|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถึง....คนในกระจกเงา
...ไม่รู้เป็นยังไง ช่วงนี้รู้สึกว่า ทำไมถึงอยากทำบุญซะเหลือเกิน สาเหตุนึงอาจมาจากที่เพิ่งจะผ่านงานศพคุณย่าไปอีกข้อก็คือเราอดไม่ได้ ที่จะนึกถึงเรื่องราวและความเป็นไปของคนในครอบครัว เราเองไม่เคย ยึดติดกับยศถาบรรดาศักดิ์อะไรกะใครเค้าหรอกนะ แต่ก็แอบภูมิใจนะที่ ได้มีโอกาสเกิดมาอยู๋ในตระกูลนี้ ตระกูลที่มีเกียรติภูมิที่ดีงามให้ลูกหลาน ได้ภาคภูมิใจ
...วันนี้เราไม่เหลือแล้วทั้ง คูณปู่-คุณย่า คุณตา-คุณยาย ที่เคยเป็นร่มโพธิ์ ร่มไทรของคนรุ่นหลาน ๆ อย่างเรา แต่คุณงามความดีและสิ่งที่ดี ๆ ที่ ท่านเคยมี เคยโอบอุ้มเรามาแต่เล็กแต่น้อยก็ยังสว่างอยู่ในใจเราตลอดเวลา เราเองดูเหมือนจะสนิทกับญาติ ๆ ทางฝั่งแม่มากกว่าเพราะไปมาหาสู่กันบ่อย เพราะแม่หมั่นกลับมาเยี่ยมเยียนและดูแลคุณตาคุณยายเสมอ ๆ ต่างกับฝั่ง คุณย่า ทั้ง ๆ ที่เราเป็นลูกคนเดียวของพ่อและเป็นหลานคนดียวที่ถูกเลี้ยง มาโดยคุณย่าทวดและคุณย่าแท้ ๆ แต่เรากลับไม่สนิทสนมกับท่านเลย นานมาแล้วเมื่อครั้งยังเด็กกว่านี้ (ปัจจุบันแก่ละ..)ตอนนั้นคุณย่าทวดเสีย เรารู้สึกเสียใจนะแล้วก็ไม่ได้ไปงานศพด้วยเพราะพ่อกะแม่ไม่ได้ไป เพราะบ้านเราอยู่ไกลมั้งเลยไม่สะดวก ตอนนั้นเราเองก็คิดนะว่าถ้าเราโตกว่านี้ และหาเลี้ยงตัวเองได้เราจะไปดูแลและอยู่กับบ้างคุณย่า แต่มันก็เป็นเพียง ความคิดฝัน เพราะวันที่เราสามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้แล้วเรากลับ ไม่เคยทำอย่างที่คิดไว้เลย
...และเมื่อ 1 พค.52 นี้เองเราก็ได้เสียท่านไปแล้วโดยที่แม้แต่งานศพท่าน เราก็ไม่ได้ไปอีกเหมือนเดิม เรารู้สึกนะว่าเรานี่ใช้ไม่ได้เลย แต่เราก็มีเหตุผลนะ เรามีภาระต้องดูแลลูก และตอนนี้เราก็ไม่สะดวกหลาย ๆ เรือง แต่... เราก็รู้สึกแย่อยู่ดีถึงแม้ว่าจะมีข้ออ้างที่สมเหตุสมผลอยู่ก็ตาม เรามอง ย้อนกลับไปที่คำว่าผูกพันและห่างเหิน ระหว่างคนในครอบครัวของเรา เราไม่ค่อยได้มีโอกาสที่จะได้ดูแลพ่อกะแม่เลย ห่างเหินซะเป็นส่วนใหญ่ เพราะเราแยกกันอยู่กะแม่มาตั้งแต่เด็ก 14 ปีได้มัง เราย้ายตามพ่อที่ไป รับราชการที่โน้นที่นี่เรื่อย ๆ พอจบ ม.ปลายเรก็แยกจากพ่ออีกเพื่อมาเรียน แล้วก็จบ จบแล้วก็ทำงาน แต่งงาน มีครอบครัวของตัวเองโดยไม่ค่อย ได้มีโอกาสแวะไปเยี่ยมเยียนดูแล เราคิดนะว่าเราเองไม่เคยได้ดูแลทั้ง พ่อและแม่เลย ถ้าเราแก่ ๆ กว่านี้ ลูกเราเค้าจะดูแลเราบ้างหรือเปล่า นายไอซ์คงทิ้งเราไว้ที่บ้านบางแค แน่ ๆ เลยเพราะเราเองไม่เคยมีโอกาส ได้ทำสิ่งเหล่านี้ให้เค้าเห็นเลยว่าการดูแลพ่อแม่น่ะเค้าทำกันแบบไหน ยังไง ทำด้วยใจไม่ใช่แค่หน้าที่ เรากลัวเหมือนกันนะว่าความห่างเหินและ ความผูกพันเพียงน้อยนิดนี้ จะทำให้ลูกเรารู้สึกแปลกหน้ากับญาติผู้ใหญ่ ทั้งทีไม่ใช่ใครอื่นที่ไหนเลย ไอ้เจ้าความห่างเหินนี่แหละมันจะกลายเป็น ความเคยชินแล้วติดไปจนโต
....บางทีเราก็คิดนะ...คำว่า ครอบครัวของเรามันมีแค่ เรา พ่อนายไอซ์ และนายไอซ์ เท่านั้นเองจริง ๆ เหรอ เรานึกถึงวันที่นายไอซ์บวชเณรเมื่อ ปีก่อน..ลูกเราน่าสงสารนะเพราะช่วงโกนผมเป็นนาค..เด็กคนอื่นมีพ่อแม่ ญาติโกโหติกาขนมากับเพียบแต่นายไอซ์กลับมีแค่เรา และช่างบังเอิญที่ วันนั้นพ่อนายไอซ์ก็ดันติดงานซะอีก เราเห็นลูกยิ้มเจื่อน ๆ เพราะนับญาติ ได้แค่คนเดียวเอง เราได้แต่บอกลูกว่าอย่าเสียใจเลยลูก.. เพราะเราไม่ใช่ คนสุราษฎร์นะ แม่แค่มาทำงานที่นี่ ญาติพี่น้องเราที่นี่เลยไม่มี นายไอซ์ก็ พยักหน้า ภาพวันนั้นเรายังจำได้ไม่ลืม วันนี้เราได้แต่สับสนนะว่าเราคิด ถูกหรือคิด ผิดที่ดีดตัวเองออกมาไกลญาติพี่น้องแบบนี้ พ่อแม่ก็ไม่เคย ได้แบ่งเบา ดูแล แล้วถ้าเราแก่ ๆ เราคงโดดเดี่ยวเหมือนพ่อกะแม่หรือเปล่า ... คิดแล้วครียดนิ...
....ฉันคงต้องทำ...ทำอะไรสักอย่างแล้ว.... เราไม่อยากให้นายไอซ์เป็น คนบาปเหมือนเรา เราควรทำอย่างไรดีนะ.....อันที่จริงเรารู้นะว่า..เราควร ทำยังไง เราก็ต้องหันกลับไปหาครอบครัวเราสิ ครอบครัวที่มี พ่อ แม่ พี่ และน้อง แต่คำว่า ทิฐิ ช่องว่าง และอะไรอีกมากมายนั่นต่างหากล่ะ คือ สิ่งที่เราตั้งคำถามว่าเราจะจัดการกะมันยังไงดี แต่ยังไงเราก็ต้อง เริ่มลงมือในเร็ววันนี้แหละ ก่อนที่อะไรมันจะสายเกินกาล เพราะพ่อแม่เรา ก็แก่แล้วและท่านคงไม่อยู่ค้ำฟ้าแน่ ๆ ยังไงก็ตามช่างนี้เราคงเครียดเรื่อง ราวแบบนี้มากแหละ ยิ่งคุณย่าเสียอีกก็ยิ่งคิดอีก...เราเลยหาทางออกด้วยการทำบุญตักบาตร เข้าวัดมากขึ้น แต่ก็ไม่ช่วยได้เท่าไหร่เลยเพราะนั่น มันไม่ใช่สาเหตุแห่งทุกข์ของเรานี่นา เราเลยคิดไปถึง...คำสอนของพระพุทธเจ้าเลย นะว่า ..การจะดับทุกข์ได้ต้องดับที่สาเหตุ เราคงต้องรวบรวม กำลังใจ และสวดมนต์ภาวนาให้บุญกุศลที่เคยทำมาช่วยให้เราทำลาย กำแพงและช่องว่างในใจเหล่านั้นลงให้ได้ เราขอเวลาอีกไม่นานหรอก เราสัญญากับตัวเองไว้แล้วเราต้องไม่ทำให้นายไอซ์มีบาปเหมือนเรา...
....รู้สึกว่าตัวเองฟุ้งซ่านเหมือนเป็นโรคจิตยังไงไม่รู้ เอ...จะ ตี 3 นะ ยังนอนไม่หลับเลย เป็นนกเค้าแมวบ่อยมาก ๆ เฮ้ย... จน เครียด นอน ก็กินเหล้าไม่เป็นอ่ะนะ...งั้นไปนอนดีกว่า..โรคไมเกรนถามมา 3-4 วัน แล้วครับทั่น.....แล้วคืนนีเราจะข่มตาหลับได้ไหมนี่....โอว.ว.ว....พระเจ้าจอร์ส.....มันยอดแย่เลย
อย่าลืมดูแลตัวเองดี ๆ นะ // แพรวา
|
Create Date : 12 พฤษภาคม 2552 |
|
1 comments |
Last Update : 12 พฤษภาคม 2552 4:49:02 น. |
Counter : 661 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สุราษฏร์ธานี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เป็นสมาชิกมาก็เนิ่นนาน ได้แต่แอบแวะไปบ้านของคนโน้นที่..คนนี้ที วันนี้เลยอยากจะลองมีบ้านเป็นของตัวเองบ้าง ไม่รู้ว่าจะออกมาเป็นยังไง ช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ
ฝากเนื้อฝากตัว.ด้วยค่ะ ทุกคน ^_^ |
|
|
|
|
|
|
|