โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาเคี้ยวข้าวคำหนึ่งแล้วกลืนกิน พึงมนสิการถึงคำสอนของพระผู้มีพระภาค เราได้กระทำคำสอนของพระผู้มีพระภาคเป็นอันมากหนอ โอหนอ เราพึงเป็นอยู่ชั่วเวลาหายใจออกแล้วหายใจเข้า หรือหายใจเข้าแล้วหายใจออก เราทั้งหลายจักไม่เป็นผู้ประมาทอยู่ จักเจริญมรณสติเพื่อความสิ้นอาสวะ
::กวีมีแววแต่ยังรุ่น::

กวีมีแววแต่ยังรุ่น
คุกรุ่นกลอนเก่าเร้าปรารถนา
คงมิหวังอะไรในชั้นฟ้า
ร่ำภาษาก็สุขสนุกใจ

อ่านมากรู้มากเพราะอยากอ่าน
กลอนกานต์ครึกครื้นก็ลื่นไหล
หนุ่มสาวฝันแล่นถึงแดนใด
จารึกความสดใสของวัยนั้น

ตัวเราเขลาขลาดเลยพลาดจุด
วันเร่งรุดลืมตามาคว้าฝัน
ก็ล่วงเลยจนชราเป็นสามัญ
ยามหันมาหัดคัดโคลงกลอน

จึงได้แต่แย่ยันขยันเขียน
ตามแบบเรียนตามหลักเรียงอักษร
เป็นสุ้มเสียงเหนื่อยล้าทิวาจร
เขียนก่อนนอนแปะกระทู้พอดูดี ๚ะ

๏ เห็นกวีสาวหนุ่มสร้าง.........สรรค์งาน
ดื่มด่ำคำสวยสาร................สู่หล้า
เห็นสนุกลุกมาจาร..............จารึก...ตามพ่อ
ได้แค่นี้แหละน้า.................เหนื่อยแล้วลืมหลง ๚ะ


๑۩۞۩๑

๏ อันใดย้ำแก้มแม่...............หมองหมาย
ยุงเหลือบฤๅริ้นพราย.............ลอบกล้ำ
ผิวชนแต่จักกราย..............ยังยาก
ใครจักอาจให้ช้ำ...............ชอกเนื้อเรียมสงวน ๚ะ


๏ เจ็ดขวบแววปราชญ์แต้ม ต่อโคลง
ศรีปราชญ์จอมจรรโลง แหล่งหล้า
เบื้องปลายถูกประหารโยง ใยเงื่อน กวีแฮ
โอมอ่านบทกวีท้า ดาบนั้นคืนสนอง ๚ะ

๑۩۞۩๑

โอ้ดูเรือนเหมือนอกเราไร้คู่
ผู้ใดดูจึงไม่ออกเอี่ยมสนาม
หรือต้องสาปบาปหลังยังติดตาม
ผู้หญิงงามจึงไม่มีปรานีเลย
จะรักใครเขาก็ไม่เมตตาตอบ
สมประกอบได้แต่สอดกอดเขนย
เอ็นดูเขาเฝ้านึกนิยมเชย
โอ้ใจเอ๋ยจะเป็นกรรมนั้นร่ำไป


อายุรุ่นหนุ่มสาวราวยี่สิบ
ก็คมกริบกล่าวกลอนอักษรใส
สุนทรภู่รจนาเมื่อคราไป
เมืองแกลงได้นิราศประกาศมา ๚ะ

๑۩۞۩๑

เสียเจ้าราวร้าวมณีรุ้ง
หมายมุ่งอะไรในหล้า
มิหวังแม้กระทั่งฟากฟ้า
ซบหน้าติดดินกินทราย
จะเจ็บจำไปถึงปรโลก
ฤๅรอยโศกรู้ร้างจางหาย
จะเกิดอีกกี่ครั้งจวบวางวาย
อย่าหมายจะได้หัวใจ


อังคาร กัลยาณพงศ์
สูงส่งอลังการพิศดารไฉน
เป็นกวีแต่เล็กกำดัดวัย
ซีไรต์เป็นรางวัลแห่งปัญญา ๚ะ

๑۩۞۩๑

แม้มิได้เป็นหงส์ผู้ทรงศักดิ์
ก็จงรักเป็นโนรีที่หรรษา
แม้มิได้เป็นน้ำแม่คงคา
จงเป็นธาราใสที่ไหลเย็น
แม้มิได้เป็นมหาหิมาลัย
จงพอใจจอมปลวกที่แลเห็น
แม้มิได้เป็นวันพระจันทร์เพ็ญ
ก็จงเป็นคืนแรมที่แจ่มตา


เป็นวรรคทองท่องนำจำได้ชัด
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ พูนภาษา
แม้มิใช่บทแรกแปลกที่มา
หากแจ่มจ้าแต่ ม.ต้นบนทางครู ๚ะ

๑۩۞۩๑


เมื่อเห็นตาเคยซื่อกลับดื้อรั้น
ยิ่งเชื่อมั่นแน่ใจเอ็งหมายหลู่
น้ำตาแค้นตกในรินไหลพรู
อุตส่าห์สู้ห่วงหวงเท่าดวงใจ
สิ้นเอ็งแล้วข้าก็พร้อมจะยอมบ้า
ฆ่าเอ็งก็เหมือนฆ่าน้าผู้ใหญ่
ลูกกำนันบุญน้อยขอคล้อยไกล
ข้าไม่ใช่ลูกชายนายอำเภอ


ขรรค์ชัย บุนปาน นามกระเดื่อง
ปราดเปรื่องโคลงกลอนสะท้อนเสนอ
ยี่สิบดิบเดือดเลือดพล่านเพ้อ
กุมารสยามเธอที่กำจร ๚ะ

๑۩۞۩๑

กูเป็นนิสิตนักศึกษา
วาสนาสูงส่งสโมสร
ย่ำค่ำนี่จะย่ำไปงานบอลล์
เสพเสน่ห์เกสรสุมาลี
กูเป็นนิสิตนักศึกษา
พริ้งสง่างามผงาดเพียงราชสีห์
มันสมองของสยามธานี
ค่ำนี้กูจะนาบให้หนำใจ



สุจิตต์ วงษ์เทศ อวดภาษา
ทายท้าอารมณ์ยุคสมัย
ยี่สิบเศษเป็นนิสิตปากกาไว
สบัดไปปานกระบี่ด้วยปรีชา ๚ะ

๑۩۞۩๑

หมอบพับเพียบเลียบริมน้ำปริ่มฝั่ง
ตะแคงฟังนิยายเพลินจากเนินหญ้า
ระบำมดคดเคี้ยวลับเคียวตา
หยาดน้ำฟ้าลากลิ้งทิ้งใบบอน
แมลงปอเกาะหินเลื่อมปิ่นรุ้ง
ผีเสื้อพุ่งอวดแพรแผ่ปีกร่อน
กิ้งกือหักความอายออกกรายกร
กระรอกหย่อนลูกหว้าหยั่งท้าทาย



เป็นสาวน้อยสดใสวัยสิบห้า
ก็เจิดจ้าทางกลอนอักษรสาย
จิระนันท์ พิตรปรีชา ผู้พริ้งพราย
ขจรขจายงานเยี่ยมเปี่ยมพลัง ๚ะ

๑۩۞۩๑

55555555
เรารักเทอน้าเด็กโง่งั่ง
เด๋วส่ง Mp3 ปะห้ายฟัง
แร้ววันหลังส่งคลิปปะห้ายดู
คลิปเราเองแหละเอิ๊กเอิ๊กเอิ๊ก
ถ่ายก่อนเลิกกะแฟนโรงแรมหรู
ADSL เราใช้ TRUE
อัพโหลดคู่สองคลิปได้ฉะบาย


มนตรี ศรียงค์ เขียนลงเน็ต
ขายหมี่เป็ดกลับได้รางวัลหมาย
กวีซีไรต์ปฏิวัติระบัดระบาย
เฉิดฉายเปลี่ยนแปลงกำแพงกวี ๚ะ


๑۩۞۩๑

๏ มาเถิดหนุ่มสาวชาวเน็ต
รีบเก๊ทไฮสปีดมาเร็วรี่
กาพย์กลอนโคลงฉันท์พันทวี
กำเนิดที่ในเว็บเมพขิงแล้ว ๚ะ๛



Create Date : 21 กุมภาพันธ์ 2553
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2553 10:35:20 น. 2 comments
Counter : 900 Pageviews.

 


ใครครวญขานเพรียกน้อง.....เพลินสนาน
ลมหอบเสียงกังวาน.............แว่วกล้ำ
หวานไกลกล่อมนงคราญ......คลายขุ่น
กายห่างเกรงชอกช้ำ............ชาติเชื้อชายหมอง


ครรลองควรคู่แล้ว....................ครบครัน
บทบาทเสริมสัมพันธ์.................พี่สร้าง
เพียรพากย์ปลอบนวลขวัญ.........นับเนิ่น นาพี่
ยินพจน์ฝากเรียมล้าง................ทุกข์ร้อนเลือนไกล


ขวัญเอยไหวหวั่นฟ้า...............พังภินท์
ยามม่านเมฆคลุมดิน...............ครอบด้าว
หมอกลอยเกลื่อนหลอนจินต์.....จนพร่า มัวฤา
ใครจักจารจดน้าว...................แนบเนื้อนวลถนอม


ผองพยอมนงนาฎล้วน............นิรมาณ ยากนอ
งามภาพลักษณ์ศศิกานต์.........เก็จแก้ว
เลอรับจิตวิญญาน..................เลิศยิ่ง ล้ำพี่
ใสเพริศประกายแพร้ว.............เพชรน้ำงามนวล


ลมกระสรวลแสนซาบซึ้ง.......ตรึงสมร
เสือซ่อนลายพาดกลอน........พลอดเคี้ยว
หยอดหวานเชื่อมวรรคตอน....เฉียบชื่น ชมแฮ
เคลือบฉาบชิวหาเกี้ยว...........กักให้กลอยหลง





... หากว่าภาพปลากรอบพ่อชอบนั้น
จะคัดสรรหวังหมายระบายเสริม
ฝีมือน้อง"สมัครเล่น"แต่เช่นเดิม
บ้างเลือกเพิ่มจากเน็ตมิเท็จลวง ...


... เนื้อหาโคลงคร่ำครวญรัญจวนจิต
หวังผูกมิตรชายหนึ่งซึ่งแอบหวง
"แก้มระเรื่อเจือแดง...อย่าแกล้งลวง"
พ่อเรือพ่วง...พายกระชาก...ฝีปากคม ...










โดย: ploythana วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:16:41:11 น.  

 
เข้ามาพัก ทักทาย ถึงในบ้าน
พร้อมขอบคุณ ที่ผ่าน แวะเวียนหา
ราตรีนี้ ฝากฝันดี ยามนิทรา
รุ่งเช้าตื่น ชื่นอุรา มาต่อกลอน


สวัสดีค่ะ
ยินดีและดีใจค่ะ ที่ แวะทักทายกัน



โดย: สุนันยา วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2553 เวลา:22:05:09 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

ศาลายา
Location :
นครปฐม Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




๏ ศาลายาชื่อนี้.....เป็นนาม
ที่อยู่ตำบลตาม.............แต่งตั้ง
คนหนุ่มเงียบเงียบงาม....มรรยาท
ลิขิตบล็อกก่อนพลั้ง......พลาดพ้นยุคสมัย ๚

Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28 
 
21 กุมภาพันธ์ 2553
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ศาลายา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.