Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2555
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
13 สิงหาคม 2555
 
All Blogs
 
[ Assignment 10-2 ] : Web Application Development Solutions

Assignment 10-2Web Application Development Solutions





E-commerce website Development

  E-commerce คือ การทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ในทุกช่องทางที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ เช่น การซื้อขายสินค้าและบริการ การโฆษณาผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ไม่ว่าจะเป็นโทรศัพท์ โทรทัศน์ วิทยุ หรือแม้แต่อินเทอร์เน็ต เป็นต้น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อลดค่าใช้จ่าย และเพื่มประสิทธิภาพขององค์กร โดยการลดบทบาทองค์ประกอบทางธุรกิจลง เช่น ทำเลที่ตั้ง อาคารประกอบการ โกดังเก็บสินค้า ห้องแสดงสินค้า รวมถึงพนักงานขาย พนักงานแนะนำสินค้า พนักงานต้อนรับลูกค้า เป็นต้น จึงลดข้อจำกัดของระยะทาง และเวลาลงได้
  เครื่องมือในการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า ร้านขายของออนไลน์ ได้แก่ Virtuemart, PrestaShop, WPStore
Virtuemart เป็นโปรแกรมส่วนขยายของ Joomla ที่มีประสิทธิภาพสูง มีระบบตระกร้าสินค้า ที่ทำงานได้กับระบบอีคอมเมิรซ์แบบ B2B และ B2C รองรับผู้ผลิตและผู้จำหน่ายหลายราย และฟังก์ชั่นอื่นๆอีกมาก ซึ่งเมื่อนำมารวมกับข้อเด่นของ Joomla ที่สามารถจัดการ Content ได้อย่างดีเยี่ยม เหมาะแก่ผู้ที่ต้องการเว็บไซต์ที่ประกอบไปด้วย Content ต่างๆที่ท่านต้องการแสดงภายในเว็บไซต์ และทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ควบคู่กันไปด้วย
PrestaShop คือเว็บไซต์สำเร็จรูปที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เหมาแก่ผู้ที่ต้องการเน้นการทำธุรกรรมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์
WPStore เป็น Plug-in ส่วนเสริมสำหรับผู้ที่ต้องการเปิดร้านค้าออนไลน์บน Wordpress โดยเฉพาะ มีจุดเด่นที่มาพร้อมกับระบบการจัดการหลังร้าน หน้าร้าน ระบบการชำระเงินอย่างสมบูรณ์แบบ และที่สำคัญคือ ผู้ใช้สามารถปรับแต่งธีมได้ตามความต้องการอีกด้วย ไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ครับ
นอกจากนี้ ปัจจุบันมีบริการเว็บไซต์ E-Commerce สำเร็จรูปให้เลือกหลายรา เช่น Tarad.com, Shopup (NetDesign), SiamBig ฯลฯ ภายในจะมีระบบต่างๆ ให้พร้อมเสร็จสรรพ ตั้งแต่หน้าร้าน ระบบสต๊อก ระบบการชำระเงิน การจัดส่ง เว็บบอร์ด รวมถึงการตกแต่งหน้าร้านด้วย Template ธีมต่างๆ เป็นต้น ทั้งหมดนี้จะช่วยให้เจ้าของธุรกิจ E-Commerce ดำเนินงานได้รวดเร็ว เพราะ Solution ทั้งหมดที่มี เพียงพอสำหรับการเปิดร้านค้าของคุณแล้ว เหลือแค่ข้อมูลต่างๆ ที่เจ้าของธุรกิจต้องใส่เพิ่มเอาเองเท่านั้น



Shopping Cart Development

  ตะกร้าสินค้า (Shopping Cart) เปรียบเสมือนรถเข็นสินค้าที่ลูกค้าใช้ระหว่างการเลือกสินค้าบนเว็บไซต์ คือเป็นตัวเก็บข้อมูลต่างๆของสินค้าทุกชิ้นที่ถูกเลือกไว้แล้ว เช่น รหัสสินค้า ราคา และจำนวนสินค้า ในขณะที่ลูกค้ากำลังเลือกสินค้าอื่นอยู่หรืออยู่ระหว่างรอชำระเงิน ระบบนี้จะเอื้ออำนวยให้ลูกค้าสามารถตรวจดูรายการสินค้า เพิ่มสินค้าใหม่ ย้ายสินค้าเดิมออก หรือเปลี่ยนแปลงจำนวนสินค้าตามที่ต้องการ 

    ลักษณะการใช้งานที่เคยชิน เลือกรายการ สินค้าจาก Online Catalog สั่งซื้อสินค้าโดยคลิก Order เพื่อหยอดสินค้า ลงตะกร้า Check Out หรือการคำนวณสินค้า และค่าขนส่ง จ่ายเงินผ่าน ระบบบัตรเครดิต (หรือ Paypal, บัญชีธนาคารต่างๆ) และแน่นอนว่าสามารถเพิ่ม - ลดปริมาณสินค้าได้ตามต้องการ หลังทำหน้าที่รับคำสั่งซื้อจาก Online Catalog แล้ว ระบบจะนำมาคำนวณราคาสินค้า รวมค่าขนส่งแล้วส่งต่อไปยังระบบการชำระเงิน (Payment) สำหรับโปรแกรมย่อยๆ ที่ใช้ในการประมวลผล ได้แก่ CGI, ASP, PHP 

  นอกจากนี้เจ้าของธุรกิจยังสามารถเพิ่มรายละเอียดในส่วนของบริการหลังการขาย เช่น บริการรับประกัน, วิธีการส่งมอบสินค้า (Postage, EMS ฯลฯ) ในขั้นตอนการสั่งซื้อได้ด้วย ซึ่งหากมีข้อมูลใดๆ เปลี่ยนแปลง ผู้ดูแลสามารถอัพเดทข้อมูลได้ทันที : )



Payment Gateway 

  Payment Gateway คือบริการที่ให้ Website สามารถรับชำระค่าบริการธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านบัตรเครดิตได้ แต่เดิมแล้วบริการ Payment Gateway จะให้บริการผ่านทางธนาคารต่างๆ แต่เนื่องจากความยุ่งยากในการเดินเรื่องเอกสารกับทางธนาคาร ไม่ว่าจะการทำรอบบัญชี, การวางวงเงินประกัน ฯลฯ ทำให้การเปิด Payment Gateway กับธนาคารมักจะเป็นที่ยุ่งยาก สำหรับ Website ขนาดเล็กๆ

แนวคิดดังกล่าวจึงมีคนหัวใส เปิด Payment Gateway แทนธนาคารดังกล่าว พูดง่ายๆคือเป็นคนกลางให้เรา แทนที่จะไปติดต่อกับทางธนาคาร ก็ให้ติดต่อผ่าน Payment Gateway ของเค้าแทน สิ่งที่เราจะได้รับก็คือ สะดวก รวดเร็ว ที่สำคัญ ไม่ต้องปวดหัว แต่ต้องมีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม เช่น EBAY จะหักเงินบางส่วนซึ่งเราต้องผลักภาระให้ลูกค้า

Website Design 

  Website Design คือ บริการออกแบบเว็บไซต์ที่จัดทำเว็บไซต์ขึ้นใหม่สำหรับลูกค้าเฉพาะราย โดยไม่ใช้ Template ร่วมกับเว็บไซต์อื่น ดังนั้น เว็บไซต์ของผู้ใช้จึงมีดีไซน์ที่แตกต่างไม่เหมือนใคร โดยจะยึดรูปแบบธุรกิจ สินค้า/บริการ ภาพลักษณ์องค์กร และแนวทางในการดำเนินธุรกิจของลูกค้าเป็นแนวคิดในการออกแบบและพัฒนา จึงทำให้เว็บไซต์สามารถตอบสนองความต้องการทางธุรกิจ และส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กรได้เป็นอย่างดี

แนวคิดในการพัฒนา

1. ออกแบบเว็บไซต์ให้อยู่ในรูปแบบที่ทันสมัย น่าเชื่อถือ สอดคล้องกับองค์กร ควบคู่ไปกับการนำเสนอภาพลักษณ์ให้ตรงกับแนวคิดทางธุรกิจขององค์กร

2. พัฒนาให้เว็บไซต์ขององค์กรเป็นแหล่งรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และบริการขององค์กรอย่างครบวงจร อำนวยความสะดวกให้ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถติดต่อองค์กรได้สะดวก รวมถึง แจ้งข่าวสารและความเคลื่อนไหวขององค์กรที่เป็นปัจจุบัน

ระบบจัดการข้อมูล (CMS)  

  คือระบบที่ผู้ดูแลเว็บไซต์สามารถบริหารจัดการข้อมูลในลักษณะต่างๆ ได้ด้วยตนเอง และสามารถจัดการได้ง่าย ฟังก์ชั่นการใช้งานไม่ซับซ้อน ทั้งนี้ สามารถจัดการข้อมูลได้ทั้งแบบที่สื่อสารทางเดียว หรือ แบบที่สามารถโต้ตอบได้ เช่น การสร้างบทความใหม่ในเว็บไซต์โดยผู้ดูแลเว็บไซต์ เป็นต้น



X-Cart

  X-Cart เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพสำหรับร้านค้าออนไลน์ โดย X-Cart พัฒนามาจาก PHP และฐานข้อมูล MySQL คุณสมบัติของ X-Cart สามารถติดตามสินค้าคงคลัง, ติดตามการจัดส่งแบบ real - time, คำสั่งภาษีและอัตราการจัดส่ง, การดูแลระบบแบบ Web Based, สำรองฐานข้อมูล / คืนค่าตัวเลือก (Restore) ฯลฯ ซึ่งจะทำให้การดำเนินงานเป็นไปได้ราบรื่นยิ่งขึ้น

  ผู้ใช้ X-Cart ไม่จำเป็นต้องมีความรู้ในด้านการเขียนโปรแกรม / HTML สามารถทำงานผ่าน Template ที่กำหนดมาได้เลย เหมาะกับร้านค้าออนไลน์ที่ซับซ้อน และต้องการข้อมูลการดำเนินงานอย่างละเอียด



OS Commerce 
  เป็นซอฟแวร์โอเพ่นซอสต์ ประเภท Content Management System(CMS) พัฒนาโดยใช้ภาษา php กับ MySQL ใช้ในการจัดการบริหารร้านค้าออนไลน์ผ่านอินเทอร์เน็ต เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการทำร้านขายสินค้าผ่านเน็ต ผู้ดูแลสามารถบริหารร้านค้าผ่านทางเครื่องมือ Administration Tool โดยมีรายการคร่าวๆ ดังนี้
- ปรับแต่งหน้าร้าน (Configuration)
- เพิ่มรายการสินค้า สามารถแบ่งแยกเป็นประเภทๆ ได้ (Catalog)
- ระบบ Payment Shipping
- ปรับเปลี่ยนทำเลที่ตั้งและภาษี
- ตรวจสอบรายชื่อลูกค้า รายการสินค้าที่สั่งซื้อ (Customers)
- ปรับเปลี่ยนค่าเงินและภาษาได้หลากหลายรูปแบบ (Localization & Currencies)
- มีรายงานสรุปผลิตภัณฑ์ และรายการสินค้า (Reports)
- สมารถทำการสำรองฐานข้อมูล ปรับเปลี่ยนแบนเนอร์ และเปลี่ยนคุณสมบัติไฟล์ได้ (Tools) ฯลฯ
ทรัพยากรที่ต้องการ
- โปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์ Apache / IIS / PWS / OmniHTTPd / Xitami ฯลฯ
- โปรแกรมภาษา PHP
- โปรแกรมฐานข้อมูล MySQL
- โปรแกรม phpMyAdmin ใชสำหรับแก้ไขและสำรองฐานข้อมูล



Portal  Development

   Portal เป็นคำใหม่ มีความหมายเหมือนกับ Gateway สำหรับ World Wide Web หมายถึง Web site ที่เป็นจุดเริ่มต้นของผู้ใช้ส่วนใหญ่ เมื่อเชื่อมต่อกับเว็บหรือผู้ใช้จะเข้าไปในฐานะ Auchor Site มีแบบทั่วไปและแบบเฉพาะ (Niche portal) portal แบบทั่วไปได้แก่ Yahoo, Excite, Netscape, Lycos, Bing ฯลฯ ตัวอย่าง niche portal ได้แก่ Garden.com, (สำหรับผู้ทำสวน) , Fool.com (สำหรับนักลงทุน) เป็นต้น จำนวนผู้ให้บริการส่วนใหญ่จะเสนอ portal ไปที่เว็บสำหรับผู้ใช้ของเรา portal ส่วนใหญ่พัฒนาตามแบบ Yahoo ในการจัดเนื้อหาด้วยข้อความเป็นหลัก ทำให้โหลดเพจได้เร็วสำหรับผู้เยี่ยมชมและง่ายในการใช้ บริษัทที่มี portal site จะดึงดูดผู้ลงทุนในตลาดหุ้นให้สนใจเพราะ portal สามารถมองได้ว่าสามารถเป็นแหล่งการประชาสัมพันธ์ที่เปิดให้ผู้เข้าชมได้จำนวนมาก

    บริการตามปกติเสนอโดย ญortal site รวมถึง เว็บแบบสมุดรายชื่อ, สิ่งอำนวยความสะดวกในการค้นหาเว็บอื่น, ข่าว, พยากรณ์อากาศ, e-mail, ราคาหุ้น, โทรศัพท์ และแผนที่ บางครั้งรวมถึง forum ของชุมชน เว็บ Excite เป็น Portal แรก ที่ใช้สามารถสร้าง site ที่สนในเป็นส่วนตัวได้

  สำหรับในไทยเว็บ Portal ที่มีชื่อเสียงเช่น Kapook, Sanook, MThai ฯลฯ ซึ่งจะรวมสารพัดคอนเทนท์ต่างๆ ในเว็บเดียว และสามารถเชื่อมโยงผ่านไปยังเว็บไซต์อื่นๆ ได้ด้วย

Custom Ecommerce Solution (ASP.NET, Microsoft.NET, JAVA, PHP)

  กล่าวโดยง่ายคือ เราสามารถนำภาษาการเขียนโปรแกรมต่างๆ เหล่านี้มาประยุกต์ร่วมกับแพลตฟอร์มสำเร็จรูปหลายๆ ตัวเพื่อทำร้านค้าออนไลน์ได้ โดยเฉพาะบน Wordpress, Joomla ซึ่งมักจะเป็น Open Source ที่สามารถเปิดให้แก้ไขได้ตามใจชอบ



Dynamic Website 

   ไดนามิกเว็บเพจ (Dynamic Webpage) เป็นลักษณะของเว็บเพจที่เนื้อหาภายในเว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลายลักษณะเช่น จากผู้พัฒนาเว็บไซต์เอง หรือจากผู้เข้าชมที่มีส่วนร่วมในเว็บไซต์ เช่น กระดานข่าว (Webboard), ระบบสืบค้นข้อมูล (Search) เรียกว่าเว็บจับฉ่ายราวๆ นั้น การสร้างเว็บไซต์รูปแบบนี้ ต้องอาศัยความรู้ในการเขียนโปรแกรมมากกว่าแบบแรกมาก  นอกจากจะต้องมีความรู้พื้นฐาน HTML แล้ว ยังต้องเขียนภาษา Server Side Script เป็นอย่างน้อย 1 ภาษา ต้องรู้เรื่องการจัดการฐานข้อมูล ต้องเขียน SQL เพื่อจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลได้  และถ้าอยากให้ระบบงานทำงานได้อย่างรวดเร็วไม่ต้อง Refresh หน้าจอบ่อยๆ ยังต้องรู้เรื่อง AJAX อีกด้วย

   ในปัจจุบันมีระบบที่จะช่วยให้เราจัดการเนื้อหาเว็บไซต์ได้อย่างสะดวก เรียกว่า Web CMS    เพียงแค่เรียนรู้วิธีการใช้งาน ก็สามารถสร้างเว็บไซต์แบบ Dynamic ได้โดยไม่ต้องเขียนโปรแกรมอะไรเลย

E-Commerce with CMS

  ปัจจุบันธุรกิจออนไลน์ไม่จำเป็นต้องสร้างระบบขึ้นใหม่ทั้งหมดอีกต่อไป จากเครื่องมือที่มีอยู่มากหมายในตอนนี้เช่น เทมเพลตเว็บไซต์สำเร็จรูป (Wordpress, Joomla ฯลฯ) พร้อม Plug-in หลากหลายที่จะช่วยให้การสร้างหน้าเว็บเป็นไปอย่างรวดเร็ว และสามารถแก้ไม - เพิ่มคอนเทนท์ด้วยตัวเอง (ผ่านระบบ CMS สำเร็จรูป) เช่น Magneto, OpenCart, UberCart, PrestaShop ฯลฯ



Create Date : 13 สิงหาคม 2555
Last Update : 13 สิงหาคม 2555 23:12:42 น. 0 comments
Counter : 2442 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

papayatop
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ติดต่อสอบถามพูดคุยได้ที่ : facebook.com/papayatopz
เว็บไซต์ : http://www.papayatop.com
ทวิตเตอร์ : https://twitter.com/papayatop
Friends' blogs
[Add papayatop's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.