|
บทนำ
“แม่ทนไม่ไหวแล้วนะอัยการ!”
เสียงหงุดหงิดเกรี้ยวกราดของคุณหญิงอรอุษาดังขึ้นกลางโต๊ะอาหาร เพื่อนร่วมโต๊ะอีกสองชีวิตต่างก็หยุดมือจากอาหารแล้วหันไปมองเจ้าของเสียงเป็นตาเดียว คิ้วหนาเลิกขึ้นนิด นัยน์ตาคมสีน้ำตาลอมเทาฉายรอยฉงนขณะจ้องมองมารดา
“ไม่ต้องมาทำหน้าซื่อตาใสกับแม่นะ คราวนี้แม่จะไม่ยอมให้อัยผัดผ่อนอีกแล้ว หม่อมยายของลูกเร่งมายิกๆ เอาข่าวบ้าๆ นี่มากรอกหูแม่ทุกวัน ซักวันความดันแม่คงขึ้นไปถึงสมองแน่ และแน่นอน แม่จะไม่ทนอีกต่อไปแล้ว” คุณหญิงว่าด้วยสีหน้าขึงขัง ระดับอุณหภูมิในร่างกายกำลังสูงปรี๊ด
“ใครจะว่าอะไรก็ช่างเขาเถอะครับ ผมเป็นยังไง ผมรู้ตัวเองดี ผมเป็นข่าวแท้ๆ ยังไม่เดือดร้อนเลย คุณแม่ก็ทำเฉยๆ ไปดีกว่า เราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก” ผู้เป็นลูกชายไม่เดือดร้อนกับข่าวที่มีมูลแต่ไม่เป็นความจริงนั่นเลยสักนิด ตรงกันข้าม ใบหน้าคมคายได้รูปชวนมอง ที่ผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันออกและตะวันตกไว้ด้วยกันอย่างลงตัวกลับเผยรอยยิ้มขบขันเสียด้วยซ้ำ
“จะไม่ให้แม่เดือดร้อนได้ยังไงฮะ ในเมื่อหม่อมยายของลูกมาหาว่าแม่เลี้ยงลูกไม่ดี ไม่มีปัญญาหาสะใภ้ที่เป็นผู้หญิงให้ลูกชาย ปล่อยให้อัยเป็นข่าวกับผู้ชายโครมๆ ทุกวี่ทุกวัน หม่อมยายรับเรื่องแบบนี้ไม่ได้ แม่เองก็ไม่ใช่จะยอมรับได้ง่ายๆ หรอกนะอัย แม่ไม่อยากให้ลูกทำให้หม่อมยายผิดหวังเหมือนที่แม่เคยทำ” คุณหญิงว่าพลางนึกถึงเรื่องในอดีตของตนด้วยความสุขแกมเศร้าใจ
ตอนเรียนจบปริญญาตรีใหม่ๆ เธอไปเที่ยวอังกฤษเพื่อฝึกฝนภาษาหนึ่งปี เธอเรียนภาษาและเรียนเปียโนไปด้วยเป็นการฆ่าเวลา ช่วงนั้นเองที่เธอได้รู้จักมาร์คัส เวสบรัน ครูสอนเปียโนและนักแต่งเพลงชาวอังกฤษผู้มีอารมณ์อ่อนไหว เขาทั้งหล่อเหลา สุภาพ และใจดี ทั้งเธอและเขาต่างก็ตกหลุมรักในกันและกัน
หม่อมอรอนงค์ไม่เห็นด้วยเด็ดขาดที่ลูกสาวคนเดียวจะแต่งงานกับคนต่างชาติต่างภาษา ท่านถึงกับหาคู่หมั้นคู่หมายไว้รอท่าลูกสาว แต่พอเธอกลับมาพร้อมมาร์คัสและบอกว่าจะแต่งงานกันเท่านั้นระเบิดก็ลงบ้านสิรารมย์ทันที หม่อมมารดายืนกรานให้เธอเลือกระหว่าง ‘แม่’ และ ‘ผู้ชาย’ แต่ความรักในวัยนั้นเป็นความสวยงามที่เร่าร้อน ยากจะมีสิ่งใดขัดขวางและกีดกันได้ สุดท้ายเธอก็เลือกความรัก
เธอแต่งงานกับมาร์คัสและกลับไปใช้ชีวิตด้วยกันที่อังกฤษได้เพียงสองเดือนเขาก็ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขาจากไปในตอนที่เธอมีอัยการอยู่ในท้องแล้วแต่ยังไม่ทันได้บอกข่าวดีด้วยซ้ำ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบถล่มใส่หัวเธอก็ไม่ปาน แล้วเธอก็ได้เจอทนายของมาร์คัสในงานศพจึงได้รู้ว่าสามีของเธอเป็นเศรษฐีระดับพันล้านในเกาะอังกฤษ ครอบครัวเขาเคยทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ใหญ่โตและมั่งคั่ง แต่พอเสียพ่อกับแม่ไป มาร์คัสผู้มีใจรักในเสียงดนตรีจึงขายกิจการให้ญาติ แล้วผันตัวเองมาเป็นครูสอนเปียโนและนักแต่งเพลงจนได้เจอกับเธอ มาร์คัสไม่เคยทำตัวเหมือนเศรษฐีคนอื่น เขามีบ้านที่สะดวกสบายแต่ไม่ใช่บ้านของเศรษฐีพันล้านแน่นอน แม้แต่การแต่งงานก็เป็นไปแบบเรียบง่ายในโบสถ์เล็กๆ กับสักขีพยานที่เป็นเพื่อนครูของเขาและเพื่อนนักเรียนของเธอไม่กี่คน ทนายของเขาเล่าให้ฟังว่ามาร์คัสกำลังจะบอกเรื่องนี้กับเธอ ถ้าเพียงแต่ทุกอย่างจะไม่สายเกินไป เขาจากเธอไปแต่ทิ้งสมบัติมหาศาลเอาไว้ให้ นั่นคือสิ่งที่ยืนยันได้ว่าเขาคิดจะบอกเรื่องนี้กับเธอจริงๆ
การสูญเสียสามีผู้เป็นที่รักไปอย่างรวดเร็วและไม่มีเวลาให้ตั้งตัวทำให้การใช้ชีวิตอยู่ในอังกฤษเพียงลำพังเป็นเรื่องที่ยากเย็นสาหัส เธอกลับเมืองไทย กลับมาหาครอบครัวที่เธอเป็นฝ่ายทอดทิ้งไป หม่อมอรอนงค์ไม่ยอมยกโทษให้เธอในเรื่องนั้นแต่ก็ไม่ได้ขับไล่ไสส่งไปไหน...แค่อยู่ด้วยกันเหมือนคนแปลกหน้าเท่านั้น...นั่นคือความเจ็บปวดที่สุดของเธอในฐานะลูกผู้กำลังอยู่ในภาวะผู้สูญเสีย
ครึ่งปีต่อมา บ้านหลังนี้จึงถูกปลูกสร้างขึ้นภายในรั้วเดียวกันกับบ้านสิรารมย์ หม่อมอรอนงค์ยังเย็นชากับเธออย่างเสมอต้นเสมอปลาย จนกระทั่งเธอคลอดอัยการออกมา เด็กชายเลือดผสมคนนี้เองที่เป็นเสมือนกาวใจของเธอกับมารดา สถานการณ์จึงเริ่มดีขึ้นและคลี่คลายลงในที่สุด เธอได้รับของขวัญที่มีค่า นั่นคือการให้อภัยจากมารดา และเธอก็ไม่อยากทำให้ท่านผิดหวังอีก
คุณหญิงดึงตัวเองกลับมาที่ปัจจุบัน “แม่ขอเถอะนะ ขอสะใภ้เป็นผู้หญิงนะลูก ถ้าลูกหาเองไม่ได้ภายในเดือนสองเดือนนี้ หม่อมยายของลูกได้นำขบวนพาเหรดสาวงามมาให้อัยเลือกแน่ๆ คิดดูเองก็แล้วกัน จะหาเมียเองหรือจะให้หม่อมยายหาให้ แม่ไม่อยากฝืนใจอัยหรอกนะ แม่รู้ดีว่าการฝืนใจแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักน่ะมันเจ็บปวดแค่ไหน แต่คราวนี้แม่ช่วยไม่ได้แล้วจริงๆ”
“คุณน้าอย่าเพิ่งคิดมากเลยนะคะ น้องแพรว่าพี่อัยต้องจัดการเรื่องนี้ได้แน่ๆ จริงมั้ยคะพี่อัย” เหมือนแพรแตะมือคุณหญิงอย่างให้กำลังใจ ก่อนจะหันไปขอเสียงสนับสนุนจากพี่ชาย ‘อัยการ เวสบรัน สิรารมย์’ เกือบจะกลอกตาเซ็งใส่น้องสาวต่างสายเลือดแต่ก็ยั้งใจไว้ทัน เขารู้ตัวดีว่าไม่ได้มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน เพียงแต่ยังไม่เคยรู้สึกพิเศษกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน ไม่ว่าจะสวยมาก สวยน้อย อ่อนหวานเรียบร้อย หรือเปรี้ยวจี๊ดเข็ดฟัน แล้วจู่ๆ จะให้ตัดสินใจแต่งงานกับใครสักคนได้อย่างไร
“นี่อัยไม่ได้เป็นอย่างที่ข่าวว่าใช่ไหมลูก แม่ไม่อยากเป็นคนใจแคบหรอกนะ แม่รู้ดีว่าโลกทุกวันนี้มันหมุนไปเรื่อยๆ แต่ในฐานะทายาทคนเดียวของสิรารมย์ อัยต้องเข้าใจหม่อมยายกับแม่บ้าง เรื่องแบบนี้มันเซนซิทีฟมากสำหรับตระกูลเก่าแก่ของเรา อัยเองก็อายุอานามสมควรจะมีครอบครัวได้แล้วนะ ปีหน้าจะสามสิบสี่แล้วนี่ ถ้าไม่ได้รักชอบใครจริงๆ อัยก็ฝืนใจแต่งงานกับผู้หญิงที่หม่อมยายหาให้ได้ไหม หรือหากอัยเอ็นดูใครเป็นพิเศษแม่ก็ไม่ว่า ขออย่างเดียวนะจ๊ะ ขอสะใภ้ที่เป็นผู้หญิงนะลูกนะ คุณแม่ขอร้อง...”
คุณหญิงอ้อนลูกชาย อีกทั้งยังวิงวอนด้วยสายตา เธอยอมรับว่าไม่ปลื้มหากลูกชายคนเดียวจะรักชอบคนเพศเดียวกันตามที่เป็นข่าวอยู่โครมๆ หากก็รู้ดีว่าเรื่องแบบนี้มันฝืนกันไม่ได้ เธอพยายามจะเข้าใจ แต่ถึงอย่างไรก็ขอสะใภ้ออกหน้าออกตาที่เป็นผู้หญิงเถอะ!
อัยการถอนใจพลางกลอกตาเบื่อหน่าย “นี่คุณแม่ก็คิดแบบนั้นเหรอครับ แล้วเราล่ะน้องแพร คิดเหมือนคนอื่นด้วยรึเปล่า”
เหมือนแพรสะดุ้งโหยง มองหน้าพี่ชายได้ไม่เต็มตานัก เธออยากจะเชื่อว่าอัยการไม่ได้มีรสนิยมชอบไม้ป่าเดียวกัน หากข่าวซุบซิบทั้งคนในสังคมไฮโซและประชาชนที่บริโภคข่าวดาราเป็นค่านิยม ภาพลักษณ์ของอัยการก็เป็นเช่นนั้นอย่างเถียงไม่ขึ้นจริงๆ
ชายหนุ่มพ่นลมหายใจหนักหน่วง ตัดบทเสียงเรียบ “ผมขอตัวไปทำงานนะครับ”
สิ้นคำพูดนั้นร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นแล้วเดินจากไปอย่างหัวเสียกับข้อกล่าวที่คนค่อนประเทศตัดสินเขาจากตัวหนังสือซึ่งคนที่เรียกตัวเองว่า ‘นักข่าว’ ใส่สีตีไข่จนเละ ทั้งที่คนเหล่านั้นไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเขาเลยสักนิด แต่หากจะหาคนผิดก็คงจะผิดที่เขาดันเป็นเพื่อนรักของพระเอกยอดนิยมที่ยังโสดสนิทและไม่คิดจะมีคู่อย่าง ‘ณดล อัศวรังสรรค์’ นั่นแหละ
สงสัยจะได้เวลาสละโสดจริงๆ แล้วมั้งเรา เฮ้อ!!
_____________________________________________
ตอนนี้มีเพิ่มเติมเรื่องของคุณหญิงด้วยค่ะ ทิ้งปมไว้นิดหน่อยแต่ยังไม่สบช่องเฉลยจนจบเรื่อง พอกลับมารีไรท์เลยใส่ไว้ในบทนำซะเลย จบเรื่อง!
|
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2554 |
Last Update : 1 ตุลาคม 2555 13:07:32 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1022 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|