Group Blog
 
<<
มกราคม 2549
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มกราคม 2549
 
All Blogs
 
แนวทางดำเนินการเมื่อต้องการจะศึกษาต่อในต่างประเทศ

นปัจจุบัน การไปเรียนต่อต่างประเทศ ไม่ได้เป็นเรื่องยุ่งยากซับซ้อนเท่าเมื่อ 20-30 ปีที่แล้ว ด้วยวิทยาการอันทันสมัยเช่น อินเตอร์เน็ต ภาพยนตร์ ข่าวต่างประเทศ (CNN, Reuers) ฯลฯ ทำให้โลกใบนี้ดูจะแคบลง และคนทั่วโลกสามารถรับรู้ข้อมูลของประเทศอื่นๆ ได้สะดวกและง่ายดายยิ่งขึ้น โดยเฉพาะด้านการศึกษา มีบัณฑิตกลับมาจากต่างประเทศมากมาย ซึ่งท่านเหล่านี้ย่อมเป็นแหล่งข้ามูลที่ดีที่สุดเกี่ยวกับสถานศึกษา ระบบ หลักสูตร ฯลฯ ของประเทศที่จบกลับมา ประเทศหลักๆที่นักศึกษาไทยสนใจไปเรียนต่อได้แก่ ประเทศ สหรัฐอเมริกา ประเทศอังกฤษ ประเทศออสเตรเลีย ประเทศนิวซีแลนด์ ประเทศแคนาดา ประเทศในทวีปยุโรป ประเทศญี่ปุ่น และประเทศจีน

การศึกษาดูจะเป็นธุรกิจหนึ่งที่นำรายได้จากนักเรียนต่างชาติเข้าประเทศได้เป็นลำดับต
้นๆ ของรายได้ของแต่ละประเทศทีเดียว และนอกเหนือจากรายได้แล้วการมีนักเรียนต่างชาติย่อมทำให้นักศึกษาขอประเทศนั้นๆ ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประเทศอื่นๆ เป็นการเพิ่มความรู้และประสบการณ์ให้นักเรียน นักศึกษาของตนด้วย สำหรับบรรดานักศึกษาต่างชาติ การไปศึกษาต่างประเทศ ฝึกฝนภาษา และเพิ่มพูนประสบการณ์ ซึ่งสามารถนำมาประยุกต์ใช้กับหน้าที่การงานในอนาคตได้เป็นอย่างดี

ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540-2541 หลังจากเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ รัฐบาลไทยได้สนับสนุนสถาบันการศึกษาในประเทศ ให้จัดหลักสูตร internation programme ซึ่งมีการเรียนการสอนด้วยภาษาอังกฤษ ในมหาวิทยาลัย และโรงเรียนต่างๆ ทั้งในสถาบันของรัฐและเอกชน เพื่อรองรับนักเรียน นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในต่างประเทศ และมีปัญหาด้านการเงินต้องกลับกลางคัน ส่งผลให้ทุกวันนี้ ประเทศไทยมีสถานศึกษาที่มีการเรียนการสอนด้วยภาษาอังกฤษเพิ่มมากขึ้น ตั้งแต่ ระดับเตรียมอนุบาล (preschool) อนุบาล (kindergarten) ประถมศึกษา มัธยมศึกษาไปจนกระทั่งถึงระดัปริญญาตรี ปริญญาโท ปริญญาเอกในมหาวิทยาลัย บรรดาโรงเรียนนานาชาติ (international school) รวมทั้งสถาบันการศึกษาในต่างประเทศได้มาเปิดสาขาในประเทศไทย ทำให้นักเรียน นักศึกษาไทยมีโอกาสและตัวเลือกในการศึกษาสูงขึ้น โดยสามารถเรียนต่อในโครงการปกติภาคภาษาไทย โครงการ international programme หรือไปศึกษาในแต่ละประเทศ ศึกษาข้อมูลหลักศูตรวิชา และเตรียมการล่วงหน้า และที่สำคัญที่สุดคือเตรียมความพร้อมของตัวเอง

ผลดีของการเรียนในประเทศไทย

1. ประหยัดกว่ามาก
2. ได้อยู่กัีบครอบครัว ไม่เหงาหรือ homesick
3. สามารถพัฒนาทัษะด้วนภาษาอังกฤษได้ดีระดับหนึ่่ง
4. ข้อมูล วัตถุดิบ สำหรับค้นคว้าทดลองเป็นของประเทศไทย จึงสามารถนำมาใ้ช้ในการทำงานได้ทันที
5. ส่วนใหญ่เพื่อนร่วมชั้นเป็นคนไทย จึงสามารถสร้าง network ซึ่งเป็นประโยชน์ต่ออาชีพการงานในอนาคต

ผลดีของการไปศึกษาต่อต่างประเทศ

1. วิชาความรู้ หลักสูตร ทันสมัย และมีมุมมองที่แตกต่างและกว้างขวาง
2. พัฒนาภาษาอังกฤษได้ดีและเร็วในทุกทักษะ: พูด ฟัง อ่าน เขียน ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งในการทำงาน เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยต้องติดต่อกับต่างประเทศมากยิ่งขึ้น
3. ข้อมูล วัตถุดิบที่ใช้ค้นคว้ามากมาย หลากหลาย ทันต่อเหตุการณ์ และ พร้อมมูล วิทยาการ เทคโนโลยีในการเรียนการสอนทันสมัย
4. ได้เพื่อนชาวต่างชาติมากมาย ซึ่งเป็น network อีกกลุ่มหนึ่ง ซึ่งจะเป็นประโยชน์ในการงานในระดับนานาชาติ
5. ได้ประสบการณ์อันหลากหลายและแตกต่าง

รายการตรวจสอบ

ประมาณสองปีก่อนวางแผนเดินทางไปต่างประเทศ

* ตัดสินใจว่าจะมุ่งเน้นศึกษาต่อในวิชาใดหรือด้านใด ขณะที่เรียนอยู่ในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือปีสุดท้ายของปริญญาตรี
* ศึกษาว่าในการสมัครเ้ข้าศึกษาในหลักสูตรที่ต้องการนั้น จำเป็นจะต้องมีคุณสมบัติทางการศึกษาโดยทั่วไปอย่างไรบ้าง
* ศึกษาเพิ่มเติมในวิชาพื้นฐานซึ่งจำเป็นสำหรับการเข้าศึกษาในหลักสูตรที่เลือก

ประมาณหนึ่งปีก่อนเดินทางไปต่างประเทศ

1. ค้นคว้าหาข้อมูลเกี่ยวกับหลักสูตรต่าง ๆ โดยทางอินเตอร์เน็ท
ไปที่สถานทูต ขอคำแนะนำปรึกษาจากอาจารย์แนะแนว และ ไปหาข้อมูลจากศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารของประเทศที่ต้องการไปศึกษา เป็นต้น

2. เปรียบเทียบ ข้อดี-ข้อด้อย ของหลักสูตรต่าง ๆ ในแต่ละประเทศ

3. ติดต่อสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ที่คิดว่าเหมาะสม และได้พิจารณา เลือกสรรแล้วเพื่อขอรายละเอียดและใบสมัคร

4. กรอกใบสมัครของสถาบันการศึกษาที่ต้องการ สมัคร ถ่ายสำเนาใบสมัครไว้เป็นหลักฐาน ส่งใบสมัครพร้อมทั้งรายละเอียดต่าง ๆ ที่จำเป็นทั้งหมด

หากไม่ได้รับการติดต่อกลับมาภายใน 1 เดือน ให้ส่งจดหมายติดตามสอบถามได้

5. ดำเนินการขอหนังสือเดินทางหากยังไม่มี ตรวจสอบหนังสือเดินทางว่ามีอายุการใช้งานได้อย่างน้อย 6 เดือนหลังกำหนดวันเดินทาง
ตรวจสอบเอกสารที่จำเป็นทางด้านการเงิน ด้านสุขภาพ และประเภทของวีซ่า ที่แต่ละสถาบันการศึกษาและแต่ละประเทศกำหนด จัดเตรียมเอกสารต่างๆ ที่จำเป็นให้พร้อม (อาจต้องฉีดวัคซีนด้วย)

6. ถ้าคุณต้องการสมัครรับทุนการศึกษาจากรัฐบาลไทยหรือ จากรัฐบาลของประเทศทื่คุณต้องการไปศึกษาต่อ คุณควรเริ่มสอบถามตั้งแต่บัดนี้ ตรวจสอบวันสุดท้ายของการรับสมัครด้วย

7. เข้าทดสอบเพิ่มเติมตามความจำเป็น เช่น ทด อบความสามารถทางด้านภาษาอังกฤษ เป็นต้นว่า IELTS หรือ TOEFL โดยต้องเผื่อเวลาในการได้รับผลการสอบ ก่อนถึงกำหนดที่จะต้องส่งไปยังสถานศึกษาต่าง ๆ ที่เลือกไว้ และถ่ายสำเนาผลการสอบไว้ด้วย

8. ส่งสำเนาเอกสารที่จำเป็นทั้งหมดไปยังมหาวิทยาลัย หรือสถาบันการศึกษาโดยเผื่อเวลาในการนำส่งไปต่างประเทศด้วย เพื่อว่าจะได้รับเอกสารก่อนวันปิดรับที่กำหนดไว้ เอกสารเหล่านี้จะช่วยในการตอบรับให้เข้าศึกษา ในหลักสูตรที่ต้องการประมาณสองเดือนก่อนจะเริ่มเปิดภาคเรียน
ประมาณสองเดือนก่อนจะเริ่มเปิดภาคเรียน

9. เมื่อได้รับใบตอบรับจากสถานศึกษาแล้ว ให้ขอวีซ่านักเรียนจากสถานทูต โดยโทรศัพท์สอบถามก่อน เพื่อจัดเตรียมและนำเอกสารต่าง ๆ ที่จำเป็นสำหรับการขอวีซ่าไปให้พร้อม

10. ศึกษาทางเลือกในการพักอาศัยและติดต่อจองที่พักที่เหมาะสม

11. เตรียมค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าเล่าเรียน ค่าที่พักอาศัย ฯลฯ เป็นต้น

12. จองตั๋วเครื่องบิน

13. ทำประกันการเดินทางและประกันสุขภาพ

ที่มา //www.studyabroadguides.com/thaiediti...klist_thai.html




Create Date : 19 มกราคม 2549
Last Update : 14 พฤษภาคม 2553 23:43:45 น. 12 comments
Counter : 1403 Pageviews.

 
ผ่านมาเจอ เลยขอแวะเข้ามาอ่าน...เป็นblogที่มีสาระดีจัง...อ่านย้อนหลังบ้างแล้ว แต่ยังไหมด...จะแวะเข้ามาอ่านอีกคะ...ขอบคุณคะ


โดย: น้าแอม IP: 58.147.119.74 วันที่: 21 มกราคม 2549 เวลา:23:46:57 น.  

 
ไม่รู้ว่าคุณจำเราได้หรือเปล่า เราเคยติดต่อกับคุณเกี่ยวกับเรื่อง download ภาษาไทย แล้วคุณบอกเราว่า ปกติwinXP มีภาษาไทยอยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้ติดต่อคุณอีกเลย ขอบคุณอีกครั้งคะ


โดย: pui IP: 58.11.3.159 วันที่: 24 มกราคม 2549 เวลา:11:27:04 น.  

 
แวะเข้ามาอ่าน มีสาระดีคะ น่าสนใจ


โดย: Tyra (Tyra ) วันที่: 27 มกราคม 2549 เวลา:2:04:29 น.  

 


เข้ามาทักทายค่ะ


โดย: plezilla IP: 58.9.26.168 วันที่: 30 มกราคม 2549 เวลา:10:41:22 น.  

 
สวัสดีทุกท่านครับ ตอนนี้กำลังหมดมุข ไว้นึกออกเมื่อไหร่จะมาเพิ่มนะครับ


โดย: praphrut608 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:0:23:27 น.  

 
อยากเรียนที่นี่จัง ถ้ามาทุนส่วนตัว เรียนคณะวิทย์นี่ค่าใช้จ่ายเยอะมั้ยครับ


โดย: Finn IP: 161.200.255.164 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:27:39 น.  

 
ป.เอก นะครับ


โดย: Finn IP: 161.200.255.164 วันที่: 12 พฤษภาคม 2549 เวลา:19:28:11 น.  

 
ดีใจจังมีข้อมูลดีๆๆให้เด็กไทยดูด้วย
เพื่อไปต่อนอกจะได้ท้นคนอื่นเค้า
ขอบคุณค้าๆๆๆๆ


โดย: ปอ IP: 61.19.42.5 วันที่: 5 กรกฎาคม 2549 เวลา:13:42:38 น.  

 
หวัดดีประพฤติ จำกันได้ป่าว
ว่างๆแวะไปเยี่ยมที่ house.exteen.com มั่งนะ

อิจฉาเด็กคอแนล


โดย: house IP: 210.128.172.130 วันที่: 20 กันยายน 2549 เวลา:8:39:23 น.  

 
Dek cornell ก็อิจฉาทีวีคุณประพฤติ

รายงานสดจากโบชัวร์ best buy รายงานว่ามีเหยื่อจากประเทศไทยไปยืนรอต่อคิวตั้งแต่เที่ยงคืนยันตีห้า ข่าวยังระบุเพิ่มอีกว่า เกิอบต้องตัดแขน กับ ขาทิ้งซะแล้วเนื่องจากความหนาว ที่ต่ำกว่า ศูนย์องศา แต่ด้วยความ โลภ และวัตถุนิยมขึ้นสมอง กอปรกับ ทบ ศกพอเพียงไม่สามารถแผ่มาถึง อิทาก้าได้ คุณประพฤติจึงได้ทีวีมาด้วยราคา ถูกแสนถูก

ดีใจจัง เราได้ดูทีวีคุณประพฤติแล้ว เย้ๆ


โดย: boatkung IP: 24.59.126.174 วันที่: 12 ธันวาคม 2549 เวลา:3:06:07 น.  

 
กำลังเรียนนิติรามปี 1 จบอยากต่อ อเมริกา (CA )ควรต้องเตรียมตัวอย่างไร อย่างเนิ่น ๆ
1.ภาษา ซึ่งไม่เท่าไร
2.เกรด เท่าไร ยูกลาง ๆ ก็ได้ แถว ซานฟรานเป็นไง
ขอบคุณมาก



โดย: ประสาร นิลโคตร IP: 125.26.188.155 วันที่: 21 มิถุนายน 2550 เวลา:17:53:56 น.  

 
สสสส


โดย: 111 IP: 203.172.199.254 วันที่: 4 กันยายน 2550 เวลา:10:06:28 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

praphrut608
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




LL.B. (Thammasat)
B.A. (Political Science)
Thai Barrister-at-law
M.L.I. (Wisconsin)
LL.M. (Cornell)
Researcher at Kyushu University
under Patronage of Government of Japan
(Monbukagakusho)
LL.M. Cornell University M.L.I. University of Wisconsin-Madison LL.B. Thammasat University B.A. (Political Science) Ramkamhaeng University Assumption College Samutprakarn
Friends' blogs
[Add praphrut608's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.