให้แล้วค่ะ


โดย: แวะมาดูผลงาน เพราะกะว่าต้องไม่ขึ้น (แ ม ง ป อ ) วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:22:47:04 น.  

 
เอ๊ะ ทำไมเครื่องผมไม่เป็นน่ะ
นี่พิมพ์ในเวิล์ดแล้วถึงก๊อปมาใส่น่ะนี่ เพราะไม่อยากเปลืองเวลาในเน็ต


โดย: สมภพ เจ้าเก่า IP: 203.151.140.115 วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:22:58:57 น.  

 
บล๊อคนี้มีเรื่องราวในอดีตที่สวยงามอะ


โดย: อินทรีทองคำ วันที่: 3 กันยายน 2548 เวลา:23:33:57 น.  

 
เยี่ยมครับ


โดย: nutxnut วันที่: 4 กันยายน 2548 เวลา:3:49:49 น.  

 
^^ แจ่ม!!!!
ผมว่าก็อ่านง่ายดีแล้วนินา


โดย: Mowcup (Mowcup ) วันที่: 5 กันยายน 2548 เวลา:14:44:40 น.  

 
อ๋ออ เพิ่งจะปรับปรุงหลังเขาทักเอาง่ะครับ


โดย: สมภพ เจ้าเก่า IP: 203.151.140.118 วันที่: 5 กันยายน 2548 เวลา:18:30:18 น.  

 
หึหึหึหึหึ.....อยู่นี่เอง คุณสมภพ!


โดย: Jarod IP: 58.10.89.158 วันที่: 5 กันยายน 2548 เวลา:20:10:27 น.  

 
Who?


โดย: สมภพ เจ้าเก่า วันที่: 6 กันยายน 2548 เวลา:12:54:00 น.  

 
อนึ่ง เรื่องจำนวนประชากรหนาแน่นในวัง หมดบลัดเรย์เคยเขียนบทความตำหนิเอาไว้ ว่า ร.4 ใช้เงินอย่างไม่มีประโยชน์เลี้ยงคนในวังอย่างไม่จำเป็นไปสองหมื่นกว่าคน แทนที่จะเอาเงินมาพัฒนาประเทศให้เจริญ เป็นการตำหนิด้วยความหวังดี ร.4 จึงไม่ทรงกริ้ว
เดี๋ยวจะลงเรื่องหมอบรัดเลย์ให้ในคราวหน้า


โดย: สมภพ เจ้าเก่า IP: 203.151.140.120 วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:0:05:01 น.  

 
เยี่ยมครับ
มาเจอ รูป และ เรื่อง ที่ชอบอ่านด้วย
ขอแอด บล๊อกเลยนะครับ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:3:20:20 น.  

 
สวยจังค่ะ


โดย: กระจ้อน (กระจ้อน ) วันที่: 7 กันยายน 2548 เวลา:15:50:51 น.  

 
เรื่อง ภาพ สี คำบรรยาย ดีมากค่ะ
แอดโดยไม่ได้รับอนุญาตทันที

สวัสดีค่ะ คุณสมภพ



โดย: ชื่อแหม่มค่ะ (แตนต่อย ) วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:20:16:11 น.  

 
ขอบคุณครับ

แหะๆๆๆ เรื่องราวที่จริงเขาแต่งเอาไว้ในหนังสือแล้วง่ะครับ เห็นน่าสนใจดีเลยเอามาฝากง่ะครับ


โดย: สมภพ เจ้าเก่า วันที่: 8 กันยายน 2548 เวลา:23:52:01 น.  

 
So Cool จริงๆครับคุณพี่


โดย: joblovenuk วันที่: 12 กันยายน 2548 เวลา:23:41:27 น.  

 
เยี่ยมครับ


โดย: สำเภางาม วันที่: 24 ตุลาคม 2548 เวลา:2:13:07 น.  

 
เอาภาพมาลงให้ใหม่ เป็นไงบ้างครับ


โดย: สมภพ เจ้าเก่า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:38:15 น.  

 
มาดูครับ


โดย: เ ม ฆ ค รึ่ ง ฟ้ า วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:0:05:33 น.  

 
so hot mam


โดย: อีคิวศูนย์ (อีคิวศูนย์ ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:43:17 น.  

 
they are in less dress aha


โดย: eq0 (อีคิวศูนย์ ) วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:15:45:04 น.  

 
Can you speak thai?


โดย: สมภพ เจ้าเก่า IP: 203.151.140.118 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:20:55:03 น.  

 
หุหุ


โดย: ??? IP: 61.7.141.145 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:13:13:57 น.  

 
nid noi guy

kin kao rue young krab : )


โดย: อีคิวศูนย์ IP: 202.44.8.98 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:04:06 น.  

 


โดย: อีคิวศูนย์ วันที่: 5 พฤศจิกายน 2548 เวลา:17:42:26 น.  

 
ก้อ.........ดี......น่ะ


โดย: เด็กเจือก IP: 203.151.24.7 วันที่: 6 กรกฎาคม 2549 เวลา:15:48:44 น.  

 
ตลกตงไหนอะ


โดย: พลอย IP: 124.121.106.75 วันที่: 24 ธันวาคม 2549 เวลา:18:47:44 น.  

 
ช่วยหาประวัติบ้านทรงไทยในสมัยสุโขทัยกับสมัยธนให้หน่อยดิจาเอาไปทำรายงานบุรี


โดย: หลงงมงาย IP: 58.8.170.95 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:20:27:16 น.  

 
ช่วยหาประวัติบ้านทรงไทยในสมัยสุโขทัยกับสมัยบุรีให้หน่อยดิจาเอาไปทำรายงานอะ ขอบคุณครับ


โดย: หลงงมงาย IP: 58.8.170.95 วันที่: 30 ตุลาคม 2550 เวลา:20:30:50 น.  

 
เห้นความทุกยากของคนในสมัยนั้นแล้วก็ต้องเอาเป็นตัวอย่างกันนะคัฟ


โดย: เกรช IP: 192.168.161.137, 192.168.62.114, 58.137.21.42 วันที่: 10 สิงหาคม 2553 เวลา:11:04:39 น.  

 
เห็นการเมืองไทยในตอนนี้ข้าละอายใจนักกับการกระทำของคนไทยสมัยนี้


โดย: เจ้าหญิงดารารัตร์เทวี IP: 192.168.3.173, 113.53.234.162 วันที่: 26 พฤศจิกายน 2553 เวลา:12:01:54 น.  

 
ถึงว่า...คนเก่าๆแก่ๆเวลาพูดถึงอะไรแล้ว มันจะมีคำว่า
แต่ก่อนโน้น..เมื่อก่อนโน้น..สมัยนั้น....อยู่เรื่อยไป
เพราะความสวยงาม สงบสุขร่มเย็นของสยามในขณะนั้นคงงดงามประทับในจิตคนที่เคยได้ผ่านช่วงเวลานั้นมา จนสิ่งของต่างๆ เทคโนโลยีใหม่ๆที่เกิดขึ้นในปัจจุบันก็ไม่อาจทำให้ลบเลือนได้


โดย: ม่านฉัตร IP: 1.4.164.208 วันที่: 26 เมษายน 2555 เวลา:20:24:11 น.  

 
ภาพokค่ะ


โดย: น้องวิวา IP: 171.4.146.109 วันที่: 16 มกราคม 2556 เวลา:16:42:09 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมภพ เจ้าเก่า
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 26 คน [?]




รูปภาพทั้งหมดในนี้ สามารถนำไปใช้ได้ฟรีนะครับ แต่ไม่ควรลบสัญลักษณ์แสดงความเป็นเจ้าของในรูปออกไป รูปใดไม่มีสัญลักษณ์ อยากให้ช่วยอ้างอิง จาก sompop.bloggang.com ด้วยครับ
Blog ล่าสุด
* สัมภาษณ์เทวดาในพระแก้วมรกต 18 มิ.ย. 60
* การสำรวจหินลอยได้ที่เขาคิชฌกูฏ 3 มี.ค. 60
* บทสัมภาษณ์เจ้าพ่อหลักเมือง กทม. 16 ธ.ค. 59
เรื่องเล่าบอกต่อ
* บั้งไฟพญานาค ถ่ายจากโดรนมุมสูง
* เชิญโหลด 7 ภาพยนต์เฉลิมพระเกียรติ
* เช็คอันดับ Blog ของคุณกับ truehits
Blog แนะนำ
* บทสัมภาษณ์เจ้าพ่อหลักเมืองกรุงเทพฯ 19 ก.ย. 57
* ยานพาหนะที่แล่นตามและทวนน้ำได้โดยไม่ใช้พลังงานอื่น
* ปรากฏการณ์ทางดาราศาสตร์ปี 2012
New Comments
Friends' blogs
[Add สมภพ เจ้าเก่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.