|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
มนุษย์-ผู้มีใจสูง
มนุษย์-ผู้มีใจสูง
ต่อไปนี้เป็นจดหมายจากผู้อ่าน ที่ส่งถึงผมทางอีเมล์
ถาม :คุณเรือรบคะ อยากขอคำแนะนำจากคุณเรือรบอะคะ โดยปกติคุณเรือรบ จัดการความรู้สึกพอใจ และไม่พอใจ หรือน้อยใจจากคนรอบข้างอย่างไรบ้างคะ
ขอบคุณค่ะ เสาวภา ----------------------------------------------- ตอบคุณเสาวภาครับ, คุณถามถึงการจัดการความรู้สึกพอใจ ไม่พอใจ และความน้อยใจที่มีต่อคนรอบข้าง ในมุมมองของผม ก่อนที่จะเราจะจัดการสิ่งใด เราก็คงต้องเริ่มจากรู้จักที่มาหรือหาสาเหตุของสิ่งเหล่านั้นก่อน สิ่งที่พอใจ ไม่พอใจ น้อยใจ ทั้งหมดทั้งสิ้นนั้น คืออารมณ์ความรู้สึกใช่ไหมครับ แล้วถามต่อว่าอารมณ์ความรู้สึกนั้นๆ คืออะไร มีขนาด น้ำหนัก สีสันอย่างไร อยู่ตรงไหนในร่างกาย พออธิบายได้ไหม ถ้าเรารับรู้ เฝ้าดู แค่เพียงเป็นผู้สังเกต ยังไม่ต้องกระทำการใดๆ เราจะค้นพบธรรมชาติของมัน เช่น อารมณ์เล็กๆอันนั้น ได้ก่อกวนความคิด ให้ฟุ้งกระจาย สร้างเรื่องราวประกอบกันไปมา ทำให้อารมณ์นั้นแปรเปลี่ยนรุนแรง ทบทวีขึ้นอีก วนเนื่องหนุนกันเป็นวงจร จนกว่าได้เสวยอารมณ์นั้นอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็ต้องระบายออกเป็นการกระทำขึ้นมา แล้วอารมณ์นั้นก็ค่อยๆสลายละลาย ลดความรุนแรงลง หากแต่ผลของการกระทำนั้น ย่อมยังคงอยู่ และมีผลกระทบต่อเรารวมถึงคนรอบตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
ถ้าอารมณ์นั้น ยังระงับไว้ได้ ด้วยถูกรับรู้ด้วยความคิดที่มีเหตุผลมาหักล้าง บางคราก็มอดมลายหายไป บางคราก็ยังคงค้างเวียนวนอยู่ เมื่อไม่มีความคิดคอยปรุงแต่งเพิ่มเติมก็ย่อมไม่กำเริบรุนแรงขึ้น แต่อาจเป็นตะกอนขุ่นที่ตกผลึกค้างคาอยู่ รอวันสะสมทีละนิดละหน่อย หากเนิ่นนานมากพอ อาจก่อรูปก่อร่างเป็นก้อนใหญ่ พร้อมที่จะทวีขึ้นเป็นอารมณ์ที่รุนแรงได้ในที่สุดเช่นกัน
เมื่อเห็นเหตุดังนี้แล้ว เราพึงรับรู้อารมณ์ความรู้สึกทั้งหลายว่า เป็นพลังงานประเภทหนึ่ง แปรเปลี่ยนได้ ไม่คงตัว เกิดและดับเป็นไปตามธรรมชาติ หาได้ต้องไปเก็บกดไว้ หาทางกำจัด ป้องกัน หรือระวังไม่ให้เกิด ซึ่งจะเป็นสิ่งที่ฝืนธรรมชาติเกินไป
สิ่งที่เราต้องจัดการ คงไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึก แต่น่าจะเป็นผลที่จะเกิดตามมา จากปฏิกิริยาตอบสนองจากอารมณ์นั้นๆ คำพูดหรือการกระทำอันขาดสติต่างหาก เป็นสิ่งพึงระวัง ดังนั้น การฝึกสติอยู่เสมอ การถือตนอยู่ในศีล ย่อมเป็นเครื่องป้องกันการกระทำที่ผิดวิสัยได้ในระดับต้น ซึ่งอยู่ในฐานกาย
ในระดับกลาง คือขั้นที่จะค่อยๆละวางอารมณ์แต่ละชนิดออกไป อาจเรียกว่า ย่อยกะเทาะกิเลสออก คงต้องอาศัยกระบวนการเรียนรู้เพื่อความเข้าใจตัวเองอย่างแท้จริง โดยจะต้องศึกษาปฏิกิริยาทางจิตต่ออารมณ์นั้นๆ หรือศึกษากลไกการสร้างตัวตนของตนเอง ดังที่ผมเขียนไว้เกี่ยวกับเรื่องวอยซ์ ไดอะล็อค หรือสุนทรียสนทนากับเสียงภายในตน อันนี้จะอยู่ในระดับฐานคิด หรือฐานสมอง
ส่วนในระดับสูง น่าจะเป็นการฝึกตนเองในระดับที่สามารถแยกชั้นระหว่างจิตกับอารมณ์ได้ เมื่ออารมณ์เกิดขึ้นคราใด จิตรู้สามารถอยู่เหนืออารมณ์ จะเห็นว่าอารมณ์และความคิดจะไม่สามารถครอบคลุมจิตได้ จิตจึงไม่เกิดความทุกข์ ไม่เกิดกรรมหรือการกระทำ เป็นการตัดวงจรของกิเลสได้อย่างถาวร เป็นการพัฒนาในระดับฐานจิต หรือปัญญา จะไม่ได้อาศัยแค่สมองและพ้นไปจากการคิดทำความเข้าใจด้วยเหตุผลหรือทฤษฎีใดๆ
เส้นทางนี้คือสิ่งที่ผมกำลังศึกษาเรียนรู้ ย่างเท้าก้าวเดิน บ่มเพาะฝึกตนอยู่ แม้เรายังไม่อาจหวังว่าจะบรรลุอะไรได้ในช่วงชีวิตนี้ แต่ในวันนี้ถึงเราจะยังมีความคิดฟุ้งซ่านและอารมณ์หลายหลากมากมาย หากแต่เราสามารถดูแลด้วยสติ ไม่ให้เกิดการกระทำที่ส่งผลเสียเดือดร้อนเบียดเบียนทั้งต่อตนเองและผู้อื่นได้ในภายหลัง ก็น่าจะเพียงพอที่เกิดมาในภพมนุษย์อันแปลว่า ผู้มีใจสูง
การตอบคำถามของผม จะไม่มีวิธีการที่ตายตัวนัก หากแต่ผู้ที่นำไปใคร่ครวญ ก็จะได้ของขวัญที่เหมาะสมสำหรับตัวเองครับ
ด้วยความปรารถนาดี, เรือรบ
ปล. ผู้อ่านท่านใดที่อยากคุยแลกเปลี่ยนหรือตั้งคำถามที่น่าสนใจเช่นนี้ ก็ส่งเมล์มาที่ ship_navy@hotmail.com หากผมพอจะตอบได้ก็ยินดีที่จะพูดคุยแลกเปลี่ยนกันครับ
Create Date : 17 ธันวาคม 2551 |
Last Update : 17 ธันวาคม 2551 9:55:14 น. |
|
6 comments
|
Counter : 656 Pageviews. |
|
|
|
โดย: เสาว์ IP: 203.185.131.97 วันที่: 18 ธันวาคม 2551 เวลา:8:44:51 น. |
|
|
|
โดย: marai IP: 202.28.183.10 วันที่: 19 ธันวาคม 2551 เวลา:18:28:48 น. |
|
|
|
โดย: navyob วันที่: 22 ธันวาคม 2551 เวลา:17:11:59 น. |
|
|
|
โดย: navyob วันที่: 25 ธันวาคม 2551 เวลา:9:24:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|