Ajax (Asynchronous JavaScript and XML) เป็นวิธีการสร้างโปรแกรมประยุกต์ปฏิสัมพันธ์สำหรับเว็บที่ประมวลผลคำขอของผู้ใช้ทันที Ajax รวมเครื่องมือโปรแกรมหลายอย่างรวมถึง JavaScript, dynamic HTML (DHTML), Extensible Markup Language (XML), cascading style sheets (CSS), the Document Object Model (DOM) และ Microsoft object, XMLHttpRequest โดย Ajax ยอมให้เนื้อหาบนเว็บเพจเพื่อปรับปรุงอย่างทันที เมื่อผู้ใช้ทำการกระทำ ต่างจาก HTTP request ซึ่งผู้ใช้ต้องคอยเพจใหม่เพื่อโหลดทั้งหมด ตัวอย่าง การไซต์พยากรณ์อากาศสามารถแสดงเงื่อนไขท้องถิ่นบนด้านหนึ่งของเพจ ปราศจากการล่าช้าหลังจากผู้ใช้พิมพ์รหัสไปรษณีย์
โปรแกรมประยุกต์ที่สร้างด้วย Ajax ใช้ engine ที่กระทำเป็นตัวกลางระหว่าง browser ของผู้ใช้กับแม่ข่ายที่กำลังขอสารสนเทศ แทนที่การโหลดเว็บเพจแบบดั้งเดิม browserของผู้ใช้โหลด Ajax engine ซึ่งแสดงเพจที่ผู้ใช้มองเห็น โดย engine นี้ยังคงทำงานอยู่เบื้องหลัง ด้วยการใช้ JavaScript ติอต่อกับ browser การนำเข้าของผู้ใช้หรือการคลิกบนเพจส่ง JavaScript เรียก Ajax engine ซึ่งสามารถตอบสนองในหลายกรณีอย่างทันที ถ้า engine ต้องการข้อมูลเพิ่ม จะขอจากแม่ข่าย ตามปกติใช้ XML ที่สามารถปรับปรุงเพจได้พร้อมกัน
Ajax ไม่ใช่เทคโนโลยีที่เจ้าของหรือผลิตภัณฑ์แพ็คเกจ ผู้พัฒนาเว็บต้องใช้ JavaScript และ XML รวมกันเป็นเวลาหลายปี Jesse James Garrett จากบริษัทที่ปรึกษา Adaptive Path ได้รับเครดิตกับการตั้งชื่อ Ajax เป็นชื่อย่อที่อ้างถึงเทคโนโลยีเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับวิธีการทำให้สำเร็จในปัจจุบัน
Web 2.0 Development
Web 2.0 เป็นการสื่อสารสองทาง ไม่ใช่การรับข้อมูลข่าวสารทางเดียวจาก webmaster อีกต่อไป ผู้เข้าชมเว็บไซต์ หรือ ผู้ใช้งานสามารถ สร้างเนื้อหา แสดงความคิดเห็น การให้คะแนนกับบทความที่ถูกใจ แลกเปลี่ยน โต้ตอบกับทาง webmaster หรือแม้แต่การโต้ตอบกันเองได้อย่างอิสระ หรือเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของเว็บไซต์นั้นๆ
สืบเนื่องจากมิติในด้านแนวคิดของ web 2.0 ที่ทำให้ผู้ใช้งานมีอิสระในการสร้าง แก้ไขเนื้อหา ตลอดจนการแสดงความคิดเห็นต่างๆมากขึ้น นั่นหมายความว่าเครื่อง Server ต้องให้บริการผู้ใช้งานทุกคนในการทำสิ่งเหล่านั้น ดังนั้นเทคโนโลยีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดภาระการทำงานของเครื่อง Server และอีกประการหนึ่งคือ เป็นการเพิ่มประสบการณ์การใช้งานของผู้ใช้งาน กล่าวคือ ผู้ใช้งานจะมี interactive กับเว็บไซต์ที่รวดเร็วขึ้น โดยเทคโนโลยีอย่าง AJAX, DOM จะช่วยการประมวลผลที่เครื่อง Client จากเดิมที่ผู้ใช้งานต้องรอการประมวลผลจาก เครื่อง Server อย่างเดียวเท่านั้น
LAMP Application development
ซอฟต์แวร์ที่จะใช้งานเว็บเซิร์ฟเวอร์แบบไดนามิกโดยใช้ฟรีโอเพนซอร์สเทคโนโลยีซอฟต์แวร์ โคมไฟตัวย่อหมายถึงระบบปฏิบัติการ Linux, Apache เว็บเซิร์ฟเวอร์ฐานข้อมูล MySQL การจัดการระบบและการเขียนโปรแกรมภาษา PHP ตอนนี้แม้แต่ Perl, Python และอื่น ๆ การเขียนโปรแกรมภาษาจะรวมอยู่ในตัวย่อ LAMP การพัฒนาโปรแกรมไฟช่วยให้คุณสามารถใช้ประโยชน์จากกรอบการเขียนโปรแกรมโอเพนซอร์สในการสร้างโปรแกรมที่ดีบนพื้นฐานของลินุกซ์ Apache MySQL และ PHP (LAMP) โซลูชั่นการเขียนโปรแกรมและการพัฒนาและการให้บริการ
ประโยชน์
- เปิดเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการพัฒนาระดับสถาปัตยกรรมที่ออกโดยการควบคุมศักยภาพเต็มรูปแบบของการใช้งาน Web 2.0
- เป็นเทคโนโลยีหลอดไฟโอเพนซอร์สมีการปรับแต่งอย่างเต็มที่เพื่อให้คุณสามารถเพิ่มหรือลบฟังก์ชันการทำงานจากโปรแกรมประยุกต์ที่ถูกพัฒนาขึ้นตามความต้องการของคุณ
- ประโยชน์ของ LAMP Application developmentก็คือตัวเลือกในการใช้งานที่ง่ายช่วยลดเวลาการประมวลผลและทำให้การใช้งานที่ทำให้สแต็คได้ง่าย
JAVA / J2EE /J2MEDevelopment
Java เป็นภาคภาษาคอมพิวเตอร์ที่ได้รับการออกแบบ สำหรับการใช้บนอินเตอร์เน็ต โดยมีส่วนของการ "look and feel" แบบภาษา C++ แต่ง่ายกว่าการใช้ C++ และสามารถสร้างมุมมองโดยโปรแกรมได้ Java สามารถใช้ในการสร้างการประยุกต์แบบสมบูรณ์ ซึ่งสามารถเรียกใช้ได้เฉพาะเครื่องคอมพิวเตอร์ หรือการกระจายระหว่างเครื่องแม่ข่ายกับลูกข่ายในระบบเครือข่าย และสามารถสร้างโมดูลการประยุกต์ขนาดเล็กหรือ applet สำหรับเป็นส่วนของเว็บเพจ applet ทำให้มีความเป็นได้ในด้านการตอบสนองของผู้ใช้กับเว็บเพ็จ
Java ได้รับการแนะนำโดย Sun Microsystems ในปี 1995 และทำให้เกิดทัศนคติการตอบสนองของเว็บ ทำให้ web browser รายหลักได้รวม Java virtual machine เป็นส่วนหนึ่งของ browser ผู้พัฒนาระบบปฏิบัติเกือบทั้งหมดได้ร่วม Java complier เป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์
Java virtual machine รวมถึงตัวเลือกคือ Just-in-time complier ซึ่งเป็น complier แบบไดนามิคในการคอมไพล์ byte code เป็นคำสั่งที่ประมวลผลได้ เป็นตัวเลือกในการแปร bytecode ในหลาย ๆ กรณี dynamic JIT สามารถคอมไพล์ได้เรียกว่าการแปรของ Java virtual machine
JavaScript เป็นภาษาที่พัฒนาโดย Netscape ซึ่งเป็นตัวแปร (Interpreter) ภาษาระดับสูงและง่ายกว่าการเขียนด้วย Java แต่ขาดความกะทัดรัดเหมือน Java และความเร็วไม่มาก เนื่องจาก Java applet สามารถใช้งานได้รับเกือบทุกระบบปฏิบัติการ โดยไม่ต้องคอมไพล์ใหม่และ Java ไม่ใช้ส่วนขยายของระบบปฏิบัติการหรือตัวแปร
J2EE
J2EE (Java 2 Platform, Enterprise Edition) เป็นแพล็ตฟอร์ม Java ที่ออกแบบสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์ระดับ เมนเฟรมของวิสาหกิจขนาดใหญ่ Sun Microsystems (พร้อมกับหุ้นส่วนอุตสาหกรรม เช่น IBM) ออกแบบ J2EE ให้การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ง่ายในสภาพแวดล้อม thin client แบบ tier การพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ทำได้ง่ายขึ้นโดย J2EE และลดความต้องการเขียนโปรแกรมและการฝึกอบรมผู้เขียนโปรแกรมโดยการสร้างมาตรฐาน ส่วนประกอบแบบโมดูลที่ใช้ใหม่ได้ และทำให้ tier ควบคุมหลายโปรแกรมอย่างอัตโนมัติ
ประกอบด้วย 4 หน่วยหลักคือ
- J2EE Application Programming Model เป็นแบบจำลองโปรแกรมมาตรฐานที่ใช้อำนวยความสะดวกในการพัฒนาโปรแกรมประยุกต์ multi-tier, thin client
- J2EE Platform รวม policy และ API จำเป็น เช่น Java servlets และ Java Message Service (JMS)
- J2EE Compatibility Test Suite ทำให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์ J2EE สอดคล้องกับมาตรฐานแพล็ตฟอร์ม
- J2EE Reference Implementation อธิบายขีดความสามารถของ J2EE และให้ข้อกำหนดการปฏิบัติการ
J2ME
J2ME (Java 2 Platform, Micro Edition) เป็นเทคโนโลยีที่ยอมให้ผู้เขียนโปรแกรมใช้ภาษา Java และเครื่องที่เกี่ยวข้องในการพัฒนาโปรแกรมสำหรับอุปกรณ์สารสนเทศไร้สายเคลื่อนที่ เช่น โทรศัพท์เซลลูลาร์ และ personal digital assistant (PDA) โดย J2ME ประกอบด้วยข้อกำหนดโปรแกรมและเครื่องสเมือนเฉพาะ หรือ K Virtual Machine ที่ยอมให้โปรแกม J2ME เข้ารหัสในการเรียกใช้บนอุปกรณ์เคลื่อนที่มี 2 ข้อกำหนด คือ Connected, Limited Device Configuration (CLDC) และ Mobile Information Device Profile (MIDP) โดย CLDC เป็นผังของ application program interface (API) และส่วนการทำงานเครื่องเสมือนที่จำเป็นต่อการสนับสนุนอุปกรณ์เคลื่อนที่
ส่วน MIDP เพิ่มรายละเอียดให้ CLDC ในด้านการอินเตอร์เฟซ เครือข่าย และ messaging ที่จำเป็นต่อการอินเตอร์เฟซกับอุปกรณ์เคลื่อนที่ MIDP รวมแนวคิดของ midlet ที่เป็นโปรแกรมประยุกต์ Java ขนาดเล็กคล้ายกับ applet แต่ midlet สอดคล้องกับ CLDC และ MIDP และมุ่งไปที่อุปกรณ์เคลื่อนที่อุปกรณ์กับระบบที่ใช้ประโยชน์ J2ME มีให้แล้วและคาดว่าจะมีมากขึ้นในอนาคตอันใกล้
Oracle Application Development
Oracle เป็นผู้ผลิตซอฟต์แวร์ด้านการจัดการสารสนเทศภายใหญ่ของโลก และเป็นที่รับรู้กันว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย เช่น Oracle8 และ Oracle 8i ซึ่งได้รับการใช้ใน Website ขนาดใหญ่จำนวนมาก โดยฐานข้อมูลแบบสัมพันธ์ของ Oracle เป็นฐานข้อมูลแรกที่สนับสนุนภาษา Structure Query Language (SQL) และปัจจุบันได้กลายเป็นมาตรฐานอุตสาหกรรม บริษัท Oracle ก่อตั้งเมื่อปี 1977 โดย Lawrence J. Ellison และ ผู้ร่วมงานจำนวนหนึ่ง เพื่อพิสูจน์ความคิดที่ผิดที่เห็นว่าฐานข้อมูลแบบสัมพันธ์ (Relational Database) ไม่สามารถนำมาใช้ในทางพาณิชย์ได้
ในการติดต่อใช้งานกับ Oracle Database นั้น เราต้องใช้ภาษา SQL (ซึ่งบางท่านเรียกว่า SEQUEL) ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้ในการกำหนด และจัดการกับ Database (DDL, DML) การทำงานกับ Database ที่สนับสนุน การทำงานแบบ Relational Database นั้นหมายความว่า จะมีการจัดเก็บข้อมูล ในลักษณะที่เป็นกลุ่มของข้อมูล ที่มีความสัมพันธ์กัน ใน 1 Database สามารถที่จะมี Table ตั้งแต่ 1 table เป็นต้นไป และในแต่ละ Table นั้น ก็สามารถมีได้หลาย Column หลาย Row ยกตัวอย่างเช่น เราต้องการเก็บข้อมูลของพนักงาน ใน Table ของข้อมูลพนักงานก็จะประกอบด้วย Column ที่ อธิบายชื่อ นามสกุล ที่อยู่ เงินเดือน แผนกที่สังกัด เป็นต้น และใน Table นั้น ก็สามารถที่จะมีข้อมูลพนักงานได้มากกว่า 1 คน ( Row)
เป้าหมายของ Oracle อยู่ที่ระบบฐานข้อมูลแบบ Server Platform ของเครือข่ายระดับสูง นอกจาก Sun Microsystems แล้ว Oracle ถือเป็นผู้นำด้านคอมพิวเตอร์เครือข่าย ในปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ Oracle สนับสนุนอินเตอร์เน็ต 100% ตั้งแต่ฐานข้อมูล โปรแกรมประยุกต์ และเครื่องมือ ต่าง ๆ
Open Source Integration
ธุรกิจขนาดใหญ่และขนาดเล็กกันมากขึ้นเพื่อเปิด Open Sourece เพื่อการรวมระบบที่ต้องการ ซอฟต์แวร์ที่มาจาก Open Source จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย, ประหยัดเวลา และเพิ่มความคล่องตัว Open Source ช่วยให้องค์กรสามารถออกแบบและใช้กระบวนการสำหรับการย้ายฐานข้อมูล, การทำแบบจำลองข้อมูลและการประสาน การทำความสะอาดข้อมูล และการเปลี่ยนแปลงและ ต้นแบบการจัดการข้อมูล
รวมโปรแกรม Enterprise (EAI Solution) ช่วยให้องค์กรเพื่อบูรณาการระบบที่แตกต่างเป็นสถาปัตยกรรมที่มีประสิทธิภาพสูงที่มุ่งเน้นบริการใช้ประโยชน์จาก Apache, CXF , Karaf และอื่น ๆ ที่นำเทคโนโลยีโอเพนซอร์ส
Web Services Development Integration
เว็บเซอร์วิส (Web service) คือระบบซอฟต์แวร์ที่ออกแบบมา เพื่อสนับสนุนการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ผ่านระบบเครือข่าย โดยที่ภาษาที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ คือเอกซ์เอ็มแอล เว็บเซอร์วิสมีอินเทอร์เฟส ที่ใช้อธิบายรูปแบบข้อมูลที่เครื่องคอมพิวเตอร์ประมวลผลได้ เช่น WSDL ระบบคอมพิวเตอร์ใช้งานสื่อสารโต้ตอบกับเว็บเซอร์วิสตามรูปแบบที่ได้กำหนดไว้แล้ว โดยการส่งสาสน์ตามอินเตอร์เฟสของเว็บเซอร์วิสนั้น โดยที่สาสน์ดังกล่าวอาจแนบไว้ในซอง SOAP หรือส่งตามอินเตอร์เฟสในแนวทางของ REST สาสน์เหล่านี้ปกติแล้วถูกส่งโดยอาศัย HTTP และใช้ XML ร่วมกับมาตรฐานเกี่ยวกับเว็บอื่นๆ โปรแกรมประยุกต์ที่เขียนโดยภาษาต่างๆ และทำงานบนแพลตฟอร์มต่างๆกันสามารถใช้เว็บเซอร์วิสเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านทางเครือข่ายคอมพิวเตอร์ เช่น อินเทอร์เน็ต ในลักษณะเดียวกับการสื่อสารระหว่างโปรเซส (Inter-process communication) บนเครื่องเดียวกัน ความสามารถในการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างระบบที่ต่างกันนี้ (เช่น การแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่าง โปรแกรมที่เขียนโดยภาษาจาวา และโปรแกรมที่เขียนโดยภาษาไพทอน หรือการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนไมโครซอฟท์วินโดวส์และโปรแกรมประยุกต์ที่ทำงานบนลินุกซ์) เกิดขึ้นได้เนื่องจากการใช้มาตรฐานเปิด โดย OASIS และ W3C เป็นคณะกรรมการหลักในการรับผิดชอบมาตรฐานและสถาปัตยกรรมของเว็บเซอร์วิส
ความหมายของเซอร์วิสในแง่ของซอฟต์แวร์ ก็มีคุณลักษณะเช่นเดียวกับบริการทั่วๆ ไป กล่าวคือเป็นซอฟต์แวร์คอมโพเนนท์ (Software Component) ที่อาจเป็น ฟังก์ชัน หรือ โมดูล ที่มีกระบวนการการทำงานภายใน สามารถรับอินพุตเข้ามาเพื่อประมวลผล และจะส่งผลลัพธ์กลับออกไป ซอฟต์แวร์เซอร์วิสเหล่านี้เราอาจกำหนดเป็นกระบวนการทางธุรกิจ (Business Process) กล่าวคือจะเป็นฟังก์ชันที่ทำเฉพาะการประมวลผลซึ่งจะไม่เกี่ยวข้องกับส่วนแสดงผล (Presentation Logic) นอกจากนี้ด้วยเทคโนโลยี Distributed Computing ทำให้สามารถที่จะพัฒนาซอฟต์แวร์เซอร์วิสเพื่อเรียกใช้จากระยะไกล (remote) ผ่าน Internet ได้โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะด้าน (proprietary technology) อาทิเช่น RMI, CORBA หรือ DCOM
Content Management System
ระบบการจัดการเนื้อหาของเว็บไซต์(Content Management System : CMS) คือ ระบบที่พัฒนา คิดค้นขึ้นมาเพื่อช่วยลดทรัพยากรในการพัฒนา(Development) และบริหาร(Management)เว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของกำลังคน ระยะเวลา และเงินทอง ที่ใช้ในการสร้างและควบคุมดูแลไซต์ โดยส่วนใหญ่แล้ว มักจะนำเอา ภาษาสคริปต์(Script languages) ต่างๆมาใช้ เพื่อให้วิธีการทำงานเป็นแบบอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น PHP, Perl, ASP, Python หรือภาษาอื่นๆ(แล้วแต่ความถนัดของผู้พัฒนา) ซึ่งมักต้องใช้ควบคู่กันกับโปรแกรมเว็บเซิร์ฟเวอร์(เช่น Apache) และดาต้าเบสเซิร์ฟเวอร์(เช่น MySQL)
ลักษณะเด่นของ CMS ก็คือ มีส่วนของ Administration panel (เมนูผู้ควบคุมระบบ) ที่ใช้ในการบริหารจัดการส่วนการทำงานต่างๆในเว็บไซต์ ทำให้สามารถบริหารจัดการเนื้อหาได้อย่างรวดเร็ว และเน้นที่การ จัดการระบบผ่านเว็บ (Web interface) ในลักษณะรูปแบบของ ระบบเว็บท่า (Portal Systems) โดยตัวอย่างของฟังก์ชันการทำงาน ได้แก่ การนำเสนอบทความ (Articles), เว็บไดเรคทอรี (Web directory), เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ (News), หัวข้อข่าว (Headline), รายงานสภาพดินฟ้าอากาศ (Weather), ข้อมูลข่าวสารที่น่าสนใจ(Informations), ถาม/ตอบปัญหา (FAQs), ห้องสนทนา (Chat), กระดานข่าว (Forums), การจัดการไฟล์ในส่วนดาวน์โหลด (Downloads), แบบสอบถาม (Polls), ข้อมูลสถิติต่างๆ (Statistics) และส่วนอื่นๆอีกมากมาย ที่สามารถเพิ่มเติม ดัดแปลง แก้ไขแล้วประยุกต์นำมาใช้งานให้เหมาะสมตามแต่รูปแบบและประเภทของเว็บไซต์นั้นๆ