bloghead..................................................
Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

สมุหะทำร้าย

สมุหะทำร้าย

แสงเทียนนับหมื่นเล่ม วิบวับประดับประดา ดารดาษทั่วไปในมณฑลพิธีท้องสนามหลวง ค่ำคืนนี้ ๕ ธันวามหาราช พสกนิกรชาวไทยทั่วทุกสารทิศ คลาคล่ำมาอย่างพร้อมเพรียงกัน เพื่อรวมใจร่วมถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในพิธีเฉลิมขวัญวันเฉลิมพระชนมพรรษา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ่อหลวงผู้เป็นที่รักยิ่งแห่งปวงชนชาวไทย ต่างร่วมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี และเพลงสดุดีมหาราชา เปล่งเสียงแซ่ซ้อง “ทรงพระเจริญ” ดังกึกก้องพร้อมกับน้อมนำดวงใจ อวยพรให้พระองค์ทรงมีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรงและทรงพระเกษมสำราญ ให้ทรงเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของชาวไทยตราบนานเท่านาน

แม้นั่งชมอยู่หน้าจอโทรทัศน์ที่บ้าน ผมรู้สึกตื้นตันจนขนลุกไปทั่วตัว เมื่อเห็นพลังความรักและสามัคคีของคนไทย ทั้งภาพในท้องสนามหลวงและภาพการถ่ายทอดสดจากสถานฑูตไทยจาก ๑๔๗ ประเทศทั่วทุกมุมโลก แม้ต่างกันทั้งสถานที่และเวลา หากแต่สิ่งที่เหมือนกันก็คือความจงรักภักดี ดุจดังพวกเรามีพ่อคนเดียวกัน และพวกเราก็ต่างเป็นพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน

หลายคนคงเคยได้ยินเรื่องของเชือกฟางเส้นเล็กๆที่สามารถดึงแรงๆให้ขาดได้ หากแต่เมื่อรวมให้เป็นมัด ขดให้เป็นเกลียวเข้า ย่อมเป็นเชือกกระสอบที่แข็งแรง แน่นเหนียวอย่างที่สุด เหล่านี้คือภาพในด้านบวกของการรวมตัวเป็นกลุ่ม เมื่อมีพลังกลุ่มที่มุ่งไปในทิศทางเดียวกันแล้ว จะทำการสิ่งใดก็สำเร็จได้โดยง่าย

หากแม้นมองในอีกด้านหนึ่ง พลังแห่งสมุหะ หรือพลังแห่งความเป็นกลุ่มก้อนของมนุษย์นั้น ก็ก่อกำเนิดอัตตาที่ใหญ่กว่าปกติ ตัวตนของกลุ่มแห่งนี้ จะดูดกลืนบดบังความคิดและสติของปัจเจกชนไปได้อย่างสิ้นเชิง เมื่อกลุ่มทำอะไร เชื่ออะไร เราผู้เป็นสมาชิกอยู่ในกลุ่มนั้น ย่อมถูกโน้มน้าวให้กระทำเช่นนั้น เชื่อเช่นนั้น ประหนึ่งเป็นความคิดของเราเอง ถ้ามวลชนส่วนใหญ่กระทำการใด แล้วเชื่อมั่นว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้ว เราก็จะเชื่อเช่นนั้น และกระทำการนั้นได้โดยเต็มใจและภาคภูมิใจ

และแม้นมันผู้ใดหมู่ใดที่ไม่ใช่กลุ่มเดียวกับเรา บังอาจขัดแย้งหรือเอาเปรียบพวกของเรา หมู่มันผู้นั้น คือศัตรู...

เพียงหันย้อนมองกลับไปในช่วงเดือน ๖ เดือนที่ผ่านมา ( ก.ค.- ธ.ค.๕๑) อาจกล่าวได้ว่าคนไทยทุกคนอึดอัดใจมากที่สุด ในสถานการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของเรา และก็เป็นช่วงที่เกิดการถกเถียงขัดแย้งกันอย่างเด่นชัดที่สุด ระหว่างคนทั้งสองสีสองขั้ว

จากสถานการณ์การเมืองที่ร้อนระอุ สู่การชุมนุมประท้วงต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน การรวมตัวกันอย่างมโหฬารด้วยผู้ชุมนุมเรือนแสนแต่ละครั้ง ล้วนมาจากการแพร่ภาพเชิญชวนจากคลื่นความถี่ทางโทรทัศน์และวิทยุ การปลุกระดมตลอด ๒๔ชั่วโมงต่อวัน ต่อเนื่องยาวนานหลายเดือน ย่อมสร้างสำนึกความเชื่อและค่านิยมที่มั่นคงอันฝังรากลึก กลายเป็นอุดมการณ์อันแรงกล้าในที่สุด การชุมนุมอย่างสงบ ในที่สุดก็บานปลายและนำไปสู่การปะทะกัน การใช้กำลังความรุนแรง การทำร้ายกันจนนองเลือด มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมากครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์เมืองไทย

ส่วนภาพที่ออกมาทางสื่อโทรทัศน์ ถ่ายทอดสดไปทั่วโลก สกู๊ปเหล่านั้นล้วนเผยแพร่ความรุนแรง การทำร้ายเข่นฆ่าซึ่งกันและกัน ตลอดจนการปิดสถานที่ราชการ ทำลายทรัพย์สินอันเป็นสมบัติของสาธารณะ และฉากสุดท้ายคือการเข้าปิดสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ภาพเหล่านี้ ดูเผินๆจากมุมมองของคนภายนอก เหมือนประเทศที่เกิดสงครามกลางเมืองก็มิปาน ยังไม่นับรวมถึงภาพถ่ายความรุนแรงต่างๆ ที่ทั้งสองฝ่ายนำออกเผยแพร่ทั้งวีซีดี เวบไซท์และที่กระจายตัวได้รวดเร็วมากที่สุดคือฟอร์เวิร์ดเมล์นั่นเอง

ผลกระทบที่เห็นชัดเจนในทันที เกิดความโกลาหลของชาวต่างชาติที่ไม่อาจเดินทางกลับสู่มาตุภูมิ ทัวร์ต่างประเทศที่กำลังจะเข้าหน้าไฮซีซั่นถูกยกเลิกตลอดปี โรงแรมที่จองจนเต็มแล้วถูกยกเลิกกะทันหัน ภาคการส่งออกที่ต้องหยุดชะงัก ผนวกรวมไปกับวิกฤตการณ์แฮมเบอร์เกอร์ของสหรัฐอเมริกาก่อนหน้า ที่มีสาเหตุมาจากการหนี้เสียจำนวนมหาศาลในภาคการเงินและการธนาคาร ก่อให้เกิดการล้มละลายของสถาบันการเงินและบริษัทยักษ์ใหญ่ข้ามชาติ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในภาคการลงทุน ตลาดหุ้นดิ่งเหวเนื่องถูกเทขายไม่ยั้ง ทำให้กระเทือนส่งผลกระทบลามเป็นลูกโซ่กระจายต่อไปทั่วโลก

ขณะนี้ ภาคเอกชนในประเทศเกิดปัญหาการล้มละลายและปิดกิจการ การปลดลดคนงานทำให้เกิดปัญหาการว่างงาน รายได้ที่ตกต่ำทำให้ทุกคนต้องรัดเข็มขัดลดการใช้จ่ายและการบริโภค โลกกำลังเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยต่อไปอย่างต่อเนื่องยาวนาน และยังไม่แน่ว่า ความอดอยากจะทำให้เกิดปัญหาอาชญากรรมเพิ่มขึ้นด้วยหรือไม่

สำหรับในประเทศไทย ถ้ามองในแง่เศรษฐกิจ ในขณะนี้ยังมิอาจประเมินค่าความเสียหายที่เกิดขึ้นได้ ถ้ามองแง่สังคมและจริยธรรมก็คงถึงจุดที่ตกต่ำที่สุดเพราะประชาชนพลเมืองออกมาเข่นฆ่ากันเอง ในแง่การเมืองการปกครองเป็นช่วงที่สับสนวุ่นวายเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีบ่อยที่สุด รัฐบาลไม่มีเสถียรภาพ ฝ่ายค้านไม่มีน้ำยา กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์ เพราะเจ้าพนักงานผู้เอาผิดไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของฝ่ายปกครอง ทั้งไม่มีใครสนใจคำพิพากษาของศาล เนื่องจากอ้างว่าศาลอยู่ภายใต้ระบอบการเมืองที่ชั่วร้าย ทุกคนสามารถรวมกลุ่มกันและเรียกร้องในสิ่งที่ตนเองต้องการได้อย่างอิสระเสรีโดยไม่สนใจว่าจะมีใครเดือดร้อนหรือไม่ ในที่สุดเราก็ไม่อาจนิยามคำว่าประชาธิปไตยในประเทศไทยได้อีกต่อไป

ในขณะนี้ ก็มิอาจทราบได้ ว่าเหตุการณ์จะยุติลงได้อย่างไร แม้เป็นช่วงที่หยุดการชุมนุม และเป็นสุญญากาศทางการเมือง แต่ละฝ่ายก็ต่างรีรออยู่ว่า ถ้าเหตุการณ์ต่อไปไม่เป็นไปดั่งใจของตน ก็จะกลับมารวมกลุ่มกันอีก จะออกมาเรียกร้องร่วมกันอีก ใครไม่มาก็เพราะมันไม่รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ใครไม่เห็นด้วยกับเรา มันก็คือศัตรู ต้องต่อสู้ให้รู้ดำรู้แดงกันไปในที่สุด

ท่ามกลางความสับสนอลหม่านในตอนนี้ คำถามที่สำคัญที่สุดสำหรับผมก็คือ เราจะดำเนินชีวิตต่อไปกันอย่างไรดีหนอ...
มีใครที่ “ครองสติ” ได้ท่ามกลางภาวะแบบนี้ได้ไหม...

ใครมีสติที่ระลึกได้ว่า ความคิดและความเชื่อเหล่านี้ มิใช่ของใครคนใดคนหนึ่ง ไม่มีใครเป็นคนผิดคนร้าย ไม่มีใครเป็นต้นเหตุของการทำร้ายทำลายกัน มันเป็นเพียงกิจกรรมเพียงเพื่อดำรงรักษาความเชื่อและผลประโยชน์ของกลุ่ม หากแม้นชนในกลุ่มนั้น ได้แยกห่างออกจากกัน กลับไปเป็นปัจเจกชน เราก็จะพบว่า แต่ละคนก็เป็น พ่อ เป็นแม่ เป็นพี่น้อง พวกเค้าต่างรักชีวิต และมีครอบครัวให้ดูแล เราแสนเสียใจเมื่อพี่น้องเราต้องตายฉันใด ถ้าเราฆ่าเขา เมียเขาลูกเขาก็เสียใจฉันนั้น

ใครมีสติระลึกได้ว่า แม้นเหล่าผู้ชุมนุมจะมองภาพรวมแห่งผลประโยชน์ของกลุ่ม หากแต่กลุ่มที่ใหญ่กว่า “สี” ของเรานั่นคือประเทศไทย ถ้าเราคิดถึงผลประโยชน์ของประเทศ เราจะไม่ทำการใดๆที่เป็นการทำลายประเทศของเรา ไม่จุดไฟเผาบ้านตัวเอง เพียงเพื่อต้องการไล่หนูตัวเล็กๆให้ออกไป

ใครมีสติระลึกได้ว่า กลุ่มมิตรประเทศในภูมิภาคก็กำลังต้องการการเยียวยา ทั้งการตกลงช่วยเหลือกันทางภาคเศรฐกิจ การเจรจาภาคีอาเซียนเพื่อแลกเปลี่ยนเอื้อเฟื้อผลประโยชน์ร่วมกัน ดำรงการแข่งขันเศรษฐกิจไม่ให้ล้มละลายตามฝั่งยุโรปและอเมริกา

ใครมีสติระลึกได้ว่า วิกฤติแห่งภัยธรรมชาติกำลังคืบคลานเข้ามา ภาวะโลกร้อนยังมิได้บรรเทาเบาบาง หากแต่มนุษย์ถูกเบนความสนใจไปหาระบบเศรษฐกิจการเมืองอันกระจิ๊ดริด หากแม้นโลกเข้าสู่ภาวะโคม่า ไม่ว่าเศรษฐกิจจะเฟื่องฟูขนาดไหน คนจะร่ำรวยมหาศาลกันปานใด แผ่นดินไหวทีหนึ่ง น้ำแข็งละลายพัดพาน้ำท่วมโลกเข้าอีกทีหนึ่ง อารยธรรมของมนุษย์ที่สั่งสมมาเป็นหมื่นปีทั้งหมด ก็จะสาบสูญประหนึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาในโลกใบกลมนี้เลย

ภาพการถือเทียนถวายพระพรชัยมงคลของค่ำวันนี้ ยังติดตาตรึงใจของผมอยู่ แสงจากเทียนน้อยๆหนึ่งเล่ม รวมกันเข้ากับแสงเทียนนับหมื่นเล่ม ก็สว่างไสวไปทั่วท้องสนามหลวง หากมีใครสักคนขาดสติ ไม่ถือเทียนให้ดี ทำเทียนหลุดมือ ตกลงบนพื้นหญ้า แล้วคนรอบๆก็ขาดสติ ต่างโยนเทียนในมือของตนเข้ากองไฟเล็กๆนั้น เมื่อเทียนมาสุมรวมกันมากเป็นหมื่นเล่ม ก็จะเกิดมหาเปลวเพลิง ดุจไฟนรก เผาผลาญสถานที่แห่งนั้นให้วอดวายไป ผู้คนทั้งหมดก็คงมอดม้วยไปพร้อมกับกองเพลิงนั้น

ดำรงพลังแห่งสมุหะ ให้เป็นพลังอันสร้างสรรค์ และอย่าให้พลังแห่งสมุหะนั้น มาทำร้ายพลังแห่งปัจเจก พลังแห่งสติของเรา..




 

Create Date : 06 ธันวาคม 2551
6 comments
Last Update : 6 ธันวาคม 2551 8:50:39 น.
Counter : 449 Pageviews.

 

แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: โยเกิตมะนาว 6 ธันวาคม 2551 9:12:08 น.  

 

บทความตอนนี้ จากใจจริงไม่ได้ต้องการแสดงความคิดเห็นด้านการเมืองเลยนะครับ

เพียงแต่ต้องการให้ผู้ที่สนใจการเมืองในช่วงนี้ ที่กำลังเลือกฝักแบ่งฝ่าย ได้ย้อนหันเข้ามามองข้างในตัวเองในฐานะปัจเจกชน

ขณะเดียวกันก็ให้ทดลองมองภาพกว้างออกไปเหนือความต้องการส่วนตัวอันเป็นปัจเจกดัวยเช่นกัน

 

โดย: เรือรบ (navyob ) 7 ธันวาคม 2551 20:33:07 น.  

 

ใช้เรือรัคนฯเป็นโลโก้ก้อได้นะ

 

โดย: PanGPonD IP: 61.7.136.143 9 ธันวาคม 2551 17:26:33 น.  

 

สวัสดี..ค่ะ เข้ามาอ่านตามเสียงเรียกร้อง(ของตัวเองแล้ว) พี่อ๊บก็เขียนให้เราอ่านแล้วเคลิ้มทุกที..เป็นกำลังใจให้นะค่ะ..

 

โดย: marai IP: 202.28.183.10 11 ธันวาคม 2551 10:01:38 น.  

 

แวะมาทักทายค่ะ

 

โดย: Bua IP: 58.8.227.88 11 ธันวาคม 2551 21:08:59 น.  

 

อ่านไป 3 บทแล้วค่ะ

 

โดย: Bua IP: 58.8.142.237 15 ธันวาคม 2551 16:17:40 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


navyob
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add navyob's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.