“นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะคุณน้า” เหมือนแพรถามตรงๆ เพราะรู้สึกอย่างชัดเจนว่าคุณหญิงอรอุษาจงใจให้อัยการกับหวันยิหวาเดินทางไปด้วยกัน คุณหญิงทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “ไม่มีอะไรนี่จ๊ะ ไหนๆ ตาอัยก็อุตส่าห์ออกมารับเราทั้งที น้องแพรจะใจร้ายให้พี่เขานั่งรถไปคนเดียวได้ลงคอเหรอ” “ถ้าอย่างนั้นคนที่ควรไปกับพี่อัยก็น่าจะเป็นคุณน้าหรือไม่ก็น้องแพรไม่ใช่เหรอคะ ให้ยิหวากับพี่อัยไปด้วยกันสองคน น้องแพรว่าไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ ยิหวาคงอึดอัดแย่ หรือไม่ก็พี่อัยนั่นแหละที่จะไม่พอใจ” “ตายจริง!” คุณหญิงแสร้งอุทาน ทำสีหน้าเหมือนเพิ่งนึกได้ “น้าก็ลืมไปเลยนะเนี่ย หวังว่าสองคนนั้นคงเข้ากันได้ดีนะจ๊ะ เอ้อ...แต่ไหนๆ หนูยิหวาก็จะไปทำงานกับเราแล้ว ให้พวกเขาทำความรู้จักคุ้นเคยกันไว้ก็น่าจะเป็นผลดีมากกว่าไม่ใช่เหรอ น้องแพรอย่าคิดมากเลยจ้ะ คนกันเองแท้ๆ นะ” เหมือนแพรหรี่ตา มองอีกฝ่ายอย่างจับผิด “ไม่มีอะไรแน่นะคะ” คุณหญิงโบกมือให้ว่อน แก้ตัวเสียงสูง “ไม่มี๊...ไม่มี จะมีอะไรละจ๊ะ น้องแพรนี่คิดมากจริงๆ เดี๋ยวแก่เร็วนะ” เหมือนแพรยังมีสีหน้าไม่เชื่อถือเท่าไร คุณหญิงจึงชวนเปลี่ยนหัวข้อสนทนาให้พ้นตัว“ว่าแต่ทำไมหนูยิหวาให้คำตอบเร็วจังเลยล่ะ น้าเซอร์ไพรส์มากเลยนะจ๊ะ ไหนน้องแพรบอกว่าที่ทำงานเดิมของหนูยิหวาก็ดูมั่นคงดีไม่ใช่เหรอ”หญิงสาวถอนใจเฮือกใหญ่ นึกถึงเรื่องที่หวันยิหวาเล่าให้ฟังแล้วของขึ้นจึงเดินตามเกมของคุณหญิงไปแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว เล่าให้ฟังจนหมดว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างคุณหญิงยกมือทาบอก สีหน้าตกใจ “แย่จังเลยผู้ชายสมัยนี้ โชคดีจริงๆ ที่หนูยิหวาไม่เป็นอะไร ดีแล้วที่ตัดสินใจออกมา ไม่งั้นซักวันคงเสียท่าคนเลวๆ เข้าจนได้ เฮ้อ...”“ใช่ค่ะ น้องแพรก็ว่าอย่างนั้นแหละ การทำบุญนี่ดีจริงๆ เห็นผลทันตาเลยนะคะ ถ้ายิหวาไม่ได้ไปวัดวันนี้ก็อาจจะยังไม่ได้พบคุณน้า และก็คงจะไม่ได้งานใหม่เร็วขนาดนี้ด้วย” คุณหญิงอมยิ้มในหน้า เห็นด้วยอย่างที่สุด “ถูกจ้ะ การทำบุญสร้างกุศลนอกจากจะได้ช่วยเหลือผู้อื่นแล้วยังเป็นผลดีกับตัวเองอีกด้วย อย่างน้าเข้าวัดทำบุญ บริจาคทรัพย์สมทบทุนช่วยเหลือโครงการต่างๆ อยู่เสมอ พอวันนี้ถูกโจรวิ่งราวกระเป๋าก็มีพลเมืองดีเข้ามาช่วยเหลือ นี่แหละ เขาถึงได้บอกว่าทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว คำสอนของพระพุทธเจ้าถูกต้องและเที่ยงแท้ที่สุดเลยจ้ะ” “และการที่ยิหวาได้งานใหม่แบบไม่ทันตั้งตัวก็คงเป็นเพราะกรรมดีที่ช่วยเหลือคุณน้าในวันนี้” เหมือนแพรต่อให้พร้อมรอยยิ้มสดใส คุณหญิงฉีกยิ้มระรื่น ไม่มีความเห็นเป็นอื่น เพราะถึงจะมี เธอก็จะเก็บมันไว้เป็นความลับต่อไปอีกสักระยะจนกว่าทุกอย่างจะลงตัว ก่อนจะถึงวันนั้นเธอจะไม่แหวกหญ้าให้งูตื่นเป็นอันขาด เมื่อรถเคลื่อนตัวผ่านซูเปอร์มาร์เก็ต คุณหญิงก็นึกอะไรได้จึงชะโงกไปสั่งคนขับรถ “เดี๋ยวแวะซูเปอร์ฯ ข้างหน้าด้วยนะนายผิน ฉันจะแวะซื้อของเยี่ยมไข้ซะหน่อย น้องแพรโทรบอกพี่อัยกับหนูยิหวาให้ล่วงหน้าไปก่อนเราเลยนะจ๊ะ แวะซื้อของแป๊บเดียวเท่านั้นแหละ” เหมือนแพรพยักหน้ารับ ก่อนจะทำตามใบสั่งของคุณหญิงโดยไม่เอะใจสักนิด หวันยิหวานั่งตัวเกร็งตั้งแต่ขึ้นรถ เมื่อเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ดังขึ้นจึงสะดุ้งโหยง เหลือบมองคนข้างๆ ก็เห็นเขากดรับสายพอดี “อะไรนะ?” อัยการย้อนถามด้วยเสียงที่ไม่เบานัก ก่อนจะปรายตามองคนข้างกันนิด เห็นอีกฝ่ายกะพริบตาปริบๆ มองมาอย่างสงสัยจึงหันไปมองถนนดังเดิม แล้วสุดท้ายก็เออออไปกับคู่สนทนา “โอเค เข้าใจแล้ว แค่นี้ใช่ไหม” หวันยิหวายังคงจ้องมองเสี้ยวหน้าคมคายด้วยความสงสัย วิตกกังวลเพียงแค่อีกฝ่ายหันมาสบตาเธอชั่วเสี้ยววินาที ด้วยเกรงว่าเธออาจเป็นปัญหาของเขาในเวลานี้ สุดท้ายก็อดถามไม่ได้ “คุณมีธุระรึเปล่าคะ ส่งยิหวาแถวๆ นี้ก็ได้ค่ะ โรงพยาบาลอยู่ไม่ไกลมาก ยิหวานั่งมอ’ไซค์แป๊บเดียวก็ถึง” เขาเหลือบตาคมไปสบตาใสอย่างเสียไม่ได้ เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ “น้องแพรบอกให้เราล่วงหน้าไปก่อน แม่ผมจะแวะซื้อของเยี่ยมไข้แล้วค่อยตามไป” “ไม่เห็นต้องลำบากเลยค่ะ” หญิงสาวทักท้วงอย่างเกรงใจ“แม่ผมคงไม่คิดว่าเป็นเรื่องลำบาก แต่ถ้าคุณไม่ชอบ ผมจะโทรไปบอกท่านเดี๋ยวนี้” เขาว่าด้วยเสียงแข็งขืนคล้ายไม่พอใจ หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดหาเบอร์มารดา“ยิหวาไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นนะคะ แค่พวกคุณแวะไปเยี่ยมพ่อทั้งที่เราเพิ่งรู้จักกันยิหวาก็ขอบคุณมากแล้ว ไหนจะเรื่องงานอีก แค่นี้ยิหวาก็ไม่รู้จะตอบแทนยังไงหมด ยิหวาเกรงใจ ไม่ใช่ไม่ชอบนะคะ” ไม่เพียงพูดด้วยน้ำเสียงเข้มข้นจริงจัง แต่มือเล็กยังแตะมือใหญ่เอาไว้มั่น ไม่ยอมให้เขากดโทรออกได้สำเร็จ ดวงตาคู่สวยวาววาม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง เขาไม่พอใจเป็นคนเดียวหรือไง ไม่คิดบ้างหรือว่าเธอจะลำบากใจแค่ไหน ทั้งเรื่องงาน เรื่องที่ต้องนั่งรถไปกับเขาทั้งที่ไม่คุ้นเคยกัน แล้วคุณหญิงยังจะต้องมาลำบากแวะซื้อของเยี่ยมไข้อีก สนิทสนมกันมานานหรือก็เปล่า แค่ต้องเจอปฏิกิริยาเย็นชาจากอัยการก็อึดอัดจะตายอยู่แล้ว จะทำให้เธอรู้สึกเป็นภาระคนอื่นไปถึงเมื่อไหร่กัน!“ผมเข้าใจแล้ว ทีนี้ปล่อยได้รึยัง” อัยการว่าเสียงเรียบ เหลือบมองมือเล็กที่ฉวยโอกาสกุมมือเขาไว้แน่น ก่อนจะเบนสายตากลับไปมองถนนอย่างแน่วแน่ ได้แต่หวังว่าเธอจะไม่ทันสังเกตว่ามือเขาเย็นเฉียบมากแค่ไหน หวันยิหวามองตามสายตาเขาแล้วก็ต้องตกใจ รีบหดมือกลับแทบไม่ทัน รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าและไม่กล้าจะหันไปสบตาเขาอีก ได้แต่ก้มหน้าบอกเสียงอ่อย “ขอโทษค่ะ ยิหวาแค่...”“ช่างเถอะ” เขาตัดบทเสียงเรียบอีกตามเคย หญิงสาวเม้มปากแน่น พยายามสงบปาก สงบคำ และสงบใจ ไม่พูดอะไรอีกนับจากนั้น ภายใต้ท่าทีสงบนิ่ง ใครเลยจะรู้ว่าหัวใจของอัยการเต้นถี่ระรัวเพียงใด มันเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่เขาไม่คุ้นชินเลยสักนิด ทั้งที่อยู่ใกล้หวันยิหวาแล้วเขารู้สึกเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง จังหวะหัวใจเต้นไม่เป็นปกติ แต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงอยากรู้จักเธอมากขึ้น อยากเห็นเธออยู่ในสายตา และยินดีแทบบ้าเมื่อรู้ว่าเธอกำลังจะได้อยู่ในสายตาของเขาจริงๆ แม้จะแค่ในฐานะพนักงานใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งก็เถอะ มันบ้าชัดๆ ที่เขาจะรู้สึกกับผู้หญิงที่เพิ่งรู้จักได้มากมายขนาดนี้!หวันยิหวานั่งเงียบมาจนถึงจุดหมายปลายทางโดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกคนแอบจิตแอบมองมาตลอดทางเช่นกัน ทันทีที่รถจอดสนิทหญิงสาวก็รีบเปิดประตูก้าวลงมายืนข้างล่างพร้อมถอนใจอย่างโล่งอก หารู้ไม่ว่าทุกอากัปกิริยาของตนตกอยู่ในสายตาของใครคนหนึ่งแทบทุกวินาที อัยการก้าวตามลงมายืนสง่านอกตัวรถในเวลาไล่เลี่ยกัน หันไปเผชิญหน้ากับหญิงสาวอย่างตรงไปตรงมาแล้วเอ่ยขึ้น “คุณเดินนำไปสิ” หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะมองตาเขา นัยน์ตาคมกริบที่จ้องมองมาตรงๆ ทำให้เธอรู้สึกแปลก คอยแต่จะหลบอย่างไม่ทราบสาเหตุแล้วอ้อมแอ้มบอกเสียงเบา “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ จริงๆ แล้วคุณไม่ต้องเข้าไปด้วยก็ได้...” “ผมรอแม่ผม” ชายหนุ่มสวนกลับทันควัน รู้ตัวอีกทีก็เรียกคำพูดนั้นกลับมาไม่ได้แล้ว สีหน้าเจื่อนๆ ของเธอทำให้เขาแทบอยากกัดลิ้นตัวเองจริงๆ หวันยิหวายังอึ้งอยู่กับความหน้าแตกของตัวเองจนเสียงแตรรถบีบถี่ๆ คล้ายคนขับจงใจบีบไล่ดังขึ้นในความเงียบ “ระวัง!” อัยการตะโกนขึ้นพร้อมหัวใจที่กระตุกวูบ ร่างบางสะดุ้งเฮือก เห็นรถคันหนึ่งพุ่งเข้ามาหาด้วยความเร็วสูง ด้วยความตื่นตระหนกจนทำอะไรไม่ถูกจึงได้แต่ยกมือขึ้นปิดหน้า หลับหูหลับตาเตรียมตัวตายอยู่ตรงนั้นอัยการถลาไปคว้าร่างบางเข้าหาตัวเพื่อพาหญิงสาวหลบให้พ้นวิถีโคจรของรถไร้มารยาทคันนั้นได้อย่างหวุดหวิด ร่างบางสั่นเทาอยู่ในอ้อมแขนเขา ชายหนุ่มจึงเผลอลูบแผ่นหลังบอบบางขึ้นลงเบาๆ ด้วยเจตนาเพียงต้องการปลอบขวัญเธอเท่านั้น “ไม่เป็นไรแล้ว” เมื่อได้ยินเสียงนุ่มทุ้มดังอยู่ข้างหู หวันยิหวาจึงเริ่มรู้สึกตัว ค่อยๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่านัยน์ตาคมกริบสีน้ำตาลอมเทาแฝงด้วยความห่วงใยคู่นั้นอยู่ในระยะประชิดเหลือเกิน ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นซ่านของเขาที่เป่ารดพวงแก้มของตัวเอง ใบหน้าร้อนผะผ่าวไปหมด จังหวะการเต้นของหัวใจใต้อกซ้ายรัวเร็วบ้าคลั่ง ต่างจากความรู้สึกตอนที่รถยนต์คันนั้นพุ่งพรวดเข้ามาหา เป็นความรู้สึกที่ลึกซึ้งและซับซ้อนมากกว่าความตื่นตกใจ ความรู้สึกที่เธอตอบไม่ได้...และไม่เคยเป็นมาก่อน!“หวันยิหวา...คุณเป็นอะไรรึเปล่า” อัยการเอ่ยถามอย่างไม่แน่ใจ รู้สึกกระวนกระวายกับท่าทางของเธอ เกรงว่าหญิงสาวอาจจะช็อกเพราะความตกใจสุดขีดน้ำเสียงร้อนรนของเขาทำให้เธอได้สติ กะพริบตาขึ้นลงถี่ๆ พร้อมสูดลมหายใจลึก ก่อนจะถอนสายตาจากอัยการด้วยความยากเย็นแล้วอ้อมแอ้มบอกเสียงเบา “ไม่ค่ะ ไม่เป็นไร” เมื่อหญิงสาวขืนตัวออกห่าง เขาก็เริ่มสำนึกได้ถึงความไม่เหมาะสม รีบคลายอ้อมกอด ปล่อยเธอให้เป็นอิสระพร้อมอุบอิบบอกเสียงไม่ดังนัก “ขอโทษด้วย ผมตกใจมากไปหน่อย” “ไม่เป็นไรค่ะ ยิหวาต่างหากที่ควรจะขอบคุณและขอโทษที่ทำให้คุณเกือบแย่ไปด้วย” เธอรีบแย้งก่อนจะเม้มปากแน่นเมื่อได้สบตาเขาอีกครั้ง ดวงตาคู่นี้ทำให้เธอรู้สึกวูบวาบในช่องท้องอย่างประหลาดจนต้องรีบหันข้างให้ รัวคำพูดเร็วๆ แล้วก้าวนำไปก่อน “เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ” อาจเพราะสวรรค์ยังไม่หมดสนุกกับการกลั่นแกล้งหวันยิหวา แม้กระทั่งการเดินไปบนพื้นซีเมนต์เรียบๆ เธอยังสะดุดเท้าตัวเองได้ “ว๊าย!” เสียงอุทานด้วยความตกใจดังขึ้น ร่างบางซวนเซเกือบล้มคะมำ แต่ยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่อัยการก้าวตามมาและรวบเอวบางไว้ได้อย่างทันท่วงที คนกลัวเจ็บรีบผวาเกาะอีกฝ่ายเอาไว้แน่น และนั่นทำให้ปลายจมูกเล็กรั้นชนโครมเข้ากับแก้มของเขาอย่างจังราวกับเวลาหยุดเดิน ต่างคนต่างอึ้ง ตัวแข็งทื่อพอกัน ด้วยไม่มีใครคาดคิดว่าฉากเลิฟซีนเหมือนในละครหลังข่าวแบบนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเองจริงๆ จนเมื่อผ่านเวลาไปชั่วขณะหนึ่ง ทั้งสองคนจึงได้สติ อัยการคลายอ้อมแขนลง หวันยิหวาเองก็รีบถอยห่างอย่างรวดเร็ว “เอ่อ...ขอโทษด้วยนะคะ ยิหวาไม่ได้ตั้งใจจริงๆ” หญิงสาวละล่ำละลักด้วยความอับอายขายหน้าสุดชีวิต ‘หอมแก้มเขาไปฟอดใหญ่เลย ขายหน้าที่สุด ฮือๆ...’ว่าแล้วก็หมุนตัวออกวิ่ง แต่อัยการไวกว่า คว้าหมับที่ข้อมืออีกฝ่ายได้ทัน “คุณจะไปไหน” เขาถามด้วยความแปลกใจ อันที่จริงก็ตกใจไม่แพ้เธอ แต่พอเห็นอาการตกประหม่าคล้ายจะทำอะไรไม่ถูกของอีกฝ่ายจึงมีสติขึ้นมาบ้าง หญิงสาวหลับตาปี๋ ไม่กล้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับเขา เผลอยกมือขึ้นกุมหน้าอกซ้ายพลันรับรู้ถึงความผิดปกติของหัวใจอย่างชัดเจน ได้แต่กัดฟันแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ “ยิหวาปวดฉี่ค่ะ ขอไปห้องน้ำแป๊บนึงนะคะ ไม่ไหวแล้วจริงๆ ค่ะ” อัยการพูดอะไรไม่ออก ทำได้เพียงปล่อยมือแล้วมองตามหญิงสาวที่วิ่งจู๊ดหายไปอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจ สักพักเสียงหัวเราะนุ่มทุ้มก็ดังขึ้น นึกถึงคำแก้ตัวเปิ่นๆ ของเธอแล้วอดขำไม่ได้ เขาไม่เคยได้ยินผู้หญิงคนไหนใช้ข้ออ้างว่า ‘ปวดฉี่’ ในเวลาเขินเลยสักครั้ง ชายหนุ่มพ่นลมหายใจออกมาขณะเหลือบตาขึ้นมองเพดานทื่อๆ ของลานจอดรถอย่างไม่รู้จะทำอะไรดี และเมื่อนึกถึงสัมผัสอุ่นๆ ที่ข้างแก้มก็อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ ใช้ปลายนิ้วไล้ไปตามรอยจูบนั้นอย่างแผ่วเบา นี่เป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ถูกจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวแล้วทำให้เขาอารมณ์ดีได้...ทันทีที่ร่างสูงใหญ่ของอัยการหายลับเข้าไปในตัวตึกของโรงพยาบาล ร่างโปร่งบางของหญิงสาวนางหนึ่งก็ก้าวออกมาจากมุมเสาอย่างระมัดระวัง ดวงตาใสแจ๋วมองซ้ายมองขวาหาเพื่อนร่วมทีม เมื่อรถกระบะคันโตแฉลบมาจอดเทียบข้างตัวจึงรีบกระชากบานประตูแล้วกระโดดเข้าไปนั่งในรถพร้อมรอยยิ้มพราย “เป็นไงบ้าง ได้เรื่องรึเปล่า เมื่อกี้แสดงสมบทบาทไปหน่อย เกือบได้เข้าไปนอนในซังเตซะแล้ว เฮ้อ...” เสียงห้าวของคนขับรถดังขึ้นอีกฝ่ายหัวเราะคิกๆ “เอาน่า...พวกเขาปลอดภัยดี หายห่วงได้ แต่ที่น่าตื่นเต้นกว่าก็นี่เลย” ว่าพลางกดนิ้วไล่ดูภาพที่บันทึกไว้ในกล้องดิจิทัลขนาดพกพาของตนด้วยสีหน้าตื่นเต้นสุดๆ “ไม่นึกเลยว่าจะได้ภาพเด็ดสะระตี่ขนาดนี้” คนขับรถย่นคิ้ว เหลือบตามองเพื่อนร่วมทีมอย่างแปลกใจ “ภาพอะไร” หญิงสาวที่ถือกล้องในมืออมยิ้มหน้าบาน โชว์ภาพเด็ดให้อีกฝ่ายดู “นี่ยังไงล่ะ” ชายหนุ่มเบิกตากว้าง สักพักรอยยิ้มยินดีแกมประหลาดใจก็ปรากฏ “ว้าว...นึกว่าจะได้แค่ภาพกอด ที่ไหนได้ แม่เจ้าโว้ย...เด็ดจริงๆ” ทั้งสองคนสบตากันยิ้มๆ แล้วเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดีก็ดังประสานลั่นรถ “อาหารเสริมบำรุงร่างกายก็ดีนะคะคุณน้า หรือถ้ายังไม่พอใจจะพ่วงกระเช้าดอกไม้เข้าไปด้วยก็ได้ น้องแพรว่าจะเป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้นแหละค่ะ เรารีบซื้อรีบไปดีกว่านะคะ ป่านนี้ยิหวากับพี่อัยคงไปถึงโรงพยาบาลแล้วล่ะ” เหมือนแพรเร่งเร้าคุณหญิงอย่างอดรนทนไม่ไหว เธอถูกลากไปจนแทบจะทั่วทุกมุมของซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว แต่คุณหญิงยังไม่มีท่าทีจะเลือกซื้อสิ่งใดเป็นของเยี่ยมไข้เลย เสียงเรียกเข้ามือถือของคุณหญิงดังขึ้น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายวิบวับเมื่อเห็นชื่อคนโทรมา รีบหันไปส่งยิ้มให้หลานสาวพลางบอกเสียงหวาน “ตกลงตามนั้นเลยจ้ะน้องแพร ซื้อมันไปทุกอย่างนี่แหละ น้องแพรช่วยเลือกทีนะจ๊ะ เดี๋ยวน้าขอไปคุยโทรศัพท์แป๊บนึง” เหมือนแพรทำหน้าเอ๋อ มองตามคุณหญิงไปอย่างงงงัน “อะไรของเขานะเนี่ย บทจะง่ายก็ง่ายขึ้นมาซะอย่างนั้น เฮ้อ...” กว่าคุณหญิงอรอุษาและเหมือนแพรจะตามมาสมทบ อัยการก็เข้ามานั่งเสนอหน้าอยู่ในห้องพักฟื้นของคุณพิศาลแล้วท่ามกลางความประหลาดใจของคนป่วยและคนเฝ้าไข้ “ไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลยนะคะ ยิหวาไปรู้จักคุณอัยตอนไหนล่ะลูก” คุณปาหนันอดไม่ได้ที่จะซักไซ้ไล่เลียงชายหนุ่มหน้าตาดีที่มาพร้อมหวันยิหวาในตอนบ่ายไม่ได้ แม้ลูกสาวจะแนะนำว่าเขาเป็นพี่ชายของเหมือนแพร แต่เพราะไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนจึงอยากทำความรู้จักให้มากขึ้น “เรารู้จักกันซักพักแล้วล่ะค่ะแม่ ยิหวาลืมเล่าให้ฟังเท่านั้นเอง ว่าแต่ทำไมคุณหญิงกับแพรมาช้าจังเลยคะ คุณอัยลองโทรตามหน่อยดีมั้ย ยิหวาเป็นห่วงน่ะค่ะ” หวันยิหวาชิงตอบก่อนที่อัยการจะอ้าปากด้วยซ้ำ ตีซี้แบบไม่ให้อีกฝ่ายตั้งตัวไม่พอ หญิงสาวยังฉุดมือใหญ่ออกไปที่ระเบียงด้วยกันอีก “ไปโทรที่ระเบียงดีกว่าค่ะ” อัยการได้แต่เดินตามแรงฉุดไปงงๆ ทันทีที่เธอกับเขามาอยู่นอกระเบียงห้องด้วยกัน หญิงสาวก็รีบปิดประตูกระจกเพื่อกั้นเสียงคุยไม่ให้คนด้านในได้ยิน“อย่าบอกพ่อกับแม่ว่าเราเพิ่งรู้จักกันนะคะ แล้วก็อย่าเพิ่งบอกเรื่องที่ยิหวาจะไปทำงานกับคุณด้วย ยิหวาขอร้องล่ะค่ะ จะให้ไหว้ก็ยอม” หญิงสาววิงวอนเสียงเบา สบตาพร้อมกุมมือเขาไว้แน่นชายหนุ่มย่นคิ้ว หลุบตามองมือที่ถูกกุมไว้เล็กน้อย แต่ดูเหมือนหวันยิหวาจะไม่ทันสังเกตจึงไม่ยอมปล่อยมือเขา และอัยการก็เริ่มจะชินกับมือเล็กๆ คู่นี้แล้วจึงไม่ได้ทักท้วง เอ่ยถามเสียงเรียบ “ทำไมล่ะ” “เรื่องมันยาวค่ะ แล้วยิหวาจะเล่าให้ฟังวันหลังนะคะ แต่ตอนนี้ยิหวาขอร้องคุณก่อนได้มั้ย นะคะคุณอัยการ” เธอแทบจะก้มลงกราบกรานเขาอยู่แล้ว มือเล็กกระชับมือใหญ่แน่นอย่างลืมตัวตาคมเสมองไปที่อื่น ซ่อนความพึงพอใจลึกๆ เอาไว้ภายใต้สีหน้าเรียบขรึมเช่นเคย “ก็ได้” หญิงสาวยิ้มกว้างด้วยความโล่งใจ “ขอบคุณมากค่ะ แต่ถ้าจะกรุณา คุณช่วยโทรไปบอกคุณหญิงกับแพรด้วยได้มั้ยคะ ยิหวาไม่อยากให้พ่อเป็นกังวล มันอันตรายต่อคนเป็นโรคหัวใจ” เขาหลุบตามองสบแววอ้อนวอนในดวงตาคู่สวยชั่วครู่ “ได้” เธอยิ้มพร้อมถอนใจยาว “แต่มีข้อแม้นะ” เขาต่อรองด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่เปลี่ยน หญิงสาวหุบยิ้มฉับพลัน มองเขาอย่างหวาดระแวง “อะไรคะ” “ก่อนกลับวันนี้ผมจะบอกเอง ตกลงไหม” เขากลั้นยิ้มไม่ไหว นั่นทำให้ใบหน้าคมคายแลอ่อนเยาว์และน่ามองมากขึ้นไปอีก เธอเผลอหลบตาเขาอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงได้เห็นว่าตัวเองกระทำการอุกอาจมากเพียงใด รีบปล่อยมือใหญ่แทบไม่ทัน รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าด้วยความอับอาย “ตกลงรึเปล่า เดี๋ยวแม่ผมกับน้องแพรจะมาแล้วนะ” เขาถามย้ำด้วยน้ำเสียงดุจเดิม พึงพอใจลึกๆ เมื่อเห็นพวงแก้มนวลแดงระเรื่อน่ามอง “ก็ได้ค่ะ” เธอตกลงอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยง ได้แต่กัดริมฝีปากตัวเองปิดซ่อนอาการประหม่าอายอย่างไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้แล้ว อัยการอมยิ้มก่อนจะหยิบเครื่องมือสื่อสารขึ้นมากดโทรหามารดา เขายินดีจะช่วยเธออยู่แล้ว แต่ก็แอบรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต่อรองเงื่อนไขในการช่วยเหลือ ทั้งที่เรื่องนี้มันจิ๊บจ๊อยเหลือเกิน แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ทำไปแล้ว และไม่คิดจะเปลี่ยนใจด้วย เมื่อเขากดวางสาย หวันยิหวาก็เอ่ยขึ้น “ขอบคุณมากเลยนะคะคุณอัยการ” เขาอมยิ้ม “ถ้าอยากให้พ่อกับแม่ของคุณเชื่อแบบนั้น คุณก็ควรจะเรียกผมว่า ‘อัย’ เหมือนที่เรียกผมตอนอยู่ในห้อง” หวันยิหวาได้แต่กัดริมฝีปากจนห้อเลือด ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาอีกระลอก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความอายที่ไปถือวิสาสะตีสนิทกับเขาก่อนได้รับอนุญาต หรือเป็นเพราะรอยยิ้มบาดใจของอัยการกันแน่ แต่ที่รู้ชัดในตอนนี้คือจังหวะการเต้นที่ผิดแผกไปจากเคยของหัวใจดวงเดิม ‘คุณพระคุณเจ้าขา...เกิดอะไรขึ้นกับยิหวากันแน่คะ ทำไมอยู่ใกล้เขาแล้วหัวใจถึงเต้นแรงแบบนี้...’หลังจากนั้นไม่ถึงสิบห้านาทีคุณหญิงอรอุษากับเหมือนแพรก็มาถึงโรงพยาบาล แม้จะแปลกใจกับเรื่องที่อัยการโทรบอกล่วงหน้า ทว่าคุณหญิงก็สวมบทบาทคนคุ้นเคยของหวันยิหวาได้อย่างแนบเนียนไร้ที่ติโดยที่คุณพิศาลกับคุณปาหนันไม่เอะใจเลย จนกระทั่งแขกทั้งสามขอตัวกลับหวันยิหวาจึงอาสาเดินมาส่งจนถึงลานจอดรถ“แล้ววันหลังฉันจะแวะมาเยี่ยมพ่อหนูอีกนะจ๊ะ” คุณหญิงบอกพร้อมรอยยิ้มแช่มชื่น“ขอบพระคุณมากค่ะ” หญิงสาวยกมือไหว้อย่างนอบน้อม“งั้นแพรไปก่อนนะ เจอกันวันจันทร์นะยิหวา อย่าสายเน้อ เจ้านายดุนะขอบอก” เหมือนแพรล่ำลาเพื่อนพลางหันไปสบตาพี่ชายยิ้มๆ อัยการหรี่ตาคาดโทษน้องสาว รอจนกระทั่งคุณหญิงและเหมือนแพรขึ้นรถแวนออกไปก่อนจึงค่อยหันมาทวงคำสัญญาจากหวันยิหวาอีกคน “ยังไม่ลืมข้อตกลงของเราใช่ไหม” เธอลดมือที่โบกลาเหมือนแพรและคุณหญิงลง หันมาเผชิญหน้ากับว่าที่เจ้านายอย่างไม่มีทางเลือกอื่น “คุณต้องการให้ยิหวาทำอะไรตอบแทนก็ว่ามาเลยค่ะ” เขาปั้นหน้านิ่ง ยื่นมือไปหาเธอแล้วแบออก “ขอยืมมือถือคุณหน่อยสิ” คิ้วเรียวขมวดมุ่น จ้องหน้าเขาเหมือนเห็นสัตว์ประหลาด “จะเอาไปทำไมคะ” “บอกให้เอามาก็เอามาเถอะน่า” เขาตัดบทเสียงเรียบ “มันโดนรถทับพังไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะ ตอนนี้ยิหวาไม่มีมือถือ” หญิงสาวตอบไปตามตรง ยังงงไม่หายว่าเขาจะเอาโทรศัพท์มือถือของเธอไปทำไม นัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาฉายแววแปลกใจ จ้องมองใบหน้าสวยซึ้งของคนตัวเล็กกว่าจนกระทั่งเธอเป็นฝ่ายเมินหลบไปก่อน “การจะรับพนักงานซักคนเข้าทำงานไม่ใช่ว่าใครก็สามารถทำได้ คุณเป็นเด็กเส้นของแม่ผมก็จริง แต่ผมจำเป็นต้องรู้จักคุณให้มากกว่านี้ ไม่อย่างนั้นจะโดนคนอื่นครหาเอาได้” “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับมือถือคะ” เธอยังไม่เข้าใจอยู่ดี เป็นคราวที่อัยการต้องหลบตาบ้าง ยกมือขึ้นกอดอกแก้เก้อ แต่ยังวางมาดเข้ม เอ่ยเสียงเรียบ “ผมก็จะสัมภาษณ์คุณก่อนทำงานจริงน่ะสิ” “ทางโทรศัพท์น่ะเหรอคะ?” “หรือคุณมีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านั้นล่ะ จะให้ผมนัดสัมภาษณ์อย่างเป็นทางการอีกครั้ง?” เขาย้อนถามหน้าตายหญิงสาวเหลือบตามองคนตัวสูงอย่างครุ่นคิด สักพักก็เสนอขึ้น “ยิหวาจะแวะไปจัดการเรื่องที่ทำงานเก่าในช่วงเช้าของวันจันทร์ ตอนบ่ายจะเข้าไปยื่นใบสมัครตามระเบียบ ไว้คุณรอสัมภาษณ์วันจันทร์ดีมั้ยคะ”“นี่คุณยังไม่ได้ลาออกจากที่เดิม?” เขาถามเสียงเรียบ เริ่มสังเกตเห็นความไม่ชอบมาพากลของการย้ายที่ทำงานของหญิงสาวหวันยิหวาหลบนัยน์ตาช่างสำรวจอย่างอึดอัด ไขว้นิ้วไว้ด้านหลังพร้อมคำโกหกแสนเบา “ยังค่ะ”ความจริงก็คือเธอกำลังจะถูกไล่ออกต่างหากล่ะ...“จะออกจากที่ทำงานเดิมต้องยื่นใบลาออกล่วงหน้าไม่ใช่เหรอ แต่นี่คุณบอกว่ายังไม่ได้ทำเรื่องเลยแล้วจะไปทำงานกับผมได้ยังไง” น้ำเสียงจับผิดของเขาทำให้หญิงสาวอึดอัดมากยิ่งขึ้น อัยการไม่ได้วางตัวให้เธอเข้าถึงง่ายมากพอจะเล่าเรื่องละเอียดอ่อนเช่นนั้นให้ฟังได้ แต่หากไม่บอกความจริงแล้วเธอจะอ้างอะไรได้เล่า...“หวันยิหวา...คุณมีอะไรปิดบังแม่ผมอยู่รึเปล่า?” อัยการทำท่าเหมือนจับผิด แต่ความจริงแล้วอยากรู้เรื่องของเธอมากกว่า “คุณหญิงรู้เรื่องทุกอย่างดีค่ะ” หญิงสาวรีบแก้ต่างให้ตัวเอง ไม่นึกว่าเขาจะมองเธอในแง่ลบขนาดนี้“ถ้าอย่างนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไรที่ผมจะรู้ด้วย” เขาสรุปแบบมัดมือชก หญิงสาวได้แต่เม้มปากแน่น เหลือบตาขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างลำบากใจแต่ก็ไม่กล้าปฏิเสธออกไปตรงๆ ด้วยเกรงว่าจะมีผลกระทบต่องานใหม่ เธอจำเป็นต้องมีงานหลักที่มั่นคงก่อนจะหางานเสริมในวันหยุด รายได้เพียงน้อยนิดก็มีค่าสำหรับเธอมากมายในเวลานี้ อัยการมองสบตาใสแฝงแววกลัดกลุ้มกังวลใจของเธออยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะหันหลังให้แล้วเดินไปที่รถโดยไม่พูดอะไรสักคำ หวันยิหวาตกใจ ยิ่งเห็นเขาเปิดประตูรถก็เกรงว่าชายหนุ่มจะจากไปโดยไม่ให้โอกาสจึงรีบวิ่งตาม ในขณะที่สมองก็ขบคิดหาคำตอบที่อีกฝ่ายต้องการไปด้วย แม้จะยังนึกไม่ออกว่าควรเริ่มจากตรงไหนแต่เธอก็ต้องรั้งเขาไว้ก่อน “คุณอัยการคะ...” ชายหนุ่มยืดตัวขึ้นจากการก้มๆ เงยๆ ค้นหาอะไรบางอย่างภายในรถ พอหันหลังกลับก็พบว่าหญิงสาวยืนอยู่ในระยะประชิดแล้ว หวันยิหวารีบเบรกจนตัวโก่ง ไม่นึกว่าเขาจะหันกลับมารวดเร็วปานนี้ ยังดีที่ไม่ชนเขาเข้าด้วย นับเป็นอีกครั้งที่ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมากเกินควร แล้วภาพอุบัติเหตุแสนจะน้ำเน่าที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ก็ผุดพรายขึ้นในหัวของคนทั้งสองจนต่างฝ่ายต่างก็ต้องหลบตากันไปตามระเบียบ ความเงียบงันชวนอึดอัดกินเวลาหลายนาที หวันยิหวาเป็นคนได้สติก่อน รีบถอยห่างไปสองก้าวแล้วเอ่ยขึ้นตะกุกตะกัก “คือ...ยิหวาจะบอกว่า...”เขายื่นนามบัตรของตัวเองส่งให้ก่อนที่เธอจะเรียบเรียงคำพูดได้สำเร็จหญิงสาวมองของที่อยู่ในมือชายหนุ่มก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาคมด้วยความแปลกใจ “คะ?” “นามบัตรผม ในนี้มีเบอร์ติดต่ออยู่ด้วย ถ้าคุณพร้อมจะให้สัมภาษณ์ก็โทรมา” เขาตอบเสียงเรียบตามเคย ใจจริงอยากได้เบอร์โทรศัพท์ของหวันยิหวามากกว่า เพราะหากเธอไม่โทรมา เขาก็จะได้เป็นฝ่ายโทรหาเธอเอง แต่ในเมื่อหญิงสาวไม่มีมือถือ เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง จะให้ของตัวเองไปก็เกรงว่าหญิงสาวจะตกใจ การที่เขาจะให้มือถือกับคนที่เพิ่งรู้จักกันมันออกจะไม่มีมีเหตุผลไปสักหน่อยหญิงสาวรับกระดาษแผ่นนั้นมาถือไว้ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังนึกหาคำพูดไม่ออก จนเขาต้องเป็นฝ่ายตัดบทเสียเอง“ผมกลับนะ หวังว่าจะได้รับสายคุณก่อนจะถึงวันจันทร์ อ้อ...และอย่าลืมเรียกผมว่า ‘อัย’ ด้วยล่ะ” สิ้นเสียงนั้นเขาก็มุดเข้าไปนั่งประจำตำแหน่งคนขับ ขณะที่หวันยิหวาขยับถอยหลังอีกสองก้าวเพื่ออำนวยทางให้เขาออกรถได้สะดวกขึ้น หญิงสาวมองตามท้ายรถคันหรูที่ค่อยๆ แล่นจากไปสลับกับนามบัตรในมืออย่างครุ่นคิด ไม่รู้ตัวสักนิดว่านัยน์ตาสีน้ำตาลอมเทาแอบมองเธอผ่านกระจกมองหลังไปจนเกินระยะที่รัศมีดวงตาจะส่งถึงเช่นเดียวกัน เมื่อหวันยิหวากลับมาที่ห้องพักฟื้น คุณพิศาลก็หลับไปแล้ว คุณปาหนันจึงชวนลูกสาวพูดคุยกันเบาๆ “แม่ดีใจจังเลยที่มีโอกาสได้รู้จักเพื่อนของยิหวาบ้าง” หญิงสาวขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอคะ” คุณปาหนันอมยิ้มบางๆ “ยิหวาคงไม่รู้ตัวสินะ ตั้งแต่เรียนจบกลับมาข้างกายลูกก็มีแต่แทนคนเดียวเท่านั้น ยิหวาแทบไม่มีเพื่อนคนอื่นเลยนี่นา” หวันยิหวาคิดตามก็เห็นจริงดังนั้น ตั้งแต่สมัยเรียนแทนไทจะคอยตามติดชิดใกล้เธอไม่ห่าง นอกจากเขาและเหมือนแพรแล้วเธอก็ไม่มีเพื่อนคนอื่นอีกเลย หรือแม้จะมีก็ไม่ได้สนิทสนมคุ้นเคยกันเท่าสองคนนี้ เพื่อนสมัยประถมจนถึงมัธยมต้นและปลายก็ห่างไกลกันนานจนต่อความสัมพันธ์ไม่ติด เมื่อกลับมาอยู่กรุงเทพฯ ไม่มีเหมือนแพร เธอจึงมีแค่แทนไทเพียงคนเดียว เขาเป็นทั้งเพื่อนและคนรักของเธอ ความคิดของหญิงสาวเปลี่ยนประเด็นเมื่อนึกถึงคำว่า ‘คนรัก’ เธอคบหากับแทนไทในฐานะเพื่อนสนิทมาร่วมเจ็ดปีจึงขยับฐานะเป็นคนรัก แต่ในขณะเดียวกันความรู้สึกของเธอกลับไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เธอไม่เคยสงสัยในความรักของเขา และไม่สงสัยในความรู้สึกของตัวเองจนกระทั่ง...“คุณหญิงกับน้องแพรน่ารักดีนะจ๊ะ คุณอัยก็น่ารัก” ความคิดของหวันยิหวาสะดุดลงเพียงเท่านั้น เธอหันไปสบตามารดาด้วยความสงสัย ลำพังคุณหญิงอรอุษากับเหมือนแพรก็พอจะเห็นด้วยอยู่หรอก แต่สำหรับอัยการแล้วชักแปลกใจ คุณปาหนันเห็นอะไรที่เธอมองไม่เห็นในตัวเขาอย่างนั้นหรือ “แม่บอกว่าคุณอัยน่ารักเหรอคะ” “ใช่จ้ะ ผู้ชายวัยนี้ควรจะแต่งงานมีครอบครัวไปแล้ว หรือไม่ก็เอาเวลาไปใช้กับคนรัก ไม่นึกว่าวันหยุดยังคอยดูแลแม่กับน้องสาวอยู่อีก ผู้ชายแบบนี้หายากจะตายไป” “แม่ปลื้มคุณอัยออกนอกหน้าเลยนะคะ” หญิงสาวอดแซวไม่ได้“ก็มันเรื่องจริงนี่นา” คุณปาหนันว่าพลางค้อนคม หวันยิหวากัดริมฝีปาก ไม่ตอบโต้สิ่งใด แต่พาร่างบางไปทรุดลงบนโซฟายาวหน้าจอทีวี หยิบนามบัตรของอัยการขึ้นมาดูอย่างหนักใจ จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าจะเริ่มบอกเขาอย่างไรดี ‘ทำไมต้องอยากรู้เรื่องส่วนตัวของคนอื่นด้วยนะ ฮึ!’หญิงสาวค้อนให้นามบัตรอย่างหมั่นไส้ แล้วภาพอุบัติเหตุในลานจอดรถก็ผุดขึ้นในหัวอย่างแจ่มชัด พลันหัวใจของเธอก็เต้นผิดจังหวะอีก เท่านั้นไม่พอ ใบหน้านวลยังมีอาการเห่อร้อนแปลกๆ ด้วย เปลือกตาบางปิดลงอย่างสับสนพร้อมเสียงถอนใจหนักหน่วง เธอจะลืมเหตุการณ์นี้ได้ยังไงนะ สัมผัสที่ริมฝีปากและปลายจมูกยังชัดเจนอยู่เลย...เหมือนแพรถูกสอบสวนอย่างหนักเมื่ออัยการกลับมาถึงบ้านในเวลาไม่ห่างกันมากนัก โชคดีเหลือเกินที่หวันยิหวากำลังจะมาเป็นพนักงานคนหนึ่งของเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็ยังไม่รู้จะอ้างเหตุผลใดเพื่อซักไซ้ไล่เลียงประวัติของเจ้าหล่อนกับผู้เป็นน้อง “พี่อัยอย่าโหดนักสิคะ กฎเกณฑ์บางอย่างมองข้ามมันไปบ้างก็ได้” เหมือนแพรโอดครวญ ไม่อยากให้อัยการเคร่งครัดกับหวันยิหวามากเกินไป ถึงอย่างไรฝ่ายนั้นก็เป็นเพื่อนสนิทของเธอ เธอไม่อยากมีปัญหากับเพื่อนเพราะเรื่องนี้“พี่ก็แค่อยากรู้ประวัติคร่าวๆ เท่านั้น ไม่งั้นจะให้พี่บอกคนอื่นว่ายังไง หรืออยากให้ทุกคนรู้ว่าเพื่อนเราเป็นเด็กเส้นของคุณหญิง จำได้ไหม เราเองก็เข้าไปยื่นใบสมัครตามระเบียบและทุกอย่างก็เป็นไปตามขั้นตอนเหมือนคนอื่นๆ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นน้องสาวของพี่จนกระทั่งผ่านทุกขั้นตอนไปอย่างโปร่งใส เราบอกเองไม่ใช่เหรอว่าไม่อยากให้คนอื่นมองเราไม่ดี และไม่อยากให้ใครมองเดอะเบสท์ว่าใช้ระบบเส้นสายมากกว่าความสามารถในการทำงาน” อัยการหยิบยกคำพูดของเหมือนแพรขึ้นมาอ้างหญิงสาวทำหน้างอเล็กๆ บ่นอุบอิบในลำคอ “สมแล้วที่เป็นผู้บริหารสูงสุด จำแม่นซะไม่มีเลยพี่ชายเรา สมองทำด้วยอะไรเนี่ย” “บ่นอะไร เล่ามาให้หมดเลย พี่รออยู่” อีกฝ่ายปั้นหน้าเคร่ง ใช้นัยน์ตาคมกริบที่มักจะได้ผลเสมอกับทุกคนมาข่มขู่อีกแรงเหมือนแพรย่นจมูก ยกมือขึ้นอย่างยอมแพ้ จากนั้นก็เริ่มเล่าเรื่องของหวันยิหวาให้พี่ชายฟังตั้งแต่สมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เชียงใหม่ด้วยกัน แน่นอนว่ามีแต่เรื่องดีๆ ที่เธอจะหยิบยกขึ้นมาเอ่ยถึงเพื่อให้เครดิตเพื่อน โดยเฉพาะเหตุการณ์ที่ทำให้คุณหญิงอรอุษาเอ็นดูหวันยิหวายิ่งต้องใส่สีตีไข่ให้เริดเวอร์เข้าไว้ และสุดท้ายก็วกกลับมาที่สาเหตุในการโบกมือลาที่ทำงานเก่า“เรื่องทั้งหมดก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ ตอนนี้คุณลุงก็ต้องเข้ารับการผ่าตัดด้วย ถ้ายิหวาต้องมาขาดรายได้ระหว่างรองานใหม่อีกก็น่าเห็นใจออก พี่อัยอย่าเรื่องมากนักเลยน่า น้องแพรขอร้องนะคะ” หญิงสาวสรุปพร้อมรอยยิ้มออดอ้อน คิ้วเข้มขมวดมุ่นเมื่อนึกถึงเหตุผลที่ทำให้หวันยิหวาต้องออกจากที่ทำงานเดิม อดโมโหแทนและเห็นใจหญิงสาวไม่ได้ หวนนึกถึงวันแรกที่พบเธอ สภาพมอมแมมเหมือนลูกหมาตกน้ำยังติดตาเขา เธอต้องเจอเรื่องร้ายขนาดนั้นแล้วยังมาหกล้มหกลุกที่ข้างถนนอีก โชคดีเหลือเกินที่เหมือนแพรมองเห็นเสียก่อน ไม่อย่างนั้นเธอคงลำบากแย่...“ตกลงว่าเพื่อนน้องแพรสอบผ่านแล้วใช่มั้ยคะ?” เหมือนแพรรบเร้าเมื่อเห็นพี่ชายเงียบงันไป“ก็น่าเห็นใจเหมือนกันนะ” เขาตอบเสียงเรียบคล้ายไม่ใส่ใจนัก น้องสาวทำหน้าง้ำ ออดอ้อนพี่ชายเสียงอ่อนเสียงหวาน “พี่อัยน่ะ อย่าใจร้ายนักสิคะ ยิหวาน่ารักนะ นิสัยก็ดี ทำงานก็เก่ง ถ้าเราไม่รีบตะครุบไว้แล้วจะเสียใจนะ” อัยการยังปั้นหน้านิ่ง “บอกเพื่อนเราด้วยก็แล้วกันว่าอย่าทำให้คุณแม่ผิดหวัง” คำตอบราบเรียบทว่าจับใจความได้ชัดเจนนั้นทำให้เหมือนแพรยิ้มกว้าง “พี่อัยใจดีที่สุดเลยค่ะ น้องแพรรับรองเลยว่ายิหวาจะไม่ทำให้ใครต้องผิดหวัง” “การันตีเสียงแข็งเชียวนะ แล้วพี่จะคอยดู” เขาบอกพร้อมรอยยิ้มจางๆ หญิงสาวยิ้มอย่างมั่นอกมั่นใจ “คุณน้าต้องดีใจแน่ๆ ที่ไม่ต้องเสียเวลามาเกลี้ยกล่อมพี่อัยอีกรอบ และถ้ายิหวารู้คงสบายใจขึ้น แทนเองก็จะได้หายห่วงด้วย” ท้ายประโยคน้ำเสียงของคนพูดฟังดูแผ่วเศร้าอย่างประหลาดอัยการย่นคิ้ว จ้องหน้าน้องสาวอย่างสนใจ เอ่ยถามโดยแอบภาวนาให้เหมือนแพรไม่สังเกตเห็นความกระตือรือร้นในน้ำเสียงของเขา “แทนนี่เป็นใครเหรอน้องแพร พี่ได้ยินน้องแพรกับเพื่อนพูดถึงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว เพื่อนในกลุ่มรึเปล่า ทำไมพี่ไม่เคยรู้จัก” เหมือนแพรเม้มปากชั่วครู่ ก่อนจะคลายออกแล้วบอกเบาๆ “จะว่าเป็นเพื่อนก็ไม่ผิดค่ะ แต่ตอนนี้แทนเป็นคนรักของยิหวาด้วย” คำตอบนั้นทำให้อัยการปิดปากเงียบ ไม่เอ่ยถามอะไรอีกจนคำเดียว ไม่เคยเลยสักครั้งที่เขาจะพานพบกับความผิดหวังแบบไม่ทันตั้งตัวอย่างนี้...